ในตอนกลางคืน ลู่จิ้นเซิงได้กลับไปที่โรงพยาบาลหลินเซียวเพียงเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วก็เอาหัววางไว้ที่เข่า เธอยังคงหวาดกลัวอย่างสุดขีด... เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขาอีกต่อไปลูกกระเดือกของลู่จิ้นเซิงก็สั่น เขาได้ถอยกลับขณะที่เขาเดินตามทางเดินที่ว่างเปล่า เสียงรองเท้าหนังของเขากระทบพื้นดังชัดเจน เมื่อสุดทางหน้าต่างเปิดออก ลมยามค่ำคืนก็พัดเข้ามาจนใบหน้าของเขาเจ็บ แล้วมันก็พัดกลิ่น บรัชออนบนร่างกายเขาออกไปด้วยมีเสียงฝีเท้าอยู่ข้างหลังเขา เขารู้ว่าเป็นลู่เจ๋อลู่จิ้นเซิงจุดบุหรี่ด้วยนิ้วที่สั่นเทา ควันบุหรี่นั้นสีขาวในคืนที่มืดมิด เหมือนกับคืนหอมหวานของเขากับหลินเซียวตอนกลางคืนมาก...เสียงของเขาแผ่วเบา ตอนที่ฉันเห็นเธอตกใจขนาดนี้ ฉันพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เธอมา แต่ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าฉันจะไม่แต่งงานกับเธอ ตอนนี้ฉันก็ยังคิดอย่างนั้น เพราะมันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันไม่เป็นความจริง ลู่เจ๋อ ฉันสามารถให้เธอได้คือปล่อยเธอไปและปล่อยให้เธอใช้ชีวิตที่เหลือโดยไม่ไปรบกวนอีก...เขาก้มหน้าไปมองบุหรี่ระหว่างนิ้วของเขา เสียงของเขาต่ำเรื่อยๆ ฉันรู้สึกโล่งใจที่มีเฉียวซุนอยู่ข้างๆ เธอลู่เจ๋อเงียบไปอยู่นา
ตอนเช้าเฉียวซุนตื่นขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของลู่เจ๋อเขานอนอยู่บนโซฟา หลับสบายโดยมือข้างหนึ่งวางบนหลังศีรษะ อีกข้างวางบนเอวของเฉียวซุน ฝ่ามือของชายคนนั้นร้อนแรงมาก...เสื้อเชิ้ตของเขายุ่งเหยิง กางเกงขายาวสีดำของเขาก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่เข็มขัดของเขาถูกดึงออกเฉียวซุนมองที่ตัวเองอีกครั้งยังคงเรียบร้อย แต่สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอ เสื้อผ้าชิ้นเล็กๆถูกถอดออก แล้วเธอก็เห็นสิ่งเล็กๆสีดำโปร่งใสบางๆ อยู่ที่ตะเข็บโซฟาใบหน้าของเธอเร้าร้อนเมื่อคืนเธอมีเซ็กส์กับลู่เจ๋อ...เธอขยับตัวเบาๆ พยายามขยับตัวออกไป แต่นิ้วบนเอวของเธอก็แน่นยิ่งขึ้น เธอถูกดึงกลับมา ร่างทั้งสองอยู่ใกล้กัน ... เป็นหนุ่มสาวทั้งคู่ก็คงต้องมีความรู้สึกบ้างหละบรรยากาศช่างละเอียดอ่อนลู่เจ๋อใช้ฝ่ามือตบเอวของเธอเบาๆ โดยที่ยังคงหลับตาอยู่และพูดด้วยเสียงแผ่วเบา อย่าขยับ ถ้าไม่อยากให้ฉันทำอีกก็อย่าร้องไห้เฉียวซุนไม่กล้าขยับ เธอนอนเบาๆในอ้อมแขนของเขา รอให้เขาสงบลงสักพักหลังจากนั้นไม่นานลู่เจ๋อก็ลูบไหล่บางๆของเธออย่างเบามือ เขาลดหัวลงแล้วจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้ม อยากให้ฉันรับผิดชอบเมื่อคืนนี้ไหมเมื่อคืนเฉียวซุนดื่ม
รอยยิ้มของเฉียวซุนจางหายไปเธอไม่ยอมเปิดหน้า ลูกสุนัขตัวนั้นก็เลียคอเธอ ทําให้เธอคันเล็กน้อย ซ่อนตัวอยู่ที่คอของลู่เจ๋อหลายครั้ง เสียงของเธอก็ยิ่งบอบบาง ลู่เจ๋อ คุณอุ้มมันไปลู่เจ๋ออุ้มลูกสุนัขออกไป แต่ไม่ยอมปล่อยเธอไปเขากดแนบชิดร่างของเธอ ดวงตาลึกๆที่เต็มไปด้วยความทนไม่ไหว เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หูเธอแล้วถามเบาๆ ได้ไหมใบหน้าของเฉียวซุนเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเลือด เสียงของเธอก็สั่นเล็กน้อย ไม่ลู่เจ๋อขัดขืนเธออยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็สงบแล้วปล่อยเธอไป เขากำลังจัดกางเกงและบอกกับเธอว่า ฉันมีประชุมสำคัญตอนเช้า ตอนเย็นค่อยมาหาคุณตอนเย็นฉันมีธุระ เฉียวซุนตอบอย่างรวดเร็วลู่เจ๋อ หัวเราะเบาๆแล้วถามเล่นๆว่า จะไปเดทกับใคร เฮ่อจี้ถังเฉียวซุนไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เขาฟัง แต่เธอกลับพูดว่า คุณนายหลี่แนะนำนักลงทุนให้ฉัน คุณนายหลี่บอกว่าเขามีความสามารถมากและนัดพบในตอนเย็นเพื่อคุยเรื่องรายละเอียดลู่เจ๋อสวมเสื้อคลุมของเขาแล้วถามเธอว่า ให้ฉันไปส่งคุณไหมเฉียวซุนบอกไม่ต้องลู่เจ๋อยื่นมือออกไปสัมผัสปลายดวงตาสีแดงของเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทำไม กลัวคนอื่นรู้เหรอว่ามีสามีแล้วไม่ใช่ลู่เจ
คุณนายหลี่เห็นด้วยกับความคิดของเธอเธอบอกกับพนักงานเสิร์ฟว่า แบบนี้ค่ะ แขกอีกคนจะมาถึงแล้ว ตอนนี้เสิร์ฟอาหารได้เลยพนักงานเสิร์ฟพยักหน้าแล้วจากไปเมื่ออยู่กันสองคน คุณนายหลี่พูดเป็นการส่วนตัว ตอนมาที่นี่ ฉันได้ยินเหล่าหลี่ของเรากําลังคุยโทรศัพท์อยู่ ลู่จิ้นเซิงทะเลาะกับคู่หมั้นเพื่อเพื่อนของเธอ คืนหมั้นเรียกดาราตัวเล็กๆ หลายคนมาเล่นที่สโมสร และทําให้ลุงลู่โกรธมากเธอถอนหายใจเบาๆ ที่จริงผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนนี้หาความตายหาชีวิตเพื่อคุณ รอให้ผ่านไปสองเดือนเขาก็จะกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม ยังจะจําได้ว่าคุณเป็นใครไหม การคาดหวังกับผู้ชายไม่สําคัญเท่ากับเงินในมือเฉียวซุนรู้สึกเจ็บปวดใจเธอนึกถึงการสูญเสียการได้ยินของหลินซียวและเจ็บปวดจากการนั่งเงียบทั้งคืนของเธอ สิ่งเหล่านี้กลับมีมูลค่า 50 ล้านเท่านั้นคุณนายลี่เห็นสีหน้าเธอ และไม่พูดอะไรอีกพนักงานเสิร์ฟเข้ามาพร้อมถาดอาหารและเสิร์ฟอาหาร ซึ่งบรรเทาความเศร้าไปมาก... บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง คุณนายหลี่และเฉียวซุนพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวเวลานี้ มีเสียงมาจากข้างนอก ประธานลู่ เชิญที่ห้อง 2201 หน่อยประธานลู่...เฉีย
เฉียวซุนฟังแล้วเสียใจเธอพึมพำ ลู่เจ๋อ ถ้าคุณรู้สึกเสียใจจริงๆ วันนี้ระหว่างเราจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเธอรู้สึกทนไม่ไหวจริงๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเธอหยิบกระเป๋าถือของเธออยากจะออกไปลู่เจ๋อโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกดหลังมือของเธอเบาๆ กินข้าวเป็นเพื่อนฉันมื้อนี้ให้หมดเฉียวซุนส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ลู่เจ๋อ คุณมาลงทุนมันไม่เหมาะสม คุณค่อยๆกิน ฉันไปก่อนนะลู่เจ๋อยังคงจับเธอไว้ ดวงตามืดมิดที่ไม่ชัดเจนหลังจากนั้นไม่นาน เหมือนรับพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็หยิบเสื้อคลุมของเขาแล้วเดินตาม ฉันไปส่งคุณกลับบ้านเขาดูแข็งอยู่เสมอทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาพาเฉียวซุนเดินออกจากห้องส่วนตัว ถึงลานจอดรถเขาก็เปิดประตูเบนท์ลีย์สีดำให้เธอที่นั่งข้างคนขับมีตัวกลมๆอยู่สีขาวนวลนั่นมันเซี่ยลี่ตัวน้อยตัวเล็กๆ สีขาวราวหิมะ ขดตัวอยู่บนเบาะหนังแท้เหมือนมันกำลังหลับอยู่... เมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มก็เบิกตาเล็กน้อย มันมองเฉียวซุนอย่างไร้เดียงสาความโศกเศร้าครั้งใหญ่ครอบงำเฉียวซุนทันทีช่วงเวลานี้ ดูเหมือนเธอจะเห็นตัวเอง คนที่คอยให้ลู่เจ๋อกลับบ้านทุกคืนความโศกเศร้าครั้งใหญ่
เฉียวซุนเดินไปตามทางอย่างช้าๆ เธอเห็นว่ามีกระถางต้นไม้นานาชนิดวางอยู่จำนวนมากในสวน ดูเขียวชะอุ่มตัดกับฤดูหนาว ด้านทางเข้าลายหินอ่อนมีภาพวาดที่แม่ของเธอเคยวาดไว้ห้องนั่งเล่นได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดมันยังคงเป็นสไตล์ดั้งเดิม แต่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมด แม้แต่พรมปูพื้นก็เป็นพรมใหม่...และยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่แขวนอยู่ด้านหลังโซฟาดวงดาวเปล่งประกายบนท้องฟ้าเฉียวซุนตอนยังตัวน้อย นอนหลับสบายในเต็นท์เล็กๆ ยามค่ำคืนในฤดูร้อนเฉียวซุนมองมันอยู่นาน จนตาของเธอเริ่มพร่าเบลอจึงเดินออกไปเงียบๆ ขณะที่เดินออกไป หิมะก็ตกหนักขึ้นนิดหน่อย อย่างกับขนนกในคืนที่มืดมิด...กำแพงฝั่งหนึ่งมีต้นลอเรลงอไปตามแรงตกของหิมะบางๆกลีบดอกสีเหลืองอ่อน ดูอ่อนนุ่มยิ่งขึ้นในยามหิมะตก…...หลังจากที่เฉียวซุนเดินออกไปลู่เจ๋อจึงกลับมาที่ห้องส่วนตัว เขาทานข้าวคนเดียวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ภายใต้โคมไฟอันหรูหรา และเมื่อกำลังจะทานเสร็จ เลขาฉินก็เดินเข้ามาเลขาฉินยื่นรายงานให้เขาหลังจากที่เดินเข้ามา ผลการวิเคราะห์ล่าสุดของคุณหมอเนี่ยค่ะ และนี่ก็ใบเรียกเก็บเงินที่ผู้ช่วยของเขาส่งมาค่ะลู่เจ๋อโบกมือให้เธอนั่
ลู่เจ๋อวางสายเขาเอนตัวลงบนโซฟา มองดูหิมะข้างนอกอย่างเงียบๆ พลางจินตนาการว่าเฉียวซุนนอนอยู่บนโซฟา... แน่นอนว่าเขาสามารถขับรถไปโน้มน้าวเธอที่บ้านได้เขาจะได้เธอกลับมาคืนนี้ตามที่คาดไว้เธอจะวาดแขนรอบคอของเขาและยอมรับการครอบครองของเขาอย่างอ้อยอิ่งเหมือนเมื่อก่อน เพียงเพราะเธอชอบเขาแต่ลู่เจ๋อก็ไม่ได้ขยับเลยเพราะว่ามันไม่ได้จำเป็น และเขาได้เธอกลับมาแล้ว เฉียวซุนกลับไปติดอยู่กับความรักในอดีตอีกครั้ง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...คืนที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยหิมะคนรับใช้เคาะประตูห้องหนังสือ แล้วพูดเบาๆ คุณชายคะ มีผู้ชายแซ่ไป๋มาหาค่ะ เขาบอกว่าเขาต้องการพบคุณค่ะแซ่ไป๋...ลู่เจ๋อเดาว่าเป็นพ่อของไป๋เซียวเซียวเขาไม่อยากเจอ จึงวางมือบนหน้าผากพร้อมพูดเบาๆ ให้เขากลับไปเถอะ บอกว่าฉันจะพักผ่อนคนรับใช้ลังเลอยู่นาน ผู้ชายคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูค่ะ คืนนี้หนาวมาก ถ้าเขาหนาวจนตาย พรุ่งนี้จะเป็นข่าวนะคะลู่เจ๋อพบกับพ่อของไป๋เซียวเซียวในช่วงตีหนึ่งคนขับที่ซื่อสัตย์มาทั้งชีวิต และพึ่งพาลูกสาวมาเกือบครึ่งชีวิต เขามาคฤหาสน์ของลู่เจ๋อเป็นครั้งแรก และเขาก็ต้องตกใจกับการตกแต่งที่หรูหราอลังการตลอ
ตอนกลางคืนเลขาฉินตกตะลึงอย่างมากเธอใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมามีสติ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ประธานลู่คะ มีเพียงญาติสายตรงของตระกูลลู่เท่านั้นที่สามารถใช้ห้องพิเศษได้ค่ะ ส่วนไป๋เซียวเซียว...ถ้าเฉียวซุนรู้ละก็ เธอจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอนค่ะลู่เจ๋อกลับพูดว่า ทำตามที่ฉันบอกแน่นอนว่าเลขาฉินต้องทำตามที่เขาสั่ง แต่ก่อนที่จะวางสาย เลขาฉินก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ประธานลู่คะ ฉันคิดว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจเลขาฉินวางสายโทรศัพท์แล้วหายใจเข้าลึก ๆเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมทั้งน้ำตา เธอรู้ดีที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบ... เธอรู้ดีว่าเฉียวซุนกลับไปอยู่ข้างกายลู่เจ๋อได้อย่างไร เธอรู้ว่าลู่เจ๋อโหดร้ายกับเฉียวซุนขนาดไหน เขาทำให้เธอผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเธอเคยคิดว่าลู่เจ๋อรักเฉียวซุนแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ความรักในหัวใจของลู่เจ๋อมันอ่อนเกินไป…...เย็นวันรุ่งขึ้น หิมะยังคงตกอยู่เฉียวซุนออกมาจากศูนย์ดนตรีและเห็นรถของลู่เจ๋อจอดอยู่ด้านนอก เธอหยุดการก้าวเดินและปล่อยให้หิมะตกลงมาบนผมของเธอเธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว หลินซวงได้ไปเซ็นสัญญากับลู่เจ๋อที่ลู่ซื่อกรุ๊ป และรับกา
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว