เฉียวซุนกลับมาที่เมืองบี และขับรถจากสนามบินตรงไปที่สุสานทันทีลมเย็นในช่วงต้นฤดูหนาวเธอสวมเสื้อคลุมสีดำและถือช่อดอกเดซีที่แม่ของเธอรักมากที่สุดไว้ในมือ เธอยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว และจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของแม่เธอแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในความทรงจำของเฉียวซุน แม่ของเธอเป็นคนอ่อนโยนน่ารักและรักพ่อมาก ในตอนเย็นเธอจะได้ยินเสียงรถยนต์ในลานสวนฉิน แม่ของเธอจะอุ้มเธอลงไปรับพ่อด้วยกัน พ่อจะจูบแม่ก่อนแล้วจึงกอดเธอ “เสี่ยวซุนคิดถึงพ่อหรือเปล่า?”‘เสี่ยวซุนคิดถึงพ่อค่ะ!’‘เสี่ยวซุนอยากไปรับพี่ชายกับพ่อ’‘ได้เลย! เดี๋ยวเราไปรับพี่ชายกัน ไม่ต้องไปกวนแม่วาดรูป’......เฉียวซุนในวัยเด็กนั่งอยู่ในรถสีดำ เธอมองแม่ผ่านหน้าต่างด้านหลัง แม่ของเธอยืนอยู่ที่ลานบ้านพร้อมผ้าคลุมไหล่ของเธอ มีดอกไม้สวยงามบานสะพรั่งอยู่ข้าง ๆ แม่เธอ ใบหน้าของแม่เต็มไปด้วยรอยยิ้มน้ำตาของเฉียวซุนหยดลงบนพื้นเฉียวซุนก้มลงและวางช่อดอกเดซีไว้หน้าเสาของแม่เธอคิดว่าพรุ่งนี้ควรจะปลูกดอกหล้าเหมยที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ พอฤดูหนาวมาเยือนแม่ก็อุ้มเธอไว้และรอพ่อเลิกงาน...ตอนเย็นเธอก็กลับมาที่คฤหาสน์เมื่อคนรับใช้เห็น
เมื่อเธอปฏิเสธ เขาก็บีบแก้มเธอแรงเพราะมันเจ็บมาก แก้มเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีเขียวช้ำหลังจากนั้นสักพักถุงน่องของเธอก็ถูกถอดออกแล้วโยนไปที่ปลายเตียง...ลู่เจ๋อกดริมฝีปากสีทับทิม และกระซิบเสียงหวานเหมือนคนรัก “ผมไม่ให้คุณไปแน่! ผมไม่เคยชอบเขา ผมไม่มีทางเลือก! ฟังผมได้ไหม? เราเพิ่งจะมีความสุขด้วยกันมาได้ไม่นานเอง ... ”ผมสีดำสลวยของเฉียวซุนแผ่อยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาวหิมะเสื้อผ้าดูไม่เรียบร้อย ไร้แรงที่จะขัดขืนเธอมองไปที่ลู่เจ๋อแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “ลู่เจ๋ออย่ามาบังคับฉัน!”ดวงตาล้ำลึกของเขาจ้องเธอ “คุณหมายถึงอะไร”ริมฝีปากของเฉียวซุนอดสั่นไม่ได้ “เรายังอยู่ในช่วงแต่งงานกัน และคุณเองก็คงไม่ต้องการให้มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นหรอก! ลู่เจ๋ออย่าบังคับฉันเลย ถ้าคุณบังคับฉันอีก ฉันไม่รับประกันว่าจะทำเรื่องที่ขาดสติรึเปล่า พรุ่งนี้มะรืนนี้ หรือสัปดาห์ต่อจากนี้ ประธานลู่อาจจะมีข่าวที่ภรรยาทรยศเผยแพร่ไปทั่วเมืองบี ฉันคิดว่าถ้าเทียบเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของคุณ คนคงสงสัยเรื่องที่ภรรยามีชู้มากกว่า เพื่อนธุรกิจของคุณจะมองคุณว่ายังไง ไหนจะธุรกิจอีก”ลู่เจ๋อยิ้มแทนที่จะโกรธ “ใครสอนคุณ หรื
คนรับใช้ขึ้นไปด้านบนอีกครั้งพลางพูดเสียงเบา “คุณชายคะ เลขาฉินมาแล้วค่ะ!”ลู่เจ๋อถือแหวนเพชรแล้วมองดูเงียบ ๆ ได้ยินแบบนั้นเขาก็พูดอย่างใจเย็น “ให้เธอรอผมข้างล่างเถอะ”เลขาฉินนั่งอยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่งเธอได้ยินจากคนรับใช้ว่าเฉียวซุนย้ายออกไปและแยกกันอยู่กับลู่เจ๋อเมื่อมาถึง เธอคิดว่าเธอจะมีความสุข แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเลยลู่เจ๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะลงชั้นล่างเขาดูซีดเซียวเล็กน้อยและถามขณะลงไปชั้นล่าง “มีเรื่องด่วนอะไรต้องมาคุยถึงที่บ้าน” หลังจากพูดจบ เขาก็นั่งลงที่โต๊ะเพื่อรับประทานอาหารการทานข้าวคนเดียวช่างเงียบเหงาและทำให้เขาไม่อยากอาหารเลขาฉินจำต้องมาที่นี่ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ “คุณไป๋เรียกหาคุณตลอดหลังเกิดอุบัติเหตุค่ะ แต่คุณไม่รับสายหรือไปเยี่ยมเธอเลย เธอเลยกรีดข้อมืออีกครั้งในโรงพยาบาลและมีเลือดออกเยอะมากค่ะ”ลู่เจ๋อที่กำลังตักซุปอยู่ต้องหยุดนิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้นเขาพูดอย่างใจเย็น “ร่างกายเธอเป็นแบบนั้น ยังมีเลือดไหลได้อีกเหรอ?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เลขาฉินก็รู้ว่าไป๋เซียวเซียวมีความสำคัญในใจเขาเพียงใด เธอกำลังจะถามถึงคำตอบ เมื่อลู่เจ๋อก้มศีรษ
ลู่เจ๋อชอบและใส่ใจเฉียวซุนไป๋เซียวเซียวกลายเป็นบ้าทันทีเธอดึงสายถ่ายเลือดออก และมีเลือดไหลออกมาจากหลังมืออันผอมแห้งของเธอ แต่เธอไม่ได้สนใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของคุณ คุณคงแต่งงานกับฉันแล้ว! ลู่เจ๋อคุณคิดว่าเธอตั้งใจวางแผนแค่นั้นเหรอ? ไม่ เธอทำมากกว่านั้น! เธอวางแผนให้ฉันแต่งงานกับผู้ชายเลว ๆ ทุบตีเมียตัวเองจนตาย...ฉันเคยโดนเขาทำร้ายจนตรงนั้นมีเลือดไหล ไปโรงพยาบาลก็ไม่ทันแล้ว ลูกในท้องฉัน เขาก็ไม่อยู่กับฉันแล้ว ฉันกลายเป็นคนพิการ แต่เฉียวซุนกลายเป็นคนที่คุณเลี้ยงดู ฉันอิจฉาเธอ ฉันรู้สึกไม่ยุติธรรมแล้วฉันผิดอะไร เธอได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ คำว่าคุณนายลู่มันควรจะเป็นของฉัน”หลังจากพูดอย่างนั้น ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวเธอพึมพำอีกครั้ง “ฉันผิดอะไร? ทำไมต้องโดนแบบนี้”ลู่เจ๋อมองเธอเงียบ ๆหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันมาเปิดหน้าต่าง ปล่อยให้ลมยามค่ำคืนข้างนอกช่วยกระจายกลิ่นเลือดในวอร์ด ไป๋เซียวเซียวไออย่างรุนแรงด้านหลังเขาแต่ลู่เจ๋อไม่สนใจเขาจ้องมองที่ต้นลอเรลและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ผมจะให้คุณ 50 ล้านและให้คุณไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ จ
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่เจ๋อกำลังจะไปที่บริษัทคนรับใช้บอกเขาว่ามีคนมาที่ติงซวนโหลวพร้อมนำของมาด้วยสองอย่างลู่เจ๋อติดกระดุมข้อมือพลางเลิกคิ้ว “ของอยู่ไหน?”คนรับใช้นำลังที่สวยงามออกมาเพื่อที่จะย้ายไปที่ชั้นสองให้ลู่เจ๋อ แต่ลู่เจ๋อก็พูดอย่างใจเย็น “เดี๋ยวฉันทำเอง!”เขาหยิบกล่องขึ้นไปที่ชั้นสองแล้วเปิดออกเบา ๆทั้งสองสิ่งนี้ได้รับการซ่อมแซมและสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่อย่างที่อาจารย์พูด ไม่ว่าทักษะจะสูงแค่ไหน ก็ไม่สามารถซ่อมแซมอดีตและปัจจุบันได้ ไม่สามารถซ่อมแซมสิ่งที่เฉียวซุนเขียนในเวลานั้นได้ครึ่งหนึ่งของไดอารี่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและไร้สาระของเฉียวซุนครึ่งหนึ่งเป็นกระดาษสีขาว ๆนิ้วเรียวของลู่เจ๋อลูบมันเบา ๆ สีหน้าของเขาอ่อนโยนมาก เมื่ออ่านเรื่องราวพวกนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนอ่านถึงเฉียวซุนวัย 18 ที่ตกหลุมรักเขาเขาดูรูปนั้นอยู่นานแล้วแขวนไว้บนผนัง…...สามวันต่อมา เฉียวซุนได้พบกับลู่เจ๋อในงานสังสรรค์เธอชวนหลินซวงไปทานอาหารเย็นและขอความช่วยเหลือ หลังจากดื่มไวน์แดงไปสองแก้ว เธอก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เธอล้างหน้าด้วยน้ำเย็นในห้องน้ำและรอเป็นเวลานานแต่เธอก็ยังรู้สึกอ
เฉียวซุนส่ายหัว “ไม่เป็นไร! แค่มึนหัวนิดหน่อย”เธอหยิบเสื้อคลุมจากมือของเขา “ฉันกลับก่อนนะ!”หลินซวงพยักหน้าและเอามือล้วงกระเป๋า “ให้ฉันพาเธอกลับเถอะ!”เฉียวซุนรู้ว่าหลินซวงมีอย่างอื่นต้องทำ จึงพูดว่า “นายก็พึ่งดื่มมา นั่งแท็กซี่กลับเถอะ! ฉันไม่เป็นไร ส่วนเรื่องที่ให้ช่วย...”หลินซวงยิ้มให้เธอ “เรื่องนี้ยังมีฉันไง? วางใจเถอะเรื่องใหญ่แบบนี้ฉันกับอาจารย์เว่ยดูอยู่! ถ้าไม่มีอะไรงั้นฉันเข้าไปก่อนนะ อีกเดี๋ยว... จะมีกิจกรรมอย่างอื่นอีก”เขายังมีสติหลังจากที่ไป๋เซียวเซียวละทิ้งความฝันด้านดนตรีของเธอ เขาก็ไม่เคยติดต่อลู่เจ๋ออีกเลยเฉียวซุนรู้สึกขอบคุณ เธอสวมเสื้อโค้ทและกล่าวลากับหลินซวงบริเวณชั้นหนึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่คนมักจะเรียกแท็กซี่ เฉียวซุนรอประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะได้ขึ้นรถ ใบหน้าของเธอซีดเซียวจากความหนาวเย็นอยู่ในรถในรถเบนท์ลีย์สีดำในลานจอดรถลู่เจ๋อกำลังนั่งอยู่ในรถ เขามองขาเรียวเล็กของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอรอรถ มองเธอกระชับเสื้อคลุมแน่นเพื่อป้องกันลมหนาว... และมองเธอดูโทรศัพท์อย่างกังวลเป็นครั้งคราวนี่คือชีวิตที่เธอต้องการเหรอ?ไม่มีรถหรือคนขับ เธอต้องการดื
เฉียวซุนก็มองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วย ดวงตาของเธอเงียบสงบมากหลังจากนั้นไม่นานลู่เจ๋อก็กดโทรศัพท์หาเธอเฉียวซุนตอบ และเธอก็ได้ยินเสียงเย็นชาของลู่เจ๋อ “ลงมา”เฉียวซุนมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ลู่เจ๋อ ฉันบอกคุณแล้วว่าเราแยกกันอยู่แล้ว และฉันจะไปไหนกับใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ วันหลังฉันจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับใครเพียงเพราะคุณอีก อีกอย่างวันนี้เป็นวันเกิดของคุณป้าเฮ่อ ฉันจะไปทานข้าวกับเธอ ฉันไม่ได้นอกใจคุณ ไม่ได้มีคนอื่น”“แต่คุณก็รู้ว่าเฮ่อจี้ถังชอบคุณ!”“แล้วไงล่ะ ไป๋เซียวเซียวก็ชอบคุณไม่ใช่เหรอ? คุณปฏิเสธเธอไหมล่ะ?”…...เฉียวซุนวางสายโทรศัพท์ลู่เจ๋อเห็นน้ำตาของเธอผ่านกระจก เพราะพูดถึงไป๋เซียวเซียวเหรอ? เธอยังคิดถึงเรื่องนั้นฝั่งเฮ่อจี้ถังเองก็สตาร์ทรถ เหลือเหยียบคันเร่งรถก็ชนแล้ว!รถทั้งสองคันชนกันทำให้เกิดเสียงดังรุนแรงลู่เจ๋อเป็นคนอารมณ์ไม่ดี เขาไม่เคยยอมใครเลย ยิ่งเป็นเฮ่อจี้ถังแต่เฉียวซุนกำลังนั่งอยู่ในรถเขากลัวว่าเฉียวซุนจะได้รับบาดเจ็บเบนท์ลีย์สีดำของลู่เจ๋อถอยออกไปช้า ๆ เขาขอให้เฉียวซุนออกไป เมื่อรถผ่านไป มือของลู่เจ๋อก็เอื้อมมือข้ามหน้าต่างไป ราวกับว่าเขาต้
เฉียวซุนกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่บ้ากว่านั้น เธอจึงพูดเบาๆ “ไปกันเถอะ!”ลู่เจ๋อคลายอ้อมกอดลงเล็กน้อยเธอบอกลาเฮ่อจี้ถัง และได้รอยยิ้มกลับมา “เสี่ยวซุน ถ้าว่างก็มาใหม่นะ แม่ผมคิดถึงคุณ”เฉียวซุนพยักหน้าเธอเมินลู่เจ๋อ เดินตรงไปที่รถเบนท์ลีย์สีดำ เปิดประตูผู้โดยสารแล้วขึ้นรถไปลู่เจ๋อถอยหลังตามไปขึ้นรถไม่นานรถก็ขับออกไปเฮ่อจี้ถังยืนอยู่ที่เดิมอยู่นาน จนแม่ของเขาลงมาหาเขา เธอตบไหล่ลูกชาย แล้วยิ้มเบา ๆ “ไม่แปลกใจเลยที่ลูกชอบเธอ”เฮ่อจี้ถังเอามือล้วงกระเป๋า “แม่ครับ เหมือนผมจะช้าไปหนึ่งก้าว”เฮ่อหยุนจับแขนของเขาและยังคงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็เก็บเธอไว้ในใจและช่วยเธอเมื่อเธอลำบากนะลูก...”ลู่เจ๋อขับรถเร็วมากประมาณห้านาทีต่อมา รถก็หยุดกะทันหันข้างริมถนนที่มีประชากรเบาบางพร้อมส่งเสียงเอี๊ยดเฉียวซุนนั่งเงียบเธอพูดเบา ๆ “วันนี้เป็นวันเกิดป้าเฮ่อ มันเป็นทางผ่านเขาหลังเลิกงานพอดี คุณอย่าคิดมากเลย”ลู่เจ๋อมองคืนที่มืดมิดนอกรถแล้วพูดเบา ๆ “เธอกำลังอธิบายให้ผมฟังหรือกลัวว่าผมจะจัดการกับเขา?”เฉียวซุนพูดอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกลัวว่าคุณจะจัดการกับเขา!”ลู่เจ๋อหยิบบุหรี่ออกมาจ่อที่ริมฝีปา
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว