ถึงแม้จะเป็นห้องผู้ป่วยวีไอพี แต่ก็ยังได้ยินเสียงฝนที่กระทบอยู่ในใจของลู่เจ๋ออย่างชัดเจนเขาเปิดอัลบั้มรูปในมือถือแล้วดูรูปถ่ายของเฉียวซุนที่นอนอยู่บนหมอนตอนนั้นคำพูดของคุณนายลู่ก็เริ่มสะท้อนเข้ามา“แต่ลู่เจ๋อ ลูกลองคิดดูสิว่าตอนแต่งงานใหม่ ๆ ลูกก็กลับบ้านทุกวัน... ลูกยังจะกล้าพูดว่าลูกไม่ติดใจอีกเหรอ?” ลู่เจ๋อไม่สามารถจะปฏิเสธมันได้ภาพนี้เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดของรสชาติอาหารของเขา หลังจากการแต่งงานมาสามปี เขาเกลียดเฉียวซุนแต่เป็นเขาเองที่กลับเสพติดเขาเป็นคนที่ทรมานเฉียวซุนมาตลอดเป็นเวลาสามปีนั่นคือเขา!ฝนข้างนอกยังคงตกอยู่ ลู่เจ๋อก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า...ในคืนที่ฝนตก รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้าไปในวิลล่าหลังจากที่รถหยุด ก็มีที่ปัดน้ำฝนที่ยังคงทำงานอยู่ หน้ารถมีโลโก้เทพธิดาสีทองที่ยืนหยัดท่ามกลางสายฝนอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ดูเหมือนกำลังร้องไห้ไปในเวลาเดียวกันลู่เจ๋อนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับเสื้อเชิ้ตสีขาวโดดเด่นในคืนที่มืดมิด เวลานี้คนรับใช้กลับหลับกันหมดจนไม่ได้มาต้อนรับเขา เขามองไปทางชั้นสองก็เห็นว่าไฟนั้นมืดดับหมดแล้ว!ลู่เจ๋อนั่งอยู่เงียบ ๆเมื่อเขากลับมาที่วิลล
ลู่เจ๋อหลับไปเพียงแค่สามชั่วโมงเมื่อตื่นขึ้นมา เขากอดเฉียวซุนไว้แน่น ชุดนอนผ้าไหมที่เธอสวมยุ่งเหยิงเล็กน้อย เผยให้เห็นไหล่ข้างหนึ่ง ปลดปล่อยความกระจ่างใสท่ามกลางแสงแดดบางเบาในตอนเช้าเธอยังอยู่ในอ้อมกอด!ลู่เจ๋อก้มศีรษะ เขาเอาหน้าเข้าไปใกล้ตรงซอกคอของเธอ เรียกคนที่นอนหลับสบายอย่างอบอุ่นหลังจากเอาแต่ใจสักครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้าที่บริษัทมีประชุมการเปิดประมูลที่สำคัญ เขาจำเป็นต้องไปลู่เจ๋อลุกจากเตียงแล้วล้างหน้าแปรงฟัน เขาเปลี่ยนชุดใหม่ เดินเข้ากลับไปที่ห้องนอนตอนที่กำลังผูกเนคไท......เฉียวซุนตื่นแล้ว เธอกำลังนั่งอยู่หัวเตียงด้วยความมึนงง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็เงยหน้ามอง สบตากับลู่เจ๋อพอดีหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดูเหมือนว่าเธอจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้เธอเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย “ลู่เจ๋อ ความเป็นจริงไม่สำคัญแล้ว! มันผ่านไปนานแล้ว ฉันไม่ได้สนใจอีกแล้วล่ะ พวกเราควรก้าวไปข้างหน้า ต้องก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว”แสงยามเช้าส่องไปที่เธออย่างนุ่มนวลสิ่งที่เธอพูดนั้นมีเหตุผล “ที่ฉันพูดเมื่อคืนนี้ คุณลองคิดดูดี ๆ นะ”ลู่เจ๋อไม่ส่งเสียงใด ๆเขาก
มาคิดในตอนนี้ ก็รู้สึกช่างน่าขันสิ้นดีเธอกังวลเกี่ยวกับหลินเซียวอยู่เสมอ เธอจึงนัดกับหลินเซียวที่ร้านกาแฟหลินเซียวมาถึงก่อน โดยนั่งข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูเฉียวซุนขับรถเข้ามา... เมื่อคนที่รอมาถึงแล้วก็เงยหน้าถาม “ทำไมเธอถึงขับรถเองล่ะ? บรรดาคุณนายที่ร่ำรวยอย่างพวกเธอ ไม่ใช่ว่ามีคนขับรถส่วนตัวเหรอ?”เฉียวซุนนั่งลงและยิ้มเบา ๆ “ต่อจากนี้ฉันอยากขับรถเองน่ะ”เมื่อพูดออกมา หลินเซียวก็รู้แผนการของเธอแล้ว “จะหย่าจริงเหรอ? ฉันเห็นว่าช่วงนี้ลู่เจ๋อค่อนข้างจะเอาอกเอาใจเธอนะ”เฉียวซุนไม่อยากพูดถึงเรื่องราวเหล่านั้นเธอถามหลินเซียวอย่างจริงจัง “เธอกับลู่จิ้นเซิงล่ะ เธอจะทำยังไงต่อไป?”หลินเซียวเขินเล็กน้อย เธอจัดผมตัวเองแล้วพูดอ้อม ๆ เลือกแต่เรื่องดี ๆ มาพูดว่า “ระหว่างฉันกับเขาจะมีเรื่องอะไรได้! เป็นเพียงความคิดของชายและหญิงเรื่องแตกขาดกันน่ะ ใครจะขาดใครก็ยังใช้ชีวิตต่อไปได้”เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรเธอเก็บไม่ไหวแล้ว จึงยอมรับตามตรงว่า “ฉันพูดไปหมดแล้ว เขายึดแหล่งทำมาหากินของฉันไม่ยอมปล่อย! ถ้าฉันตัดขาดกับเขา หลังจากนี้ฉันจะอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้ยังไงกันล่ะ? เฉียวซุน ฉันบอกเ
เฉียวซุนกลับมาถึงคฤหาสน์มาเซราติสีขาวจอดสนิท ประตูรถคันเก่งที่เปิดออกโดยเหล่าคนใช้เพื่อต้อนรับการกลับมา คนใช้มองเธอพร้อมเอ่ยด้วยเสียงดีใจ “คุณนายคะ เมื่อสักครู่มีคนมาที่บ้าน เอาของแพง ๆ มาให้ด้วยนะคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก “คุณชายน่าจะต้องการมอบให้คุณนายแน่ ๆ เลยค่ะ”เหล่าคนใช้ต่างดีอกดีใจแทนเฉียวซุนด้วยความไร้เดียงสา คิดว่าคงเพราะเธอผ่านความทุกข์ทรมานมานาน แต่พวกเธอจะรู้ได้ยังไงกันว่าการแต่งงานครั้งนี้ส่งผลยังไงกับเฉียวซุนบ้าง ยิ่งโหดร้ายป่าเถื่อนขนาดไหน เธอก็ยิ่งไร้ซึ่งความสุขไปด้วย เฉียวซุนไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น เธอขึ้นไปถึงชั้นสอง เปิดประตูห้องนอนหลัก ห้องนั่งเล่นล้วนถูกเติมเต็มไปด้วยกล่องหรูหราจากแบรนด์เนมชื่อดัง ทั้งเสื้อผ้าราคาแพง เครื่องประดับหายาก รองเท้าส้นสูงที่ผู้หญิงต่างชื่นชอบ......หรือแม้แต่ชุดเสื้อมีระดับจากแคทวอล์กที่ปารีสที่ลู่เจ๋อไปมาเมื่อสองวันก่อนก็กองอยู่ตรงหน้าด้วย ทั้งหมดคงหมายถึงความเอื้อเฟื้อและความเอื้ออาทรสินะ ลู่เจ๋อเดินเข้ามาแบบไร้สิ้นเสียง เขาเดินเข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง คางเขาวางอยู่บนไหล่สวยได้รูปของเธอ “ชอบรึ
สิ้นคำพูด แววตาของเขาก็ดูนุ่มลึกขึ้น เขาอยากเริ่มใหม่กับเฉียวซุน จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขาต้องการชดเชย แต่เพราะเขาอยากอยู่ด้วยกันกับเธอ ก็เหมือนที่เขาพูดนั่นแหละ พวกเขาต่างก็เคยมีช่วงเวลาที่มีความสุข แบบที่เขาไม่เคยได้รับจากคนอื่นเลยเขาต้องการเฉียวซุนจริง ๆ ไม่มีทางจะเป็นคนอื่นแทนได้อย่างแน่นอนเฉียวซุนไม่อยากต่อปากต่อคำ เธอผลักเขาออกอย่างเกียจคร้าน “ต้องไปพบไป๋เซียวเซียวไม่ใช่หรือคะ? ทำไมยังไม่ลงไปอีก?”ลู่เจ๋อที่เห็นอารมณ์ของเธอ ก็ไม่มีความเห็นอะไรอีก ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดี เฉียวซุนไม่สนใจเขาอีกต่อไป แม้แต่ตอนที่ไป๋เซียวเซียวมาเยี่ยม เธอก็ไม่สนใจเลย เธอเก็บอารมณ์ความสุข ความโกรธ และความเศร้าโศกไว้ทั้งหมด ราวกับจะบอกว่าเขาไม่สมควรได้รับมัน……อาการของไป๋เซียวเซียวไม่ได้ดีนัก เธอขู่วาเธอจะฆ่าตัวตายเสีย และบังคับให้พยาบาลพาเธอออกมา ขนาดแม่ไป๋ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำเธอรอเขาอยู่ที่สวนดอกไม้นานแล้ว เธอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากชั้นบน ซึ่งชั้นสองมีเพียงลู่เจ๋อและเฉียวซุนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเสียงที่เธอได้ยินคงมาจากทั้งสองคนอย่างแน่นอน ใบหน้าของไป๋เซียวเซียวซีดเธอพลันค
ส่งไป๋เซียวเซียวเสร็จ ลู่เจ๋อก็กลับมาห้องนอนชั้นสอง เขาอยากเรียกเฉียวซุนลงมาทานอาหาร คิดไปคิดมาเขาไม่เคยได้ใช้เวลาทานอาหารกับเธอเลยสักครั้ง หลังจากนี้เขาอยากจะทำตัวดี ๆ กับเธอเปิดประตูห้องนอนเข้าไป กล่องของราคาแพงเหล่านั้นถูกกองรวมไว้ที่มุมห้อง เสมือนหัวใจของเขาที่ถูกโยนทิ้งไป ลู่เจ๋อรู้ในทันทีว่าขิงก็ราข่าก็แรงอะไรแบบนั้น!ในห้องแต่งตัวมีเสียงเล็ดลอดออกมา เสียงเหมือนคนกำลังจัดกระเป๋าอะไรสักอย่าง ลู่เจ๋อรีบเร่งไปดูไม่ผิดจริง ๆ เฉียวซุนกำลังจัดประเป๋าเดินทาง กระเป๋านั่นเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เธอมักชอบใส่ลู่เจ๋อยืนมองด้วยความเจ็บปวดเขาลากเธอมายังโซฟาตัวน้อย ใช้ร่างกายแสดงถึงการต่อต้านการกระทำของเธอ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันตรายออกไป “คุณจะไปไหน?”เฉียวซุนไม่ได้ต่อต้านการกระทำนั้น เธอเงยหน้ามองสามีของตัวเอง มองแววตาของเค้าที่ดูเหมือนกำลังกังวัล “คุยเสร็จแล้วเหรอคะ? เคลียร์เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”ลู่เจ๋อถูกเธอจับได้เสียแล้ว!เขาจับเข้าที่มือของเธอ ลูบปลอบมัน พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดีนัก “ผมเตรียมส่งเธอไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ”เฉียวซุนประหลาดใจเล็กน้อย จากน
คนใช้รีบพูด “จริงด้วยค่ะ! กระเป๋าเดินทางคุณนายก็จัดเองด้วย!”“รู้ความคืบหน้าเธอแล้ว!”ทันทีที่พูดจบเขาก็รีบขึ้นไปชั้นบน พอขึ้นไปชั้นบนก็พบว่าไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะลุกขึ้น เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ จากร่างกายของเฉียวซุนทิ้งอยู่บนหมอน และกลิ่นดังกล่าวก็ดึงดูดลู่เจ๋อเขาชอบกลิ่นกายของเฉียวซุนเธอมักจะเนื้อตัวสะอาดอยู่เสมอ ตัวเธอมักมีกลิ่นเจลอาบน้ำ ทุกครั้งที่เขาทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดเธอจากด้านหลัง ซบหน้าเข้ากับเรือนผมของเธอ แนบชิดเธอให้ได้มากที่สุด... แค่คิด ลู่เจ๋อก็ไม่สามารถทนต่อความรู้สึกนั้นได้ ตอนล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเขาได้แต่สงสัยว่าร่างกายอันละเอียดอ่อนน่าทะนุถนอมของเฉียวซุนนั้น น่าดึงดูดมากเกินไปหรือว่าเขามีความต้องการหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่ามากไป!แต่ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งโกรธ และตอนนี้เธอก็ไม่แม้แต่โทรมาด้วยซ้ำ!เธอเย็นชากับเขาตลอดจริง!……ตอนเที่ยงเฉียวซุนอยู่สนามบินของเมืองเอชคราวนี้หลินซวงขอความช่วยเหลือจากเธอชั่วคราว เขาบอกว่ามีปัญหานิดหน่อยในเมืองเอช และต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากหลินซวงยุ
ลู่เจ๋อบินมาถึงเมืองเอช รถมาถึงโรงแรมตอนเวลาสามทุ่ม ราตรีเต็มไปด้วยแสงนีออน ค่ำคืนในเจียงหนาน คร่ำครึไปด้วยผู้คนมากมาย ลู่เจ๋อลงจากรถอาร์วีสีดำ หางตาก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ภรรยาของเขากับชายหนุ่มคนอื่น ในคืนต้นฤดูหนาว เธอสวมเสื้อโค้ทแคชเมียร์สีคาราเมลสีเข้ม ผมยาวสีดำของเธอดัดลอนเล็กน้อย มีปอยหวานคลอเคลียบนไหล่สวยของเธอ เพิ่มความหวานและความโรแมนติกในยามค่ำคืน ใบหน้าของเธอดูสงบ และท่าทางเธอก็ดูมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอคุยกับเฮ่อจี้ถัง ดวงตาของเธอดูสดใสอยู่ตลอดเวลาไม่เหมือนตอนอยู่กับเขา จะเย็นชาอะไรขนาดนั้นกัน ลู่เจ๋อแต่งกายอย่างสง่างามยืนอยู่ในโถงใหญ่ของโรงแรม เขายกแขนขึ้นและมองดูเวลาเขาเห็นภาพนั้นตอนหกโมงเย็น และตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว ซึ่งหมายความว่าในช่วงสามชั่วโมงที่ผ่านมา เฉียวซุนอยู่กับเฮ่อจี้ถังตลอด และดูเข้ากันได้เหมือนคู่รักคู่หนึ่งลู่เจ๋อเดินไปหาพวกเขาเฉียวซุนหันศีรษะมาบังเอิญเจอเข้ากับลู่เจ๋อ ทันใดนั้นรอยยิ้มนั่นก็พลันหายไปลู่เจ๋อเดินมาหยุดอยู่ข้างกายของเธอ ยื่นมือออกไปและพูดกับเฮ่อจี้ถัง “บังเอิญจริงรุ่นพี่เฮ่อ! ชวนให้เจอไม่ดีเท่าบังเอิญเจอ”หลังจ