เขากำลังเหม่อลอย เพราะยังจมอยู่กับคำพูดของเฉียวซุนเมื่อกี้นี้เมื่อประตูเปิดออก เขาคิดว่าเป็นเฉียวซุนที่จะกลับเข้ามา เลยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เฉียวซุน ในความฝันของคุณมีผมบ้างไหม”ใบหน้าของไป๋เซียวเซียวซีดเซียวราวกับกระดาษเธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอได้ยินว่าลู่เจ๋อเกือบจะสารภาพรักกับเฉียวซุนไปเสียแล้ว เธอได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาไม่เคยจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนี้มาก่อนไม่มีการตอบสนองที่ประตูอยู่เป็นเวลานานลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นไป๋เซียวเซียวในขณะนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาก็เอนหลังแล้วพูดเบา ๆ “ทำไมคุณถึงเป็นคุณล่ะ?ดึกขนาดนี้แล้วกลับไปพักที่ห้องคนป่วยเถอะ!”ไป๋เซียวเซียวเจ็บปวดมาก เธอมองลู่เจ๋ออยู่นานก่อนที่จะรวบรวมความกล้าถามว่า “คุณชอบเธอมากใช่ไหม”ลู่เจ๋อไม่ได้ตอบไป๋เซียวเซียวเกือบจะร้องไห้ แต่เธอยังคงแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอยู่ “ไม่เป็นไรค่ะคุณลู่! ฉันทำได้เพียงแค่ดีใจกับคุณก็เท่านั้น! แต่ถ้าคุณนายลู่รักคุณมันก็คงจะดีกว่านี้”ลู่เจ๋อไม่สนใจฟังเธอเลยแม้แต่น้อยเขากดเรียกแพทย์กับพยาบาลให้พวกเขาพาไป๋เซียวเซียวออกไป ในขณะเดียวกันแม่ไป๋ก็เข้ามาเพื่ออ
นอกห้องผู้ป่วยมีเสียงเคาะสองครั้ง จากนั้นประตูก็ถูกผลักออกคนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากแม่ของลู่เจ๋อนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงดึก แต่คุณนายลู่ก็ยังสวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงและดูสูงส่งอยู่เสมอลู่เจ๋อมองเธออย่างเงียบ ๆเขายังถือรูปถ่ายไว้ด้วยปลายนิ้วมืออันเรียวยาวของเขาคุณนายลู่อยู่ที่ประตู ดวงตาของเธอก็จ้องมองไปที่รูปถ่ายระหว่างนิ้วของเขาด้วยเช่นกัน ใจของแม่กับลูกชายเชื่อมต่อกันและตอนนี้เธอรู้ว่าลู่เจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่เธอหันไปด้านข้างแล้วพูดกับคนรับใช้ที่ติดตามเธอมาว่า “แม่จาง ออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ”แม่จางสังเกตเห็นบรรยากาศว่ามันมีบางอย่างผิดปกติไป จึงรีบออกไปและปิดประตูคุณนายลู่มองดูประตูที่ปิดอยู่แล้วเดินไปนั่งบนโซฟา เธอนั้นเกิดในตระกูลที่สูงส่ง สมัยวัยสาวเธอเคยถูกสามีทรยศนอกใจ ทำให้หัวใจของเธอนั้นเย็นเฉียบเหมือนมีดที่เอาไว้ฆ่าปลาภายใต้โคมไฟ ใบหน้าของเธอดูใจร้ายเล็กน้อยเธอมองไปที่ลูกชายของเธอแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาจากที่บ้านว่าเฉียวซุนไปดื่มเหล้าที่บาร์และยังทะเลาะกับลูกจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกด้วย! เธอเป็นถึงคุณนายตระกูลลู่ พฤติกรรมของเธอนี่มันหยั่งกับอะ
ถึงแม้จะเป็นห้องผู้ป่วยวีไอพี แต่ก็ยังได้ยินเสียงฝนที่กระทบอยู่ในใจของลู่เจ๋ออย่างชัดเจนเขาเปิดอัลบั้มรูปในมือถือแล้วดูรูปถ่ายของเฉียวซุนที่นอนอยู่บนหมอนตอนนั้นคำพูดของคุณนายลู่ก็เริ่มสะท้อนเข้ามา“แต่ลู่เจ๋อ ลูกลองคิดดูสิว่าตอนแต่งงานใหม่ ๆ ลูกก็กลับบ้านทุกวัน... ลูกยังจะกล้าพูดว่าลูกไม่ติดใจอีกเหรอ?” ลู่เจ๋อไม่สามารถจะปฏิเสธมันได้ภาพนี้เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดของรสชาติอาหารของเขา หลังจากการแต่งงานมาสามปี เขาเกลียดเฉียวซุนแต่เป็นเขาเองที่กลับเสพติดเขาเป็นคนที่ทรมานเฉียวซุนมาตลอดเป็นเวลาสามปีนั่นคือเขา!ฝนข้างนอกยังคงตกอยู่ ลู่เจ๋อก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า...ในคืนที่ฝนตก รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้าไปในวิลล่าหลังจากที่รถหยุด ก็มีที่ปัดน้ำฝนที่ยังคงทำงานอยู่ หน้ารถมีโลโก้เทพธิดาสีทองที่ยืนหยัดท่ามกลางสายฝนอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ดูเหมือนกำลังร้องไห้ไปในเวลาเดียวกันลู่เจ๋อนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับเสื้อเชิ้ตสีขาวโดดเด่นในคืนที่มืดมิด เวลานี้คนรับใช้กลับหลับกันหมดจนไม่ได้มาต้อนรับเขา เขามองไปทางชั้นสองก็เห็นว่าไฟนั้นมืดดับหมดแล้ว!ลู่เจ๋อนั่งอยู่เงียบ ๆเมื่อเขากลับมาที่วิลล
ลู่เจ๋อหลับไปเพียงแค่สามชั่วโมงเมื่อตื่นขึ้นมา เขากอดเฉียวซุนไว้แน่น ชุดนอนผ้าไหมที่เธอสวมยุ่งเหยิงเล็กน้อย เผยให้เห็นไหล่ข้างหนึ่ง ปลดปล่อยความกระจ่างใสท่ามกลางแสงแดดบางเบาในตอนเช้าเธอยังอยู่ในอ้อมกอด!ลู่เจ๋อก้มศีรษะ เขาเอาหน้าเข้าไปใกล้ตรงซอกคอของเธอ เรียกคนที่นอนหลับสบายอย่างอบอุ่นหลังจากเอาแต่ใจสักครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้าที่บริษัทมีประชุมการเปิดประมูลที่สำคัญ เขาจำเป็นต้องไปลู่เจ๋อลุกจากเตียงแล้วล้างหน้าแปรงฟัน เขาเปลี่ยนชุดใหม่ เดินเข้ากลับไปที่ห้องนอนตอนที่กำลังผูกเนคไท......เฉียวซุนตื่นแล้ว เธอกำลังนั่งอยู่หัวเตียงด้วยความมึนงง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็เงยหน้ามอง สบตากับลู่เจ๋อพอดีหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดูเหมือนว่าเธอจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้เธอเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย “ลู่เจ๋อ ความเป็นจริงไม่สำคัญแล้ว! มันผ่านไปนานแล้ว ฉันไม่ได้สนใจอีกแล้วล่ะ พวกเราควรก้าวไปข้างหน้า ต้องก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว”แสงยามเช้าส่องไปที่เธออย่างนุ่มนวลสิ่งที่เธอพูดนั้นมีเหตุผล “ที่ฉันพูดเมื่อคืนนี้ คุณลองคิดดูดี ๆ นะ”ลู่เจ๋อไม่ส่งเสียงใด ๆเขาก
มาคิดในตอนนี้ ก็รู้สึกช่างน่าขันสิ้นดีเธอกังวลเกี่ยวกับหลินเซียวอยู่เสมอ เธอจึงนัดกับหลินเซียวที่ร้านกาแฟหลินเซียวมาถึงก่อน โดยนั่งข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูเฉียวซุนขับรถเข้ามา... เมื่อคนที่รอมาถึงแล้วก็เงยหน้าถาม “ทำไมเธอถึงขับรถเองล่ะ? บรรดาคุณนายที่ร่ำรวยอย่างพวกเธอ ไม่ใช่ว่ามีคนขับรถส่วนตัวเหรอ?”เฉียวซุนนั่งลงและยิ้มเบา ๆ “ต่อจากนี้ฉันอยากขับรถเองน่ะ”เมื่อพูดออกมา หลินเซียวก็รู้แผนการของเธอแล้ว “จะหย่าจริงเหรอ? ฉันเห็นว่าช่วงนี้ลู่เจ๋อค่อนข้างจะเอาอกเอาใจเธอนะ”เฉียวซุนไม่อยากพูดถึงเรื่องราวเหล่านั้นเธอถามหลินเซียวอย่างจริงจัง “เธอกับลู่จิ้นเซิงล่ะ เธอจะทำยังไงต่อไป?”หลินเซียวเขินเล็กน้อย เธอจัดผมตัวเองแล้วพูดอ้อม ๆ เลือกแต่เรื่องดี ๆ มาพูดว่า “ระหว่างฉันกับเขาจะมีเรื่องอะไรได้! เป็นเพียงความคิดของชายและหญิงเรื่องแตกขาดกันน่ะ ใครจะขาดใครก็ยังใช้ชีวิตต่อไปได้”เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรเธอเก็บไม่ไหวแล้ว จึงยอมรับตามตรงว่า “ฉันพูดไปหมดแล้ว เขายึดแหล่งทำมาหากินของฉันไม่ยอมปล่อย! ถ้าฉันตัดขาดกับเขา หลังจากนี้ฉันจะอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้ยังไงกันล่ะ? เฉียวซุน ฉันบอกเ
เฉียวซุนกลับมาถึงคฤหาสน์มาเซราติสีขาวจอดสนิท ประตูรถคันเก่งที่เปิดออกโดยเหล่าคนใช้เพื่อต้อนรับการกลับมา คนใช้มองเธอพร้อมเอ่ยด้วยเสียงดีใจ “คุณนายคะ เมื่อสักครู่มีคนมาที่บ้าน เอาของแพง ๆ มาให้ด้วยนะคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก “คุณชายน่าจะต้องการมอบให้คุณนายแน่ ๆ เลยค่ะ”เหล่าคนใช้ต่างดีอกดีใจแทนเฉียวซุนด้วยความไร้เดียงสา คิดว่าคงเพราะเธอผ่านความทุกข์ทรมานมานาน แต่พวกเธอจะรู้ได้ยังไงกันว่าการแต่งงานครั้งนี้ส่งผลยังไงกับเฉียวซุนบ้าง ยิ่งโหดร้ายป่าเถื่อนขนาดไหน เธอก็ยิ่งไร้ซึ่งความสุขไปด้วย เฉียวซุนไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น เธอขึ้นไปถึงชั้นสอง เปิดประตูห้องนอนหลัก ห้องนั่งเล่นล้วนถูกเติมเต็มไปด้วยกล่องหรูหราจากแบรนด์เนมชื่อดัง ทั้งเสื้อผ้าราคาแพง เครื่องประดับหายาก รองเท้าส้นสูงที่ผู้หญิงต่างชื่นชอบ......หรือแม้แต่ชุดเสื้อมีระดับจากแคทวอล์กที่ปารีสที่ลู่เจ๋อไปมาเมื่อสองวันก่อนก็กองอยู่ตรงหน้าด้วย ทั้งหมดคงหมายถึงความเอื้อเฟื้อและความเอื้ออาทรสินะ ลู่เจ๋อเดินเข้ามาแบบไร้สิ้นเสียง เขาเดินเข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง คางเขาวางอยู่บนไหล่สวยได้รูปของเธอ “ชอบรึ
สิ้นคำพูด แววตาของเขาก็ดูนุ่มลึกขึ้น เขาอยากเริ่มใหม่กับเฉียวซุน จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขาต้องการชดเชย แต่เพราะเขาอยากอยู่ด้วยกันกับเธอ ก็เหมือนที่เขาพูดนั่นแหละ พวกเขาต่างก็เคยมีช่วงเวลาที่มีความสุข แบบที่เขาไม่เคยได้รับจากคนอื่นเลยเขาต้องการเฉียวซุนจริง ๆ ไม่มีทางจะเป็นคนอื่นแทนได้อย่างแน่นอนเฉียวซุนไม่อยากต่อปากต่อคำ เธอผลักเขาออกอย่างเกียจคร้าน “ต้องไปพบไป๋เซียวเซียวไม่ใช่หรือคะ? ทำไมยังไม่ลงไปอีก?”ลู่เจ๋อที่เห็นอารมณ์ของเธอ ก็ไม่มีความเห็นอะไรอีก ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดี เฉียวซุนไม่สนใจเขาอีกต่อไป แม้แต่ตอนที่ไป๋เซียวเซียวมาเยี่ยม เธอก็ไม่สนใจเลย เธอเก็บอารมณ์ความสุข ความโกรธ และความเศร้าโศกไว้ทั้งหมด ราวกับจะบอกว่าเขาไม่สมควรได้รับมัน……อาการของไป๋เซียวเซียวไม่ได้ดีนัก เธอขู่วาเธอจะฆ่าตัวตายเสีย และบังคับให้พยาบาลพาเธอออกมา ขนาดแม่ไป๋ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำเธอรอเขาอยู่ที่สวนดอกไม้นานแล้ว เธอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากชั้นบน ซึ่งชั้นสองมีเพียงลู่เจ๋อและเฉียวซุนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเสียงที่เธอได้ยินคงมาจากทั้งสองคนอย่างแน่นอน ใบหน้าของไป๋เซียวเซียวซีดเธอพลันค
ส่งไป๋เซียวเซียวเสร็จ ลู่เจ๋อก็กลับมาห้องนอนชั้นสอง เขาอยากเรียกเฉียวซุนลงมาทานอาหาร คิดไปคิดมาเขาไม่เคยได้ใช้เวลาทานอาหารกับเธอเลยสักครั้ง หลังจากนี้เขาอยากจะทำตัวดี ๆ กับเธอเปิดประตูห้องนอนเข้าไป กล่องของราคาแพงเหล่านั้นถูกกองรวมไว้ที่มุมห้อง เสมือนหัวใจของเขาที่ถูกโยนทิ้งไป ลู่เจ๋อรู้ในทันทีว่าขิงก็ราข่าก็แรงอะไรแบบนั้น!ในห้องแต่งตัวมีเสียงเล็ดลอดออกมา เสียงเหมือนคนกำลังจัดกระเป๋าอะไรสักอย่าง ลู่เจ๋อรีบเร่งไปดูไม่ผิดจริง ๆ เฉียวซุนกำลังจัดประเป๋าเดินทาง กระเป๋านั่นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เธอมักชอบใส่ลู่เจ๋อยืนมองด้วยความเจ็บปวดเขาลากเธอมายังโซฟาตัวน้อย ใช้ร่างกายแสดงถึงการต่อต้านการกระทำของเธอ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันตรายออกไป “คุณจะไปไหน?”เฉียวซุนไม่ได้ต่อต้านการกระทำนั้น เธอเงยหน้ามองสามีของตัวเอง มองแววตาของเค้าที่ดูเหมือนกำลังกังวัล “คุยเสร็จแล้วเหรอคะ? เคลียร์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”ลู่เจ๋อถูกเธอจับได้เสียแล้ว!เขาจับเข้าที่มือของเธอ ลูบปลอบมัน พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดีนัก “ผมเตรียมส่งเธอไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ”เฉียวซุนประหลาดใจเล็กน้อย จากน