ในช่วงดึก ลู่เจ๋อก็ไปโรงพยาบาลลู่สาเหตุคือเพราะเขาเสียเลือดมากเกินไปแม้ว่าเขาจะพยายามซ่อน แต่หมอที่รักษาเขาก็ยังคงได้กลิ่นผู้ชายจาง ๆ บนตัวของเขา อีกทั้งยังมีเสื้อเชิ้ตกับกางเกงที่เขาใส่แบบสบาย ๆ สันนิษฐานได้ว่าก่อนมาโรงพยาบาลเขาคงมีทำกิจกรรมที่ต้องออกกำลังเยอะ ๆ มาคุณหมอถึงกับพูดไม่ออกตอนเย็บแผล เขาก็ไอเบา ๆ แล้วก็พูดแนะนำ “คุณลู่ครับ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในครั้งต่อไป คุณต้องหยุดทำอะไรที่ใช้แรงแล้วรีบมาทำแผลที่โรงพยาบาลนะครับ ไม่งั้นจะร้ายแรงกว่าเดิม”"มันหยุดไม่ได้!"ลู่เจ๋อเอนตัวบนโซฟาแล้วจ้องมองเฉียวซุนด้วยดวงตาสีดำเข้มของเขาเธอยังพอเป็นคนดีที่พาเขามาโรงพยาบาล บางทีอาจจะแค่ดูเป็นเรื่องตลกของเขาก็ได้!เฉียวซุนไม่สนใจเขา เธอถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือและกำลังอ่านข้อความ ลู่เจ๋ออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเธอกำลังแอบนอกใจไปจีบเจ้าสุนัขตัวน้อยนั่นอยู่หรือเปล่าเฉียวซุนเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่แล้วพูดอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโสมมเหมือนคุณนะ”ลู่เจ๋อหัวเราะเยาะ “ถึงผมจะโสมมแค่ไหน คุณก็ยังสนุกไปกับมันนี่!”คุณหมอทำเป็นไม่มองไม่สนใจเขาไม่กล้าแอบฟังความลับเรื่องสามีภรรยาขอ
เขากำลังเหม่อลอย เพราะยังจมอยู่กับคำพูดของเฉียวซุนเมื่อกี้นี้เมื่อประตูเปิดออก เขาคิดว่าเป็นเฉียวซุนที่จะกลับเข้ามา เลยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เฉียวซุน ในความฝันของคุณมีผมบ้างไหม”ใบหน้าของไป๋เซียวเซียวซีดเซียวราวกับกระดาษเธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอได้ยินว่าลู่เจ๋อเกือบจะสารภาพรักกับเฉียวซุนไปเสียแล้ว เธอได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาไม่เคยจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนี้มาก่อนไม่มีการตอบสนองที่ประตูอยู่เป็นเวลานานลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นไป๋เซียวเซียวในขณะนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาก็เอนหลังแล้วพูดเบา ๆ “ทำไมคุณถึงเป็นคุณล่ะ?ดึกขนาดนี้แล้วกลับไปพักที่ห้องคนป่วยเถอะ!”ไป๋เซียวเซียวเจ็บปวดมาก เธอมองลู่เจ๋ออยู่นานก่อนที่จะรวบรวมความกล้าถามว่า “คุณชอบเธอมากใช่ไหม”ลู่เจ๋อไม่ได้ตอบไป๋เซียวเซียวเกือบจะร้องไห้ แต่เธอยังคงแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอยู่ “ไม่เป็นไรค่ะคุณลู่! ฉันทำได้เพียงแค่ดีใจกับคุณก็เท่านั้น! แต่ถ้าคุณนายลู่รักคุณมันก็คงจะดีกว่านี้”ลู่เจ๋อไม่สนใจฟังเธอเลยแม้แต่น้อยเขากดเรียกแพทย์กับพยาบาลให้พวกเขาพาไป๋เซียวเซียวออกไป ในขณะเดียวกันแม่ไป๋ก็เข้ามาเพื่ออ
นอกห้องผู้ป่วยมีเสียงเคาะสองครั้ง จากนั้นประตูก็ถูกผลักออกคนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากแม่ของลู่เจ๋อนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นช่วงดึก แต่คุณนายลู่ก็ยังสวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงและดูสูงส่งอยู่เสมอลู่เจ๋อมองเธออย่างเงียบ ๆเขายังถือรูปถ่ายไว้ด้วยปลายนิ้วมืออันเรียวยาวของเขาคุณนายลู่อยู่ที่ประตู ดวงตาของเธอก็จ้องมองไปที่รูปถ่ายระหว่างนิ้วของเขาด้วยเช่นกัน ใจของแม่กับลูกชายเชื่อมต่อกันและตอนนี้เธอรู้ว่าลู่เจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่เธอหันไปด้านข้างแล้วพูดกับคนรับใช้ที่ติดตามเธอมาว่า “แม่จาง ออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ”แม่จางสังเกตเห็นบรรยากาศว่ามันมีบางอย่างผิดปกติไป จึงรีบออกไปและปิดประตูคุณนายลู่มองดูประตูที่ปิดอยู่แล้วเดินไปนั่งบนโซฟา เธอนั้นเกิดในตระกูลที่สูงส่ง สมัยวัยสาวเธอเคยถูกสามีทรยศนอกใจ ทำให้หัวใจของเธอนั้นเย็นเฉียบเหมือนมีดที่เอาไว้ฆ่าปลาภายใต้โคมไฟ ใบหน้าของเธอดูใจร้ายเล็กน้อยเธอมองไปที่ลูกชายของเธอแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาจากที่บ้านว่าเฉียวซุนไปดื่มเหล้าที่บาร์และยังทะเลาะกับลูกจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกด้วย! เธอเป็นถึงคุณนายตระกูลลู่ พฤติกรรมของเธอนี่มันหยั่งกับอะ
ถึงแม้จะเป็นห้องผู้ป่วยวีไอพี แต่ก็ยังได้ยินเสียงฝนที่กระทบอยู่ในใจของลู่เจ๋ออย่างชัดเจนเขาเปิดอัลบั้มรูปในมือถือแล้วดูรูปถ่ายของเฉียวซุนที่นอนอยู่บนหมอนตอนนั้นคำพูดของคุณนายลู่ก็เริ่มสะท้อนเข้ามา“แต่ลู่เจ๋อ ลูกลองคิดดูสิว่าตอนแต่งงานใหม่ ๆ ลูกก็กลับบ้านทุกวัน... ลูกยังจะกล้าพูดว่าลูกไม่ติดใจอีกเหรอ?” ลู่เจ๋อไม่สามารถจะปฏิเสธมันได้ภาพนี้เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดของรสชาติอาหารของเขา หลังจากการแต่งงานมาสามปี เขาเกลียดเฉียวซุนแต่เป็นเขาเองที่กลับเสพติดเขาเป็นคนที่ทรมานเฉียวซุนมาตลอดเป็นเวลาสามปีนั่นคือเขา!ฝนข้างนอกยังคงตกอยู่ ลู่เจ๋อก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า...ในคืนที่ฝนตก รถโรลส์รอยซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้าไปในวิลล่าหลังจากที่รถหยุด ก็มีที่ปัดน้ำฝนที่ยังคงทำงานอยู่ หน้ารถมีโลโก้เทพธิดาสีทองที่ยืนหยัดท่ามกลางสายฝนอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ดูเหมือนกำลังร้องไห้ไปในเวลาเดียวกันลู่เจ๋อนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับเสื้อเชิ้ตสีขาวโดดเด่นในคืนที่มืดมิด เวลานี้คนรับใช้กลับหลับกันหมดจนไม่ได้มาต้อนรับเขา เขามองไปทางชั้นสองก็เห็นว่าไฟนั้นมืดดับหมดแล้ว!ลู่เจ๋อนั่งอยู่เงียบ ๆเมื่อเขากลับมาที่วิลล
ลู่เจ๋อหลับไปเพียงแค่สามชั่วโมงเมื่อตื่นขึ้นมา เขากอดเฉียวซุนไว้แน่น ชุดนอนผ้าไหมที่เธอสวมยุ่งเหยิงเล็กน้อย เผยให้เห็นไหล่ข้างหนึ่ง ปลดปล่อยความกระจ่างใสท่ามกลางแสงแดดบางเบาในตอนเช้าเธอยังอยู่ในอ้อมกอด!ลู่เจ๋อก้มศีรษะ เขาเอาหน้าเข้าไปใกล้ตรงซอกคอของเธอ เรียกคนที่นอนหลับสบายอย่างอบอุ่นหลังจากเอาแต่ใจสักครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้าที่บริษัทมีประชุมการเปิดประมูลที่สำคัญ เขาจำเป็นต้องไปลู่เจ๋อลุกจากเตียงแล้วล้างหน้าแปรงฟัน เขาเปลี่ยนชุดใหม่ เดินเข้ากลับไปที่ห้องนอนตอนที่กำลังผูกเนคไท......เฉียวซุนตื่นแล้ว เธอกำลังนั่งอยู่หัวเตียงด้วยความมึนงง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็เงยหน้ามอง สบตากับลู่เจ๋อพอดีหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดูเหมือนว่าเธอจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้เธอเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย “ลู่เจ๋อ ความเป็นจริงไม่สำคัญแล้ว! มันผ่านไปนานแล้ว ฉันไม่ได้สนใจอีกแล้วล่ะ พวกเราควรก้าวไปข้างหน้า ต้องก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว”แสงยามเช้าส่องไปที่เธออย่างนุ่มนวลสิ่งที่เธอพูดนั้นมีเหตุผล “ที่ฉันพูดเมื่อคืนนี้ คุณลองคิดดูดี ๆ นะ”ลู่เจ๋อไม่ส่งเสียงใด ๆเขาก
มาคิดในตอนนี้ ก็รู้สึกช่างน่าขันสิ้นดีเธอกังวลเกี่ยวกับหลินเซียวอยู่เสมอ เธอจึงนัดกับหลินเซียวที่ร้านกาแฟหลินเซียวมาถึงก่อน โดยนั่งข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูเฉียวซุนขับรถเข้ามา... เมื่อคนที่รอมาถึงแล้วก็เงยหน้าถาม “ทำไมเธอถึงขับรถเองล่ะ? บรรดาคุณนายที่ร่ำรวยอย่างพวกเธอ ไม่ใช่ว่ามีคนขับรถส่วนตัวเหรอ?”เฉียวซุนนั่งลงและยิ้มเบา ๆ “ต่อจากนี้ฉันอยากขับรถเองน่ะ”เมื่อพูดออกมา หลินเซียวก็รู้แผนการของเธอแล้ว “จะหย่าจริงเหรอ? ฉันเห็นว่าช่วงนี้ลู่เจ๋อค่อนข้างจะเอาอกเอาใจเธอนะ”เฉียวซุนไม่อยากพูดถึงเรื่องราวเหล่านั้นเธอถามหลินเซียวอย่างจริงจัง “เธอกับลู่จิ้นเซิงล่ะ เธอจะทำยังไงต่อไป?”หลินเซียวเขินเล็กน้อย เธอจัดผมตัวเองแล้วพูดอ้อม ๆ เลือกแต่เรื่องดี ๆ มาพูดว่า “ระหว่างฉันกับเขาจะมีเรื่องอะไรได้! เป็นเพียงความคิดของชายและหญิงเรื่องแตกขาดกันน่ะ ใครจะขาดใครก็ยังใช้ชีวิตต่อไปได้”เฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรเธอเก็บไม่ไหวแล้ว จึงยอมรับตามตรงว่า “ฉันพูดไปหมดแล้ว เขายึดแหล่งทำมาหากินของฉันไม่ยอมปล่อย! ถ้าฉันตัดขาดกับเขา หลังจากนี้ฉันจะอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้ยังไงกันล่ะ? เฉียวซุน ฉันบอกเ
เฉียวซุนกลับมาถึงคฤหาสน์มาเซราติสีขาวจอดสนิท ประตูรถคันเก่งที่เปิดออกโดยเหล่าคนใช้เพื่อต้อนรับการกลับมา คนใช้มองเธอพร้อมเอ่ยด้วยเสียงดีใจ “คุณนายคะ เมื่อสักครู่มีคนมาที่บ้าน เอาของแพง ๆ มาให้ด้วยนะคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก “คุณชายน่าจะต้องการมอบให้คุณนายแน่ ๆ เลยค่ะ”เหล่าคนใช้ต่างดีอกดีใจแทนเฉียวซุนด้วยความไร้เดียงสา คิดว่าคงเพราะเธอผ่านความทุกข์ทรมานมานาน แต่พวกเธอจะรู้ได้ยังไงกันว่าการแต่งงานครั้งนี้ส่งผลยังไงกับเฉียวซุนบ้าง ยิ่งโหดร้ายป่าเถื่อนขนาดไหน เธอก็ยิ่งไร้ซึ่งความสุขไปด้วย เฉียวซุนไม่ได้ตำหนิอะไร เพียงแค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น เธอขึ้นไปถึงชั้นสอง เปิดประตูห้องนอนหลัก ห้องนั่งเล่นล้วนถูกเติมเต็มไปด้วยกล่องหรูหราจากแบรนด์เนมชื่อดัง ทั้งเสื้อผ้าราคาแพง เครื่องประดับหายาก รองเท้าส้นสูงที่ผู้หญิงต่างชื่นชอบ......หรือแม้แต่ชุดเสื้อมีระดับจากแคทวอล์กที่ปารีสที่ลู่เจ๋อไปมาเมื่อสองวันก่อนก็กองอยู่ตรงหน้าด้วย ทั้งหมดคงหมายถึงความเอื้อเฟื้อและความเอื้ออาทรสินะ ลู่เจ๋อเดินเข้ามาแบบไร้สิ้นเสียง เขาเดินเข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง คางเขาวางอยู่บนไหล่สวยได้รูปของเธอ “ชอบรึ
สิ้นคำพูด แววตาของเขาก็ดูนุ่มลึกขึ้น เขาอยากเริ่มใหม่กับเฉียวซุน จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขาต้องการชดเชย แต่เพราะเขาอยากอยู่ด้วยกันกับเธอ ก็เหมือนที่เขาพูดนั่นแหละ พวกเขาต่างก็เคยมีช่วงเวลาที่มีความสุข แบบที่เขาไม่เคยได้รับจากคนอื่นเลยเขาต้องการเฉียวซุนจริง ๆ ไม่มีทางจะเป็นคนอื่นแทนได้อย่างแน่นอนเฉียวซุนไม่อยากต่อปากต่อคำ เธอผลักเขาออกอย่างเกียจคร้าน “ต้องไปพบไป๋เซียวเซียวไม่ใช่หรือคะ? ทำไมยังไม่ลงไปอีก?”ลู่เจ๋อที่เห็นอารมณ์ของเธอ ก็ไม่มีความเห็นอะไรอีก ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดี เฉียวซุนไม่สนใจเขาอีกต่อไป แม้แต่ตอนที่ไป๋เซียวเซียวมาเยี่ยม เธอก็ไม่สนใจเลย เธอเก็บอารมณ์ความสุข ความโกรธ และความเศร้าโศกไว้ทั้งหมด ราวกับจะบอกว่าเขาไม่สมควรได้รับมัน……อาการของไป๋เซียวเซียวไม่ได้ดีนัก เธอขู่วาเธอจะฆ่าตัวตายเสีย และบังคับให้พยาบาลพาเธอออกมา ขนาดแม่ไป๋ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำเธอรอเขาอยู่ที่สวนดอกไม้นานแล้ว เธอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากชั้นบน ซึ่งชั้นสองมีเพียงลู่เจ๋อและเฉียวซุนเท่านั้น เพราะฉะนั้นเสียงที่เธอได้ยินคงมาจากทั้งสองคนอย่างแน่นอน ใบหน้าของไป๋เซียวเซียวซีดเธอพลันค
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว