ส่งไป๋เซียวเซียวเสร็จ ลู่เจ๋อก็กลับมาห้องนอนชั้นสอง เขาอยากเรียกเฉียวซุนลงมาทานอาหาร คิดไปคิดมาเขาไม่เคยได้ใช้เวลาทานอาหารกับเธอเลยสักครั้ง หลังจากนี้เขาอยากจะทำตัวดี ๆ กับเธอเปิดประตูห้องนอนเข้าไป กล่องของราคาแพงเหล่านั้นถูกกองรวมไว้ที่มุมห้อง เสมือนหัวใจของเขาที่ถูกโยนทิ้งไป ลู่เจ๋อรู้ในทันทีว่าขิงก็ราข่าก็แรงอะไรแบบนั้น!ในห้องแต่งตัวมีเสียงเล็ดลอดออกมา เสียงเหมือนคนกำลังจัดกระเป๋าอะไรสักอย่าง ลู่เจ๋อรีบเร่งไปดูไม่ผิดจริง ๆ เฉียวซุนกำลังจัดประเป๋าเดินทาง กระเป๋านั่นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เธอมักชอบใส่ลู่เจ๋อยืนมองด้วยความเจ็บปวดเขาลากเธอมายังโซฟาตัวน้อย ใช้ร่างกายแสดงถึงการต่อต้านการกระทำของเธอ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันตรายออกไป “คุณจะไปไหน?”เฉียวซุนไม่ได้ต่อต้านการกระทำนั้น เธอเงยหน้ามองสามีของตัวเอง มองแววตาของเค้าที่ดูเหมือนกำลังกังวัล “คุยเสร็จแล้วเหรอคะ? เคลียร์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”ลู่เจ๋อถูกเธอจับได้เสียแล้ว!เขาจับเข้าที่มือของเธอ ลูบปลอบมัน พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดีนัก “ผมเตรียมส่งเธอไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ”เฉียวซุนประหลาดใจเล็กน้อย จากน
คนใช้รีบพูด “จริงด้วยค่ะ! กระเป๋าเดินทางคุณนายก็จัดเองด้วย!”“รู้ความคืบหน้าเธอแล้ว!”ทันทีที่พูดจบเขาก็รีบขึ้นไปชั้นบน พอขึ้นไปชั้นบนก็พบว่าไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะลุกขึ้น เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายของเฉียวซุนทิ้งอยู่บนหมอน และกลิ่นดังกล่าวก็ดึงดูดลู่เจ๋อเขาชอบกลิ่นกายของเฉียวซุนเธอมักจะเนื้อตัวสะอาดอยู่เสมอ ตัวเธอมักมีกลิ่นเจลอาบน้ำ ทุกครั้งที่เขาทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเธอจากด้านหลัง ซบหน้าเข้ากับเรือนผมของเธอ แนบชิดเธอให้ได้มากที่สุด... แค่คิด ลู่เจ๋อก็ไม่สามารถทนต่อความรู้สึกนั้นได้ ตอนล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาได้แต่สงสัยว่าร่างกายอันละเอียดอ่อนน่าทะนุถนอมของเฉียวซุนนั้น น่าดึงดูดมากเกินไปหรือว่าเขามีความต้องการหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่ามากไป!แต่ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธ และตอนนี้เธอก็ไม่แม้แต่โทรมาด้วยซ้ำ!เธอเย็นชากับเขาตลอดจริง!……ตอนเที่ยงเฉียวซุนอยู่สนามบินของเมืองเอชคราวนี้หลินซวงขอความช่วยเหลือจากเธอชั่วคราว เขาบอกว่ามีปัญหานิดหน่อยในเมืองเอช และต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากหลินซวงยุ
ลู่เจ๋อบินมาถึงเมืองเอช รถมาถึงโรงแรมตอนเวลาสามทุ่ม ราตรีเต็มไปด้วยแสงนีออน ค่ำคืนในเจียงหนาน คร่ำครึไปด้วยผู้คนมากมาย ลู่เจ๋อลงจากรถอาร์วีสีดำ หางตาก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ภรรยาของเขากับชายหนุ่มคนอื่น ในคืนต้นฤดูหนาว เธอสวมเสื้อโค้ทแคชเมียร์สีคาราเมลสีเข้ม ผมยาวสีดำของเธอดัดลอนเล็กน้อย มีปอยหวานคลอเคลียบนไหล่สวยของเธอ เพิ่มความหวานและความโรแมนติกในยามค่ำคืน ใบหน้าของเธอดูสงบ และท่าทางเธอก็ดูมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอคุยกับเฮ่อจี้ถัง ดวงตาของเธอดูสดใสอยู่ตลอดเวลาไม่เหมือนตอนอยู่กับเขา จะเย็นชาอะไรขนาดนั้นกัน ลู่เจ๋อแต่งกายอย่างสง่างามยืนอยู่ในโถงใหญ่ของโรงแรม เขายกแขนขึ้นและมองดูเวลาเขาเห็นภาพนั้นตอนหกโมงเย็น และตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว ซึ่งหมายความว่าในช่วงสามชั่วโมงที่ผ่านมา เฉียวซุนอยู่กับเฮ่อจี้ถังตลอด และดูเข้ากันได้เหมือนคู่รักคู่หนึ่งลู่เจ๋อเดินไปหาพวกเขาเฉียวซุนหันศีรษะมาบังเอิญเจอเข้ากับลู่เจ๋อ ทันใดนั้นรอยยิ้มนั่นก็พลันหายไปลู่เจ๋อเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของเธอ ยื่นมือออกไปและพูดกับเฮ่อจี้ถัง “บังเอิญจริงรุ่นพี่เฮ่อ! ชวนให้เจอไม่ดีเท่าบังเอิญเจอ”หลังจ
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดเขากดริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอแล้วพึมพำเบา ๆ “ไม่อนุญาตให้ชอบเขา!”เฉียวซุนผลักเขาออกไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะสั่งอาหารให้คุณ! ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม!”เธอถูกเขาดึงกลับมาลู่เจ๋อก้มลงจูบเธออีกครั้ง แม้เขาอุ้มเธอขึ้นแต่ก็ยังคงสาละวนอยู่กับการจูบเธอ หลังจากแต่งงานกันมาหลายปี เฉียวซุนก็ตระหนักได้ว่าลู่เจ๋อหมกมุ่นกับเรื่องนี้ขนาดไหน เมื่อเขาปล่อยเธอลง ขาเรียวทั้งสองข้างของเธอก็หยุดสั่นไม่ได้...เธอรู้สึกละอายใจมากขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งทำไปลู่เจ๋อตอนนี้เหมือนกับสัตว์ร้าย!รูปร่างหน้าตาที่อ่อนโยนของเขาเป็นเพียงเปลือกนอกของเขาเท่านั้น ในใจของเขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายลามกและสกปรกพวกนั้น...เขาเล่นได้สมบทบาทด้วยซ้ำไปเฉียวซุนไม่มีอารมณ์ตามหรอกเธอเคยรักลู่เจ๋อสุดหัวใจ เธอเคยเห็นถึงความดูดีมีชาติตระกูลของเขามานานแล้วด้วยซ้ำ ความร่ำรวยของเขา เขาจะแสดงมันออกมาในยามจำเป็นเท่านั้น...อะไรแบบนี้ในมุมของหญิงสาวที่เพิ่งมีความรักคงถูกตีหน้าเข้าอย่างจัง คงยากที่จะต้านทานมันได้แต่เฉียวซุนถูกเขาทำร้ายมาตั้ง 3 ปี3 ปี ระยะเวลาที่ทำให้หัวใจที่อบอุ่นข
ลู่เจ๋อถามด้วยเสียงเบา “เรื่องอะไรที่ทำให้มีความสุขขนาดนั้นเหรอ?”หายากที่เฉียวซุนจะดูมีความสุขแต่ความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เจ๋อไม่เหมาะที่จะแบ่งปันความสุขกัน เธอถือโทรศัพท์และพูดคลุมเครือ “ของที่อยากซื้อมาตลอดมีสินค้าแล้ว!”ลู่เจ๋อคิดว่าคงเป็นสินค้าหรูหราอย่างพวกเครื่องประดับ เขายิ้มมากขึ้น “อยากได้อะไรผมซื้อให้คุณเอง”คำตอบของเฉียวซุนคือถือโทรศัพท์ และเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยเท้าเปล่า เสียงของลู่เจ๋อมาจากด้านหลัง “คุณถือโทรศัพท์อยู่ตลอด กลัวว่าจะมีความลับอะไรให้ผมดูเหรอ? หรือเพิ่มหนุ่มวัยละอ่อนมาอีกคน? ”ภายในห้องแต่งตัว เฉียวซุนเลือกเสื้อผ้าแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนั้นเธอเอ่ยตอบด้วยเสียงเบา “ฉันจะมีความลับอะไรได้เหรอ เมืองเอชไม่ใช่ศูนย์บังคับบัญชาของคุณเหรอ ตอนนี้ได้มาเที่ยวสถานที่เดิมก็ควรมีรสชาติของชีวิตที่แตกต่างสิ!”ลู่เจ๋อใจเต้นเล็กน้อยเขาตามเธอไป พิงบานประตูเบา ๆ และมองดูท่าทางของเธอที่ไม่ยินดียินร้าย อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผมไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับคุณ ผมไม่เคยแตะต้องคุณ และรูปถ่ายรูปนั้นก็เป็นคุณที่แอบถ่าย"เฉียวซุนหัวเราะไม่สนใจ เธอค่อย ๆ ดึงถุงน่องสีดำลายจุดขึ
“คุณพูดมา!”แม้ว่าลู่เจ๋ออายุยังไม่ถึง 30 ปี แต่นิสัยของเขานั้นสุขุมใจเย็น ในโลกธุรกิจเขาเป็นคนมีชื่อเสียงที่ได้ความเคารพนับถืออย่างสูงและมีอำนาจที่มิอาจล้มล้างได้ แต่เมื่อรับสายแล้วได้ยินสิ่งที่เลขาฉินพูด กลับทำให้เขารู้สึกตกใจและสับสนวุ่นวายเลขาฉินกดเสียงต่ำพูดว่า “ท่านยอมให้ไป๋เซียวเซียวถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก! เดิมทีเรื่องนี้ควรจะเป็นฉันที่จัดการ แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานจึงฝากไว้กับผู้ช่วยแทนแล้ว ผู้ช่วยไม่เข้าใจสถานการณ์ จริง ๆ แล้วกุญแจของ.....สวนฉิน ได้ให้กับคนตระกูลไป๋ วันนี้ตอนเช้าไป๋เซียวเซียวเข้าไปถ่ายรูปด้านในไว้ และยังโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค แคปชั่นก็เกินไปมาก...... ‘คนที่ไม่ถูกรักถึงจะเป็นมือที่สาม’นิ้วของลู่เจ๋อที่จับโทรศัพท์กลายเป็นสีขาวซีดเขาคิดแผนภายในห้าวินาที “ติดต่อทางคนที่รับผิดชอบของเฟสบุ๊คทันที ไม่สนว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ ขอให้พวกเขาที่อยู่เบื้องหลังลบเฟสบุ๊คของไป๋เซียวเซียวซะ! ผมไม่ต้องการให้เฉียวซุนเห็นสิ่งนี้”เลขาฉินพูดตามความจริงว่า “ทำได้ค่ะ แต่ตอนนี้โพสต์นั้นถูกรีโพสต์ไปหนึ่งแสนครั้ง ลบออกก็ไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ.....ขอโทษนะคะปร
