คนใช้รีบพูด “จริงด้วยค่ะ! กระเป๋าเดินทางคุณนายก็จัดเองด้วย!”“รู้ความคืบหน้าเธอแล้ว!”ทันทีที่พูดจบเขาก็รีบขึ้นไปชั้นบน พอขึ้นไปชั้นบนก็พบว่าไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะลุกขึ้น เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายของเฉียวซุนทิ้งอยู่บนหมอน และกลิ่นดังกล่าวก็ดึงดูดลู่เจ๋อเขาชอบกลิ่นกายของเฉียวซุนเธอมักจะเนื้อตัวสะอาดอยู่เสมอ ตัวเธอมักมีกลิ่นเจลอาบน้ำ ทุกครั้งที่เขาทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเธอจากด้านหลัง ซบหน้าเข้ากับเรือนผมของเธอ แนบชิดเธอให้ได้มากที่สุด... แค่คิด ลู่เจ๋อก็ไม่สามารถทนต่อความรู้สึกนั้นได้ ตอนล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาได้แต่สงสัยว่าร่างกายอันละเอียดอ่อนน่าทะนุถนอมของเฉียวซุนนั้น น่าดึงดูดมากเกินไปหรือว่าเขามีความต้องการหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่ามากไป!แต่ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธ และตอนนี้เธอก็ไม่แม้แต่โทรมาด้วยซ้ำ!เธอเย็นชากับเขาตลอดจริง!……ตอนเที่ยงเฉียวซุนอยู่สนามบินของเมืองเอชคราวนี้หลินซวงขอความช่วยเหลือจากเธอชั่วคราว เขาบอกว่ามีปัญหานิดหน่อยในเมืองเอช และต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากหลินซวงยุ
ลู่เจ๋อบินมาถึงเมืองเอช รถมาถึงโรงแรมตอนเวลาสามทุ่ม ราตรีเต็มไปด้วยแสงนีออน ค่ำคืนในเจียงหนาน คร่ำครึไปด้วยผู้คนมากมาย ลู่เจ๋อลงจากรถอาร์วีสีดำ หางตาก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ภรรยาของเขากับชายหนุ่มคนอื่น ในคืนต้นฤดูหนาว เธอสวมเสื้อโค้ทแคชเมียร์สีคาราเมลสีเข้ม ผมยาวสีดำของเธอดัดลอนเล็กน้อย มีปอยหวานคลอเคลียบนไหล่สวยของเธอ เพิ่มความหวานและความโรแมนติกในยามค่ำคืน ใบหน้าของเธอดูสงบ และท่าทางเธอก็ดูมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอคุยกับเฮ่อจี้ถัง ดวงตาของเธอดูสดใสอยู่ตลอดเวลาไม่เหมือนตอนอยู่กับเขา จะเย็นชาอะไรขนาดนั้นกัน ลู่เจ๋อแต่งกายอย่างสง่างามยืนอยู่ในโถงใหญ่ของโรงแรม เขายกแขนขึ้นและมองดูเวลาเขาเห็นภาพนั้นตอนหกโมงเย็น และตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว ซึ่งหมายความว่าในช่วงสามชั่วโมงที่ผ่านมา เฉียวซุนอยู่กับเฮ่อจี้ถังตลอด และดูเข้ากันได้เหมือนคู่รักคู่หนึ่งลู่เจ๋อเดินไปหาพวกเขาเฉียวซุนหันศีรษะมาบังเอิญเจอเข้ากับลู่เจ๋อ ทันใดนั้นรอยยิ้มนั่นก็พลันหายไปลู่เจ๋อเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของเธอ ยื่นมือออกไปและพูดกับเฮ่อจี้ถัง “บังเอิญจริงรุ่นพี่เฮ่อ! ชวนให้เจอไม่ดีเท่าบังเอิญเจอ”หลังจ
