อาทิตย์คีบกระดาษแผ่นเดียวที่พับอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วหยิบปากกาที่เหน็บอยู่กับกระเป๋าเสื้อมาวางบนโต๊ะ รายงานผลผลิตของผักและผลไม้ในไร่และช่วงเวลาที่คาดว่าจะส่งเข้าไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าของมารดาได้
กว่าสิบนาทีที่คุณนายเจ้าของห้างสรรพสินค้าใหญ่ประจำจังหวัดนั่งฟังโดยไม่ขัดจังหวะ และเมื่อลูกชายรายงานผลจบลง เธอก็ถามขึ้น“แกดูแลไร่เองทั้งหมดเลยหรือ”“ก็ใช่สิครับ” อาทิตย์ตอบพลางเลิกคิ้วสงสัย เพราะคิดว่าเรื่องนี้แม่ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว“นอกจากลุงชื่นและคนงานในไร่ แกมีใครช่วยงานอีกหรือเปล่า”ถามขึ้นเพราะเห็นกระดาษแผ่นเดียวที่ลูกชายเอาติดมา แถมลายมือก็ยังโย้เย้น่าปวดหัว“ไม่มีครับ แต่มันไม่จำเป็นหรอก ผมดูแลไร่ได้ แม่ไม่ต้องหาคนมาช่วยงานผม เพราะผมกลัวว่าจะเข้ามาเกะกะให้เสียงานมากกว่าผมจะได้งาน”ชายหนุ่มรีบปิดทาง เพราะคิดว่าแม่จะวกไปหาเรื่องเดิมๆ นั่นคือส่งสาวๆ มาให้เขาพิจารณาโดยผ่านทางการทำงาน“แกไม่ต้องออกตัวขนาดนั้น ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับแกแล้วเหมือนกัน” คุณนายกว่าห้าโมงเย็น รถยนต์คันสีขาวแล่นเข้ามาในเขตไร่กว้างขวางที่จัดสรรพื้นที่ปลูกพืชแต่ละชนิดไว้อย่างเป็นสัดส่วน เมื่อมองจากถนนดาดคอนกรีตที่รถแล่นผ่านเข้ามาช้าๆ พืชผลที่พร้อมเก็บเกี่ยวหลายแปลงกำลังต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นทำให้เกิดภาพงดงามอาทิตย์จอดรถตรงที่เดิม จุดที่เคยจอดเมื่อตอนขับรถออกจากไร่ในตอนเที่ยงวันคราวนี้ลุงชื่นที่รอท่ากันอยู่แล้วก็ปรี่มาหา โดยไม่ต้องรอให้เจ้านายเดินไปเอง พร้อมกับรายงานอย่างกระตือรือร้น“คนงานกำลังขนเคปกูสเบอร์รีขึ้นรถ งวดนี้เราคัดขนาดและตรวจคุณภาพก่อนแพ็กตามที่คุณอั๋นบอกไว้เป๊ะเลย พร้อมส่งเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตของคุณนายไม่เกินหกโมงเย็น คุณอั๋นจะดูของก่อนไหมครับ”“ลุงตรวจสอบความเรียบร้อยแล้วใชไหม”“เรียบร้อยแล้วครับ หลังจากคนงานทำเสร็จ ผมก็เช็กเองอีกรอบ นับจำนวน แยกตามขนาด แล้วจดไว้ในกระดาษแผ่นนี้ครับ”ลุงชื่นรีบยื่นกระดาษแผ่นเดียวให้กับเจ้านาย และเขาก็รับมากวาดสายตาดูคร่าวๆ ก่อนจะพับเก็บในกระเป๋ากางเกงเช่นทุกครั้งอาทิตย์เงยหน้าขึ้นมาแล้วกวาดสายตามองโดยรอบ ต่อเมื่อไม่เห็นคนเป้าหมาย
จิณณาล่องลอยอยู่ในความฝัน ท่ามกลางเมฆหมอกสวยงาม...แต่บางสิ่งก็ค้านว่ามันอาจเป็นความจริงไฟร้อนอบอ้าวที่แผดเผาหล่อนมานานกำลังมอดดับลง ร่างกายเริ่มเย็นสบาย สายลมเย็นนั้นไล้ทั่วกาย ช่างให้ความรู้สึกดีจนจิณณาต้องปล่อยเสียงหัวเราะอย่างสุขใจนานทีเดียวกว่าสายลมเย็นนั้นจะหยุดไล้เรือนกาย เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่ง จิณณาถึงรับรู้ว่าไฟร้อนที่แผดเผากลับมาหาหล่อนอีกแล้ว จิณณาไม่ต้องการ หล่อนอยากหนีไปให้ไกล แต่ตะโกนร้องจนเสียงแห้งก็ไม่มีใครได้ยินเลยน้ำตาแห่งความอาดูรไหลพราก หล่อนไม่อยากกลับไปทรมานอยู่กับความร้อนนั้นอีกแล้วร่างกายก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ จิณณาล่องลอย รู้สึกกายเบาหวิวคล้ายวัตถุไร้น้ำหนัก หล่อนเคลื่อนกายผ่านมวลเมฆสวยงามก้อนแล้วก้อนเล่า ความอบร้อนไม่มาเยือนอีกเลย หญิงสาวครางในลำคออย่างพอใจกระทั่งเคลื่อนเข้าไปอยู่ในมวลอากาศที่เย็นฉ่ำแสนชื่นใจ ร่างกายจึงเคลื่อนลงต่ำ แล้วเอนลงบนผืนหญ้านุ่มดุจพรมเนื้อดีที่ตรงนี้ดีเหลือเกิน เย็นฉ่ำชื่นใจ ไม่ร้อนอบอ้าว แถมยังนุ่มสบายอีกด้วยอาทิตย์ชะงักฝีเท้าแล้วหันขวับไปมองบนเตียงนอนของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงหัวเ
จิณณาไม่รู้ตัวว่าไปอยู่ในห้องนั้นได้อย่างไรหล่อนคลำทางสะเปะสะปะออกมา ขณะเดียวกันก็ได้รู้ว่าห้องนอนนั้นมีขนาดใหญ่และกว้างมาก จนเจอประตู กอดปล้ำอยู่ตั้งนานถึงเปิดออกมาได้ แล้วพบว่าห้องนอนนั้นอยู่บนชั้นสองของบ้านหลังนี้นี่เองเพียงแค่นั้น จิณณาก็วิ่งปรู๊ดลงบันได แล้วเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องพักด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่หาย เมื่อก้มมองตัวเองก็แทบกรีดร้อง เพราะเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่นั้นเปิดอ้า กระดุมทุกเม็ดถูกปลดออก หน้าอกหน้าใจแทบเปิดเปลือยออกมา หากยังใจชื้นเมื่อสำรวจกางเกงและชุดชั้นในก็เห็นว่ามันยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี ร่างกายของหล่อนก็ไม่มีส่วนไหนผิดปกติหรือว่าเราละเมอเดินขึ้นไปนอนในห้องนั้นเอง...“ยกช้อนค้างเลย คิดอะไรอยู่หรือพี่จิณ”เสียงดังใกล้ๆ หูและระดับเสียงก็ไม่เบานัก ทำให้จิณณาสะดุ้งสุดตัว ตื่นจากความคิดโดยพลันส้มโอมองสาวรุ่นพี่อย่างสงสัยละคราวนี้ เจ้าตัวยื่นมือมาสัมผัสหน้าผากนูนเกลี้ยงนั้นอย่างต้องการวัดไข้ แล้วขมวดคิ้วมุ่น“ตัวไม่ร้อน แต่รุมๆ นิดหน่อย หรือว่าพี่จิณไม่สบาย”“พี่ไม่สบายหรือ&rdqu