เฉียวซุนยังไม่ทันได้พูดอะไรลู่เจ๋อก็จับมือของเธอและมองลึกเข้าไปในดวงตา “ผมจะบินกลับไปจัดการที่เมืองบีตอนนี้! เฉียวซุนผมจะหยุดเรื่องนี้และลดผลกระทบด้านลบให้เหลือน้อยที่สุด”เฉียวซุนลดสายตาลงจากนั้นไม่นาน เธอก็ยิ้มอย่างขมขื่น “จะหยุดมันได้ยังไง 100,000 แชร์ ลู่เจ๋อบอกฉันหน่อยว่าจะหยุดมันยังไง”ลู่เจ๋อจับมือเธอไว้แน่น ก่อนจะเดินออกไปเรื่องของไป๋เซียวเซียวไม่เพียงส่งผลกระทบต่อตระกูลเฉียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลู่ซื่อกรุ๊ปอีกด้วย... หากแก้ปัญหาได้ไม่ดี หุ้นของลู่ซื่อกรุ๊ปจะดิ่งลงอย่างแน่นอนลู่เจ๋อเดินไปที่ประตูโรงละครเขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเฉียวซุน แต่เฉียวซุนไม่ได้มองเขาเลยสักนิดเธอยืนอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ รู้สึกอ่อนแอและโดดเดี่ยวเธอกระซิบกับผู้ดูแลโรงละครว่า “ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพักได้ไหมคะ?”ชายคนนั้นก็เห็นใจกับชะตากรรมของเธอและพูดอย่างรวดเร็ว “ได้ครับอาจารย์เฉียว ผมจะเคลียร์สถานที่ให้ คุณอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่คุณต้องการเลย! ที่นี่ของเราปิดตอนหกโมงเย็นครับ”เฉียวซุนขอบคุณเขาด้วยเสียงเบาหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไป เฉียวซุนก็หลับตาเล่นไวโอลินอีกครั้ง “การทำสม
เฉียวซุนกลับมาที่เมืองบี และขับรถจากสนามบินตรงไปที่สุสานทันทีลมเย็นในช่วงต้นฤดูหนาวเธอสวมเสื้อคลุมสีดำและถือช่อดอกเดซีที่แม่ของเธอรักมากที่สุดไว้ในมือ เธอยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาว และจ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของแม่เธอแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในความทรงจำของเฉียวซุน แม่ของเธอเป็นคนอ่อนโยนน่ารักและรักพ่อมาก ในตอนเย็นเธอจะได้ยินเสียงรถยนต์ในลานสวนฉิน แม่ของเธอจะอุ้มเธอลงไปรับพ่อด้วยกัน พ่อจะจูบแม่ก่อนแล้วจึงกอดเธอ “เสี่ยวซุนคิดถึงพ่อหรือเปล่า?”‘เสี่ยวซุนคิดถึงพ่อค่ะ!’‘เสี่ยวซุนอยากไปรับพี่ชายกับพ่อ’‘ได้เลย! เดี๋ยวเราไปรับพี่ชายกัน ไม่ต้องไปกวนแม่วาดรูป’......เฉียวซุนในวัยเด็กนั่งอยู่ในรถสีดำ เธอมองแม่ผ่านหน้าต่างด้านหลัง แม่ของเธอยืนอยู่ที่ลานบ้านพร้อมผ้าคลุมไหล่ของเธอ มีดอกไม้สวยงามบานสะพรั่งอยู่ข้าง ๆ แม่เธอ ใบหน้าของแม่เต็มไปด้วยรอยยิ้มน้ำตาของเฉียวซุนหยดลงบนพื้นเฉียวซุนก้มลงและวางช่อดอกเดซีไว้หน้าเสาของแม่เธอคิดว่าพรุ่งนี้ควรจะปลูกดอกหล้าเหมยที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิ พอฤดูหนาวมาเยือนแม่ก็อุ้มเธอไว้และรอพ่อเลิกงาน...ตอนเย็นเธอก็กลับมาที่คฤหาสน์เมื่อคนรับใช้เห็น
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว