เฉียวซุนฟังแล้วเสียใจเธอพึมพำ ลู่เจ๋อ ถ้าคุณรู้สึกเสียใจจริงๆ วันนี้ระหว่างเราจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรเธอรู้สึกทนไม่ไหวจริงๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเธอหยิบกระเป๋าถือของเธออยากจะออกไปลู่เจ๋อโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกดหลังมือของเธอเบาๆ กินข้าวเป็นเพื่อนฉันมื้อนี้ให้หมดเฉียวซุนส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ลู่เจ๋อ คุณมาลงทุนมันไม่เหมาะสม คุณค่อยๆกิน ฉันไปก่อนนะลู่เจ๋อยังคงจับเธอไว้ ดวงตามืดมิดที่ไม่ชัดเจนหลังจากนั้นไม่นาน เหมือนรับพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็หยิบเสื้อคลุมของเขาแล้วเดินตาม ฉันไปส่งคุณกลับบ้านเขาดูแข็งอยู่เสมอทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาพาเฉียวซุนเดินออกจากห้องส่วนตัว ถึงลานจอดรถเขาก็เปิดประตูเบนท์ลีย์สีดำให้เธอที่นั่งข้างคนขับมีตัวกลมๆอยู่สีขาวนวลนั่นมันเซี่ยลี่ตัวน้อยตัวเล็กๆ สีขาวราวหิมะ ขดตัวอยู่บนเบาะหนังแท้เหมือนมันกำลังหลับอยู่... เมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีเข้มก็เบิกตาเล็กน้อย มันมองเฉียวซุนอย่างไร้เดียงสาความโศกเศร้าครั้งใหญ่ครอบงำเฉียวซุนทันทีช่วงเวลานี้ ดูเหมือนเธอจะเห็นตัวเอง คนที่คอยให้ลู่เจ๋อกลับบ้านทุกคืนความโศกเศร้าครั้งใหญ่
เฉียวซุนเดินไปตามทางอย่างช้าๆ เธอเห็นว่ามีกระถางต้นไม้นานาชนิดวางอยู่จำนวนมากในสวน ดูเขียวชะอุ่มตัดกับฤดูหนาว ด้านทางเข้าลายหินอ่อนมีภาพวาดที่แม่ของเธอเคยวาดไว้ห้องนั่งเล่นได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดมันยังคงเป็นสไตล์ดั้งเดิม แต่เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมด แม้แต่พรมปูพื้นก็เป็นพรมใหม่...และยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่แขวนอยู่ด้านหลังโซฟาดวงดาวเปล่งประกายบนท้องฟ้าเฉียวซุนตอนยังตัวน้อย นอนหลับสบายในเต็นท์เล็กๆ ยามค่ำคืนในฤดูร้อนเฉียวซุนมองมันอยู่นาน จนตาของเธอเริ่มพร่าเบลอจึงเดินออกไปเงียบๆ ขณะที่เดินออกไป หิมะก็ตกหนักขึ้นนิดหน่อย อย่างกับขนนกในคืนที่มืดมิด...กำแพงฝั่งหนึ่งมีต้นลอเรลงอไปตามแรงตกของหิมะบางๆกลีบดอกสีเหลืองอ่อน ดูอ่อนนุ่มยิ่งขึ้นในยามหิมะตก…...หลังจากที่เฉียวซุนเดินออกไปลู่เจ๋อจึงกลับมาที่ห้องส่วนตัว เขาทานข้าวคนเดียวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ภายใต้โคมไฟอันหรูหรา และเมื่อกำลังจะทานเสร็จ เลขาฉินก็เดินเข้ามาเลขาฉินยื่นรายงานให้เขาหลังจากที่เดินเข้ามา ผลการวิเคราะห์ล่าสุดของคุณหมอเนี่ยค่ะ และนี่ก็ใบเรียกเก็บเงินที่ผู้ช่วยของเขาส่งมาค่ะลู่เจ๋อโบกมือให้เธอนั่
ลู่เจ๋อวางสายเขาเอนตัวลงบนโซฟา มองดูหิมะข้างนอกอย่างเงียบๆ พลางจินตนาการว่าเฉียวซุนนอนอยู่บนโซฟา... แน่นอนว่าเขาสามารถขับรถไปโน้มน้าวเธอที่บ้านได้เขาจะได้เธอกลับมาคืนนี้ตามที่คาดไว้เธอจะวาดแขนรอบคอของเขาและยอมรับการครอบครองของเขาอย่างอ้อยอิ่งเหมือนเมื่อก่อน เพียงเพราะเธอชอบเขาแต่ลู่เจ๋อก็ไม่ได้ขยับเลยเพราะว่ามันไม่ได้จำเป็น และเขาได้เธอกลับมาแล้ว เฉียวซุนกลับไปติดอยู่กับความรักในอดีตอีกครั้ง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ...คืนที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยหิมะคนรับใช้เคาะประตูห้องหนังสือ แล้วพูดเบาๆ คุณชายคะ มีผู้ชายแซ่ไป๋มาหาค่ะ เขาบอกว่าเขาต้องการพบคุณค่ะแซ่ไป๋...ลู่เจ๋อเดาว่าเป็นพ่อของไป๋เซียวเซียวเขาไม่อยากเจอ จึงวางมือบนหน้าผากพร้อมพูดเบาๆ ให้เขากลับไปเถอะ บอกว่าฉันจะพักผ่อนคนรับใช้ลังเลอยู่นาน ผู้ชายคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูค่ะ คืนนี้หนาวมาก ถ้าเขาหนาวจนตาย พรุ่งนี้จะเป็นข่าวนะคะลู่เจ๋อพบกับพ่อของไป๋เซียวเซียวในช่วงตีหนึ่งคนขับที่ซื่อสัตย์มาทั้งชีวิต และพึ่งพาลูกสาวมาเกือบครึ่งชีวิต เขามาคฤหาสน์ของลู่เจ๋อเป็นครั้งแรก และเขาก็ต้องตกใจกับการตกแต่งที่หรูหราอลังการตลอ
ตอนกลางคืนเลขาฉินตกตะลึงอย่างมากเธอใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมามีสติ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ประธานลู่คะ มีเพียงญาติสายตรงของตระกูลลู่เท่านั้นที่สามารถใช้ห้องพิเศษได้ค่ะ ส่วนไป๋เซียวเซียว...ถ้าเฉียวซุนรู้ละก็ เธอจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอนค่ะลู่เจ๋อกลับพูดว่า ทำตามที่ฉันบอกแน่นอนว่าเลขาฉินต้องทำตามที่เขาสั่ง แต่ก่อนที่จะวางสาย เลขาฉินก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า ประธานลู่คะ ฉันคิดว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจเลขาฉินวางสายโทรศัพท์แล้วหายใจเข้าลึก ๆเธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมทั้งน้ำตา เธอรู้ดีที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบ... เธอรู้ดีว่าเฉียวซุนกลับไปอยู่ข้างกายลู่เจ๋อได้อย่างไร เธอรู้ว่าลู่เจ๋อโหดร้ายกับเฉียวซุนขนาดไหน เขาทำให้เธอผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเธอเคยคิดว่าลู่เจ๋อรักเฉียวซุนแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ความรักในหัวใจของลู่เจ๋อมันอ่อนเกินไป…...เย็นวันรุ่งขึ้น หิมะยังคงตกอยู่เฉียวซุนออกมาจากศูนย์ดนตรีและเห็นรถของลู่เจ๋อจอดอยู่ด้านนอก เธอหยุดการก้าวเดินและปล่อยให้หิมะตกลงมาบนผมของเธอเธอรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว หลินซวงได้ไปเซ็นสัญญากับลู่เจ๋อที่ลู่ซื่อกรุ๊ป และรับกา
การกลับมาที่คฤหาสน์อีกครั้งเปรียบเสมือนเธออยู่อีกโลกหนึ่งลู่เจ๋อจอดรถที่ประตูคฤหาสน์ พร้อมหันไปหยิบเสื้อคลุมของเฉียวซุนมาให้เธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง หิมะไม่ได้ตกหนักมาก ลงรถแล้วเดินไปด้วยกันเถอะเฉียวซุนกังวลเกี่ยวกับเซี่ยลี่ตัวน้อย มันจะหนาวไหมลู่เจ๋อหันไปมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองไปที่เฉียวซุนแล้วพูดช้าๆ เดี๋ยวฉันอุ้มเอง เธอก็อย่าหึงล่ะเฉียวซุนสวมเสื้อคลุมแล้วเปิดประตูรถ ฉันไม่หึงหรอกลู่เจ๋อหัวเราะเบาๆ โน้มตัวไปอุ้มเซี่ยลี่ตัวน้อยแล้วลูบหัวของมันเขากระซิบ แม่โกรธแล้วเซี่ยลี่ตัวน้อยเห่าอยู่สองสามครั้งลู่เจ๋อสวมเสื้อคลุมแล้วลงจากรถโดยมีลูกสุนัขอยู่ในอ้อมแขน เขาปิดประตูรถด้วยหลังมือและก้าวเพียงไม่กี่ก้าวเพื่อตามเฉียวซุนให้ทัน และเดินเคียงข้างเธอ เซี่ยลี่ตัวน้อยนอนอยู่ในอ้อมแขนของพ่ออย่างเชื่อฟังหิมะตกลงมาอย่างแผ่วเบา...ครู่หนึ่งเฉียวซุนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบหัวสุนัขตัวน้อยเบาๆแต่เธอก็ถูกจับมือไว้ในตอนที่กำลังจะดึงกลับมืออันอบอุ่นของชายหนุ่มจับเธอไว้อย่างง่ายดาย การสัมผัสที่แห้งและชื้นระหว่างปลายนิ้วทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างระหว่างทั้งคู่... จากนั้นเขาก็ส
เนื้อตัวเธอช่างดูบอบบางเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ลู่เจ๋อก็กอดเธอไว้เบาๆ เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นเขาโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเธอ พลางเอียงศีรษะแล้วจูบซับดวงตาที่เปียกชื้น พลางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำที่แหบแห้ง บางเรื่อง ฉันก็คิดว่ามันจำเป็น คุณนายลู่ ฉันอยากทำให้เธอพอใจ ฉันอยากให้เธอมีความสุข...เธอบอกฉันสิว่าฉันต้องทำยังไง ตอนนี้เธออยากให้ฉันทำยังไงเขาพูดพลางสอดนิ้วประสานกับเธอ...เขาทั้งดูดีและดูเจ้าชู้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนต่อการรุกล้ำเช่นนี้ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นเฉียวซุนรักเขามาตั้งหกปีแล้ว และเธอจะไม่โอนอ่อนไปตามคารมของเขาได้อย่างไรขณะที่ลู่เจ๋อจูบเธอเบาๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อจูบตอบเขาแต่เขาก็ผละออกพร้อมกับยิ้มน้อยๆเฉียวซุนต้องการมัน เธอจึงหน้าแดงพร้อมทั้งเอื้อมมือไปโอบรอบคอเขา ลู่เจ๋อยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะก้มลงส่งบทจูบอันเร่าร้อนให้เธออย่างบ้าคลั่ง... เพื่อให้เธอพอใจบนผนังฉายเงาของคนสองคนที่มอบบทรักกันอย่างอบอุ่นมันเร่าร้อนไปทั้งคืน......ความรักระหว่างคนสองคนนั้นแตกต่างกันเสมอ ลู่เจ๋อสนุกกับมันหลายครั้งในหนึ่งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น เฉียวซุนแต่งตัวอย่างเรียบร้อ
เฉียวซุนไปรับหลินเซียวที่โรงพยาบาลแต่เมื่อคนขับจอดรถ ประตูรถก็เปิดออกโดยคนด้านนอก เขาคือลู่จิ้นเซิง เขายืนอยู่บนหิมะบางๆ ดูเงียบเหงา มันทำให้เฉียวซุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นลู่จิ้นเซิง อีกครั้งเฉียวซุนก็รู้สึกสับสนมากเธอนั่งในรถเงียบๆ ในที่สุดก็เป็นลู่จิ้นเซิงที่พูดก่อน เฉียวซุน มาคุยกันหน่อยเถอะ…...เฉียวซุนนั่งอยู่ในร้านกาแฟริมถนน มองดูหิมะข้างนอกอย่างเงียบๆ ผ่านกระจกใส พลางคนกาแฟไปด้วยตามสัญชาตญาณเสียงของลู่จิ้นเซิง ดังขึ้นมาข้างหู หลินเซียวยังสบายดีไหมเฉียวซุนดึงสติกลับมา พลางมองไปที่ลู่จิ้นเซิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขายังคงแต่งตัวดีและมีรูปร่างหน้าตาไร้ที่ติ เพียงแต่เขายังคงถือกล่องบุหรี่ในมือทั้งๆ ที่ไม่สามารถสูบมันในร้านได้...เขาดูหงุดหงิดเล็กน้อยเธอเอาถุงส่วนผสมออก ก่อนจะจิบกาแฟเบาๆเธอไม่เงยหน้าขึ้นเลย ทำเพียงแค่เปิดปากจิบกาแฟเพียงเท่านั้นทุกครั้งที่ฉันดื่มกาแฟกับหลินเซียว เธอมักจะบอกว่ากาแฟขมเกินไปทำให้เธอไม่ชอบ แต่เธอก็ยังคงดื่มมันจนหมดแก้วทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะว่ามันรสชาติดีแต่เพราะเธอจำเป็นต้องดื่มมัน... เธอบอกว่าเพราะมันคือเงินของเธอเมื่อก่อนเธอ
หลินซวงยิ้ม เสียงตอบรับดีมาก ตั๋วสำหรับการแสดงครั้งแรกในเมืองเอส ขายหมดแล้วเมื่อคืนนี้เฉียวซุนค่อนข้างประหลาดใจมากเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพูดต่อ ออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเลยไหมหลินซวงอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเธอเบาๆหลังจากวางสาย หลินเซียวก็ดีใจกับเธอมากเช่นกัน ฉันไม่เป็นไรแล้ว เธอไปจัดการเรื่องของเธอเถอะเฉียวซุน แล้วก็ฝากขอบคุณลู่เจ๋อด้วยนะเธอกอดเฉียวซุนอย่างอ่อนโยนและกระซิบ เขาดีกับเธอ ก็ใช้ชีวิตให้ดี ลืมเรื่องในอดีตไปเถอะเสียงของเฉียวซุนแหบแห้งเล็กน้อย ฉันรู้แล้วล่ะทั้งสองแยกจากกัน ก่อนจะมองหน้ากัน และยิ้มทั้งน้ำตาราวกับว่าพวกเขายังคงเป็นคนคนเดิมในตอนนั้น……เฉียวซุนลงไปชั้นล่างแล้วขึ้นรถคนขับเห็นว่าเธออารมณ์ดีจึงถามออกไป คุณนายครับ กลับคฤหาสน์เลยใช่ไหมเฉียวซุนเอนตัวพิงเบาะหลัง เธอใช้โทรศัพท์มือถือจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองเอส เช้าวันพรุ่งนี้ และเธอยังส่งไลน์ไปหาลู่เจ๋ออีกด้วย วันนี้กลับมาเร็วๆนะ ฉันมีเรื่องจะบอกนายหลังจากที่เธอส่งข้อความไปก็เผยรอยยิ้มหวานๆ ออกมาเล็กน้อยคนขับรถถามอีกครั้งก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวและพูดเบาๆ ไปที่เวิลด์ทาวเวอร์ ฉันจะซื้อของบางอย่