สันดอนกลางแม่น้ำไป๋สุ่ยใกล้กับเป่ยหยวนจึงถูกเรียกว่าเป่ยหยวน ในช่วงฤดูแล้ง พื้นที่นั้นกว้างเพียงสองถึงสามร้อยเมตรเท่านั้น ระดับน้ำไม่ถึงหัวเข่าของม้าศึกด้วยซ้ำแต่ก่อนที่ตรงนั้นเคยมีสะพาน แต่หลังจากยกเมืองสามเขตไปแล้ว จักรพรรดิเหวินก็มีราชโองการสั่งให้ทำลายสะพานทิ้งส่วนนั้นก็ถือเป็นจุดสำคัญของการป้องกันของกองทหารมณฑลฝ่ายเหนือเช่นกันแม่น้ำไป๋สุ่ยในขณะนี้เริ่มก่อตัวเป็นน้ำแข็งแล้ว แต่ทว่าบริเวณสันดอนกลางแม่น้ำยังคงเป็นน้ำอยู่หยุนเจิงคำนวณหยาบๆ แล้ว ระยะห่างจากแม่น้ำไป๋สุ่ยกับค่ายเหนือของพวกเขาอยู่ที่ราวๆ ห้าสิบลี้เท่านั้นระยะห่างนี้ไม่ถือว่าใกล้มาก แต่สำหรับทหารม้าแล้ว ไม่ถือว่าไกลเลยหยุนเจิงเงยหน้ามองอวี๋ซื่อจง แล้วถามว่า “เจ้าลองคำนวณดูซิว่าทหารม้าเป่ยหวนจะใช้เวลาโจมตีจากแม่น้ำไป๋สุ่ยมาถึงค่ายเหนือนานเท่าไหร่?”อวี๋ซื่อจงตอบกลับ “กองทัพหน้าของทหารม้าเป่ยหวนจะต้องโจมตีด้วยอาวุธเบา และบรรทุกเสบียงอาหารแห้งมาจำกัด! จากประสบการณ์ของข้า อย่างมากใช้เวลาเพียงครึ่งวันใหญ่ๆ ก็สามารถโจมตีถึงค่ายเหนือได้แล้ว!”หยุนเจิงครุ่นคิด แล้วถามว่า “แม่น้ำไป๋สุ่ยมีหมอกหรือไม่?”อวี๋ซื่อจง “องค
ณ เมืองติ้งเป่ยเว่ยซั่วที่ถูกเซียวติ้งอู่แทนที่ได้นำราชโองการของจักรพรรดิเหวินมาที่จวนแม่ทัพใหญ่เจิ้นเป่ยของเว่ยเหวินจง“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าฝ่าบาทจะทรงทราบเรื่องที่เราแอบติดต่อกับไท่จื่อแล้วหรือไม่?”เว่ยซั่วถามเว่ยเหวินจงอย่างไม่สบายใจเขาประจำการอยู่ที่ด่านเป่ยลู่มานับห้าปีกว่าแล้ว!เหตุใดจักรพรรดิเหวินไม่เปลี่ยนตัวเขา แต่กลับมาเปลี่ยนในช่วงนี้ คิดอย่างไรก็ไม่ปกติ!เว่ยเหวินจงจ้องมองน้องชายฝาแฝดอย่างไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้ว? ไปทำอะไรอยู่ตั้งนาน?”“ข้า…”เว่ยซั่วชะงักเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างหงุดหงิด “ก่อนหน้านี้ข้าคิดน้อยไปน่ะ พี่ใหญ่ ท่านรีบช่วยข้าคิดวิธีหน่อยเถอะ!”“ลองใช้สมองเจ้าดู!” เว่ยเหวินจงตบเข้าที่ศีรษะของเว่ยซั่วเบาๆ “หากฝ่าบาทรู้เรื่องจริง ตอนนี้เจ้าคงถูกกุมตัวกลับไปที่เมืองจักรพรรดิแล้ว! คิดหรือว่าเจ้ายังจะได้ประจำการอยู่ที่ป้อมเมืองจิ้งอานน่ะ?”เหตุผลง่ายๆ เช่นนี้ยังคิดไม่ได้อีก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าน้องชายฝาแฝดผู้นี้มาเป็นแม่ทัพได้อย่างไร!เว่ยซั่วชะงักเล็กน้อยแล้วทุบศีรษะตนเบาๆ จากนั้นทำหน้าดีใจ “จริงด้วย! ทำไมข้าถึงคิดไม่ได้ แถมยังหลอกตัวเองตลอดทางอีกด้
