ความวุ่นวายในตระกูลซูยังคงดำเนินไปตั้งแต่เที่ยงจนถึงย่ำค่ำบ้านของซูเฮ่อเหนียนถูกล้อมแน่นหนาไม่มีทางหนีกลุ่มคนที่นำโดยซูซ่งฝู่ต่างเรียกร้องให้ซูฮ๋วยหมินส่งมอบ วิธีผลิตน้ำตาลขาวออกมาแต่ซูฮ๋วยหมินจะเอามาจากไหนเล่า!เขาเองก็เป็นฝ่ายที่ถูกหลอก ต่อให้คว้านหัวออกมาก็ไม่มีอะไรให้ส่งมอบ!ซูฮ๋วยหมินยังคงยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของหยุนเจิง แต่ไม่มีใครเชื่อเขาอีกต่อไปทุกคนต่างมั่นใจว่าซูฮ๋วยหมินคิดจะกอบโกยผลประโยชน์ไว้คนเดียวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ซูฮ๋วยหมินรู้สึกสิ้นหวังจนแทบอยากตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนขณะที่ความขัดแย้งกำลังรุนแรงขึ้น คนที่ถูกส่งไปทวงหนี้จากตระกูลโหวก็กลับมารายงานข่าวคนของตระกูลโหวบอกว่าโหวซื่อไค ได้นำเงินทั้งหมดของตระกูลหนีไปทางใต้แล้ว หนี้ที่โหวซื่อไคเป็นคนก่อขึ้น พวกเขาไม่มีปัญญาชดใช้ให้อย่างไรก็ตาม ตระกูลโหวยอมรับหนี้และสัญญาว่า เมื่อโหวซื่อไคกลับมา ตระกูลโหวจะให้เขาชดใช้คืนทันที“เห็นหรือไม่! โหวซื่อไคหนีไปทางใต้เพื่อตักตวงผลประโยชน์แล้ว!”ซูซ่งฝู่มองซูฮ๋วยหมินด้วยสายตาเดือดดาล “เจ้าจะยังกล้าพูดอีกหรือไม่ว่าเจ้าไม่รู้วิธีผลิตน้ำตาลข
“ขอ…ขอรับ!”โหวซื่อไครีบตอบรับทันทีไปซั่วเป่ยยังจะดีกว่าอยู่ที่นี่เสียอีกอยู่ในจวนอ๋องทุกวันเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจหากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้หยุนเจิงขอให้เขาอยู่ เขาคงไปซั่วเป่ยนานแล้วเขายังมีธุรกิจวุ่นวายอีกมากมายที่ต้องจัดการที่ซั่วเป่ยเมื่อโหวซื่อไคออกเดินทางไปแล้ว หยุนเจิงก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทางเช่นกันหลังจากสั่งความบางประการ หยุนเจิงนำเมี่ยวอินและกองทหารองครักษ์รีบเดินทางออกไปสองวันต่อมา พวกเขาเดินทางมาถึงเมื่อหยุนเจิงมองเห็นเขตจวีผิงจากระยะไกล กองทหารองครักษ์ที่ถูกส่งไปสืบข่าวก็กลับมารายงานทันที “เรียนฝ่าบาท! ประตูเมืองจวีผิงปิดสนิท กลางเมืองดูเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น”หืม?กลางวันแสกๆ ประตูเมืองปิด?ยังมีความวุ่นวายในเมืองอีก?ตระกูลซูกำลังทำอะไรกันแน่?หยุนเจิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนออกคำสั่งเสียงเย็นชา “สั่งกองกำลังจวีผิง เปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้! หากปฏิเสธ ถือเป็นกบฏ!”“รับบัญชา!”กองทหารองครักษ์รีบไปดำเนินการทันที“ไปกันเถอะ พวกเราเข้าไปดูกัน!”หยุนเจิงหันไปเรียกเมี่ยวอิน ก่อนจะควบม้าไปยังจวีผิงทันทีไม่ช้า หยุนเจิงมาถึงเมืองตัวเมืองจวีผิ
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู
ตอนมีชีวิตอยู่ก็คับอกคับใจมากอยู่แล้ว ยังจะตายอย่างคับอกคับใจอีก!“คนผู้นั้นไม่ได้ให้อันใดข้าเลยจริงๆ”หยุนเจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าเดาว่าคนผู้นั้นถูกบีบบังคับจนไร้ทางเลือกแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นมาหาข้าถึงที่เรือนนี้”หยุนลี่หรี่ตาพลางกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรือ?”หยุนเจิงแบมือสองข้างพลางกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าเชื่อเช่นนั้น!”เมื่อเห็นท่าทางนี้ของหยุนเจิง นางกำนัลหลายคนก็ทำท่าทางเหมือนกับเห็นผีก็มิปานพระเจ้าช่วย!องค์ชายหกผู้อ่อนแอผู้นี้ช่างกล้ายิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับองค์ชายสามเมื่อวานเขาถูกองค์ชายสามตบหน้าฉาดใหญ่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วกระมังเมื่อเห็นหยุนเจิงทำตัวแปลกไปเช่นนี้ สีหน้าของหยุนลี่พลันเคร่งขรึมลง เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นี่เจ้าดื้อรั้นจะไม่ยอมเอาของที่คนผู้นั้นให้เจ้าออกมาให้ข้าอย่างนั้นรึ?”“ก็ข้าไม่มี ข้าจะเอาให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า”หยุนเจิงยักไหล่ “เอาหล่ะ ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเจ้า! หากเจ้าคิดว่าข้ามีของที่เจ้าต้องการ เจ้าก็เรียกคนมาค้นหาเองเถอะ!”ขณะท
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหารณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่งหากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียนแต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้งแคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวชและในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครอย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดจักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ควา
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่
เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ
ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”“หุบปาก!”จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้วจักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”ซวยแล้ว!แสดงเกินบทบาท!หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้านแม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้วจากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต
“ขอ…ขอรับ!”โหวซื่อไครีบตอบรับทันทีไปซั่วเป่ยยังจะดีกว่าอยู่ที่นี่เสียอีกอยู่ในจวนอ๋องทุกวันเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจหากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้หยุนเจิงขอให้เขาอยู่ เขาคงไปซั่วเป่ยนานแล้วเขายังมีธุรกิจวุ่นวายอีกมากมายที่ต้องจัดการที่ซั่วเป่ยเมื่อโหวซื่อไคออกเดินทางไปแล้ว หยุนเจิงก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทางเช่นกันหลังจากสั่งความบางประการ หยุนเจิงนำเมี่ยวอินและกองทหารองครักษ์รีบเดินทางออกไปสองวันต่อมา พวกเขาเดินทางมาถึงเมื่อหยุนเจิงมองเห็นเขตจวีผิงจากระยะไกล กองทหารองครักษ์ที่ถูกส่งไปสืบข่าวก็กลับมารายงานทันที “เรียนฝ่าบาท! ประตูเมืองจวีผิงปิดสนิท กลางเมืองดูเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น”หืม?กลางวันแสกๆ ประตูเมืองปิด?ยังมีความวุ่นวายในเมืองอีก?ตระกูลซูกำลังทำอะไรกันแน่?หยุนเจิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนออกคำสั่งเสียงเย็นชา “สั่งกองกำลังจวีผิง เปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้! หากปฏิเสธ ถือเป็นกบฏ!”“รับบัญชา!”กองทหารองครักษ์รีบไปดำเนินการทันที“ไปกันเถอะ พวกเราเข้าไปดูกัน!”หยุนเจิงหันไปเรียกเมี่ยวอิน ก่อนจะควบม้าไปยังจวีผิงทันทีไม่ช้า หยุนเจิงมาถึงเมืองตัวเมืองจวีผิ
ความวุ่นวายในตระกูลซูยังคงดำเนินไปตั้งแต่เที่ยงจนถึงย่ำค่ำบ้านของซูเฮ่อเหนียนถูกล้อมแน่นหนาไม่มีทางหนีกลุ่มคนที่นำโดยซูซ่งฝู่ต่างเรียกร้องให้ซูฮ๋วยหมินส่งมอบ วิธีผลิตน้ำตาลขาวออกมาแต่ซูฮ๋วยหมินจะเอามาจากไหนเล่า!เขาเองก็เป็นฝ่ายที่ถูกหลอก ต่อให้คว้านหัวออกมาก็ไม่มีอะไรให้ส่งมอบ!ซูฮ๋วยหมินยังคงยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของหยุนเจิง แต่ไม่มีใครเชื่อเขาอีกต่อไปทุกคนต่างมั่นใจว่าซูฮ๋วยหมินคิดจะกอบโกยผลประโยชน์ไว้คนเดียวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ซูฮ๋วยหมินรู้สึกสิ้นหวังจนแทบอยากตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนขณะที่ความขัดแย้งกำลังรุนแรงขึ้น คนที่ถูกส่งไปทวงหนี้จากตระกูลโหวก็กลับมารายงานข่าวคนของตระกูลโหวบอกว่าโหวซื่อไค ได้นำเงินทั้งหมดของตระกูลหนีไปทางใต้แล้ว หนี้ที่โหวซื่อไคเป็นคนก่อขึ้น พวกเขาไม่มีปัญญาชดใช้ให้อย่างไรก็ตาม ตระกูลโหวยอมรับหนี้และสัญญาว่า เมื่อโหวซื่อไคกลับมา ตระกูลโหวจะให้เขาชดใช้คืนทันที“เห็นหรือไม่! โหวซื่อไคหนีไปทางใต้เพื่อตักตวงผลประโยชน์แล้ว!”ซูซ่งฝู่มองซูฮ๋วยหมินด้วยสายตาเดือดดาล “เจ้าจะยังกล้าพูดอีกหรือไม่ว่าเจ้าไม่รู้วิธีผลิตน้ำตาลข
“ถูกต้อง! หากเจ้าไม่มีอะไรปิดบัง ก็ให้ข้าตรวจสอบคลังสินค้า!”ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเอ่ยเสริมขึ้นมา“ให้พวกเราตรวจสอบคลังสินค้า!”“ต้องตรวจสอบคลังสินค้า!”“เจ้าบริสุทธิ์หรือไม่ เพียงตรวจสอบก็รู้ได้!”“หากเจ้าไม่ให้ตรวจ นั่นแสดงว่ามีบางสิ่งที่เจ้าปิดบัง!”“ถูกต้อง…”ในชั่วพริบตา ผู้คนต่างส่งเสียงขึ้นพร้อมกันทุกสายตาต่างมุ่งเป้าไปยังซูฮ๋วยหมินวันนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องตรวจสอบคลังสินค้าให้ได้ ต่อให้ใครมาก็ขัดขวางไม่ได้!พวกเขาจะปล่อยให้เงินของพวกตนถูกโกงไปโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไรกัน!เมื่อเห็นฝูงชนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ซูเฮ่อเหนียนถึงกับตัวสั่นด้วยความโมโห “ได้! ข้ายอมให้เจ้าตรวจ! แต่หากวันนี้เจ้าตรวจแล้วไม่พบอะไร เจ้าต้องให้คำอธิบายกับข้า!”“ได้!”เหล่าผู้อาวุโสทั้งหกต่างตอบรับพร้อมกันซูฮ๋วยหมินเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติเขาค่อยๆ ตระหนักว่านี่อาจเป็นกับดักซ้อนแผนบางที… หยุนเจิงอาจให้ยอดฝีมือแอบลอบนำ น้ำตาลขาว ไปใส่ไว้ในคลังสินค้าของเขา!นี่คงเป็นแผนที่ต้องการเร่งให้เกิดความขัดแย้งภายในตระกูลซู เพื่อทำให้พวกเขาแตกแยกกัน!แต่ตอนนี้ทุกคนก็ล้อมรอบหมดแล้วหากไม่ยอมเปิด
เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก บรรยากาศทั่วทั้งตระกูลซูเต็มไปด้วยความเศร้าหมองตระกูลซูรีบส่งคนเดินทางไปยังตระกูลโหวที่เมืองมู่โจวแม้ว่าจะไม่สามารถเอาเรื่องตระกูลโหวได้โดยตรง แต่พวกเขาก็ต้องให้ตระกูลโหวช่วยชดใช้เงินสองแสนตำลึงที่โหวซื่อไคติดหนี้ไว้!หากสามารถเอาเงินสองแสนตำลึงคืนมาได้ แล้วขายทรัพย์สินบางส่วนเพิ่มเติม ธุรกิจของตระกูลซูก็ยังพอไปต่อได้ และอาจจะสามารถประคองสถานการณ์เอาไว้ได้ตอนนี้ เงินสองแสนตำลึงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตระกูลซูขณะที่ทุกคนกำลังรอข่าวจากกลุ่มที่ไปทวงหนี้ ซูซ่งฝู่ก็นั่งเคร่งเครียดอยู่ที่บ้าน ทันใดนั้น พ่อบ้านของเขาก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา ก่อนจะกระซิบข้างหูซูซ่งฝู่เบาๆ“อะไรนะ?”ซูซ่งฝู่หน้าเปลี่ยนสีทันที “เจ้ามั่นใจหรือ?”พ่อบ้านส่ายหัวเร็วๆ “ข้าไม่อาจมั่นใจได้ เรื่องนี้ข้าได้ยินมาจากคนอื่นอีกที! ว่ากันว่า… พ่อบ้านของซูเฮ่อเหนียนพูดหลุดปากออกมาโดยไม่ตั้งใจ…”เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน ซูซ่งฝู่ก็จมดิ่งสู่ความคิดของตนเองเขาเคยได้ยินจากหลานชายมาก่อนแล้วตอนที่ผางลู่ซานสอนวิธีผลิตน้ำตาลขาว มีเพียงซูฮ๋วยหมินและโหวซื่อไคอยู่ข้างในคนอื่นทั้งหมด ถูกกันออกไปด้าน
มันต้องเป็นเช่นนี้แน่!น้ำซาวข้าวงั้นหรือ? น้ำส้มสายชูข้าวงั้นหรือ? ทั้งหมดเป็นแค่กลลวง!ตั้งแต่ต้น ผางลู่ซานใช้น้ำตาลขาวทำให้น้ำตาลขาวอีกที!มันไม่เคยใช้น้ำตาลอ้อยทำน้ำตาลขาวเลย!ที่ผางลู่ซานทำให้สถานการณ์ดูเร่งรีบ ก็เพื่อบีบบังคับให้พวกเขารีบออกจากซั่วเป่ยโดยไม่ทันคิดอะไรส่วนโหวซื่อไคที่สั่งให้ฝังน้ำตาลอ้อยที่เหลือทั้งหมด ก็เพราะมันกลัวว่าพวกเขาจะลองทำจริงระหว่างเดินทาง และจับได้ว่าเป็นแผนหลอกลวง!ทั้งหมดนี้ เป็นแผนที่ถูกออกแบบมาอย่างรอบคอบ!และเบื้องหลังแผนนี้ ต้องเป็นหยุนเจิง!นี่คือการแก้แค้นของหยุนเจิงต่อพวกเขา!หยุนเจิงต้องการทำลายตระกูลซูด้วยวิธีนี้!เมื่อได้ฟังซูฮ๋วยหมินพูด ทุกคนรู้สึกเหมือนสมองถูกฟาดเข้าอย่างแรงจนดังวิ้งๆ!พวกเขาถูกหลอก!พวกเขาถูกผางลู่ซานและโหวซื่อไคร่วมมือกันหลอก!ผู้อาวุโสสองคนที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วถึงกับล้มลงไปด้านหลังทันที!เงินหนึ่งล้านสองแสนตำลึง…ถูกหลอกไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้!?ไม่!ไม่ใช่แค่หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แต่เป็น หนึ่งล้านสี่แสนตำลึง!หากสิ่งที่ซูฮ๋วยหมินพูดเป็นความจริง โหวซื่อไคย่อมไม่มีทางคืนเงินที่ยืมไป!เวลานี้
ตระกูลซูแห่งจวีผิงเมื่อมั่นใจว่าซูฮ๋วยหมินและพวกเรียนรู้วิธีผลิตน้ำตาลขาวได้แล้ว คนในตระกูลซูก็ต่างดีอกดีใจเปลี่ยนน้ำตาลอ้อยเป็นน้ำตาลขาวได้ มูลค่าพุ่งขึ้นไม่ใช่เล่น!เหล่าผู้อาวุโสทั้งเจ็ดของตระกูลซูรวมตัวกัน และยืนกรานให้ซูฮ๋วยหมินสาธิตวิธีเปลี่ยนน้ำตาลอ้อยเป็นน้ำตาลขาวต่อหน้าพวกเขาซูฮ๋วยหมินย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เขาสั่งให้คนเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดที่จำเป็น แล้วเริ่มการสาธิตทันทีครั้งนี้เป็นเพียงการทดลอง ไม่ใช่การผลิตในปริมาณมาก ซูฮ๋วยหมินทำทุกขั้นตอนตามที่ผางลู่ซานสอนมาอย่างแม่นยำแม้แต่ผ้าที่ใช้ห่อน้ำตาลอ้อยก็ยังเป็นผ้าขาวแบบเดียวกัน“ถ้าเราควบคุมวิธีทำน้ำตาลขาวจากน้ำตาลอ้อยได้ พวกเราก็จะร่ำรวยมหาศาล!”“เรื่องร่ำรวยก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่พวกเราต้องรอบคอบ!”“ใช่ น้ำตาลขาวที่ผลิตได้ควรส่งไปขายทางใต้จะดีกว่า”“เราต้องเร่งผลิตให้ได้มากๆ อย่าให้ตระกูลโหวแย่งตลาดไปก่อน…”“ถูกต้อง…”เหล่าผู้อาวุโสทั้งเจ็ดของตระกูลซูต่างวาดฝันถึงเงินตราที่จะหลั่งไหลเข้ามาในตระกูลกันอย่างตื่นเต้น สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น ซูฮ๋วยหมินก็ดำเนินการตา
“ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า!”โหวซื่อไคกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แค่น้ำตาลอ้อยพวกนี้มีค่าเท่าไหร่กัน? หยุนเจิงเป็นคนเจ้าเล่ห์ อย่าให้ต้องแลกชีวิตแค่เพราะเงินเล็กน้อย!”“แล้วน้ำตาลขาวที่เขาให้เจ้าล่ะ? ฝังไปด้วยไหม?” ซูฮ๋วยหมินขมวดคิ้วถาม“อันนั้นยังไม่ต้องฝัง ถ้าขายได้ มันก็มากกว่าหมื่นตำลึงเงิน”โหวซื่อไคตอบ “ข้าจะหาที่ซ่อนให้ปลอดภัย รอให้สถานการณ์สงบลงก่อน แล้วค่อยหาทางขนมันออกจากซั่วเป่ย”“ก็ได้!”ซูฮ๋วยหมินไม่ได้ถามอะไรอีกไม่นาน พวกเขาก็จัดการฝังทุกอย่างที่สามารถฝังได้ ก่อนจะรีบออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วทุกคนต่างรู้สึกเหมือนทำเรื่องผิดอยู่ตลอด จึงหวาดระแวงไปตลอดทางจนกระทั่งช่วงบ่ายของวันถัดมา พวกเขาจึงข้ามด่านเป่ยลู่ไปได้สำเร็จเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาถึงได้วางใจอย่างแท้จริงก่อนแยกจากกัน โหวซื่อไคได้ตกลงกับคนของตระกูลซูว่า “น้ำตาลขาวนี้ต้องขายในราคาสูง ห้ามขายต่ำเกินไป เพราะถ้าราคาต่ำเกินไป มันไม่เป็นผลดีกับพวกเราทั้งหมด”ข้อเสนอนี้ คนของตระกูลซูไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใดเพื่อให้ได้วิธีผลิตน้ำตาลขาวจากน้ำตาลอ้อย พวกเขาทุ่มเงินมหาศาลไปแล้วอย่างไรเสีย พวกเขาก็ต้องนำต้นทุนกลั
หลังจากยุ่งวุ่นวายกันเกือบหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็สามารถผลิตน้ำตาลขาวออกมาได้สำเร็จ“เยอะขนาดนี้เลยหรือ?”เมื่อเห็นน้ำตาลขาวที่ผลิตได้ ซูฮ๋วยหมินถึงกับตาค้างด้วยความตกตะลึงปริมาณที่ได้มาน่าจะประมาณสองเหลี่ยงเลยทีเดียวผางลู่ซานกล่าวว่า “ถ้าทำในปริมาณน้อย จะได้ผลลัพธ์ที่ละเอียดขึ้น ปริมาณน้ำตาลขาวที่ได้ก็จะมากขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้าทำในปริมาณมาก การสูญเสียย่อมเยอะขึ้น! อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไร น้ำตาลอ้อยห้าจินต้องได้ผลผลิตเป็นน้ำตาลขาวหนึ่งจินแน่นอน”“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!”ซูฮ๋วยหมินเข้าใจแจ่มแจ้ง ดวงตาเป็นประกายมองน้ำตาลขาวตรงหน้าไม่อยากเชื่อเลย!การทำน้ำตาลขาวจากน้ำตาลอ้อยกลับง่ายดายเพียงนี้!หัวใจสำคัญอยู่ที่น้ำส้มสายชูข้าวและน้ำซาวข้าว!แต่เพียงวิธีการง่ายๆ นี้ พวกเขากลับต้องจ่ายเงินถึงสองล้านตำลึงแค่คิดก็ปวดใจแล้วอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงว่าหลังจากนี้พวกเขาจะสามารถผลิตน้ำตาลขาวได้จำนวนมหาศาล ซูฮ๋วยหมินก็รู้สึกปล่อยวางได้เงินที่เสียไป ไม่นานก็จะกลับคืนมาเป็นกำไร!“ให้เวลาเจ้าสิบห้านาที หากยังมีข้อสงสัยก็รีบถาม!”ขณะพูด ผางลู่ซานก็ขยับไปที่หน้าต่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความ
ตอนเที่ยงของวันถัดมา ผางลู่ซานสะพายห่อผ้ามาตามเวลานัด และปรากฏตัวในลานบ้านร้าง“ของทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”ทันทีที่เข้ามา ผางลู่ซานก็เอ่ยถาม“เตรียมพร้อมหมดแล้ว!”โหวซื่อไคชี้ไปที่หม้อเหล็กใบเล็กและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เตรียมไว้ผางลู่ซานเดินไปตรวจสอบครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งโหวซื่อไคทันทีว่า “เจ้าทิ้งคนไว้ช่วยข้าคนหนึ่ง ที่เหลือออกไปเฝ้ารอบนอก หากมีใครเข้ามา ให้รีบเตือนพวกเราโดยทันที!”“เอ่อ…”โหวซื่อไคลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับซูฮ๋วยหมินว่า “เจ้าอยู่ข้างใน ส่วนคนอื่นออกไปเฝ้าด้านนอก!”คนในตระกูลซูที่เหลือต่างไม่พอใจนักพวกเขาเองก็อยากดูให้แน่ชัดว่าผางลู่ซานใช้วิธีใดในการเปลี่ยนจากน้ำตาลอ้อยเป็นน้ำตาลขาวแต่เมื่อเห็นโหวซื่อไคส่งสายตาให้พวกเขาเป็นพัลวัน ก็จำต้องยอมรับและออกไปด้านนอกช่างเถอะ!อย่างไรเสีย ตระกูลซูก็ยังมีคนอยู่ข้างในหนึ่งคนอยู่แล้ว ไม่มีทางที่โหวซื่อไคจะเก็บความลับนี้ไว้คนเดียว!คิดเช่นนั้น พวกเขาก็เดินออกไปอย่างไม่เต็มใจนักเมื่อคนออกไปหมดแล้ว ผางลู่ซานก็เริ่มสั่งการทันทีคนหนึ่งตั้งเตาไฟ อีกคนล้างหม้อหลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ผางลู่ซานก็หยิบน้