อีกหลายสิบคนที่เหลือ ก็ถูกทหารราบกองกำกับดูแลคนอื่นยิง“ผู้หลบหนี ฆ่า!”ทหารกองกำกับดูแลนำโดยปู้ตู ร้องตะโกนเผชิญหน้ากับการควบคุมของปู้ตู คนสองกำลังเหมิงกู่และเจินเกอที่คิดจะหลบหนีทำได้เพียงหันหัวม้ากลับไปบุกฆ่าอีกครั้งทว่า ช่องว่างได้ถูกเปิดออกแล้วจากนั้นทหารต้าเฉียนจำนวนมากบุกเข้ามา คนสองกองกำลังเหมิงกู่และเจินเกอยิ่งเกิดความหวาดกลัว“ฆ่า!”“ฆ่า!”“บุกเข้าไป!”ตอนที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือน ด้านหลังของทหารราบเป่ยหวนก็มีเสียงร้องตะโกนฆ่าดังสนั่นลั่นท้องฟ้าเสียงร้องตะโกนฆ่าที่มาอย่างกะทันหันทำให้ทหารราบทุกกองตกใจกลัวแม้จะอยู่ในสนามรบอันดุเดือด คนไม่น้อยหันหลังกลับไปมองอย่างไม่รู้ตัวด้านหลังของสนามรบ มีทหารติดอาวุธต้าเฉียนที่ไม่รู้โผล่มาตั้งแต่เมื่อใดทหารม้าต้าเฉียนพุ่งเข้ามาทางด้านหลังด้วยเจตนาฆ่าไม่มีสิ้นสุดกองทหารชั้นยอดที่นำโดยชวีจื้อได้ตั้งขบวนโจมตี บุกมาจากทางด้านหลังของทัพศัตรูทหารม้าปีกข้างของเป่ยหวนแตกตื่นในชั่วพริบตาไม่รอคำสั่งของเจียเหยา คนเหล่านี้เริ่มล่าถอยทันทีระหว่างทางที่พวกเขาล่าถอย กลับต้องเผชิญกับทหารม้าต้าเฉียนที่นำโดยชวีจื้อเผชิ
หลังจากการบุกของกองกำลังชวี้จื้อ หยุนเจิงรู้ การต่อสู้สนามนี้ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้วบนสนามรบ มีต่างศพทุกหนทุกแห่งแต่ว่า ศพของคนสองกองกำลังเหมิงกู่และเจินเกอมีมากหน่อยเวลาเช่นนี้ ความแตกต่างระหว่างชุดเกราะที่สมบูรณ์และชุดเกราะที่ไม่สมบูรณ์นั้นแสดงให้เห็นอย่างเต็มที่หลายครั้งมากมายที่ร่างกายทหารต้าเฉียนถูกดาบฟัน แต่ด้วยการป้องกันจากชุดเกราะ จึงไม่ได้เป็นสิ่งใดร้ายแรงทว่าทัพศัตรูที่ไม่มีการป้องกันจากชุดเกราะเหล่านั้น ขอแค่สัมผัสกับอาวุธของทหารต้าเฉียน โดยพื้นฐานแล้วล้วนลงเอยด้วยจุดจบที่ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส มีเพียงคนโชคดีจำนวนน้อยที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเดิมขวัญทหารของเหมิงกู่และเจินเกอก็ไม่มั่นคงอยู่แล้ว การบุกมากะทันหันของกองกำลังชวีจื้อ นับว่าเป็นการทำลายการป้องกันด้านจิตใจสุดท้ายของพวกเขาไม่นาน คนสองกองกำลังเหมิงกู่และเกินเจอเริ่มยอมจำนนถึงเช่นไร ต่อให้ทหารม้าต้าเฉียนบุกทะลวงแนวป้องกันของพวกเขาไป ที่บุกรุกเข้าไปก็คือด้านหลังของต้าเฉียน ไม่ใช่ด้านหลังของพวกเขารักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด!มองดูสองกองกำลังเหมิงกู่และเจินเกอทยอยยอมจำนน ทหารม้าเป่ยหวนที่ถูกโจมต
บนสนามรบ ไม่ใช่มีคนจำนวนมากแล้วจะต้องได้เปรียบเสมอไป!ตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนทรายหนึ่งชามที่แตกความสามัคคี!อีกทั้ง ยังเป็นทรายแตกความสามัคคีที่ชุดเกราะไม่สมบูรณ์กองทัพเช่นนี้ ทำได้เพียงสู้ไปตามทิศทางลม โดยพื้นฐานไม่มีทางต่อต้านทิศทางลมได้!ต่อให้คนของพวกเขามีจำนวนเป็นสองเท่าของทัพศัตรู ต่อสู้กับทัพศัตรูที่กำลังใจล้นเปี่ยม โดยพื้นฐานแล้วมีจุดจบเดียวคือพังทลายแม้ปู้ตูอยากจะสู้ตายไปพร้อมกับทัพศัตรูเช่นกัน แต่เขาก็รู้ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสู้แล้ว“ข้ารู้!”เจียเหยากำหมัดแน่น กัดฟันกล่าว “แต่พวกเราหนีไปตลอดเช่นนี้ ทัพศัตรูไล่ตามมาตลอด ความเสียหายของพวกเราเองก็ไม่น้อยเช่นกัน! ทว่าทัพศัตรู สามารถทำให้ความเสียหายแทบเป็นศูนย์...”หนีไปตลอดเช่นนี้ เดิมก็ไม่ใช่วิธีพวกเขาคนมาก ต้องมีคนข้างหลังทีรั้งทายถูกศัตรูไล่ตามที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาต้องรวมตัวกับกองกำลังราชสำนักทางนั้น!พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ทัพศัตรูติดสอยห้อยตามพวกเขาจนถึงราชสำนัก!พวกเขาจะต้องชะลอการไล่ล่าของศัตรู ให้คนทางราชสำนักมีเวลาอพยพราชสำนักเมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา ปู้ตูหมดคำพูดโดยทันทีเขารู้สิ่งที่เจียเหยาพูดเป็น
“องค์หญิง!”ปู้ตูเดินมาข้างหน้าอีกครั้ง ยังอยากเกลี่ยกล่อมเจียเหยาตัดบทปู้ตู กล่าวด้วยความร้อนใจ “ทัพศัตรูกำลังไล่ตามมา ไม่มีเวลาโอ้เอ้แล้ว!”ปู้ตูลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นหัวใจสับสน จากนั้นก็เข้าใกล้อีกครั้ง “องค์หญิง ท่านฟังข้าสักประโยค...”“อาจารย์เชิญกล่าว!”เจียเหยาตั้งใจฟังใจจดใจจ่อ“ความจริงแล้วพวกเรา...”ปู้ตูกำลังจะกล่าว ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ฝ่ามือฟาดไปที่ต้นคอของเจียเหยาทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเกินไป เจียเหยาไม่มีการป้องกันใด เดิมก็ไม่ทันได้ตอบโต้ผลัก!ดาบร่วงหล่นเจียเหยาส่งเสียงอึดอัด จากนั้นก็สลบไปโดยตรงปู้ตูพยุงเจียเหยา กล่าวเสียงเข้ม “โม่ยื่อเกิน รีบพาองค์หญิงไป!”“ข้าพาคนไปปิดกั้นด้านหลัง!” โม่ยื่อเกินส่ายหน้า สีหน้าเด็ดเดี่ยว“เจ้าคุณสมบัติไม่พอ!”ปู้ตูคำราม “พาองค์หญิงไปเดี๋ยวนี้!”“ใต้เท้าปู้ตู!” โม่ยื่อเกินแผดเสียงสูง “ประโยชน์ของท่านมีมากกว่าข้า! องค์หญิงตอนนี้สูญเสียความมั่นใจหมดสิ้นแล้ว มีเพียงท่านที่สามารถช่วยองค์หญิงให้ฟื้นกลับมาได้ใหม่!”ปู้ตูเป็นที่พึ่งพาเดียวของเจียเหยาแล้ว!มีความช่วยเหลือจากใต้เท้าปู้ตู หวังว่าองค์หญ
จุดจบแห่งความพ่ายแพ้กำหนดไว้แล้ว!เขาไร้กำลังเปลี่ยนแปลงจุดจบตอนนี้ เขาทำได้เพียงนำทัพบุกโจมตีอย่างไม่กลัวตาย แย่งชิงเพื่อสังหารหยุนเจิง!ต่อให้ไม่พร้อมเพียงใด พยายามถ่วงเวลาอีกให้ได้ ให้เจียเหยาได้มีโอกาสบุกทะลวงออกไปเขาจำเป็นต้องรับประกันว่าเจียเหยาหนีไปได้อย่างปลอดภัยเป่ยหวนตอนนี้ มีเพียงเจียเหยาที่ออกคำสั่งทุกชนเผ่าเป่ยหวนได้หากสูญเสียเจียเหยาไป เป่ยหวนต้องมีคนมากมายตั้งตนเป็นกษัตริย์ ตกอยู่ในความแตกแยก!องค์หญิง...ท่านให้ข้าทำเรื่องสุดท้ายแทนท่านเถอะ!โม่ยื่อเกินถอนหายใจเงียบๆ จากนั้นก็ร้องคำราม “เหล่าผู้กล่า ฆ่าให้ข้า!”ความเด็ดเดี่ยวของโม่ยื่อเกินกระตุ้นความกล้าสุดท้ายของเหล่าทหาร“ฆ่า!”เวลานี้ ทุกคนแผดเสียงร้องฆ่าดั่งสนั่นหูด้วยการนำทัพของโม่ยื่อเกิน ทุกคนพากันจับจ้องธงอักษรซ่วยที่อยู่บริเวณไกลๆ ติดตามโม่ยื่อเกินบุกไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้นขณะเดียวกัน ทหารม้าต้าเฉียนก็พุ่งเข้ามาเช่นกันการต่อสู้ครั้งให้ดึงผ้าม่านเปิดฉากอีกครั้งตอนนี้โม่ยื่อเกินมีเพียงเป้าหมายเดียว สังหารหยุนเจิง!เขาไม่เคยเห็นหยุนเจิง แต่เขาจับจ้องธงอักษรซ่วยทหารม้าทั้งสองฝ่ายปะทะกั
“หยุด!” ขณะที่ทุกคนคิดจะแทงโม่ยื่อเกินให้ตาย เสียงของหยุนเจิงดังขึ้นหยุนเจิงขี่ม้าเข้ามา มองโม่ยื่อเกินด้วยความชื่นชม “เจ้าชื่ออะไร?”“ข้าคือโม่ยื่อเกินปู่ของเจ้า!”โม่ยื่อเกินสองดวงตาจ้องเขม็งหยุนเจิง “เจ้าคือหยุนเจิง?”หัวใจของโม่ยื่อเกินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง พยายามยืนหยัดร่างกาย กุมดาบสันโค้งในมือเอาไว้แน่นหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าตอนนี้หยุนเจิงคงถูกหยุนเจิงยิงกลายเป็นรังผึ้งด้วยสายตาแล้ว“ไม่เลว!”หยุนเจิงพยักหน้า “ข้าก็คือท่านอาเขยของประมุขใหญ่ของพวกเจ้า!”อา...อาเขย?ใบหน้าโม่ยื่อเกินกระตุกอย่างแรง กัดฟันกรอดคำรามต่ำ “วันหน้า ลูกหลานรุ่นหลังของพวกเขา ต้องแก้แค้นแทนพวกเรา! ความอัปยศของพวกข้าในวันนี้ ก็คือความอัปยศของพวกเจ้าในวันหน้า!”หยุนเจิงยิ้มเรียบๆ ทว่าสายตากับเย็นชาเป็นพิเศษ “เช่นนั้นข้าจะทำลายเผ่าพันธุ์ของพวกเขาให้หมดสิ้นทั้งแคว้น ไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว!”เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง สีหน้าโม่ยื่อเกินเปลี่ยนไปทันทีความกลัวไร้ที่มาที่ไปค่อยๆ คืบคลานในใจเขาหยุนเจิงขี้เกียจพูดพล่าม กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “อย่าพูดไร้สาระ ข้าขอถามเจ้าเพียงประโยคเดียว ยอม
หยุนเจิงหันหน้ากลับมา มองศพของโม่ยื่อเกินเงียบๆ ในใจรู้สึกเสียดายคนผู้นี้ ไม่ผิดต่อชื่อเสียงผู้กล้าอันดับหนึ่งของเป่ยหวนคนระดับล่างอย่างฟางหยุนซื่อ ไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้คนผู้นี้เลยด้วยซ้ำ!หยุนเจิงทอดถอนใจเงียบๆ จากนั้นก็ออกคำสั่ง “เกาเหอ สั่งคนฝังศพโม่ยื่อเกิน!”“ชวีจื้อ เหลือเชลยศึกไว้รับใช้สองสามคน ส่งทหารห้าร้อยคนนำเชลยศัพที่เหลือ ผู้บาดเจ็บและร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลับไป!”“ถ่ายทอดคำสั่งฮั่วกู้ หลังรวบรวมทัพศัตรูที่ยอมจำนน นำทหารห้าพันคนรวมตัวกับพวกเรา!”“สั่งการกองขนส่งเสบียงข้างหลัง รีบห้ามหยุดม้าคุ้มกันขนส่งเสบียงมุ่งไปที่ทางเดินทะเลทรายตะวันออก...”หยุนเจิงถ่ายทอดคำสั่งอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกกลัดกลุ้มกำลังรบของทหารม้าที่เตรียมใจว่าต้องตายมาเพื่อขัดขวางช่างองอาจห้าวหาญเป็นพิเศษต่อให้จำนวนคนของพวกเขามีเป็นห้าเท่าของทัพศัตรู พวกเขายังสูญเสียไปสองร้อยกว่าคนยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีกจำนวนนับร้อยสู้กันจนสุดท้ายยังถูกคนกัดหนึ่งที!ช่างไม่คุ้ยเอาเสียเลย!หลังจากหยุนเจิงถ่ายทอดคำสั่งลงไป กลุ่มเชลยศึกถูกถิดชุดเกราะและมัดเอาไว้เรื่องเหล่านี้ หยุนเจิงไม่จำเป็นต้อง
“แปลกประหลาด?”หยุนเจิงสงสัย “มีวิธีแปลกประหลาดใด?”หน่วยสอดแนมตอบกลับ “ในชนเผ่าแห่งนั้นมีแต่แสงสว่าง มองไกลๆ มีคนมากมาย แต่ไม่มีความวุ่นวายเลยสักนิด...”ไม่มีความวุ่นวายเลยสักนิด?ค่อนข้างแปลกจริงด้วย!ตามหลักแล้ว กองทัพพวกเขาบุกมาแล้ว กองกำลังหลักของพวกเจียเหยาพ่ายแพ้ล่าถอยแล้ว ตอนนี้เวลานี้ คนของชนเผ่าเหล่านี้น่าจะสับสนวุ่นวายถึงที่สุด ควรอพยพตบอดทั้งคืนถึงจะถูก?นี่มันสถานการณ์ใดหรือว่า นี่คือกับดักของทัพศัตรู?หรือเป็นแผนลวงของศัตรู?หรือบางที คนของชนเผ่านี้โดยพื้นฐานแล้วไม่รู้ว่ากองประจำการทางเดินตะวันออกพ่ายแพ้แล้ว?หยุนเจิงครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นก็สั่งนักรบภูตสิบแปดไปตรวจสอบ กองทัพใหญ่ของพวกเขาค่อยๆ ผลักดันเข้ามา ทั้งยังส่งหน่วยลาดตระเวนสำรวจทุกทิศทางหลังหนึ่งชั่วยาม นักรบภูตสิบสามกลับมารายงาน “องค์ชาย ทัพศูตรไม่มีการซุ่มโจมตี แต่ว่า...”พูดถึงด้านหลัง นักรบภูตเก้ากระอักกระอ่วนดูเหมือนมีเรื่องที่ยากจะกล่าว“แต่ว่าสิ่งใด?”หยุนเจิงทำหน้าประหลาดใจบนสนามรบ ยังจะพูดครึ่งๆ กลางๆ กับเขา?ต้องการให้จัดระเบียบใหม่กระมัง?นักรบภูตสามกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “ข้าน้อยก็ไ
"ไม่ต้องเก็บแล้ว!" จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดัง "รีบไปแจ้งเจ้าหกตามคำสั่งข้าว่า ข้าจะไปตกปลาที่ทะเลสาบชิงซาน ให้เขามาคอยปรนนิบัติข้างกาย!"มู่ซุ่นสะดุ้งตัว รีบกล่าวด้วยความหวาดกลัว "ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้วจนเสียสุขภาพเลยพ่ะย่ะค่ะ...""รีบไปถ่ายทอดคำสั่งของข้าเดี๋ยวนี้!"จักรพรรดิเหวินขัดคำพูดของมู่ซุ่นอย่างหยาบกระด้างมู่ซุ่นไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วหลังจากประตูปิดลง จักรพรรดิเหวินก็เริ่มขว้างปาข้าวของในห้องอีกครั้งเมื่อมองดูความยุ่งเหยิงเต็มพื้น สีหน้าของจักรพรรดิเหวินเริ่มแสดงความรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อยการระบายโทสะครั้งนี้ ข้าทำลายของมีค่ามากมายเลยทีเดียวแต่เมื่อสายตาของเขาหันไปมองราชบัลลังก์ของโฉวฉือที่ตั้งอยู่ในห้อง ความเสียดายก็คลายลงไปอืม ของสิ่งนี้นับว่าเป็นของดีจริงๆหากนำไปขาย คงได้ราคาไม่ต่ำกว่าสองสามล้านตำลึงเงินแน่แต่ปัญหาคือ ของสิ่งนี้ขายยาก!ในราชสำนักต้าเฉียน ไม่มีใครมีปัญญาซื้อหรือถึงจะมีก็แทบไม่มีคนที่กล้าซื้ออยู่ดีช่างเถิด บัลลังก์นี้อย่าขายเลยไว้เมื่อใดที่ข้าล่วงลับ ก็จะนำมันไปเป็น
คืนนั้น หยุนเจิงพักอยู่ในจวนอ๋องแห่งใหม่ของเขาการป้องกันภายในจวนแน่นหนาเป็นพิเศษ หากจะใช้คำว่า สามก้าวหนึ่งด่าน ห้าก้าวหนึ่งยาม ก็คงไม่เกินจริงรอบจวนอ๋องเอง ก็มีทหารองครักษ์ของหยุนเจิงลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องด้วยการป้องกันเช่นนี้ การลอบสังหารหยุนเจิงแทบจะเป็นไปไม่ได้แม้ใครจะส่งกองทัพใหญ่เข้ามาโจมตีจวนอ๋องโดยตรง ก็ไร้ความหมายทหารองครักษ์ของหยุนเจิงเพียงพอที่จะต้านทานได้ระยะหนึ่ง และเมื่อยื้อเวลาไว้ได้ไม่นาน กองทหารโลหิตก็จะเข้ามาเสริมกำลังเช้าวันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงกำลังรับประทานอาหาร เสิ่นควานก็รีบร้อนพาภูตห้ามาพบเมื่อหยุนเจิงไล่คนรอบข้างออกไปแล้ว ภูตห้าก็รายงานทันที “กราบทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมได้จับตัวเฉียวเหยียนเซียน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายซ้ายของจวนองค์รัชทายาท พร้อมพรรคพวกของเขาได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขากำลังจะไปยังหุบเขาที่จ้าวจี๋ประจำการอยู่ แต่กระหม่อมพบว่าเฉียวเหยียนเซียนปิดปากแน่น กระหม่อมลองทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่สามารถให้เขาเปิดปากได้...”ผู้ที่ไปพร้อมกับเฉียวเหยียนเซียนยังมีทหารอีกจำนวนหนึ่งแต่ทหารเหล่านั้นรู้เพียงว่าพวกเขาจะไปยังที่ตั้งของจ้าวจี๋ในหุบเขาส่วนจุดประสงค์
“ลุกขึ้นเถิด”หยุนเจิงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ “ใต้เท้าเซี่ยมีธุระอันใดหรือ?”“กระหม่อมมาพบองค์หญิงเจียเหยาพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยหล่างโค้งตัวกล่าว “กระหม่อมได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ให้มาแจ้งองค์หญิงตามราชประเพณี โปรดให้องค์หญิงย้ายไปยังจวนชั่วคราวที่เตรียมไว้ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องค์หญิงนำองครักษ์ใกล้ชิดจำนวนสามร้อยนายไปด้วย กระหม่อมได้จัดเตรียมข้าทาสบริวารไว้พร้อมแล้ว สำหรับคนอื่นๆ ในคณะส่งตัวเจ้าสาว จะจัดให้อยู่ในค่ายป้องกันเมืองชั่วคราว...”“ได้ทั้งนั้น”เจียเหยาตอบเรียบๆพวกนั้นมิใช่คนของนาง จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่พวกเขา“ถ้าเช่นนั้น เจ้าพาองค์หญิงเจียเหยาไปยังจวนชั่วคราวก่อนเถิด!”หยุนเจิงรู้สึกไม่พอใจกับพิธีการซับซ้อนเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไม่นาน เจียเหยาก็พาองครักษ์ของนางติดตามเซี่ยหล่างไปเนื่องจากองครักษ์ของเจียเหยามีไม่ถึงร้อยคน ฟู่เทียนเหยียนจึงส่งคนเพิ่มให้อีกสองร้อยคนร่วมเดินทางด้วยส่วนสินเดิมทั้งหมด ก็จะถูกส่งไปยังจวนชั่วคราวพร้อมกันในวันแต่งงาน สินเดิมเหล่านี้จะถูกขนย้ายไปยังจวนจิ้งเป่ยอ๋องหลังจากเจียเหยาออกไปได้ไม่นาน หลูซิ่งก็มาหาที่จวนหยุนเจิงเชิญหลูซิ่งนั่ง
“เสด็จพ่อของเจ้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเจ้าสักเท่าไรหรอกนัก?”ขณะที่เดินทางไปยังจวนเพื่อแนะนำทาง เจียเหยายิ้มพลางเอ่ยถามหยุนเจิง“นี่ไม่ใช่คำถามไร้สาระหรอกหรือ?”หยุนเจิงเหลือบมองเจียเหยาด้วยสายตาเฉียง ก่อนตอบว่า “หากเจ้าเป็นเขา เจ้าจะชอบลูกที่เกิดจากนางกำนัลคนหนึ่งหรือไม่? แถมลูกคนนี้ยังแย่งชิงอำนาจการทหารของกองทัพมณฑลทางเหนือ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของราชสำนัก และราชสำนักก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้”“แล้วมันสำคัญอะไร?”เจียเหยาแสดงท่าทีไม่ใส่ใจ “หากข้าเป็นเขา แล้วมีลูกชายที่เก่งกาจในการรบเช่นนี้ ข้าคงดีใจจนแทบบ้า”“นั่นก็เพราะเจ้ามิได้นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา” หยุนเจิงส่ายหัวเบาๆ “หากเจ้านั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาย่อมมากกว่านี้อีก! แม่ทัพผู้เก่งกาจมีมากมาย แต่มีจักรพรรดิคนใดเล่าที่เก่งกาจในการรบด้วยตัวเอง?”อย่างนั้นหรือ?เจียเหยาหันศีรษะครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่งสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผลไม่ว่าจะเป็นต้าเฉียนหรือเป่ยหวน ผู้ที่เก่งกาจในการรบ มักตกเป็นเป้าหมายของความหวาดระแวงช่วยไม่ได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์“จริงๆ แล้ว ด้วยอำนาจของเจ้าในตอนนี้ เจ
“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รับคำสั่งด้วยความนอบน้อม แต่ในใจกลับเย็นเยียบหากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อเตือน เขาคงไม่คิดสงสัยว่าจะมีใครลอบส่งข่าวให้เจ้าหกตอนนี้ เจ้าหกมีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง หากมีคนหวาดกลัวเขาแล้วเลือกที่จะลอบสมคบ คงเป็นไปได้ยิ่งนัก!หวังว่าจะไม่ใช่คนของฝั่งตนเอง!ไม่เช่นนั้น ตนจะทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย!หยุนลี่คิดอย่างเคียดแค้น"เฮ้อ..."ขณะที่หยุนลี่กำลังคิดอย่างโกรธแค้น จักรพรรดิเหวินก็ถอนหายใจยาว“เสด็จพ่อ เหตุใดจึงถอนหายใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนลี่ถามด้วยความกังวล“เจ้าสาม เจ้าต้องทำให้ข้าภูมิใจ!”จักรพรรดิเหวินจ้องหยุนลี่นิ่งๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ก่อนข้าออกจากเมืองหลวง มีคนลอบกราบทูลข้าว่า หากต้องการแก้ปัญหาระหว่างราชสำนักกับเจ้าหก วิธีที่ดีที่สุดก็คือแต่งตั้งเจ้าหกเป็นองค์รัชทายาท...”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็เกิดจิตสังหารขึ้นในใจคนสารเลวคนไหนที่บังอาจลอบกราบทูลเรื่องนี้?แต่งตั้งหยุนเจิงเป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้นตนยังจะมีทางรอดหรือ?คนสารเลวคนนี้ คิดจะเอาชีวิตตนแน่!ต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้ก่อคลื่นลม หาก
เมื่อเผชิญกับคำถามที่เปี่ยมด้วยความโกรธของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ในใจก็ได้แต่ร้องบอกว่าไม่ยุติธรรมเขาย่อมอยากจับตัวเจ้าหก คนชั่วนี้ไว้จริงๆ!แต่คนชั่วนี้กลับนำทหารม้าชุดเกราะหนักมาด้วย!เขาอยากจับตัวหยุนเจิง แต่ก็ต้องมีโอกาสสิ!หากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี อาจถึงคราวชีวิตองค์รัชทายาทอย่างเขาต้องจบสิ้น!หยุนเจิงคงไม่กล้าฆ่าเสด็จพ่อ แต่เขาจะไม่กล้าฆ่าตนด้วยหรือ?คนชั่วนั้น ตอนเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในโถงใหญ่ บรรดาทหารองครักษ์ของเขาก็อยู่รอที่ด้านนอกโถงเห็นได้ชัดว่า คนชั่วนี้ระวังตัวทุกขณะ แม้แต่กับพวกเราหากลงมือพลาดไป เรื่องนี้ก็ไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ว!“ทหารม้าชุดเกราะหนัก?”สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันมืดลงทันที เขาคว้าถ้วยชาขึ้นแล้วปามันลงพื้น แตกกระจายเต็มไปหมด พลางตะโกนด้วยเสียงต่ำและโกรธเกรี้ยว “ลูกอกตัญญูคนนี้ยังกล้าซ่อนกองทหารม้าชุดเกราะหนักอีกหรือ? นำทหารม้าชุดเกราะหนักมาที่หัวเมืองสี่ทิศ เขาคิดจะทำอะไร?”หยุนลี่ตอบด้วยใบหน้าขมขื่นว่า“เจ้าหกกล่าวว่า นี่เพื่อข่มขวัญคณะส่งตัวเจ้าสาวจากเป่ยหวน และป้องกันไม่ให้พวกเขาฉวยโอกาสทำร้ายเสด็จพ่อและลูกพ่ะย่ะค่ะ”“ไร้สาระ!” จักรพรรดิเหวินตว
จักรพรรดิเหวินแม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ท่าทีของเขากลับเรียบนิ่ง ดูเหมือนไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อยหยุนลี่จับสังเกตท่าทีทั้งหมดของจักรพรรดิเหวินไว้ในใจ พลางลอบยินดีหยุนเจิงรับคำสั่งทันที แล้วบอกให้เสิ่นควานจัดการให้คนยกสิ่งของขึ้นมาไม่นานนัก ทหารองครักษ์แปดนายก็แบกบัลลังก์ของราชาโฉวฉือเดินเข้ามาอย่างช้าๆ“นี่คือ…อะไรหรือ?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง“นี่คือบัลลังก์ของราชาโฉวฉือ!”หยุนเจิงยิ้มพลางกล่าว “หลังจากโฉวฉือยอมจำนน กระหม่อมได้สั่งให้คนยกบัลลังก์นี้กลับมายังซั่วเป่ยโดยเฉพาะ เพื่อถวายแด่เสด็จพ่อ!”“โอ้?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะสนใจขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน รอจนทหารองครักษ์ของหยุนเจิงวางบัลลังก์ของราชาโฉวฉือลงแล้ว จักรพรรดิเหวินก็รีบขึ้นไปนั่งทดลองทันที ก่อนจะหัวเราะพลางกล่าวว่า “เห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้า ของขวัญชิ้นนี้ ข้ารับไว้แล้ว! องค์รัชทายาท เจ้าก็มาลองนั่งดูบ้าง!”พูดจบ จักรพรรดิเหวินก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์“เสด็จพ่อ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่โบกมือปฏิเสธรัวๆ “นี่คือของขวัญที่น้องหกถวายแด่เสด็จพ่อ ของสิ่งนี้เป็นถึงบัลลังก์ ลูกไม่อาจ…”
หลังจากสร้างความอึดอัดใจให้หยุนลี่จนเต็มท้อง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ตัวเมืองการมาถึงของหยุนเจิงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านในหัวเมืองสี่ทิศแทบทุกคนในหัวเมืองสี่ทิศต่างออกมายืนเรียงรายริมถนนเพื่อต้อนรับ และหวังจะได้เห็นโฉมหน้าของจิ้งเป่ยอ๋องผู้เลื่องชื่อเจียเหยาค่อยๆ เลิกม่านรถม้าขึ้นเล็กน้อย มองดูบรรยากาศด้านนอกอย่างเงียบๆนางไม่รู้ว่าหัวเมืองสี่ทิศนับว่ารุ่งเรืองหรือไม่แต่สิ่งที่นางเห็นคือ รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่เล็กน้อยบางที พวกเขาอาจภูมิใจที่ต้าเฉียนมีท่านอ๋องผู้เก่งกาจในการรบเช่นนี้กระมัง?ใช่แล้ว!ผู้ที่ขยายอาณาเขต กำราบศัตรู และพิชิตแคว้นในศึกเดียว!เขาคือผู้ที่นำทัพสร้างครึ่งหนึ่งของดินแดนต้าเฉียนด้วยความกล้าหาญและความสามารถ!หากเป่ยหวนมีองค์ชายที่เก่งกาจเช่นนี้ ชาวเป่ยหวนก็คงจะรู้สึกภูมิใจเช่นกันกระมัง?เฮ้อ!นางจากเป่ยหวนมานานถึงเพียงนี้ ไม่รู้เลยว่ากุ่ยฟางได้ส่งมอบเสบียงและปศุสัตว์ให้แก่ทัวฮวนแล้วหรือยังตอนนี้คือช่วงเวลาที่เป่ยหวนหนาวเย็นที่สุด หากมีทรัพยากรเหล่านั้น ชาวเป่ยหวนคงจะผ่
หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทั้งโลกก็รู้ว่าจางซูเป็นคนของข้า ตอนนี้เจ้าเอาจางซูไปกักขังไว้ในเมืองหลวง เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับได้หรือ?""เจ้าพูดแบบนั้นไม่ถูกแล้ว"เมื่อพูดถึงจางซู หยุนลี่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย พร้อมกับยิ้มอย่างมีเล่ห์ "จางซูเองอยากอยู่ในเมืองหลวง แต่อยู่ดีๆ เจ้าจะมาหาว่าข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าเอาจางซูมาเป็นพี่น้องกับเจ้าขนาดนี้ แต่วันแต่งงานกับเจียเหยา จางซูกลับไม่ถามอะไรเลย?"การขัดขวางหยุนเจิง ทำให้หยุนลี่รู้สึกสะใจ หมาน้อย เจ้าได้ใจมากไม่ใช่หรือฦเจ้าก็มีวันนี้?“ดีที่สุดก็ให้มันเป็นเช่นนั้น!"หยุนเจิงหน้าเครียดขึ้น เตือนเสียงต่ำ "ถ้าจางซูเลือกที่จะอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ไม่พูดอะไร แต่ถ้าข้าหาเจอว่าจางซูถูกเจ้ากักขังในเมืองหลวง ไม่ว่าเสด็จพ่อจะออกมาช่วยอย่างไรก็ไม่ช่วย!""เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบดูซะ!" หยุนลี่ไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะเย้ยอยู่บนใบหน้า"ข้าจะไปตรวจสอบให้ได้!"หยุนเจิงแค่นเสียงเหอะเบาๆ "อ้อ มีเรื่องที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยด้วย"“เจ้าจิ้งเป่ยอ๋องยังมีเรื่องมาขอข้า?”หยุนลี่ทำท่าทางตกใจ "บอกมาเถอะ มีอะไร?"ช่วยเขา? แน