เที่ยงวัน เซียวว่านโฉวทั้งบ้านต้อนรับหยุนเจิงอย่างอบอุ่นเซียวว่านโฉวเป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว ถึงแม้ในอดีตเขาจะดูถูกหยุนเจิงเหมือนเหล่าขุนนางคนอื่นๆ ทั้งราชวัง แต่ทว่าพฤติกรรมของหยุนเจิงในช่วงที่คณะทูตเป่ยหวนมาเยี่ยมเยือนนั้น ก็มากพอที่จะเปลี่ยนสายตาที่มองหยุนเจิงได้แล้วเซียวว่านโฉวเองก็รู้ดีว่าที่จักรพรรดิเหวินให้เซียวติ้งอู่สอนทักษะการทำสงครามกับหยุนเจิงนั้นเป็นการเตรียมตัวให้กับหยุนเจิงก่อนจะเดินทางไปซั่วเป่ยรู้ดีว่าเรื่องที่หยุนเจิงเดินทางไปซั่วเป่ยนั้นได้ตัดสินแล้ว เซียวว่านโฉวยังปลอบใจหยุนเจิงไม่หยุดจริงๆ แล้วเป่ยหวนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เป่ยหวนมีทหารเหล็กหกแสนนายที่ไหนกัน?เกรงว่าทหารม้าที่เป่ยหวนจัดเตรียมไว้นั้นอาจจะไม่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นนายด้วยซ้ำเพียงเพราะคนแคว้นเป่ยหวนนั้นเติบโตบนหลังม้า และยังมีสรรพยากรม้ารบจำนวนมาก ขอเพียงมีสงครามเต็มรูปแบบเกิดขึ้น เป่ยหวนก็พร้อมที่จะเรียกใช้กำลังทหารม้าจำนวนหลานแสนนายออกมาได้ทันทีดังนั้น อยู่ดีไม่ว่าดีเป่ยหวนจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นทหารม้าเหล็กหกแสนนายแต่ทว่าการเรียกทหารม้ามากะทันหันกับการเตรียมทหารม้าไว้ก่อนแล้วนั้นมีควา
เรื่องของเมื่อวาน นางเองก็โดนหางเลขไปด้วยนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจักรพรรดิเหวินเย็นชาต่อนางขึ้นไม่น้อยหากเป็นเช่นนี้อีกต่อไป เกรงว่านางจะสูญเสียความโปรดปรานเสียแล้ว!“เฮ้อ!”สวีสือฝู่ถอนหายใจด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง “สถานการณ์ของลี่เออร์ตอนนี้ไม่ดีเอาเป็นอย่างมาก ต้องให้ลี่เออร์สร้างผลงานมาสร้างความพึงพอพระทัยแด่ฝ่าบาท...”“ประเด็นคือจะทำเรื่องอย่างไรเล่า!”หยุนลี่กัดฟันแล้วแค่นเสียงต่ำ “แล้วท่านคิดว่าตอนนี้ต้องทำอะไรถึงจะทำให้เสด็จพ่อพอพระทัยเล่า?”ไร้สาระ!คิดว่าเขาไม่อยากทำให้เสด็จพ่อพอพระทัยหรืออย่างไร?แต่ตอนนี้เขาไม่เข้าใจถึงอารมณ์ของจักรพรรดิเหวินเลยสักนิด ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรตอนนี้เขาโดนจักรพรรดิเหวินตีจนกลัวแล้วเกรงว่าเขาไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้จักรพรรดิเหวินพอพระทัย แต่จะโดนด่าโดนโบยแทนหากเป็นเช่นนี้ไปอีกสองสามครั้ง เขาคงถูกตีถูกโบยจนพิการไปแล้ว!สวีสือฝู่ครุ่นคิดเพียงครู่ รีบตอบว่า “ก่อนอื่น เจ้าไม่สามารถหาเรื่องหยุนเจิงได้อีก ไม่เพียงแต่จะหาเรื่องเขาไม่ได้เท่านั้น ยังต้องทำดีต่อเขาด้วย!”“อะไรนะ?”หยุนลี่พอได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่อยากทำแล้ว เขากัดฟันกรอดแล้วพูดว่
เมื่อหยุนเจิงมาถึงที่ร้านตีเหล็ก ที่นี่กำลังยุ่งจนเปลวไฟแทบลุกหลังจากที่ช่างตีเหล็กสองสามคนทำการคาราวะหยุนเจิงแล้วก็นำหอกยาวที่เพิ่งหลอมเสร็จยื่นไปข้างหน้าราวกับว่ากำลังถวายสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นหอกยาวนี้มีสองส่วนบริเวณตรงกลางมีรูยามไม่ใช้งาน สามารถแบ่งหอกยาวนี้เป็นสองส่วน เก็บใส่เข้าไปในกระเป๋าหนังวัวได้ สะดวกต่อการพกพายามใช้งานก็สามารถนำมาประกอบกันเป็นหอกยาวหยุนเจิงมองหอกยาวที่อยู่ตรงหน้า ก็ดีใจเป็นอย่างมาก“ตบรางวัล! คนละยี่สิบตำลึงเงิน!”แม้ว่าหยุนเจิงจะไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาก็ยังใจกว้างขวางกว่าปกติด้วยเขาคิดว่าพวกช่างตีเหล็กพวกนี้จะไม่สามารถทำรูเชื่อมตรงกลางออกมาได้เสียอีก!คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสามารถเจาะรูตรงกลางจากแรงงานคนออกมาได้จริงๆเขาพบว่า ตนดูถูกสติปัญญาของพวกช่างตีเหล็กพวกนี้เกินไปเสียแล้ว“ขอบพระทัยองค์ชายหก!”พวกเขาสองสามคนรีบกล่าวขอบคุณอย่างตื้นตัน“นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าควรได้!”หยุนเจิงมองไปยังคนเหล่านี้อย่างพึงพอใจในใจเขาเข้าใจดีว่า มันยากเย็นเพียงใดในหลายวันมานี้กว่าจะหล่อหอกมาได้คาดว่า สองสามคนนี้คงไม่ได้หลับตานอนเลยในหลายวันมานี้หยุนเ
หยุนเจิงกรอกตามองบนใส่นาง รับถุงหนังวัวจากมือเกาเหอมา แล้วหยิบหอกสั้นมา“นี่คือหอกหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ่งดูแคลนขึ้นไปใหญ่ “นี่เจ้าแยกไม่ออกแม้กระทั่งระหว่างหอกกับแท่งเหล็กหรือไง?”หยุนเจิงคร้านจะตอบนาง แล้วค่อยหยิบหอกท่อนที่เหลือออกมาหยุนเจิงทำการต่อหอกทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันภายใต้สายตาที่สงสัยของพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนในทันใดนั้น หอกเหล็กยาวเล่มหนึ่งก็ปรากฏต่อหน้าพวกนางหอกทั้งเล่มนั้นเป็นเหล็กลายบุปผา ไม่เพียงส่องแสงประกายระยิบระยับ แต่ยังมีลายดอกไม้แสงประณีตอีกด้วยทันใดนั้นสองตาของเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ส่องแสงประกาย รีบแย่งหอกในมือไปทันที นางออกแรงดึงออก แต่ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออกเสียที “นี่เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปยังหยุนเจิงด้วยความตกใจและความประหลาดใจ “แล้วจะแยกอย่างไร?” หยุนเจิงกลอกตามองบนใส่นาง เอาหอกมาแล้วบิดซ้ายขวา หอกด้ามยาวถูกแยกออกเป็นสองท่อนอีกคราเสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังอยากจะลองลงมือทำด้วยตนเอง หยุนเจิงกลับยื่นหอกที่ถูกออกแบ่งเป็นสองท่อนให้เกาเหอ “ในเมื่อลั่วเยี่ยนไม่อยากได้ เช่นนั้นก็ยกให้เจ้าก็แล้วกัน” พอเสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาท
เมื่อกลับมาถึงจวน หยุนเจิงก็นั่งคิดไตร่ตรองอยู่ลานหลังจวนเขาครุ่นคิดจนเคลิบเคลิ้มไป กระทั่งเยี่ยจื่อทอดน่องเข้ามาใกล้แล้วก็ยังไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเยี่ยจื่อนั่งลงตรงหน้าเขา เขาถึงจะรู้สึกตัวขึ้น“คิดวางแผนเล่นงานผู้ใดอยู่อีกหรือ?”เยี่ยจื่อกล่าวถามหยอกล้อ“ข้าไม่ได้คิดวางแผนเล่นงานใครเลยจริงๆ”หยุนเจิงส่ายหน้า “ข้ากำลังวางกลยุทธ์สำคัญอย่างหนึ่งอยู่ แต่มีบางอย่างที่ยังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่”เยี่ยจื่อประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านก็มีวันที่ไม่แน่ใจเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”“ก็มีน่ะสิ”หยุนเจิงยิ้มเจื่อนๆ จากนั้นก็เล่าถึงเรื่องสำคัญที่ตนเองกำลังครุ่นคิดอยู่เขากำลังไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งว่าจะถวายวิธีการสร้างเหล็กลายบุปผาให้กับจักรพรรดิเหวินดีหรือไม่!นี่เป็นเรื่องที่เขาไตร่ตรองมาโดยตลอดหลังจากที่ออกมาจากจวนสกุลเสิ่นเขาตระหนักรู้ได้ว่าลำพังเพียงช่างเหล็กไม่กี่คน คุณภาพที่ผลิตออกมาต่ำมากเกินไป!ถวายวิธีการสร้างเหล็กให้กับจักรพรรดิเหวิน อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลบ้าง และสิ่งที่ตามมาก็คือความนิยมของอาวุธที่ทำมาจากวัสดุเช่นนี้ มันไม่ได้ส่งผลดีต่อเขาในอนาคตเลยแต่หากไม่ถว
เจ้าสารเลวไร้ยางอายผู้นี้!นับวันยิ่งไม่มีความเกรงใจเอาเสียเลยนี่เขาไม่สนใจฐานะอันสูงศักดิ์ของตนเองบ้างเลยหรือไรเจ้าสารเลวใจกล้าบ้าบิ่น ใจกล้าไม่กลัวแม้แต่เทวดาฟ้าดิน!ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!เยี่ยจื่อสบถด่าอยู่ในใจไม่หยุด ทว่า สีหน้ากลับร้อนผ่าวยิ่งขึ้น...การประชุมเช้าวันต่อมาขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังจะประกาศเลิกประชุม ทันใดนั้นองครักษ์หน้าตำหนักรีบเข้ามารายงานว่าหยุนเจิงต้องการเข้าวังประสงค์จะเข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่กลับถูกทหารวังขวางเอาไว้“ขวางเขาด้วยเหตุใด?”จักรพรรดิเหวินขมวดพระขนงเล็กน้อย กล่าวเสียงดุดันว่า “ใครบังอาจสั่งทหารวังให้ขวางเจ้าหก?”องครักษ์หน้าตำหนักรีบรายงานว่า “กราบทูลฝ่าบาท ทหารวังไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลำบากพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ว่าองค์ชายหกพกอาวุธมาด้วย ทหารวังไม่กล้าให้องค์ชายหกเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ ทหารวังให้องค์ชายหกปลดอาวุธออก แต่องค์ชายหกยืนกรานไม่ยอมปลดออก บอกว่าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้พ่ะย่ะค่ะ...”พกอาวุธเข้าวังอย่างนั้นหรือนี่มันเป็นกฎข้อห้ามเด็ดขาด!เมื่อได้ยินองครักษ์หน้าตำหนักรายงานเช่นนี้ หยุนลี่ที่อาการบาดเจ็บเพิ่งจะดีขึ้นเพียงเล็กน้อย แทบจะอ
จักรพรรดิเหวินตรวจสอบดาบที่หยุนเจิงถวายให้อย่างละเอียดเขาไม่สนใจมองลวดลายอันงดงามประณีตบนตัวดาบเลย มองเพียงแค่คมของดาบและตรวจสอบอย่างละเอียดแม้ดาบนี้จะบางไปสักหน่อย แต่เมื่อใช้ฟันแล้ว คมดาบกลับดูเหมือนว่าไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดเลย!จักรพรรดิเหวินถือดาบล้ำค่าไว้ในมือ ฟันตัดผ่านอากาศเบาๆ สองสามครั้ง รู้สึกว่าน้ำหนักกำลังพอดีเลย“ฝ่าบาท หยุดร่ายรำได้แล้ว ขอกระหม่อมดูหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวว่านโฉวพรวดพราดไปข้างหน้า มองดาบอันล้ำค่าในพระหัตถ์จักรพรรดิเหวินอย่างคุ้นหูคุ้นตา ในฐานะที่เป็นแม่ทัพ เขาย่อมรู้ดีเป็นที่สุดว่าดาบใดได้เปรียบในการทำศึก“ได้! ย่อมได้!”จักรพรรดิเหวินเหลือบมองเซียวว่านโฉวด้วยรอยยิ้ม และตรัสด้วยสีหน้าดีใจว่า “อวี้กั๋วกง เจ้าอย่าดูคนเดียว ดาบล้ำค่าเช่นนี้ ต้องให้ขุนนางคนอื่นๆ ดูด้วย!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวว่านโฉวตอบรับหลังจากรับดาบล้ำค่ามาแล้ว ขุนนางฝ่ายบู้กลุ่มหนึ่งรีบรวมกลุ่มรุมตรวจสอบด้วยกันส่วนขุนนางฝ่ายบุ๋นก็อยากดูเช่นกัน ทว่า ช่วยไม่ได้ร่างกายของพวกเขาบอบบางนัก จึงไม่อาจแทรกตัวเข้าไปได้“ดาบชั้นยอดเลย!”“ความคมของดาบเช่นนี้ช่างหาได้ย
“ลูกเองก็หวังใช้โอกาสนี้ปรับตัวทำดีต่อน้องหก...”หยุนลี่กล่าวอย่างจริง แม้แต่หยุนเจิงที่ฟังอยู่ก็เกือบจะเชื่อแต่ไม่นานนักเขาก็ตระหนักได้ว่าที่หยุนลี่ทำไปเพื่อต้องการทำให้จักรพรรดิเหวินรู้สึกดีต่อเขาเจ้าปัญญาอ่อนนี่ ในที่สุดก็รู้จักใช้สมองบ้างแล้ว!“อย่างนั้นหรือ?”จักรพรรดิเหวินหรี่ตาเล็กน้อย “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรตบรางวัลให้เจ้าหกเช่นไรล่ะ?”“เอ่อ...”หยุนลี่ชะงักงันไปเล็กน้อย ทำท่าทางไม่กล้าเอ่ยปากกล่าว“เจ้าพูดมาเถอะ!”จักรพรรดิเหวินเอ่ยปากตรัส และดูเหมือนว่าจะพึงพอใจการประพฤติตัวของอยู่ลี่ในวันนี้มากเมื่อจักรพรรดิเหวินตรัสเช่นนี้แล้ว หยุนลี่จึงกล่าวลองเชิงว่า “อีกไม่นานน้องหกก็จะเดินทางไปซั่วเป่ยแล้ว ลูกขอบังอาจทูลขอเสด็จพ่อคัดเลือกผู้แข็งแกร่งบางส่วนจากหกองครักษ์ของวังหลวงติดตามไปคุ้มกันน้องหก เพื่อความปลอดภัยของน้องหกพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากหยุนลี่กล่าวจบ แม้แต่หยุนเจิงเองก็ตกตะลึงขึ้นแล้วมีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือนี่เพื่อทำเพื่อเอาใจเสด็จพ่อ เจ้านี่ยอมทำทุกอย่างจริงๆ!นี่เขาไม่กลัวว่าตนเองจะทำให้หยุนเจิงยิ่งใหญ่ขึ้นหรือหรือว่าเขาจะฉวยโอกาสนี้ส่งคนของเขาใ
“เช่นนั้นพวกเรามารอดูกันเถอะ!” หยุนลี่พยายามฝืนยิ้มเล็กน้อย จักรพรรดิเหวินใช้หางตามองหยุนลี่แวบหนึ่ง ก่อนจะถามต่อว่า “จ้าวจี๋ เจ้าคิดว่าหยวนกุยเป็นอย่างไร?” “เอ่อ…” จ้าวจี๋ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “หยวนกุยอาจไม่เหมาะกับภารกิจใหญ่โต แต่ตำแหน่งนายทหารม้ายังพอเหมาะสมอยู่พ่ะย่ะค่ะ” พูดตามตรง จ้าวจี๋เองก็ไม่ได้ให้ค่าหยวนกุยนัก ไม่เพียงแต่หยวนกุย แม้แต่หยวนฉงเขาก็ยังดูถูก แม้หยวนฉงเคยเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งซ้ายถุนเว่ย แต่ในสายตาของเขา หยวนฉงเป็นเพียงนักรบเถื่อนเท่านั้น “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน” จักรพรรดิเหวินยิ้มเล็กน้อยโดยไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม ไม่นาน เสียงกลองก็ดังขึ้น พร้อมกันนั้น นาฬิกาทรายก็เริ่มนับเวลา ทว่า นาฬิกาทรายนี้แตกต่างจากนาฬิกาทรายสมัยใหม่ มันเป็นเพียงกรวยที่เรียบง่าย กำหนดเวลาตามน้ำหนักของทรายที่ไหลออกมา เมื่อได้ยินเสียงกลอง โจวเต้ากงก็รีบนำทัพจากระยะ 500 เมตรพุ่งไปยังจุดรวมพลทันที เสียงกีบม้าที่กระหึ่มก่อให้เกิดฝุ่นคละคลุ้ง หยุนเจิงและพวกไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่นั่งชมอยู่บนกำแพงเมืองอย่างสงบ สำหรับการประลองประเภทนี้ หยุนเจิงไม่ได้สนใจอะไรมากนั
วันถัดมา หลังจากที่จ้าวจี๋นำกองทัพมาถึง การแสดงศิลปะการต่อสู้ก็พร้อมเริ่มต้นการแสดงครั้งนี้แบ่งออกเป็นสามช่วงการจัดทัพ การชนทัพ และการทดสอบยิงธนูบนหลังม้าทางราชสำนักส่งทหารม้า 5,000 นาย โดยมีจ้าวจี๋เป็นแม่ทัพหลัก โจวเต้ากงและหยวนกุยเป็นแม่ทัพรองกองทัพมณฑลทางเหนือส่งทหารม้าอีก 5,000 นาย นำโดยแม่ทัพหยูซื่อจง โดยแบ่งเป็นทหารของหยูซื่อจง 2,000 นาย ขบวนส่งเจ้าสาวจากเป่ยหวน 2,000 นาย และทหารกองเลือดอีก 1,000 นายการประลองรอบแรกเป็นการจัดทัพจักรพรรดิเหวินนั่งอยู่บนกำแพงเมืองในท่าทางอ่อนแอ ขณะที่หยุนเจิง หยุนลี่ เจียเหยา และจ้าวจี๋นั่งอยู่ด้านข้างในตำแหน่งที่ลึกเข้าไปเล็กน้อย“จ้าวจี๋ เจ้ามั่นใจว่าจะชนะขนาดนั้นเลยหรือ?”จักรพรรดิเหวินสวมเสื้อคลุม มีผ้าห่มขนแกะคลุมอยู่ พลางเอนตัวสอบถามจ้าวจี๋เดิมทีจ้าวจี๋ควรจะเข้าร่วมการแสดงศิลปะการต่อสู้ในลานกว้างนอกเมือง แต่เขาคิดว่าการจัดทัพเพียงอย่างเดียวไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จึงขออนุญาตชมอยู่บนกำแพงเมืองจ้าวจี๋ทำท่าจะลุกขึ้น แต่จักรพรรดิเหวินยกมือห้ามไว้ “ไม่ต้องลุก นั่งตรงนั้นแหละดีแล้ว”จ้าวจี๋รับคำสั่งก่อนจะนั่งลงอย่างสำรวมและตอบว่า “ห
หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆเมื่อเห็นว่าหยุนเจิงไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน จักรพรรดิเหวินจึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ พลางตบไหล่หยุนเจิง “เมื่อกลับไปยังเมืองหลวง ข้าจะให้พี่สามของเจ้าทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทน! เจ้าจะคว้าโอกาสไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว!”ให้เจ้าสามเป็นผู้สำเร็จราชการแทน?หยุนเจิงมองจักรพรรดิเหวินด้วยความประหลาดใจเจ้าเฒ่านี่กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?เจ้าสามได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เช่นนั้นคงไม่พ้นต้อง…เมื่อคิดเช่นนั้น ใบหน้าของหยุนเจิงก็พลันปรากฏความเข้าใจแจ่มแจ้ง“ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อมากพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงถอยหลังไปเล็กน้อย พลางทำความเคารพจักรพรรดิเหวินด้วยความนอบน้อมเขาเข้าใจเจตนาของจักรพรรดิเหวินแล้ว!การให้เจ้าสามเป็นผู้สำเร็จราชการแทน จะทำให้เจ้าสามฉวยโอกาสกวาดล้างผู้ที่คิดต่าง!ถึงเวลานั้น ขุนนางในราชสำนักเหล่านั้นอาจเกิดความไม่พอใจในตัวพี่เจ้าสาม แล้วหันมาสนับสนุนตนเองแทนตาเฒ่านี่ช่างวางแผนปูทางไว้ให้ตนเองจริงๆ!“พอแล้ว เข้าใจเช่นนี้ก็ดีแล้ว”จักรพรรดิเหวินมองหยุนเจิงด้วยความพึงพอใจ ก่อนถามด้วยความคาดหวัง “เจ้าได้คิดวิธีที่จะทำให้ข้าวางใจไปยังเป่ยหว
“หาอะไร!”จักรพรรดิเหวินพูดด้วยความหงุดหงิด “อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากพี่สามของเจ้าถึงกับไม่อยากเป็นองค์รัชทายาทเพราะเจ้า ต่อไปเรื่องยุ่งเหยิงทั้งหมด เจ้าก็รับผิดชอบเองแล้วกัน!”“คงไม่ถึงขนาดนั้นกระมังพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนเจิงได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตาเจ้าสามเพื่อจะได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท อะไรที่ทำได้เขาก็ทำทั้งนั้นแค่เล่นงานเขาเล็กน้อย จะถึงขั้นไม่อยากเป็นองค์รัชทายาทเลยหรือ?ถ้าให้เจ้าสามขึ้นเป็นจักรพรรดิ แล้ววันใดศัตรูต่างชาติบุกเข้ามา เขาจะไม่คิดอยากเป็นจักรพรรดิอีกหรืออย่างไร?“ไม่ถึงขนาดนั้นบ้าอะไร!”จักรพรรดิเหวินพ่นลมอย่างไร้มารยาท “ในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย เว้นแต่พวกที่ใกล้ล่มสลาย ไม่มีองค์รัชทายาทที่ไร้น้ำยาเท่านี้มาก่อน! ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเขายังมีประโยชน์มากนัก ต่อไปเจ้าจงสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นงานพี่สามของเจ้าโดยไม่มีเหตุผล!”บางครั้งเมื่อคิดถึง ก็อดสงสารเจ้าสามไม่ได้ไม่รู้ว่า หากเจ้าสามรู้ความจริงเข้า จะถึงกับเป็นบ้าหรือไม่แม้ว่าจะไม่ขัดขวางหยุนเจิงเล่นงานเจ้าสาม แต่ทุกเรื่องต้องมีขอบเขต!โชคดีที่พี่เจ้าสามยังอายุน้อยหากเจ้าสามอายุเท่าตนเอง เกรงว่าคงถูกเจ้าลูกอกตัญ
หยุนลี่พลันเข้าใจแจ่มแจ้ง มองจักรพรรดิเหวินด้วยความนับถือเต็มใบหน้าเสด็จพ่อช่างมีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก!แม้กระทั่งเรื่องนี้ก็ยังทรงคำนึงถึง!“เสด็จพ่อทรงมีสายตากว้างไกล ลูกนับถือจนสุดหัวใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความจริงใจนี่หาใช่คำเยินยอไม่ แต่เป็นความนับถืออย่างแท้จริงเพียงเรื่องเดียว กลับมีจุดประสงค์มากมายถึงเพียงนี้“เจ้าสาม เจ้ายังอ่อนประสบการณ์เกินไป…”จักรพรรดิเหวินถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้เจ้ายังต้องเรียนรู้จากเจ้าหกให้มาก! หากเจ้าหกมีเพียงกำลังทหารแข็งแกร่ง ข้าก็หาได้หวาดกลัวเขาไม่! แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตัวเจ้าหกลูกอกตัญญูผู้นี้คือสมองของเขา เขามักคิดการณ์ไกลอยู่เสมอ เขาอยู่ในจวนปี้ปัวมาสองสิบกว่าปี ข้าคิดว่าเขาคงใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเหล่านี้…”ในข้อนี้ หยุนลี่เองก็เห็นด้วยไม่มีใครรู้เท่ากับเขาว่าเจ้าหกมีความเจ้าเล่ห์เพียงใดไอ้สารเลวนี้ เมื่อก่อนในจวนปี้ปัวทำตัวขี้ขลาดแน่นอนว่าคงหมกมุ่นอยู่แต่การวางแผนเล่นงานผู้อื่น!ไม่เช่นนั้น ไอ้สารเลวนี้จะมีความเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้หรือ?“เสด็จพ่อสั่งสอนได้ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่กล่าวด้วยความละอาย
"นี่..." หยุนลี่อ้าปากค้างไปชั่วขณะ แต่ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เขารู้ดีว่าจักรพรรดิเหวินตรัสอย่างมีเหตุผล ตระกูลใหญ่และขุนนางไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ พวกเขาสนแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้หยุนเจิงมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง หากเขาก่อกบฏ เกรงว่าตระกูลใหญ่และขุนนางหลายคนจะเข้าข้างหยุนเจิง บางตระกูลที่มีความทะเยอทะยาน อาจถึงขั้นร่วมมือกันยกทัพก่อกบฏ แค่หยุนเจิงคนเดียวก็จัดการได้ยากมากอยู่แล้ว ถ้าหลังบ้านของเรายังมีปัญหาเพิ่มเติม ราชสำนักอาจไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้านเลยก็เป็นได้ หยุนลี่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกัดฟันพูดว่า "ลูกจะเชื่อเสด็จพ่อ! เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ลูกจะทำทุกวิถีทางเพื่อลดอำนาจของพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง!" เอาเป็นว่าทำตามนี้! ถ้าไม่จัดการกับพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง เงินทองของตัวเองจะมาจากไหน? เพราะนั่นมันตั้งสี่แสนตำลึงเงินนะ! เงินที่ยึดมาได้จากพวกตระกูลใหญ่และขุนนาง บางส่วนจะสามารถเข้ากระเป๋าของตัวเองได้ เพื่อชดเชยความเสียหาย ส่วนหนึ่งสามารถนำเข้าคลังหลวง เพื่อนำไปเตรียมการกองทัพและป้องกันหยุนเจิง! "ถูกต้องแล้ว!" จักรพรรดิเห
“เฮ้อ…” จักรพรรดิเหวินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตบมือหยุนลี่เบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าไปคุยกับเจ้าหกมาเป็นอย่างไรบ้าง?" พอพูดถึงเรื่องนี้ ไฟโทสะที่หยุนลี่เพิ่งกดไว้ก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่เขาเพิ่งพ่นเลือดไปสองครั้งและปลอบใจตัวเองมาพอสมควร เลยไม่ถึงกับพ่นเลือดออกมาอีก ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่หยุนลี่ก็ยังเล่าเรื่องข้อตกลงระหว่างเขากับหยุนเจิงออกมา "ไอ้ลูกอกตัญญูช่างกล้าบ้าบิ่น!" พอจักรพรรดิเหวินได้ฟังเรื่องราวจากหยุนลี่ ก็โมโหจนหายใจแรง "เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว ขอให้รักษาพระวรกายไว้ก่อนเถิด..." หยุนลี่รีบยื่นมือไปช่วยประคองลมหายใจของจักรพรรดิเหวินให้สงบลง จักรพรรดิเหวินพ่นลมหายใจอย่างแรงอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็เริ่มสงบลงได้ หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิเหวินก็หันไปมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าเย็นชา "พรุ่งนี้เจ้าเด็กอกตัญญูยังต้องมาคารวะข้า เจ้าคิดว่าถ้าข้าให้คนซุ่มรอไว้ก่อน จะมีโอกาสจับมันได้ครั้งเดียวหรือไม่?" "ไม่ได้เด็ดขาด!" หยุนลี่รีบห้ามพระองค์จากความคิดบ้าคลั่งนั้น "เสด็จพ่อก็ทรงเห็นแล้วว่าเจ้าหกระวังตัวตลอดเวลา หากจับตัวมันไม่ได้ในการลงมือครั้งเดียว จะยิ่งทำให้มันโกรธแค้น ใน
เมื่อกลับถึงจวนพัก หยุนลี่ก็ระบายความโกรธด้วยการฟันหิมะอย่างบ้าคลั่ง น่าขายหน้า! ขายหน้าสิ้นดี! ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยขายหน้าขนาดนี้มาก่อน เขารู้ว่าในการมาฟู่โจวครั้งนี้จะต้องถูกหยุนเจิงหลอก แต่ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานถึงขนาดนี้ ทั้งเงิน ทั้งข้าว ทั้งที่ดิน... ตัวเองยังสมควรเป็นองค์รัชทายาทอยู่อีกหรือ? เขากลายเป็นตัวตลกเต็มประตู! น่าชิงชัง! น่าชิงชังที่สุด! หยุนลี่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เลือดลมภายในร่างพลุ่งพล่านไม่หยุด "พรวด..." เมื่อความโกรธทำให้เลือดลมตีขึ้น หยุนลี่ก็ทนไม่ไหวและพ่นเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างของหยุนลี่เซไปมาจนเกือบล้มลงกับพื้น โชคดีที่ในจังหวะที่ร่างกำลังจะทรุดลง เขาปักดาบลงพื้น ใช้ดาบค้ำยันตัวเองไว้ พร้อมคุกเข่าข้างหนึ่ง "องค์รัชทายาทเพคะ!" เหล่าข้ารับใช้รีบร้องตะโกนด้วยความตื่นตกใจ ก่อนกรูเข้ามาหา "ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด..." หยุนลี่ตะโกนเสียงต่ำ ขณะที่ปาดคราบเลือดที่มุมปากออกอย่างลวกๆ เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นสภาพอันน่าอับอายของตัวเอง เขาคือองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดิน ต่อให้เป็นอย่างไรก็ยังต้องรักษาหน้าตาไว้ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหยุนลี่ บรรด
เมื่อเจอคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ถึงกับตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ ลังเลอยู่นาน ในที่สุดหยุนลี่ก็กัดฟันยอมรับ "ตกลง สี่ล้านตำลึง! เหมือนกับเรื่องเสบียง ให้ชำระภายในสิ้นปี!" เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หยุนลี่แทบกระอักเลือด เขาเคยคิดไว้ว่าจะพึ่งจางซูผู้เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติเพื่อหาเงินได้อย่างมหาศาล ตอนนี้ เงินหาได้มาก็จริง แต่ยังไม่ทันได้ใช้ให้คุ้ม เจ้าสุนัขตัวนี้ก็มาจ้องตาเป็นมันแล้ว แถมยังต้องควักทุนสำรองออกมา และไปยืมเงินจากคนอื่นอีก! "ทีนี้มาพูดเรื่องช่างฝีมือกันเถอะ!" หยุนเจิงยิ้มอย่างพึงพอใจ "อย่ามาพูดเรื่องไปหาเอาจากกรมโยธาเลย แค่ช่างต่อเรือสองพันคนเอง ไม่ใช่ว่าสร้างเรือรบสองพันลำ! ข้าอาจไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเจ้า" ไม่ยาก? ในใจหยุนลี่ด่าไม่หยุด นี่มันช่างต่อเรือที่มีการลงทะเบียนเอาไว้! ล้วนมีทะเบียนช่างฝีมืออยู่! ไม่ใช่พวกผู้อพยพสองพันคน! "หนึ่งพัน!" หยุนลี่พยายามระงับโทสะ "จะเคลื่อนย้ายคนที่มีทะเบียนช่างฝีมือเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย! การควบคุมช่างต่อเรืออาจไม่เข้มงวดเท่าช่างทำเกราะ แต่ถ้ามีทะเบียนติดตัว..."