หมิงเย่ว์และจางซูมองหน้าทั้งสองด้วยความตะลึงงัน รู้สึกเพียงฟ้าผ่ากลางศีรษะเดิมทีเรื่องของพวกเขาทั้งสองก็น้ำเน่าพอแล้ว!แต่เรื่องของหยุนเจิงกับเมี่ยวอินกลับน้ำเน่ายิ่งกว่า?คิดไปคิดมา จางซูก็เริ่มใจเย็นลงให้ตายเถอะ!หมิงเย่ว์เข้ามาในห้องเอง ตนกับหมิงเย่ว์ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย มิหนำซ้ำยังถูกตีเสียเปล่าด้วยหยุนเจิงเข้าห้องเมี่ยวอิน ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่กลับไม่มีเรื่องอะไรเลย?นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อยกระมัง?เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงด้วยสายตากรุ่นโกรธ แล้วหันหลังวิ่งกลับห้องทันที“ยังไม่รีบตามไปอธิบายอีก!”เมี่ยวอินรีบเร่งหยุนเจิงด้วยสีหน้าแดงก่ำ“ช่างมันเถอะ!”เยี่ยจื่อหยุดหยุนเจิงที่กำลังจะตามไปไว้ แล้วกล่าวด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ “ข้ารู้นิสัยของเด็กนั่นที่สุด ท่านไปตอนนี้ ก็มีแต่จะเติมเชื้อไฟ! ข้าจะไปคุยกับนางเอง!”ไอ้สารเลวนี่!เยี่ยมจริงๆ!กินเมี่ยวอินจริงๆ ด้วย!ไม่นาน เยี่ยจื่อก็ตามเข้าไปในห้องของตนเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่แม้แต่จะกลับห้องของพวกเขา วิ่งมาที่ห้องของนางโดยตรงมองดูเสิ่นลั่วเยี่ยนที่ก้มหน้าก้มตานั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความโมโหแล้ว เยี่ยจื่ออดไม่ยิ้มออก
เวลารับอาหารเช้า บรรยากาศในบ้านดูแปลกประหลาดเล็กน้อย“มา ชิมอันนี้ดู”“เจ้าต้องกินเยอะๆ บำรุงร่างกายให้ดี”“ไม่แน่เจ้าอาจจะตั้งครรภ์ท่านอ๋องตัวน้อยแล้วก็เป็นได้ ห้ามสะเพร่าเด็ดขาด…”เสิ่นลั่วเยี่ยนคีบอาหารใส่ถ้วยเมี่ยวอินไม่หยุด แถมยังทำหน้าเป็นห่วงเป็นใยด้วยเห็นท่าทีของเสิ่นลั่วเยี่ยนเช่นนี้แล้ว ฝูงชนต่างก็รู้สึกแปลกใจสุดขีดนี่มันไม่เหมือนนิสัยของเสิ่นลั่วเยี่ยนเลยสักนิดแม้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนจะลุกขึ้นสู้กับเมี่ยวอินสักรอบ พวกเขาก็รู้สึกปกติกว่านี้ทว่านางไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับกันยังเป็นห่วงเมี่ยวอินด้วย?นี่ใช่…เสิ่นลั่วเยี่ยนตัวจริงหรือ?หยุนเจิงรู้สึกแปลกใจ แล้วแอบชำเลืองมองเยี่ยจื่อเป็นการถามไถ่แต่แล้ว เยี่ยจื่อกลับส่ายหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าตนเองก็ไม่รู้ว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นอะไรเช่นกัน“ข้าปล่อยให้เจ้าด่าข้าสักรอบดีไหม?”เมี่ยวอินเองก็ทนรับความใจดีของเสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ไหวจึงเอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ข้าจะด่าเจ้าทำไมกัน?”เสิ่นลั่วเยี่ยนส่ายศีรษะยิ้มแย้ม “เขาเป็นคนเข้าห้องของเจ้าเอง หากข้าจะด่าก็ต้องด่าเขาสิ!”จางซูได้ยินดังนั้นจึงมองหมิงเย่ว์อย่างไม่พอใจทัน
เสิ่นลั่วเยี่ยนส่ายศีรษะยิ้มเบาๆ “หยุนเจิงเป็นบุรุษของเจ้า และเป็นของข้าด้วย เจ้าช่วยหยุนเจิงเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาสามารถป้องกันตนเองได้ แล้วข้าจะถือโทษอะไรเจ้าอีก?”เมื่อเห็นรอยยิ้มของเสิ่นลั่วเยี่ยนแล้ว เมี่ยวอินจึงพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง“เอาเถอะ เจ้าฝึกฝนวิชากับเขาตามสบายเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเม้มริมฝีปากยิ้ม “ซั่วเป่ยอาจจะเกิดสงครามขึ้นเมื่อใดก็ได้ การที่หยุนเจิงสามารถป้องกันตนเองได้ถือเป็นเรื่องดี ข้าไม่อยากเป็นม่ายตั้งแต่อายุน้อยหรอกนะ”หลังจากพูดปลอบใจเมี่ยวอินแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนถึงได้จากไปอย่างยิ้มแย้มทันทีที่หันหลังกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนพลันหายไปในบัดดล ในใจกรุ่นโกรธเป็นอย่างมากไอ้สารเลวสมควรตาย!ยังเจอกับเรื่องดีเช่นนี้ได้อีก?ฮึ!รอให้พวกเขาฝึกฝนกันดีๆ ก่อน!ถึงตอนนั้น ตอนที่ตนจัดการกับหยุนเจิงสารเลวนี่ก็ไม่ต้องออมมืออีกต่อไป!ช้าเร็วก็ต้องต่อยไอ้สารเลวนั่นจนฟันร่วงหมดปากแน่!…สามวันหลังจากนี้ หยุนเจิงได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดแต่มีความสุขเพื่อช่วยเขาฝึกฝน เมี่ยวอินเองก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความอับอาย และเป็นฝ่ายรุกเขาก่อนทุกวันทั้ง
“ว่ะฮ่าๆ…”หยุนเจิงเพิ่งมาถึงห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงหัวเราะประจำตระกูลฉินของฉินชีหู่แล้วหยุนเจิงเดินไปพร้อมสีหน้าบูดบึ้งพร้อมฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย “พี่ใหญ่ฉิน ท่านมาได้อย่างไรกัน?”“ข้าต้องมาสู้รบอยู่แล้วสิ!”ใบหน้าของฉินชีหู่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมขมวดคิ้วหรี่ตากล่าวว่า “พวกเจ้าเพิ่งออกจากเมืองจักรพรรดิไม่นาน ข้าก็ได้รับสั่งให้นำกองทหารยอดเยี่ยมสามหมื่นนายพร้อมขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ชุดเกราะต่างๆ มาที่ซั่วเป่ยทันที แต่ทว่าเพิ่งมาถึงด่านเป่ยลู่ ข้าก็ได้ข่าวว่าเจ้าฝึกซ้อมทหารอยู่ที่นี่จึงได้เร่งม้ามาที่นี่โดยไม่พักทันที! เป็นอย่างไร พี่ใหญ่ฉินคนนี้ใจถึงมากใช่หรือไม่?”“ใจ…ใจถึงมากจริงๆ!”หยุนเจิงหัวเราะแห้ง แล้วเอ่ยทันทีว่า “ทหารยอดเยี่ยมสามหมื่นนายนั่น พี่ใหญ่ฉินเป็นคนบัญชาการใช่หรือไม่?”“ไม่ใช่อยู่แล้ว!”ฉินชีหู่ส่ายหน้าไม่ใช่หรือ?มารดาเถอะ!ฉินชีหู่คงไม่ได้จะมาฝึกซ้อมทหารกับตนหรอกนะ?หรือว่า เสด็จพ่ออ่านแผนการของตนออกแล้ว?จึงได้ส่งฉินชีหู่มาสอดส่องตน?ขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดมากอยู่นั้น ฉินชีหู่ก็ใช้ฝ่ามือตบบ่าของหยุนเจิงพร้อมกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเป็นแม่ทัพเหี้ยมโหดอันดับ
หลังจากเกิดเรื่อง องค์ชายรองและองค์ชายสี่ถูกส่งตัวไปยังฟู่โจว องค์ชายรองรับหน้าที่ดูแลการก่อสร้างยุ้งฉางขนาดใหญ่ที่ฟู่โจว เพื่อสะดวกต่อการจัดเตรียมเสบียงสำหรับการสู้รบช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าองค์ชายสี่เป็นซื่อหลางกระทรวงโยธาธิการชั่วคราว รับผิดชอบดูแลขยายและจัดเตรียมถนนหลวงจากฟู่โจวไปยังด่านเป่ยลู่ ซึ่งจะต้องขยายให้กว้างกว่าเดิมหนึ่งเท่าได้ยินคำพูดของฉินชีหู่แล้ว หยุนเจิงก็ลิ้นตีกันอย่างควบคุมไม่อยู่เสด็จพ่อจัดการปัญหาในภายหลังก่อนล่วงหน้าหมดแล้ว ตัดสินใจว่าจะล้มเป่ยหวนให้ได้ในคราวเดียวก็จริง เป่ยหวนไม่เพียงแต่ผิดสัญญาผิดคำพูด แถมยังสังหารทหารขนส่งเสบียงไปมากมายเพียงนั้น หากเสด็จพ่อหลับหูหลับตากับเรื่องนี้ก็ผิดปกติแล้วขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดนั่นนี่อยู่ ฉินชีหู่ก็ตบศีรษะกะทันหัน “จริงด้วย ฝ่าบาทสั่งให้ข้านำจดหมายมาให้พวกเจ้าฉบับหนึ่ง บอกว่าต้องมอบให้เจ้ากับน้องสะใภ้เองกับมือ ข้าเกือบลืมไปแน่ะ”กล่าวจบ ฉินชีหู่ก็หยิบจดหมายออกมามอบให้กับหยุนเจิงทันทีหยุนเจิงเปิดอ่านจดหมายทันทีเนื้อหาข้างในเข้าใจง่ายมาก เป็นเพียงคำพูดเป็นห่วงและกำชับพวกเขา และบอกเรื่องที่ตระกูลเสิ่นย้ายออกจากเ
ไม่นานนัก เสิ่นลั่วเยี่ยนก็กลับมาถึง ในจวนเองก็จัดเตรียมอาหารต้อนรับฉินชีหู่เรียบร้อยแล้วหยุนเจิงยังเตรียมเหล้าจางกงเมามายมาหม้อหนึ่งด้วยเยี่ยจื่อไม่สะดวกที่จะปรากฏตัวจึงได้แอบอยู่ในห้องหยุนเจิงเพียงแค่พาเสิ่นลั่วเยี่ยนและจางซูมาต้อนรับฉินชีหู่เท่านั้นฉินชีหู่เองก็เป็นคนชื่นชอบสุรา เมื่อพบเจอกับสุราชั้นดีเช่นนี้ย่อมต้องเรียกชนไม่หยุดหย่อนเป็นธรรมดา“น้องชาย เหล้านี้ ข้าขออีกสักสองสามหม้อได้หรือไม่!”ฉินชีหู่ดื่มจนเมามาย และไม่เกรงใจหยุนเจิงเอ่ยขอทันที“ไม่มีปัญหา!”หยุนเจิงตอบตกลงทันใด “แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง!”ฉินชีหู่ได้ยินก็ไม่พอใจในบัดดล จึงฝืนเบิกตากว้างพร้อมเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “เจ้ายังมีเงื่อนไขกับข้านั้นหรือ?”“ฟังข้าให้จบก่อน.หยุนเจิงยิ้มเยาะ “เงื่อนไขของข้าง่ายมาก ท่านห้ามดื่มเหล้าในกองทหาร ถึงแม้จะไม่อยู่ในกองทหาร ก็ไม่สามารถดื่มเยอะ! ป้อมเมืองสุยหนิงเป็นสถานที่อย่างไร ท่านและข้าต่างก็รู้ดี หากท่านทำเสียเรื่องเพราะดื่มเหล้าล่ะก็ ถึงแม้เสด็จพ่อทรงให้อภัยท่าน แต่พ่อท่านไม่มีทางปล่อยท่านไว้แน่”แม่ทัพที่ทำเสียเรื่องเพราะดื่มในอดีตมีมากมายเกินกว่าจะเอ่ยถึงหยุ
“ข้า…”หยุนเจิงชะงักเล็กน้อย “ก็ได้ ข้าไม่สบายใจมาก ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจจะกินเพื่อเป็นการย้อมใจ”กล่าวจบ หยุนเจิงก็เริ่มตักอาหารคำโตเข้าปากทันทีให้ตายเถอะ!พูดตามจริงไป เหตุใดถึงไม่มีคนเชื่อเลยล่ะ?มองดูหยุนเจิงที่กินและดื่มอย่างบ้าคลั่งแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนและจางซูพลันอดไม่ได้สบตากันแวบหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไรต่อไปหลังจากรับอาหารเสร็จ หยุนเจิงกลับไปถึงห้องเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ตามไปทันที“โอ้ เจ้ายอมเข้าห้องแล้วหรือ?”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนยิ้มๆนับตั้งแต่ที่เขากับเมี่ยวอินเป็นอะไรกันแล้ว เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ย้ายไปพักอยู่กับเยี่ยจื่อแม้นจะบอกว่าทำเพื่อให้เขากับเมี่ยวอินฝึกวิชากันดีๆ แต่แท้จริงแล้วนางกำลังงอนอยู่“หยุดล้อเล่นได้แล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องเขาเขม็ง “หากท่านไม่สบายใจก็ร้องไห้ออกมา ไม่มีใครหัวเราะเยาะท่านหรอก”“อืม ข้าไม่สบายใจจริงๆ นั่นแหละ”หยุนเจิงถอนใจ “แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ข้าร้องไห้ไม่ออกจริงๆ”“มีอะไรร้องไห้ไม่ออกกัน?”เสิ่นลั่วเยี่ยนทำหน้าสงสัยหยุนเจิงโบกมือเรียกเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นการเรียกนางให้มานั่งเสิ่นลั่วเยี่ยนมองเขาอย่างสับสน ลังเลอยู่ครู่หน
เช้าวันถัดมา หยุนเจิงกับเสิ่นลั่วเยี่ยนส่งฉินชีหู่กลับไปพร้อมถังเหล้าขนาดใหญ่สองใบบรรจุเหล้าไม่น้อยกว่ายี่สิบชั่งให้กับเขาด้วยก่อนจะแยกจากกัน หยุนเจิงยังกำชับฉินชีหู่ว่าอย่าดื่มเยอะด้วยฉินชีหู่เองก็ทุบอกสาบานว่าจะไม่ดื่มเยอะหลังจากส่งฉินชีหู่เสร็จ สีหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนก็บูดเบี้ยวมองค้อนใส่หยุนเจิงทันทีภายใต้การเกาะติดของหยุนเจิงอย่างหน้าไม่อายแล้ว ในที่สุดเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ยอมจำนนท่าทีจิตใจกว้างขวางก่อนหน้านั้น นางเองก็เสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วหยุนเจิงยิ้มแหะๆ แล้วสวมกอดบริเวณเอวของเสิ่นลั่วเยี่ยน “ไปกันเถอะ เราไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำไป๋สุ่ยกัน”อืม แม่นางคนนี้ตอนเอาแต่ใจดูสบายใจกว่าเยอะหากนางทำเหมือนก่อนหน้านี้อีกล่ะก็ เขาคงจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว“ไปเองเถอะ! ข้าต้องไปค่ายเหนืออีก!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ไม่อยากปฏิเสธ“ไปเถอะน่า!”หยุนเจิงกล่าวยิ้มแย้ม “นี่เป็นเรื่องใหญ่ ห้ามสะเพร่าเด็ดขาด!”ถึงแม้เขาจะส่งคนให้ไปดูสถานการณ์การก่อตัวเป็นน้ำแข็งของแม่น้ำไป๋สุ่ยทุกวันก็ตาม แต่อย่างไรก็ต้องไปดูด้วยตนเองทั้งต้องรู้สถานการณ์ของแม่น้ำไป๋สุ่ย ทั้งต้องรู้ภูมิศาสตร์รอบๆ ด้วยดีที