เว่ยเหวินจงไม่คิดเช่นนั้น “ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีฮ่องเต้องค์ใดบ้างไม่ป้องกันแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดน?”“ก็ได้!”เว่ยซั่วส่ายศีรษะยิ้มแห้งพร้อมถอนหายใจเบาๆเว่ยเหวินจงไม่สาธยายเรื่องนี้กับเขาอีก แล้วสั่งการไปว่า “แม่น้ำไป๋สุ่ยใกล้จะเป็นน้ำแข็งแล้ว ทหารม้าเป่ยหวนอาจจะข้ามมาโจมตีปีกข้างของเราเมื่อใดก็เป็นได้! ป้อมเมืองจิ้งอานไปจนถึงเทียนหูล้วนแต่เป็นจุดป้องกันสำคัญของเรา เจ้าต้องส่งคนไปลาดตระเวนบ่อยๆ! นอกจากนี้เราเพียงแค่ป้องกันเท่านั้น ห้ามโจมตีเด็ดขาด!”“ขอรับ!”เว่ยซั่วพยักหน้าหงึกๆ…เวลาผ่านไปแต่ละวันๆ ซั่วเป่ยยิ่งอยู่ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆภายใต้การสั่งการของหยุนเจิง อวี๋ซื่อจงได้แบ่งทหารม้าในมือออกเป็นสองกลุ่ม แล้วส่งทหารม้ากลุ่มหนึ่งออกไปลาดตระเวนที่แม่น้ำไป๋สุ่ยทุกวัน พร้อมรายงานต่อหยุนเจิงถึงสถานการณ์การก่อตัวเป็นน้ำแข็งของแม่น้ำไป๋สุ่ยระหว่างนี้หยุนเจิงเองก็ไม่หยุดพักเขาไม่เพียงแต่ต้องจัดการเรื่องภายในกองทหาร แต่ยังต้องถูกเมี่ยวอินฝึกซ้อมทุกวันด้วยช่วงเวลาหนึ่งผ่านไป ทักษะวรยุทธ์ของเขาถือว่าพัฒนาขึ้นไม่น้อยแต่ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายคือ เขายังคงสู้เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ไห
วันนี้เวลาเที่ยงวัน อวี๋ซื่อจงพวกเขาพบปะกับหน่วยทหารม้าลาดตระเวนของป้อมเมืองสุยหนิงถือเป็นเครื่องยืนยันว่าฝั่งป้อมเมืองสุยหนิงเองก็ทำการป้องกันระวังการข้ามแม่น้ำไป๋สุ่ยมาของทหารม้าเป่ยหวนด้วยเช่นกัน“พวกเขามีคนประมาณกี่คน?”หยุนเจิงเอ่ยถามทันทีอวี๋ซื่อจงตอบ “ประมาณสามพันนายขอรับ”“พวกเขานี่มันใจกว้างจริงๆ!”หยุนเจิงประชดประชันขอเคลื่อนไหวหน่วยลาดตระเวน ก็คือทหารม้าสามพันนายแล้วเทียบกับคนของป้อมเมืองสุยหนิงแล้ว พวกเขาไม่ใช่อะไรเลยแต่ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกันเพราะพวกเขามีคนทั้งหมดทั้งมวลอยู่เพียงเท่านี้ ไม่อาจเทียบได้กับคนอื่นอยู่แล้วอวี๋ซื่อจงยิ้มแห้ง แล้วกล่าวว่า “วันนี้ ตอนที่เรากำลังลาดตระเวนอยู่พบว่าแม่น้ำไป๋สุ่ยใกล้จะเป็นน้ำแข็งเต็มทีแล้ว ด้วยสภาพอากาศในสองสามวันนี้ ขอแค่ประมาณครึ่งเดือน ม้าก็สามารถลุยผ่านแม่น้ำไป๋สุ่ยไปได้แล้ว…”“เช่นนั้นเราต้องเร่งเตรียมมือแล้ว”สีหน้าของหยุนเจิงค่อยๆ เข้มงวดขึ้นมา “ข้าเองก็ควรเตรียมตัวหน่อยแล้วล่ะ!”“องค์ชายจะเตรียมตัวอะไรกันขอรับ?”อวี๋ซื่อจงถามอย่างไม่เข้าใจ“อีกไม่กี่วันเจ้าก็รู้แล้ว”หยุนเจิงเผยรอยยิ้มลึกลับถึงแม้อว
หยุนเจิงเคาะศีรษะของเมี่ยวอินเบาๆ “หากเจ้าท้องก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้วสิ! แต่ทว่าตอนนี้เราอยู่ที่ซั่วเป่ย รากฐานไม่มั่นคง หากเจ้าท้อง ข้าเกรงว่าเจ้าจะลำบากไปกับพวกเราด้วย…”ได้ยินคำพูดของหยุนเจิงแล้ว เมี่ยวอินก็โล่งใจเขายังมีความคิดนั้นอยู่เพียงแค่กลัวว่าตนจะลำบากเพราะอุ้มท้องเท่านั้น“เช่นนั้นท่านไม่ต้องห่วงหรอก”เมี่ยวอินกระซิบข้างหูหยุนเจิง พ่นลมหายใจร้อนผ่าวที่ใบหูของเขาแล้วเอ่ยเสียงเบา“มีเช่นนี้ด้วย?”หยุนเจิงสะท้าน แล้วมองเมี่ยวอินอย่างตะลึงใจวิชาเหอหวนกงยังมีทักษะคุมกำเนิดได้ด้วย?นี่มันเทพไปหน่อยแล้ว!“มิเช่นนั้น ท่านคิดว่าข้าจะกล้าทำกับท่านขนาดนี้หรือ?”เมี่ยวอินมองบน “ท่านคิดว่าข้าอยากท้องโตวิ่งว่อนไปทั่วหรือไง?”ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ผลักประตูเข้ามาเห็นท่าทางรักใคร่สนิทสนมของทั้งสองแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็เบะปาก “ข้ามาขัดจังหวะสินะ!”“อุ๊ย เจ้าแม่หึงหวงโกรธอีกแล้ว”เมี่ยวอินค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเยาะเย้ย“มั่ว”เสิ่นลั่วเยี่ยนแค่นเสียงเย็นชา “ข้าแค่จะมาถามเขาว่ามีแผนรับมือศัตรูหรือยังเท่านั้น”เมี่ยวอินยิ้มแย้ม “บังเอิญจริง เ
สองสามวันต่อจากนี้ หยุนเจิงไม่ได้ฝึกซ้อมวรยุทธ์ และแทบจะไม่กลับจวนทุกคืนเสิ่นลั่วเยี่ยนพวกเขารู้เพียงว่าหยุนเจิงกำลังฝึกซ้อมนักรบภูตสิบแปดอยู่ แต่ไม่รู้เนื้อหาการฝึกซ้อมเลยแม้แต่นิดมีหลายครั้งที่พวกนางอยากไปสอดส่องดูว่าหยุนเจิงทำอะไรอยู่กันแน่ แต่กลับถูกห้ามเอาไว้หิมะตกหนัก ทำให้อุณหภูมิของซั่วเป่ยลดลงกว่าเดิมหยุนเจิงเองก็ได้รับรายงานจากอวี๋ซื่อจงว่าแม่น้ำไป๋สุ่ยแข็งแล้วแน่นอนว่าตอนนี้เพียงแค่แข็งแล้วเท่านั้น ดังนั้นม้ายังวิ่งไม่ได้แน่นอนหยุนเจิงพาตู้กุยหยวนนำนักรบภูตสิบแปดไปยังริมแม่น้ำไป๋สุ่ยทั้งสิบแปดคนล้วนสวมเสื้อขนสัตว์สีขาว ถืออาวุธและเสบียงจำนวนน้อย พร้อมด้วยชามเหล็กสำหรับต้มน้ำกับสุราบางชนิดแต่ทว่า ม้าของพวกเขายังมีแคร่เลื่อนแขวนอยู่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่สามารถใช้งานได้ก็เพียงพอแล้วคนทั้งสิบแปดคนลงจากม้าพร้อมกัน รอรับการฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายจากหยุนเจิง“ข้าส่งพวกเจ้าถึงที่นี่”หยุนเจิงมองทั้งสิบแปดคนด้วยสีหน้าจริงจัง “ทุกอย่างที่สอนพวกเจ้าไป อย่าลืมล่ะ! จำไว้ว่าแค่รู้การเคลื่อนไหวของเป่ยหวนได้ก็พอ จากนั้นให้รีบกลับทันที ห้ามบุกโดยเด็ดขาด! ตอนไปพวกเจ้ามีทั้งหม
ระหว่างทาง หยุนเจิงก็ได้สั่งการให้ตู้กุยหยวนคัดเลือกสมาชิกกองทหารโลหิตได้แล้วแต่ทว่า ยังไม่ต้องคัดเลือกมาก คัดเลือกแค่หนึ่งร้อยคนก่อนเป็นพอตู้กุยหยวนเคยฝึกฝนนักรบภูตสิบแปดแล้ว เขารู้ว่าควรฝึกฝนกองทหารโลหิตอย่างไรขณะที่ผ่านค่ายเหนือ หยุนเจิงก็รวดไปสำรวจการณ์ที่ค่ายเหนือสักหน่อยโชคดีที่สองสามวันนี้หิมะตกหนัก ผนวกกับพวกเขามีทหารวัยชรานับหมื่นนายที่เป็นแรงงาน ทำให้บริเวณด้านนอกค่ายเหนือสามารถสร้างกำแพงหิมะกันลมสูงสามเมตรขึ้นได้ถึงแม้กำแพงกันลมจะไม่สามารถกันพายุลมหนาวได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็สามารถลดความรุนแรงของพายุลมหนาวได้มากบางพื้นที่ยังมีการสร้างกระท่อม เพื่อป้องกันหิมะที่ตกลงมาจากฟ้าหยุนเจิงกลับไปถึงจวน เมี่ยวอินและเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่อยู่เยี่ยจื่อเห็นหยุนเจิงที่ฝ่าลมพายุหิมะกลับมาก็ตกใจสะดุ้ง“ท่านเป็นอะไรไป? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”เยี่ยจื่อมองหยุนเจิงด้วยความเป็นห่วงนางไม่รู้จริงๆ ว่าสองสามวันนี้หยุนเจิงมัวยุ่งอยู่กับอะไรสีหน้าของหยุนเจิงแย่มาก ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด รอบดวงตาดำไปหมดหากไม่ใช่เพราะรู้ว่าหยุนเจิงกำลังยุ่งกับเรื่องจริงจังอยู่ล่ะก็ นางคงคิดว่าหยุนเจ
หยุนเจิงหลับยาวไปถึงเช้าอีกวันหนึ่งหลังจากที่ได้นอนหลับแล้ว ในที่สุดหยุนเจิงก็กลับมากระปรี้กระเปร่าต้องยอมรับว่าการฝึกฝนวรยุทธ์นั้นก็มีข้อดีมากเช่นกันเปลี่ยนเป็นอดีต เขานอนดึกเช่นนี้ หากไม่ได้พักสักสองสามวันคงไม่มีทางฟื้นฟูได้แน่นอนแต่ทว่าบัดนี้ เขาเพียงแค่นอนหลับไปตื่นหนึ่ง ก็เหมือนเกิดใหม่แล้วหลังจากรับอาหารเช้าเสร็จ หยุนเจิงก็ได้พาเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินไปที่ค่ายเหนือเป่ยหวนน่าจะใกล้ลงมือแล้ว เมี่ยวอินเองก็ให้หยุนเจิงหยุดซ้อมตอนนี้นางเองก็อยู่ข้างกายหยุนเจิง คอยดูแลความปลอดภัยของหยุนเจิงบุรุษของตน ก็ต้องปกป้องด้วยตนเอง“สองสามวันนี้ท่านฝึกซ้อมอะไรพวกเขากันแน่?”ระหว่างทาง เสิ่นลั่วเยี่ยนอดไม่ได้ถามขึ้นอีกครั้งคำถามนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนถามไปหลายหนแล้วแต่หยุนเจิงให้ตายอย่างไรก็ไม่ตอบหยุนเจิงไม่พูด แน่นอนว่าเกาเหอพวกเขาก็ไม่กล้าพูดเช่นกัน“ท่าน…”เมื่อเห็นว่าหยุนเจิงไม่ยอมพูด เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงเบือนหน้าหนีด้วยความโมโห“มีเรื่องอะไรที่ท่านไม่ยอมบอกพวกเราอีก?”เมี่ยวอินมองหยุนเจิงด้วยท่าทีสงสัย “หรือว่าท่านไม่เชื่อใจพวกเรา?”“นี่ไม่ใช่เรื่องเชื่อใจหรือไม่เช
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่