เมื่อทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสร็จ หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้ว่าการมณฑลอู่หยางคนนี้มีปัญหานะ! เขาสู้โจรพวกนั้นไม่ได้ แล้วจะเชิญให้จวนเจ้าเมืองส่งทหารไปไม่ได้หรือ แม้ว่าจวนเจ้าเมืองจะมีความสามารถไม่เพียงพอเช่นกัน ก็ยังสามารถรายงานราชสำนักได้นี่!”“ท่านอ๋องไม่รู้”ซุนจ่างเซี่ยวเอ่ยอย่างโมโห “คนเหล่านี้ล้วนกลัวราชสำนักจะซักไซ้ไล่เลียงความรับผิดชอบที่ปราบโจรได้ไม่สำเร็จ ขอแค่เป็นเรื่องที่สามารถปิดบังราชสำนักได้ ก็ไม่มีทางรายงานขึ้นไปแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ...”แบบนี้เองหรือก็เป็นไปได้!หยุนเจิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “พวกจ้าวเฮยหู่มีกันกี่คน”“เรื่องนี้...กระหม่อมก็ไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”ซุนจ่างเซี่ยวเผยสีหน้าลำบากใจ พลางส่ายหน้า “ได้ยินคนพูดว่า โจรกลุ่มนั้นมีสองสามพันคน แต่สรุปว่ามีเท่าไร กระหม่อมก็ไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ…”แบบนี้เองหรือหยุนเจิงครุ่นคิดครู่หนึ่งนี่เป็นวิธีการฝึกฝนทหารที่ดีวิธีหนึ่ง!กองทหารแรกสุดที่เขารับสมัครมาห้าร้อยคน ล้วนยังไม่ผ่านการทดสอบและมีประสบการณ์ในสนามรบเลย!หากว่าสามารถรับโจรกลุ่มนั้นมาได้ทั้งหมด กำลังคนในมือตนเองจะต้องมากขึ้นแ
ในไม่ช้า ตู้กุยหยวนก็นำคนห้าสิบคนติดตามซุนจ่างเซี่ยวแล้วเริ่มออกเดินทางหยุนเจิงก็รีบวางแผนขึ้นมาทันทีเมื่อฟังการจัดการของหยุนเจิง เสิ่นลั่วเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะแค่นแคะคนสารเลวผู้นี้นี่เหลี่ยมจัดจริงๆ!เหลี่ยมยิ่งกว่าโจรพวกนี้อีก!ไม่รู้จริงๆ ว่าสมองของสารเลวคนนี้รูปร่างเป็นอย่างไรเหตุใดจึงมีกลอุบายเช่นนี้ได้?รอจนหยุนเจิงพูดแผนการจบ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ถามอย่างสงสัยทันทีว่า “ทำไมเจ้าถึงให้ตู้กุยหยวนไป เกาเหอคนอื่นไปไม่ได้หรือ?”แม้ว่าตู้กุยหยวนเคยเป็นผู้นำกองทหารโลหิต แต่อย่างไรเสียเขาก็แขนหักไปข้างหนึ่งแล้วหากมีอันตราย ตู้กุยหยวนคงหนีไม่พ้นด้วยซ้ำ“เพราะเขาแขนหักไปข้างหนึ่ง”หยุนเจิงอธิบายว่า "ถ้าเจ้าเป็นจ้าวเฮยหู่ เจ้าจะระวังคนที่แขนหักไหม?""นี่มัน……"เสิ่นลั่วเยี่ยนตะลึงงันเล็กน้อย ส่ายหัวเบาๆตราบใดที่ไม่รู้ตัวตนของตู้กุยหยวน ใครจะระวังตนกับคนคนพิการเล่า!“ก็ได้ สิ่งที่เจ้าพูดก็ดูสมเหตุสมผล”เสิ่นลั่วเยี่ยแค่นสียงเหอะเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าสามารถส่งคนหลายคนติดตามเขาไปได้ จะจับโจรก็จับราชาโจรเสียเลย!”เมื่อฟังเสิ่นลั่วเยี่ยนพูด เยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเช่นก
เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปทางหยุนเจิงอย่างไม่พอใจคราหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งจากไปหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อพอเห็นดังนั้น ก็อดมองตากันอย่างช่วยไม่ได้……ไปได้ครึ่งทาง ตู้กุยหยวนก็แยกตัวออกจากชายห้าสิบคนที่อยู่ภายใต้เขาคนพวกนั้นต้องซุ่มโจมตีก่อนรอจนโจรส่วนใหญ่ถูกล่อออกจากหมู่บ้านแล้ว พวกเขาสามารถเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อโจมตีอย่างกะทันหันได้“เดี๋ยวตอนพบกับโจรเหล่านั้น เจ้าพยายามพูดให้น้อยที่สุดแล้วให้ข้าเป็นคนพูด!”เมื่อเข้าใกล้ภูเขาชิงหยาง ตู้กุยหยวนออกคำสั่งกับซุนจ่างเซี่ยวอย่างเคร่งขรึม"อืมๆ"ซุนจ่างเซี่ยวพยักหน้ารัวๆ แล้วถามอย่างไม่สบายใจว่า “แบบนี้จะได้ผลจริงหรือ?”ตู้กุยหยวนตอบว่า "ขอแค่เจ้าไม่พูดไร้สาระก็พอ!""ก็ได้ ก็ได้……"ซุนจ่างเซี่ยวพยักหน้าซ้ำๆ สีหน้าไม่สบายใจไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็มาถึงตีนเขาชิงหยางพอเห็นจากระยะไกลว่าในป่ามีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ตู้กุยหยวนก็รู้ว่านั่นคือโจรที่คอยดูลาดเลาตู้ยหยวนพยุงซุนจ่างเซี่ยวลงจากรถม้า แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ และยืนมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางไม่สบายใจทันใดนั้น โจรหลายคนก็รีบวิ่งออกไปจากป่าที่อยู่ไม่ไกลตู้กุยหยวนรีบทำหน้าต
หนทางสู่ความมั่งคั่ง?จ้าวเฮยหู่มองตู้กุยหยวนอย่างสงสัย “หนทางสู่ความมั่งคั่งอะไร?”ตู้กุยหยวนลังเล ขณะที่กำลังจะพูด ซุนจ่างเซี่ยวในที่สุดก็จำคำแนะนำของหยุนเจิงได้ และปิดปากของตู้กุยหยวนอย่างรวดเร็วตู้กุยหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และแอบคิดว่าตาแก่นี่นับว่าไม่ได้ลืมเรื่องสำคัญไปจ้าวเฮยหู่พอเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบดึงซุนจ่างเซี่ยวออกไปทันทีและจ้องมองซุนจ่างเซี่ยวอย่างดุเดือด “ตาแก่ เจ้ายังกล้าล้อข้าเล่นอีกหรือ? เจ้าเชื่อไหมว่าข้าสามารถสับเจ้าเป็นชิ้นๆ ได้?”ซุนจ่างเซี่ยวเต็มไปด้วยความกลัว แต่เขาระงับความกลัวและขยิบตาให้ตู้กุยหยวน ส่งสัญญาณให้ตู้กุยหยวนไม่พูดอะไรชิ้ง!จ้าวเฮยหู่ขี้เกียจเกินกว่าจะพูด จู่ๆ ก็ชักมีดจ่อไปที่คอของตู้กุยหยวน “พูดเร็วเข้า! ไม่เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปนรกก่อน!”มีปัญญาไม่น้อยจริงๆ!กระบวนการถอนดาบแล้วชักดาบเสร็จสิ้นในคราวเดียว สะอาดหมดจดจริงๆตู้กุยหยวนลอบชมอยู่ในใจ แต่ใบหน้าของเขากลับตื่นตระหนก ลังเลและพูดว่า "ตอนที่เราออกจากเมืองเราได้พบกับกลุ่มพ่อ...พ่อค้า เดิมทีพวกเขาจะเดินมาทางนี้ แต่พอได้ยินนายท่านหู่อยู่ที่นี่ จึงอ้อ
ฆ่าทหารม้าพวกนั้น ม้าและอาวุธของพวกเขาก็จะเป็นของตน!จ้าวเฮยหู่ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้นและตะโกนเสียงดังว่า "ออกคำสั่งไป เหลือคนร้อยคนคอยเฝ้าที่นี่ ที่เหลือ ตามข้าไปกินเนื้อ!"……“องค์ชายหก ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้ไหม?”ข้างป่า จางซูไปหาหยุนเจิงที่กำลังกินอาหารแห้งอยู่หยุนเจิงกลืนอาหารแห้งเข้าปาก “เรื่องอะไรรึ?”จางซูดึงหยุนเจิงไปข้าง ๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เจ้าตอนอยู่เมืองหลวง นั่นแค่การแสดงใช่ไหม?"จริงๆ คำถามนี้กวนใจจางซูมานานแล้วเมื่อมองดูหลายวันมานี้แล้ว พบว่าหยุนเจิงเปลี่ยนไปมากจัดการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด วางแผนทุกอย่างก่อนดำเนินการหัวเราะเฮฮาสนุกสนานเมื่อควรหัวเราะ แต่พอต้องเข้มขึ้นมาก็ไม่ปล่อยปะละเลยสักนิดแม้แต่เสือตัวเมียอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ถูกเขากัดแน่นเชียว“แน่นอนว่าแกล้งทำน่ะสิ!”หยุนเจิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า"ห๊ะ?"จางซูตกตะลึงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะอะไรเล่า?”หยุนเจิงมองเขาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าดูออกหมดแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมเจ้าถึงประหลาดใจขนาดนี้อีก?”"ข้า……"จางซูเขินอายเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ไม่คิดว่าเจ้าจะยอมรับง่ายๆ เช่นนี้"“ไม่มีอะไรที
ขณะที่จ้าวเฮยหู่กำลังพูดอยู่ พวกโจรก็ยังกรูกันเข้ามาหากประมาณการคร่าวๆ โจรกลุ่มนี้น่าจะมีมากกว่าหนึ่งพันคนนี่ถือได้ว่าเป็นโจรกลุ่มใหญ่มากหากโจรเหล่านี้ขยายตัวใหญ่ขึ้น เกรงว่าจะค่อยๆ กลายเป็นกองทัพแล้ว!โจรกลุ่มใหญ่เพียงนี้ ผู้ว่าการมณฑลเมืองอู่หยางกลับกล้าไม่รายงาน!ไม่รู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้หัวคิดอะไรอยู่ หยุนเจิงแอบถอนหายใจในใจ แล้วก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง ถามช้าๆ “เจ้าคือจ้าวเฮยหู่?”"ถูกต้อง!"จ้าวเฮยหู่ตะโกนอย่างเย่อหยิ่ง “ในเมื่อเจ้าเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามข้าแล้ว ก็รู้ความหน่อยเถอะ!”รู้ความงั้นรึ?หยุนเจิงส่ายหัวแล้วยิ้มพูดว่า "นายท่านหู่นำลูกน้องมาด้วยมากมายเช่นนี้ พวกเราจะไม่ปล่อยให้นายท่านหู่ต้องมาเสียเที่ยวหรอก เช่นนี้เถอะ ม้าและสินค้าของพวกเรา ให้เจ้าทั้งหมด ขอเพียงนายท่านหู่ปล่อยพวกเราไปก็พอ นายท่านหู่ว่าเป็นเช่นไร?”“ไอ้หนู เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง?”จ้าวเฮยหู่มองดูหยุนเจิงด้วยสีหน้าดูแคลน “เจ้ากำลังเจรจาข้อตกลงกับข้าอยู่งั้นหรือ?”"นับว่าใช่!"หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อย "ข้าแค่อยากพาคนคุ้มกันและครอบครัวของข้าจากไป ขอนายท่านหู่อำนวยความสะดวกด้วย!"หยุนเจิงทดสอบจ้าวเ
เขาพบว่าคนพวกนี้ใจเย็นเกินไป!เผชิญหน้ากับพวกเขาที่มีจำนวนคนมากมาย แต่กลับไม่เผยสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดสถานการณ์เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าผิดปกติมารดามันเถอะ!นี่คงไม่ใช่กับดักของทางการหรอกกระมัง?ทหารม้าหลายสิบนายนี้ก็ดูไม่ใช่พวกต่อกรง่ายเสียด้วย!หากลงไม้ลงมือขึ้นมาจริงๆ พวกเขาต้องบาดเจ็บเสียชีวิตหลายนายแน่!ตอบตกลงเจ้าเด็กนี่ดีหรือไม่?แต่ทว่า เมื่อเขาหันไปมองกลุ่มสตรีพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนแล้ว ก็ตัดใจทำเช่นนั้นไม่ลงเป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เห็นสตรีงดงามเช่นนี้แถมยังไม่ใช่เพียงคนเดียวด้วย!บุรุษมีชีวิตอยู่ทั้งชาติก็เพื่อสองสิ่งไม่ใช่หรือ?สตรีงดงามเช่นนี้ ปล่อยไปแม้แต่ฝันตนก็คงรู้สึกเสียดายขณะที่จ้าวเฮยหู่กำลังสับสนลังเลอยู่นั้น บุคคลหนึ่งที่อยู่ข้างๆ พลางเอ่ยเรียกสติขึ้น “นายท่านหู่ เด็กนี่มันกำลังยื้อเวลาอยู่แน่! อย่าฟังมันสาธยายต่อไปเลย! รีบลงมือเถอะ!”ยื้อเวลานั้นหรือ?จ้าวเฮยหู่ได้สติในบัดดลจริงด้วย คนพวกนี้ต้องกำลังยื้อเวลาอยู่แน่ๆ!เมื่อคิดเช่นนี้ จ้าวเฮยหู่จึงรีบเอ่ยตะคอกด้วยโทสะว่า “นี่ เจ้าเด็กน้อย ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ทิ้งของที่ข้าต้องการไว้ แล
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป สงครามครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงเมื่อเผชิญหน้ากับนกที่ตกใจจนสติหลุดแล้ว หยุนเจิงพวกเขาไม่มีผู้ใดเสียชีวิตในสงคราม มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับบาดเจ็บเบาๆ ขณะที่พุ่งโจมตีเท่านั้น และยังมีอีกไม่กี่คนที่บาดเจ็บจากการตกม้าเพราะขี่ม้าไม่ชำนาญ“ขายขี้หน้าจริงๆ!”มองดูทหารที่บาดเจ็บจากการตกม้าแล้ว ทำให้หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะบ่นสั่งสอนยังดีที่พวกเขาโชคดี ผนวกกับพวกเขามีม้าเพียงพันตัวเท่านั้นจึงทำให้เจ้าพวกดวงไม่ดีรอดชีวิตมาได้หากมีม้าสักหมื่นตัวล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงได้เสียชีวิตคาเท้าม้ากลายเป็นโคลนเนื้อไปแล้วเมื่อเห็นสายตาของหยุนเจิงแล้ว คนเหล่านั้นจึงพากันก้มศีรษะอย่างรู้สึกผิด“องค์ชายอย่ากริ้วไป”จั่วเริ่นออกมาพูดแทนคนเหล่านี้ “ก่อนหน้านี้เรามีกำลังม้าจำกัด มีคนมากมายที่ไม่ได้ฝึกซ้อมดีๆ ผนวกกับเพิ่งทำสงครามครั้งแรก พวกเขาย่อมหวาดหวั่นเป็นธรรมดา…”กล่าวตามตรงจั่วเริ่นเองก็รู้สึกว่าพวกเขาขายขี้หน้าเช่นกันจากที่เขาดูแล้ว ทหารม้านับพันไม่ควรจะบาดเจ็บจากการสู้รบกับนกพวกนี้ด้วยซ้ำ!แต่ทว่า คนของพวกเขามีเวลาฝึกซ้อมอย่างจำกัด อีกอย่างมีหลายคนที่เพิ่งเคยเข้าร่วมสงครา
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่