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดเขากดริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอแล้วพึมพำเบา ๆ “ไม่อนุญาตให้ชอบเขา!”เฉียวซุนผลักเขาออกไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะสั่งอาหารให้คุณ! ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม!”เธอถูกเขาดึงกลับมาลู่เจ๋อก้มลงจูบเธออีกครั้ง แม้เขาอุ้มเธอขึ้นแต่ก็ยังคงสาละวนอยู่กับการจูบเธอ หลังจากแต่งงานกันมาหลายปี เฉียวซุนก็ตระหนักได้ว่าลู่เจ๋อหมกมุ่นกับเรื่องนี้ขนาดไหน เมื่อเขาปล่อยเธอลง ขาเรียวทั้งสองข้างของเธอก็หยุดสั่นไม่ได้...เธอรู้สึกละอายใจมากขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งทำไปลู่เจ๋อตอนนี้เหมือนกับสัตว์ร้าย!รูปร่างหน้าตาที่อ่อนโยนของเขาเป็นเพียงเปลือกนอกของเขาเท่านั้น ในใจของเขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายลามกและสกปรกพวกนั้น...เขาเล่นได้สมบทบาทด้วยซ้ำไปเฉียวซุนไม่มีอารมณ์ตามหรอกเธอเคยรักลู่เจ๋อสุดหัวใจ เธอเคยเห็นถึงความดูดีมีชาติตระกูลของเขามานานแล้วด้วยซ้ำ ความร่ำรวยของเขา เขาจะแสดงมันออกมาในยามจำเป็นเท่านั้น...อะไรแบบนี้ในมุมของหญิงสาวที่เพิ่งมีความรักคงถูกตีหน้าเข้าอย่างจัง คงยากที่จะต้านทานมันได้แต่เฉียวซุนถูกเขาทำร้ายมาตั้ง 3 ปี3 ปี ระยะเวลาที่ทำให้หัวใจที่อบอุ่นข
ลู่เจ๋อถามด้วยเสียงเบา “เรื่องอะไรที่ทำให้มีความสุขขนาดนั้นเหรอ?”หายากที่เฉียวซุนจะดูมีความสุขแต่ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เจ๋อไม่เหมาะที่จะแบ่งปันความสุขกัน เธอถือโทรศัพท์และพูดคลุมเครือ “ของที่อยากซื้อมาตลอดมีสินค้าแล้ว!”ลู่เจ๋อคิดว่าคงเป็นสินค้าหรูหราอย่างพวกเครื่องประดับ เขายิ้มมากขึ้น “อยากได้อะไรผมซื้อให้คุณเอง”คำตอบของเฉียวซุนคือถือโทรศัพท์ และเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยเท้าเปล่า เสียงของลู่เจ๋อมาจากด้านหลัง “คุณถือโทรศัพท์อยู่ตลอด กลัวว่าจะมีความลับอะไรให้ผมดูเหรอ? หรือเพิ่มหนุ่มวัยละอ่อนมาอีกคน? ”ภายในห้องแต่งตัว เฉียวซุนเลือกเสื้อผ้าแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนั้นเธอเอ่ยตอบด้วยเสียงเบา “ฉันจะมีความลับอะไรได้เหรอ เมืองเอชไม่ใช่ศูนย์บังคับบัญชาของคุณเหรอ ตอนนี้ได้มาเที่ยวสถานที่เดิมก็ควรมีรสชาติของชีวิตที่แตกต่างสิ!”ลู่เจ๋อใจเต้นเล็กน้อยเขาตามเธอไป พิงบานประตูเบา ๆ และมองดูท่าทางของเธอที่ไม่ยินดียินร้าย อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับคุณ ผมไม่เคยแตะต้องคุณ และรูปถ่ายรูปนั้นก็เป็นคุณที่แอบถ่าย"เฉียวซุนหัวเราะไม่สนใจ เธอค่อย ๆ ดึงถุงน่องสีดำลายจุดขึ
“คุณพูดมา!”แม้ว่าลู่เจ๋ออายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่นิสัยของเขานั้นสุขุมใจเย็น ในโลกธุรกิจเขาเป็นคนมีชื่อเสียงที่ได้ความเคารพนับถืออย่างสูงและมีอำนาจที่มิอาจล้มล้างได้ แต่เมื่อรับสายแล้วได้ยินสิ่งที่เลขาฉินพูด กลับทำให้เขารู้สึกตกใจและสับสนวุ่นวายเลขาฉินกดเสียงต่ำพูดว่า “ท่านยอมให้ไป๋เซียวเซียวถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก! เดิมทีเรื่องนี้ควรจะเป็นฉันที่จัดการ แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานจึงฝากไว้กับผู้ช่วยแทนแล้ว ผู้ช่วยไม่เข้าใจสถานการณ์ จริง ๆ แล้วกุญแจของ.....สวนฉิน ได้ให้กับคนตระกูลไป๋ วันนี้ตอนเช้าไป๋เซียวเซียวเข้าไปถ่ายรูปด้านในไว้ และยังโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค แคปชั่นก็เกินไปมาก...... ‘คนที่ไม่ถูกรักถึงจะเป็นมือที่สาม’นิ้วของลู่เจ๋อที่จับโทรศัพท์กลายเป็นสีขาวซีดเขาคิดแผนภายในห้าวินาที “ติดต่อทางคนที่รับผิดชอบของเฟสบุ๊คทันที ไม่สนว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ ขอให้พวกเขาที่อยู่เบื้องหลังลบเฟสบุ๊คของไป๋เซียวเซียวซะ! ผมไม่ต้องการให้เฉียวซุนเห็นสิ่งนี้”เลขาฉินพูดตามความจริงว่า “ทำได้ค่ะ แต่ตอนนี้โพสต์นั้นถูกรีโพสต์ไปหนึ่งแสนครั้ง ลบออกก็ไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ.....ขอโทษนะคะปร
เฉียวซุนยังไม่ทันได้พูดอะไรลู่เจ๋อก็จับมือของเธอและมองลึกเข้าไปในดวงตา “ผมจะบินกลับไปจัดการที่เมืองบีตอนนี้! เฉียวซุนผมจะหยุดเรื่องนี้และลดผลกระทบด้านลบให้เหลือน้อยที่สุด”เฉียวซุนลดสายตาลงจากนั้นไม่นาน เธอก็ยิ้มอย่างขมขื่น “จะหยุดมันได้ยังไง 100,000 แชร์ ลู่เจ๋อบอกฉันหน่อยว่าจะหยุดมันยังไง”ลู่เจ๋อจับมือเธอไว้แน่น ก่อนจะเดินออกไปเรื่องของไป๋เซียวเซียวไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตระกูลเฉียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลู่ซื่อกรุ๊ปอีกด้วย... หากแก้ปัญหาได้ไม่ดี หุ้นของลู่ซื่อกรุ๊ปจะดิ่งลงอย่างแน่นอนลู่เจ๋อเดินไปที่ประตูโรงละครเขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเฉียวซุน แต่เฉียวซุนไม่ได้มองเขาเลยสักนิดเธอยืนอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ รู้สึกอ่อนแอและโดดเดี่ยวเธอกระซิบกับผู้ดูแลโรงละครว่า “ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพักได้ไหมคะ?”ชายคนนั้นก็เห็นใจกับชะตากรรมของเธอและพูดอย่างรวดเร็ว “ได้ครับอาจารย์เฉียว ผมจะเคลียร์สถานที่ให้ คุณอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่คุณต้องการเลย! ที่นี่ของเราปิดตอนหกโมงเย็นครับ”เฉียวซุนขอบคุณเขาด้วยเสียงเบาหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไป เฉียวซุนก็หลับตาเล่นไวโอลินอีกครั้ง “การทำสม
เฉียวซุนกลับมาที่เมืองบี และขับรถจากสนามบินตรงไปที่สุสานทันทีลมเย็นในช่วงต้นฤดูหนาวเธอสวมเสื้อคลุมสีดำและถือช่อดอกเดซีที่แม่ของเธอรักมากที่สุดไว้ในมือ เธอยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว และจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของแม่เธอแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในความทรงจำของเฉียวซุน แม่ของเธอเป็นคนอ่อนโยนน่ารักและรักพ่อมาก ในตอนเย็นเธอจะได้ยินเสียงรถยนต์ในลานสวนฉิน แม่ของเธอจะอุ้มเธอลงไปรับพ่อด้วยกัน พ่อจะจูบแม่ก่อนแล้วจึงกอดเธอ “เสี่ยวซุนคิดถึงพ่อหรือเปล่า?”‘เสี่ยวซุนคิดถึงพ่อค่ะ!’‘เสี่ยวซุนอยากไปรับพี่ชายกับพ่อ’‘ได้เลย! เดี๋ยวเราไปรับพี่ชายกัน ไม่ต้องไปกวนแม่วาดรูป’......เฉียวซุนในวัยเด็กนั่งอยู่ในรถสีดำ เธอมองแม่ผ่านหน้าต่างด้านหลัง แม่ของเธอยืนอยู่ที่ลานบ้านพร้อมผ้าคลุมไหล่ของเธอ มีดอกไม้สวยงามบานสะพรั่งอยู่ข้าง ๆ แม่เธอ ใบหน้าของแม่เต็มไปด้วยรอยยิ้มน้ำตาของเฉียวซุนหยดลงบนพื้นเฉียวซุนก้มลงและวางช่อดอกเดซีไว้หน้าเสาของแม่เธอคิดว่าพรุ่งนี้ควรจะปลูกดอกหล้าเหมยที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ พอฤดูหนาวมาเยือนแม่ก็อุ้มเธอไว้และรอพ่อเลิกงาน...ตอนเย็นเธอก็กลับมาที่คฤหาสน์เมื่อคนรับใช้เห็น
เมื่อเธอปฏิเสธ เขาก็บีบแก้มเธอแรงเพราะมันเจ็บมาก แก้มเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีเขียวช้ำหลังจากนั้นสักพักถุงน่องของเธอก็ถูกถอดออกแล้วโยนไปที่ปลายเตียง...ลู่เจ๋อกดริมฝีปากสีทับทิม และกระซิบเสียงหวานเหมือนคนรัก “ผมไม่ให้คุณไปแน่! ผมไม่เคยชอบเขา ผมไม่มีทางเลือก! ฟังผมได้ไหม? เราเพิ่งจะมีความสุขด้วยกันมาได้ไม่นานเอง ... ”ผมสีดำสลวยของเฉียวซุนแผ่อยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาวหิมะเสื้อผ้าดูไม่เรียบร้อย ไร้แรงที่จะขัดขืนเธอมองไปที่ลู่เจ๋อแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “ลู่เจ๋ออย่ามาบังคับฉัน!”ดวงตาล้ำลึกของเขาจ้องเธอ “คุณหมายถึงอะไร”ริมฝีปากของเฉียวซุนอดสั่นไม่ได้ “เรายังอยู่ในช่วงแต่งงานกัน และคุณเองก็คงไม่ต้องการให้มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นหรอก! ลู่เจ๋ออย่าบังคับฉันเลย ถ้าคุณบังคับฉันอีก ฉันไม่รับประกันว่าจะทำเรื่องที่ขาดสติรึเปล่า พรุ่งนี้มะรืนนี้ หรือสัปดาห์ต่อจากนี้ ประธานลู่อาจจะมีข่าวที่ภรรยาทรยศเผยแพร่ไปทั่วเมืองบี ฉันคิดว่าถ้าเทียบเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของคุณ คนคงสงสัยเรื่องที่ภรรยามีชู้มากกว่า เพื่อนธุรกิจของคุณจะมองคุณว่ายังไง ไหนจะธุรกิจอีก”ลู่เจ๋อยิ้มแทนที่จะโกรธ “ใครสอนคุณ หรื