“ขอโทษหรือเพคะ?”เยี่ยจื่อทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ กัดฟันกรอดและถามว่า “มือของท่านยังเป็นตะคริวหรือไม่เพคะ?”“เป็นตะคริว?” หยุนเจิงงุนงง และพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “มือของข้าไม่ได้...”เมื่อพูดได้เพียงครึ่งเดียว หยุนเจิงก็ชะงักในทันทีให้ตายเถอะ!เจ้าเด็กซินเซิงคงไม่ได้เล่าเรื่องที่เขาทำท่าทางแบบนั้นให้เยี่ยจื่อฟังหรอกนะ?ตายๆ!อย่าได้ทำเรื่องน่าอายต่อผู้อื่นจะได้หรือไม่!เจ้าเด็กคนนี้ก็เหลือทน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดให้คนนอกฟังเสียหมด!“แค่กๆ...”หยุนเจิงยังคงหน้าแดงก่ำ หัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “ดี... ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ได้เป็นตะคริวแล้ว!”เยี่ยจื่อจ้องไปที่มือของหยุนเจิงด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร “ให้ข้าช่วยนวดให้ท่านดีกว่าเพคะ!”นวดงั้นหรือ?ข้าไม่ได้อยากนวดขนาดนั้นเสียหน่อย!หยุนเจิงแอบบ่นอยู่ในใจ แต่กลับโบกมือและพูดด้วยความเคร่งขรึมว่า “ไม่ต้องหรอก หากมีคนมาเห็นว่าเจ้านวดให้ข้า เกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็นเอาได้”เยี่ยจื่อจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ และนั่งลงด้วยความเดือดพล่านจนหายใจไม่ทันหยุนเจิงหัวเราะออกมาด้วยความอึดอัดใจ และหยิบไหเหล้าเพื่อรินเหล้าให้แก่เยี่ยจื่อเมื่อเห็น
ค่ำคืนนี้ ทั้งหยุนเจิงและเยี่ยจื่อต่างก็นอนไม่หลับดังนั้นยามตื่นเช้ามา ทั้งสองจึงหาวตลอดวันถึงแม้จะผ่านไปคืนหนึ่งแล้ว ทว่าทั้งสองก็ยังคงมีความเขินอายต่อกันยามพบหน้ากันอยู่โชคดีที่หยุนเจิงหน้าหนาอยู่บ้าง ทำให้คนอื่นไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติหลังจากรับอาหารเสร็จสรรพ หยุนเจิงก็พาองครักษ์สี่คนเดินทางไปที่กองทหารเสิ่นอู่ทันทีในกองทหารทั้งหกของเมืองจักรพรรดิมีเพียงกองทหารเสิ่นอู่และกองทหารอวี่หลินเท่านั้นที่ประจำการอยู่ในเมืองขณะที่พวกเขาเดินทางมาถึงกองทหารเสิ่นอู่ เซียวติ้งอู่ก็ได้พารองแม่ทัพมารอที่หน้าประตูค่ายแล้ว“คาระวะองค์ชายหก!”เซียวติ้งอู่เป็นบุตรชายคนโตของเซียวว่านโฉว และเป็นผู้บัญชาการของกองทหารเสิ่นอู่ด้วยกองทหารเสิ่นอู่มีทหารไม่เกินหนึ่งหมื่นห้านาย แต่ล้วนแต่ถูกคัดมาอย่างดีหยุนเจิงส่งสัญญาณให้เซียวติ้งอู่ไม่ต้องมากพิธี แล้วกล่าวว่า “พาข้าเดินชมบริเวณค่ายก่อนเถอะ!”“ขอรับ!”เซียวติ้งอู่ตอบรับในทันที “ม้ารบจำนวนหกร้อยตัวที่องค์ชายชนะมาให้นั้น ได้แก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนของเรา กระหม่อมจะพาองค์ชายไปดูทหารม้าของเราก่อน!”“เอ่อ…ได้!”หยุนเจิงพยักหน้า แอบก่นด่าว่าคน
“มีเพียงหนึ่งพันห้าร้อยกว่าคนเท่านั้น”เซียวติ้งอู่ตอบ “หากไม่ใช่เพราะองค์ชายทรงชนะม้ารบของคณะทูตเป่ยหวนมาได้ล่ะก็ กองทหารม้าทั้งกองทหารเสิ่นอู่คงมีไม่ถึงหนึ่งพันนาย!”เซียวติ้งอู่รู้ว่าหยุนเจิงไม่รู้สถานการณ์ของกองทหารทั้งหกแห่งเมืองจักรพรรดิแน่นอน เขาจึงเริ่มอธิบายให้หยุนเจิงฟังก่อนหน้านั้น กองทหารทั้งหกแห่งเมืองจักรพรรดิมีทหารม้าไม่ถึงหกพันนายด้วยซ้ำองครักษ์อวี่หลินที่เป็นองครักษ์ราชวัง ก็แทบจะไม่มีทหารม้าเพราะองครักษ์อวี่หลินเองก็ไม่สามารถรวมตัวทหารม้าให้มาฝึกซ้อมในราชวังหลวงทั้งวันได้เดิมกองทหารเสิ่นอู่มีทหารม้าอยู่หนึ่งพันนาย แต่ทว่าเพราะเมื่อปีก่อนได้สูญเสียม้ารบที่แก่ชราและอ่อนแอไปบ้าง และไม่มีม้ารบตัวใหม่มาแทนที่ จึงทำให้ทหารม้ามีไม่ถึงหนึ่งพันนายส่วนกองทหารฝ่ายซ้ายขวาเองก็เหมือนกับกองทหารเสิ่นอู่ มีทหารม้าไม่ถึงหนึ่งพันนายเช่นเดียวกันถึงแม้จะเป็นองครักษ์ทหารม้าฝ่ายซ้ายขวาที่มีทหารม้ามากที่สุด ก็ยังมีกองทหารม้าไม่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยนายเมื่อได้ยินการแนะนำของเซียวติ้งอู่ หยุนเจิงก็อึ้งอย่างอดไม่ได้เขารู้ว่าแคว้นต้าเฉียนขาดแคลนกองทหารม้ามากแต่ทว่าไม่คาดคิดว่าจะ
เที่ยงวัน เซียวว่านโฉวทั้งบ้านต้อนรับหยุนเจิงอย่างอบอุ่นเซียวว่านโฉวเป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว ถึงแม้ในอดีตเขาจะดูถูกหยุนเจิงเหมือนเหล่าขุนนางคนอื่นๆ ทั้งราชวัง แต่ทว่าพฤติกรรมของหยุนเจิงในช่วงที่คณะทูตเป่ยหวนมาเยี่ยมเยือนนั้น ก็มากพอที่จะเปลี่ยนสายตาที่มองหยุนเจิงได้แล้วเซียวว่านโฉวเองก็รู้ดีว่าที่จักรพรรดิเหวินให้เซียวติ้งอู่สอนทักษะการทำสงครามกับหยุนเจิงนั้นเป็นการเตรียมตัวให้กับหยุนเจิงก่อนจะเดินทางไปซั่วเป่ยรู้ดีว่าเรื่องที่หยุนเจิงเดินทางไปซั่วเป่ยนั้นได้ตัดสินแล้ว เซียวว่านโฉวยังปลอบใจหยุนเจิงไม่หยุดจริงๆ แล้วเป่ยหวนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เป่ยหวนมีทหารเหล็กหกแสนนายที่ไหนกัน?เกรงว่าทหารม้าที่เป่ยหวนจัดเตรียมไว้นั้นอาจจะไม่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นนายด้วยซ้ำเพียงเพราะคนแคว้นเป่ยหวนนั้นเติบโตบนหลังม้า และยังมีสรรพยากรม้ารบจำนวนมาก ขอเพียงมีสงครามเต็มรูปแบบเกิดขึ้น เป่ยหวนก็พร้อมที่จะเรียกใช้กำลังทหารม้าจำนวนหลานแสนนายออกมาได้ทันทีดังนั้น อยู่ดีไม่ว่าดีเป่ยหวนจึงได้รับการขนานนามว่าเป็นทหารม้าเหล็กหกแสนนายแต่ทว่าการเรียกทหารม้ามากะทันหันกับการเตรียมทหารม้าไว้ก่อนแล้วนั้นมีควา
เรื่องของเมื่อวาน นางเองก็โดนหางเลขไปด้วยนางสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจักรพรรดิเหวินเย็นชาต่อนางขึ้นไม่น้อยหากเป็นเช่นนี้อีกต่อไป เกรงว่านางจะสูญเสียความโปรดปรานเสียแล้ว!“เฮ้อ!”สวีสือฝู่ถอนหายใจด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง “สถานการณ์ของลี่เออร์ตอนนี้ไม่ดีเอาเป็นอย่างมาก ต้องให้ลี่เออร์สร้างผลงานมาสร้างความพึงพอพระทัยแด่ฝ่าบาท...”“ประเด็นคือจะทำเรื่องอย่างไรเล่า!”หยุนลี่กัดฟันแล้วแค่นเสียงต่ำ “แล้วท่านคิดว่าตอนนี้ต้องทำอะไรถึงจะทำให้เสด็จพ่อพอพระทัยเล่า?”ไร้สาระ!คิดว่าเขาไม่อยากทำให้เสด็จพ่อพอพระทัยหรืออย่างไร?แต่ตอนนี้เขาไม่เข้าใจถึงอารมณ์ของจักรพรรดิเหวินเลยสักนิด ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรตอนนี้เขาโดนจักรพรรดิเหวินตีจนกลัวแล้วเกรงว่าเขาไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้จักรพรรดิเหวินพอพระทัย แต่จะโดนด่าโดนโบยแทนหากเป็นเช่นนี้ไปอีกสองสามครั้ง เขาคงถูกตีถูกโบยจนพิการไปแล้ว!สวีสือฝู่ครุ่นคิดเพียงครู่ รีบตอบว่า “ก่อนอื่น เจ้าไม่สามารถหาเรื่องหยุนเจิงได้อีก ไม่เพียงแต่จะหาเรื่องเขาไม่ได้เท่านั้น ยังต้องทำดีต่อเขาด้วย!”“อะไรนะ?”หยุนลี่พอได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่อยากทำแล้ว เขากัดฟันกรอดแล้วพูดว่
เมื่อหยุนเจิงมาถึงที่ร้านตีเหล็ก ที่นี่กำลังยุ่งจนเปลวไฟแทบลุกหลังจากที่ช่างตีเหล็กสองสามคนทำการคาราวะหยุนเจิงแล้วก็นำหอกยาวที่เพิ่งหลอมเสร็จยื่นไปข้างหน้าราวกับว่ากำลังถวายสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นหอกยาวนี้มีสองส่วนบริเวณตรงกลางมีรูยามไม่ใช้งาน สามารถแบ่งหอกยาวนี้เป็นสองส่วน เก็บใส่เข้าไปในกระเป๋าหนังวัวได้ สะดวกต่อการพกพายามใช้งานก็สามารถนำมาประกอบกันเป็นหอกยาวหยุนเจิงมองหอกยาวที่อยู่ตรงหน้า ก็ดีใจเป็นอย่างมาก“ตบรางวัล! คนละยี่สิบตำลึงเงิน!”แม้ว่าหยุนเจิงจะไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาก็ยังใจกว้างขวางกว่าปกติด้วยเขาคิดว่าพวกช่างตีเหล็กพวกนี้จะไม่สามารถทำรูเชื่อมตรงกลางออกมาได้เสียอีก!คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะสามารถเจาะรูตรงกลางจากแรงงานคนออกมาได้จริงๆเขาพบว่า ตนดูถูกสติปัญญาของพวกช่างตีเหล็กพวกนี้เกินไปเสียแล้ว“ขอบพระทัยองค์ชายหก!”พวกเขาสองสามคนรีบกล่าวขอบคุณอย่างตื้นตัน“นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าควรได้!”หยุนเจิงมองไปยังคนเหล่านี้อย่างพึงพอใจในใจเขาเข้าใจดีว่า มันยากเย็นเพียงใดในหลายวันมานี้กว่าจะหล่อหอกมาได้คาดว่า สองสามคนนี้คงไม่ได้หลับตานอนเลยในหลายวันมานี้หยุนเ
หยุนเจิงกรอกตามองบนใส่นาง รับถุงหนังวัวจากมือเกาเหอมา แล้วหยิบหอกสั้นมา“นี่คือหอกหรือ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนยิ่งดูแคลนขึ้นไปใหญ่ “นี่เจ้าแยกไม่ออกแม้กระทั่งระหว่างหอกกับแท่งเหล็กหรือไง?”หยุนเจิงคร้านจะตอบนาง แล้วค่อยหยิบหอกท่อนที่เหลือออกมาหยุนเจิงทำการต่อหอกทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันภายใต้สายตาที่สงสัยของพวกเสิ่นลั่วเยี่ยนในทันใดนั้น หอกเหล็กยาวเล่มหนึ่งก็ปรากฏต่อหน้าพวกนางหอกทั้งเล่มนั้นเป็นเหล็กลายบุปผา ไม่เพียงส่องแสงประกายระยิบระยับ แต่ยังมีลายดอกไม้แสงประณีตอีกด้วยทันใดนั้นสองตาของเสิ่นลั่วเยี่ยนก็ส่องแสงประกาย รีบแย่งหอกในมือไปทันที นางออกแรงดึงออก แต่ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออกเสียที “นี่เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปยังหยุนเจิงด้วยความตกใจและความประหลาดใจ “แล้วจะแยกอย่างไร?” หยุนเจิงกลอกตามองบนใส่นาง เอาหอกมาแล้วบิดซ้ายขวา หอกด้ามยาวถูกแยกออกเป็นสองท่อนอีกคราเสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังอยากจะลองลงมือทำด้วยตนเอง หยุนเจิงกลับยื่นหอกที่ถูกออกแบ่งเป็นสองท่อนให้เกาเหอ “ในเมื่อลั่วเยี่ยนไม่อยากได้ เช่นนั้นก็ยกให้เจ้าก็แล้วกัน” พอเสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาท
เมื่อกลับมาถึงจวน หยุนเจิงก็นั่งคิดไตร่ตรองอยู่ลานหลังจวนเขาครุ่นคิดจนเคลิบเคลิ้มไป กระทั่งเยี่ยจื่อทอดน่องเข้ามาใกล้แล้วก็ยังไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเยี่ยจื่อนั่งลงตรงหน้าเขา เขาถึงจะรู้สึกตัวขึ้น“คิดวางแผนเล่นงานผู้ใดอยู่อีกหรือ?”เยี่ยจื่อกล่าวถามหยอกล้อ“ข้าไม่ได้คิดวางแผนเล่นงานใครเลยจริงๆ”หยุนเจิงส่ายหน้า “ข้ากำลังวางกลยุทธ์สำคัญอย่างหนึ่งอยู่ แต่มีบางอย่างที่ยังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่”เยี่ยจื่อประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านก็มีวันที่ไม่แน่ใจเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”“ก็มีน่ะสิ”หยุนเจิงยิ้มเจื่อนๆ จากนั้นก็เล่าถึงเรื่องสำคัญที่ตนเองกำลังครุ่นคิดอยู่เขากำลังไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งว่าจะถวายวิธีการสร้างเหล็กลายบุปผาให้กับจักรพรรดิเหวินดีหรือไม่!นี่เป็นเรื่องที่เขาไตร่ตรองมาโดยตลอดหลังจากที่ออกมาจากจวนสกุลเสิ่นเขาตระหนักรู้ได้ว่าลำพังเพียงช่างเหล็กไม่กี่คน คุณภาพที่ผลิตออกมาต่ำมากเกินไป!ถวายวิธีการสร้างเหล็กให้กับจักรพรรดิเหวิน อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลบ้าง และสิ่งที่ตามมาก็คือความนิยมของอาวุธที่ทำมาจากวัสดุเช่นนี้ มันไม่ได้ส่งผลดีต่อเขาในอนาคตเลยแต่หากไม่ถว
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่