ขนมจีนน้ำยาปูของป้าแววทำให้จิณณาเจริญอาหารเป็นพิเศษ หล่อนรู้สึกว่าไม่ได้รับประทานอาหารรสชาติอร่อยแบบนี้มานานแล้ว“หน้าแดงเลยพี่จิณ เผ็ดมากหรือ เอานี่ ส้มโอเติมน้ำเย็นให้”เด็กสาวที่นั่งประกบข้างจิณณายกเหยือกน้ำแล้วรินใส่แก้วให้อย่างมีน้ำใจ ป้าแววมองคนทั้งสองแล้วกระแทกเสียงพูดอย่างอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้“พากันไปบุกป่าฝ่าดงจนเหนื่อยสิท่า ถึงได้ฟาดขนมจีนไปคนละ 2-3 จาน”“เปล่าสักหน่อยป้า ที่กินได้เยอะเพราะมันอร่อยต่างหาก ถามพี่จิณดูก็ได้”ส้มโอท้วงขึ้นขณะที่มือยังจับช้อนอย่างไม่ยอมวาง หลังจากที่ไปผจญภัยในสวนป่าด้วยกันเกือบชั่วโมง เจ้าตัวก็ติดหนึบสาวรุ่นพี่คนนี้ไปแล้ว“อร่อยจริงๆ จ้ะ หนูไม่ได้กินของถูกปากอย่างขนมจีนน้ำยาปูของป้าแววมานานแล้วเหมือนกัน”จิณณาพูดเสริม หลังจากจิบน้ำเย็นที่ส้มโอรินให้แล้ว หากอีกคนที่นั่งล้อมวงอยู่ด้วยกันก็มุ่นคิ้วแล้วพูดขึ้นด้วย“แต่หนูจิณก็กินกับข้าวฝีมือป้าแววมาตั้งหลายมื้อแล้วนะ ที่ผ่านมาไม่ถูกปากบ้างเลยหรือ เอ๊ะ! หรือว่าชอบน้ำยาปูเป็นพิเศษ”“
จิณณาเดินขึ้นบันไดด้วยฝีเท้าเงียบกริบ รู้จากป้าแววว่าห้องทำงานของอาทิตย์เป็นห้องที่สองซึ่งอยู่ทางปีกซ้าย จนเมื่อเดินไปตามที่ป้าแววบอก หญิงสาวจึงได้รู้ว่าห้องนั้นอยู่ถัดจากห้องนอนที่หล่อนหลงเข้าไปนอนอยู่ทั้งคืน แล้วหนีกลับออกมาในตอนเช้ามืดแค่นึกถึง ขนอ่อนบริเวณต้นคอของจิณณาก็ลุกชันอย่างหาสาเหตุไม่ได้หญิงสาวจ้ำฝีเท้าเร็วขึ้นเมื่อต้องเดินผ่านห้องนอนห้องนั้น โดยไม่ยอมแม้แต่จะปรายตามอง แล้วพุ่งตัวไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องเป้าหมายจิณณายกมือขึ้นเคาะประตูเป็นสัญญาณให้คนข้างในได้ยินเป็นจังหวะสามครั้ง แต่เมื่อเคาะเสร็จ เสียงข้างในก็ยังเงียบกริบ จึงต้องเคาะอีกหน แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม“เขาอยู่ในห้องหรือเปล่านะ”หญิงสาวค่อยๆ ยกมือขึ้นมาทาบบานประตู แล้วออกแรงผลักหวังจะให้มันเปิดออก“ว้าย!”ร่างของจิณณาถลาไปข้างหน้าอย่างไร้หลักยึด เมื่อสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ออกแรงผลักนั้นกลายเป็นอากาศ คิดว่าตัวเองต้องล้มไปนอนวัดพื้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อทุกอย่างหยุดนิ่ง หญิงสาวลืมตาขึ้นมามอง ถึงได้รู้ว่าหล่อนยังยืนทรงตัวอยู่ได้ เพราะลำแขนของใครสักคนโอบรัดไว้&
พอทำงานได้อยู่ตัว จิณณาก็เพลินไปเหมือนกัน หนังสือของเขาน่าสนใจทั้งนั้น ในตอนแรกคิดว่าจะมีแต่หนังสือที่เกี่ยวกับงาน ไม่ว่างานไร่หรืองานโปรแกรมเมอร์ที่เพิ่งรู้มา อย่างดีก็อาจเพิ่มหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่หล่อนคิดไปเองว่าคนรวยๆ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว…หากหล่อนก็คาดผิดถนัดเพราะหนังสือของอาทิตย์นั้นมีทั้งนวนิยาย ประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ หลายยุคหลายสมัย รวมถึงหนังสือด้านปรัชญา หรือแม้แต่หนังสือเกี่ยวกับกฎหมาย ซึ่งหนังสือเหล่านี้มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยคละกันจิณณาอาจรู้สึกทึ่งได้ง่ายๆ ว่าเขาคงมีความรอบรู้หลายด้าน นอกเหนือจากงานที่ทำ แต่เพราะอคติที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ว่าเขาไม่มีน้ำใจต่อคนทำงานเช่นหล่อน คะแนนพฤติกรรมของชายหนุ่มจึงถูกตัดเสียเหี้ยนเตียนแทบไม่เหลือ“เสร็จแล้วหรือ”เสียงของเขาดังขึ้น หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำบรรยากาศในห้องทำงานอยู่นานคนที่นั่งอยู่บนพื้นห้อง ข้างหนังสือที่แยกเป็นกองไว้หลายกอง เงยหน้าขึ้นมองคนนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้อย่างสบายๆ“จิณแยกเป็นหมวดเรียบร้อยแล้ว รอเข
เพียงแค่นั้น จิณณาก็เก็บโทรศัพท์มือถือกลับที่เดิม แล้ววิ่งออกจากบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางไร่ไปตามถนนคอนกรีต สู่พื้นที่ที่กันไว้สำหรับแปลงปลูกสตรอว์เบอร์รีผมยาวดำขลับผูกเป็นหางม้าแกว่งไกวตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัว แสงอาทิตย์ตอนบ่ายสาดกระทบเนื้อนวลจนแลขาวผุดผ่องยิ่งกว่าเดิม จนคนที่ยืนมองบนระเบียงบ้านชั้นสองต้องนึกขัดใจ“ทำไมไม่รู้จักใส่หมวกและสวมเสื้อแขนยาว โดนแดดขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก คราวก่อนหายเองได้ คอยดูเถอะ คราวนี้จะปล่อยให้นอนซมในห้องข้างล่างซะให้เข็ด”อาทิตย์บ่นพึมพำอยู่คนเดียว หล่อนทำให้เขาหงุดหงิด ตั้งแต่ทำงานให้เขาเสร็จก็รีบจ้ำออกจากห้องทำงาน ชนิดที่ว่าไม่ยอมเหลียวมองข้างหลังไม่อยากจะคิดเลยว่าหล่อนกลัวเขาจนไม่อยากอยู่ใกล้ จึงไม่ยอมอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียวโปรแกรมเมอร์หนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้าของไร่เดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน มองหนังสือที่เพิ่งถูกเก็บกลับเข้าชั้นด้วยความรู้สึกแปลกกับตัวเองตอนใกล้เที่ยง เขาบอกป้าแววว่าต้องการคนมาช่วยในห้องทำงาน โดยกำชับว่าต้องเป็นคนที่พอมีความรู้ เพราะงานที่จะให้ช่วยนั้นเกี่ยวกับหนังสือและเ
“ส้มโอ!”สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งมาจากลุงชื่น ส่วนอีกเสียงมาจากคนที่ต้องเข้าไปอยู่ในจินตนาการของเด็กสาวอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวจิณณาตกใจ ไม่คิดว่าส้มโอจะพูดเรื่องพวกนี้ หล่อนกลัวว่าคนงานอื่นได้ยินแล้วรู้ถึงหูคุณนายอรอรเข้า แล้วท่านจะพานไม่พอใจขึ้นมาได้หญิงสาวหันไปมองลุงชื่นที่คงได้ยินเต็มสองหูเช่นเดียวกัน คนอาวุโสกว่าได้แต่ส่ายหน้าพลางหัวเราะ คล้ายได้ฟังเรื่องเบาสมอง จิณณาจึงได้แต่ภาวนาว่าลุงชื่นจะไม่คิดอะไรมากกว่านี้จากนั้นจิณณาจึงหันมาปรามเด็กสาวอย่างจริงจัง“ส้มโออย่าพูดอย่างนี้อีกนะ เพราะมันไม่ดี พี่เป็นคนงานเหมือนส้มโอ เหมือนลุงชื่น เราไม่ควรตีเสมอเจ้านาย ถ้าเจ้านายรู้เข้าจะไม่ชอบใจเอาได้ ทีหลังไม่ทำแล้วนะ”ส้มโอหน้าจืดเจื่อน ชะรอยว่านิยายฝันหวานของเธอถูกสกัดตั้งแต่เริ่มวางพล็อต มันไม่สามารถดำเนินไปถึงตอนจบบริบูรณ์ได้เลยใช่ไหมหากไม่ทันที่เด็กสาวจะได้ขอโทษสาวรุ่นพี่ หางตาก็แลเห็นใครคนหนึ่งทอดฝีเท้าตรงมา เจ้าตัวเบิกตาโต เพราะไม่รู้ว่าคนมาใหม่นั้นจะได้ยินคำพูดของตัวเองด้วยหรือเปล่า&ld
ตะกร้าสานที่มีผ้าปูรองมีผลสตรอว์เบอร์รีสีแดงสดอยู่เกือบเต็มตะกร้า หากจิณณายังก้มหน้าก้มตาเก็บจากต้นบนแปลงปลูกอย่างตั้งใจเจ้าของไร่หนุ่มหล่อที่เดินฝ่าคนงานตรงไปหานั้นถึงกับยืนมองนิ่ง เห็นความตั้งใจของหล่อนก็นึกเอ็นดูระคนอ่อนใจ“กลับได้หรือยังหนูจิณ”“อ้าว! คุณอั๋นมาทำไมคะ”จิณณาสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะเอียงคอถามเมื่อเห็นเขายืนอยู่ใกล้ๆ“มาตามคนงานจอมอู้น่ะสิ นี่ใกล้เที่ยงแล้ว ทำไมไม่ยอมกลับบ้าน”ก่อนจะขับรถกอล์ฟมาส่งที่ไร่ในเวลาเกือบแปดนาฬิกา อาทิตย์ได้กำชับว่าให้จิณณาทำงานแค่สามชั่วโมง แล้วจะมารับกลับบ้าน เพราะไม่อยากให้ตากแดดนาน กลัวว่าหล่อนจะป่วยเหมือนคราวก่อน หากหญิงสาวก็ห้ามเขาไว้ ไม่ยอมให้มารับ แต่ก็สัญญาว่าเมื่อถึงเวลาจะเดินกลับบ้านเองพอเวลาใกล้เที่ยงเต็มที แสงแดดร้อนจ้า อาทิตย์ก็เดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านหลายรอบ หากยังไม่เห็นคนงานสาวหน้าใสกลับบ้านสักที จนเขาตัดสินใจมาตามกลับเองนี่แหละ“อู้ตรงไหนกัน จิณพยายามเก็บสตรอว์เบอร์รีไม่ให้ช้ากว่าคนอื่นแล้วนะ ถึงจะยังทำได้ไม่ดี แต่ก็ไม่ถ
“ฉันกลับจากธุระแล้วผ่านมาทางนี้ เลยให้คนรถแวะเข้ามาในไร่ของแก เห็นลุงชื่นบอกว่าสตรอว์เบอร์รีบางแปลงเริ่มเก็บได้แล้ว”คุณนายอรอรเดินนำลูกชายเข้ามาในบ้าน สายตาคมกริบกวาดรอบโถงกว้างอย่างสำรวจ เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดสังเกต เธอก็ตรงไปนั่งบนโซฟารับแขก มุมที่สบายที่สุดสำหรับเธอ“เห็นแม่หายไปหลายวัน ปกติยังโทร.มาปลุกผมตอนเช้า หรือไม่บางทีช่วงเย็นก็โทร.มาถามว่าจะกินอะไร แล้วแม่ก็ให้คนรถเอาของกินมาส่ง”“หน้าที่นี้ควรเป็นแกทำให้ฉันมากกว่านะ นี่พอฉันหายไป แกก็ทวงเลยสิท่า” คุณนายเจ้าของห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัดค้อนลูกชายคนโต แล้วหรี่ตาอย่างจับสังเกต “แล้วทำไมแกถึงถามจุกจิกกับฉันจังเลย เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้”“ผมแค่เป็นห่วง เพราะแม่หายไปหลายวัน แล้วจู่ๆ ก็มาหาด้วยตัวเองในช่วงใกล้ค่ำ ผมห่วงว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับแม่น่ะสิ”“แล้วถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับฉัน แกจะช่วยฉันทันไหม พอฉันไม่แวะมา แกก็ไม่ไปหา ไม่คิดจะถามข่าวคราวของฉันเหมือนกัน”คุณนายอรอรบ่นด้วยน้ำเสียงติดจะน้อยใจ จนอ
“เพราะคุณมีพร้อม อยู่ในจุดที่สบายพอแล้ว”“ไม่รู้สิ ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก แต่พอเป็นผู้ใหญ่ก็อยากมีชีวิตของตัวเอง ฉันก็เปลี่ยนของฉันเอง เพราะจะใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยโดยหวังพึ่งพาแม่หรือที่บ้านตลอดไปก็ไม่ดี”“คุณเป็นลูกคนโต ตอนนี้คุณนายคงภูมิใจมากค่ะ เพราะคุณเก่ง คุณทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง”จิณณาเพิ่งได้คิดว่าอาทิตย์เป็นลูกชายของเศรษฐีใหญ่ในจังหวัด ตระกูลของเขาเป็นที่รู้จักของคนในสังคม ยิ่งการที่เขาเป็นทายาทคนโตซึ่งต้องเป็นความหวังและความภูมิใจของครอบครัว...โดยเฉพาะคุณนายอรอรที่เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามา“แม่ไม่เคี่ยวเข็ญเกี่ยวกับงานว่าจะให้ใครทำอะไร เราสามารถเลือกทำตามที่ถนัดได้ทุกคน...แต่มียกเว้นเรื่องเดียว”“เรื่องอะไรคะ”“อีกไม่นานเธอจะได้รู้เอง คุณนายยังตามเคี่ยวเข็ญฉันอยู่จนถึงตอนนี้ ดูท่าแล้วคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ”จิณณามองอาทิตย์อย่างคาดเดา เรื่องที่เขาพูดควรเป็นเรื่องชวนเครียด แต่ทำไมเขาต้องหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขำ แถมหน้าตาก็บ่งบอกว่ามีความสุขอีกด้วยช่วงเ
คำว่าคิดถึงของเขามาพร้อมกับดวงตาพราวระยับ จิณณามองปราดเดียวก็รู้ทันคนคิดไม่ซื่อ และแววตาของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มต้องลอบยิ้ม เขาโน้มตัวลงไปโอบกอดหล่อนไว้ แล้วกดจุมพิตหนักๆ ตรงต้นคอ หากเพียงแค่นี้ก็ทำให้จิณณาวูบไหวไปทั้งกาย “จิณกำลังแกะเมล็ดสตรอว์เบอร์รีเอาไว้ปลูกค่ะ เมื่อวานลุงชื่นเอาลูกใหญ่ๆ มาให้จิณสี่ลูก จิณเห็นแล้วอยากแกะเมล็ดมาปลูกใส่กระถางไว้ในห้องนี้” จิณณาเบือนหนีสัมผัสของเขา แล้วบอกถึงความตั้งใจในสิ่งที่จะทำต่อไป อาทิตย์มองตามก็เห็นเปลือกสตรอว์เบอร์รีที่มีเมล็ดเกาะอยู่บนกระดาษทิชชู สภาพแห้งเหมือนถูกตากแดดไว้ระยะหนึ่งแล้ว “แกะเมล็ดแล้วยังไงต่อ” “เอาไปแช่น้ำหนึ่งสัปดาห์ แล้วเอาไปปลูกในกระเปาะเล็กๆ ระหว่างนั้นก็ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นไปด้วยค่ะ” “ยุ่งยาก มันดีกว่าใช้ไหลสตรอว์เบอร์รีปลูกยังไง” “ดีกว่าตรงที่เราได้ฟูมฟักมันขึ้นมาจากเมล็ด เฝ้ารอและประคับประคองให้ต้นเติบใหญ่จนออกลูกออกผลให้เราชื่นชมสิคะ” “ปลูกไว้ชื่นชมหรอกหรือ” “คุณจะกินก็ได้ค่ะ” “ให้ถึงตอนนั้นก่อน แล้วฉันค่อยตัดสินใจว่าจะเก็บไว้ชื่นชมหรือเอามากิน”
“สองทุ่มนี่นะ นายนอนแต่หัวค่ำตั้งแต่เมื่อไร”น้องชายจอมจุ้นยังไม่เลิกเซ้าซี้ถาม อาทิตย์จึงตัดบทโดยการตัดสายแล้วปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการถูกรบกวนเสียเลย ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะทำงาน แล้วเดินมาผลักบานประตูที่เชื่อมกันเพื่อเข้ามาในห้องนอนแม่เนื้อนวลของเขายังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในส่วนพักผ่อนของห้องนอน เห็นหล่อนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับนักร้องไทยที่มีลุคคล้ายเกาหลีอยู่ในจอขวางหูขวางตาชะมัด!อาทิตย์ก้าวอาดๆ ไปหาอย่างไม่รอช้า“อย่านะ! อย่าปิดทีวี จิณยังดูไม่จบ”“ดูนักร้องคนนี้หรือ แล้วทำไมต้องยิ้มให้เขาด้วย”ชายหนุ่มชี้ไปทางหน้าจอโทรทัศน์อย่างสุดที่ทนได้ไหว“ใช่ ขอดูพี่เป๊กให้จบก่อนนะ คนดี๊คนดีของหนูจิณ คุณอั๋นไปนอนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจิณตามไป”น้องก็กวนโมโห เมียก็ไม่ยอมเอาใจคนหัวร้อนออกอาการฮึดฮัดจำต้องเดินไปยังที่นอนคนเดียว แล้วก็ได้แต่เดินไปเดินมาสะกดอารมณ์อยู่สองสามรอบ แต่ใจก็ไม่ยอมสงบ จนเมื่อคิดว่าจะลงไปข้างล่างก็เห็นคนร่างกลมกลึงปรี่มาหาเสียก่อน“รายการทีวีจบแล้วห
“แม่คุณสงสัยว่าคุณมีใครแอบไว้หรือเปล่า แล้วคุณก็ว่าสุดท้ายคุณก็ซุกจิณไว้จริงๆ อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าเมียเก็บแล้วจะให้เรียกอะไร”อาทิตย์ถึงกับกุมขมับกับการก้าวพลาดของตัวเอง...แต่ก็ยังดีที่แม่คุณยอมเปิดปากบอกสิ่งที่อยู่ในใจ แม้แลกด้วยการถูกเรียกว่าเป็นผัวเก็บของเจ้าหล่อนก็เถอะ!“ฉันไม่เคยคิดจะให้เธอเป็นเมียเก็บหรือเมียซุก แต่ฉันจะเอาเธอมาเป็นเมียจริงๆ”คำยืนยันที่แสนโอหังของเขาทำให้จิณณาตีสีหน้าไม่ถูก แน่นอนว่าความเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจเมื่อครู่บินหายไปแล้ว แต่ความหมั่นไส้ที่มีต่อเขานั้นกลับเพิ่มเป็นทวีหญิงสาวจ้องมองเขานิ่ง มือก็ดึงผ้าห่มมาคลุมกายไว้ด้วย จนเมื่อเห็นว่ามิดชิดพอก็พูดกับเขา“จิณโกรธคุณ”“โกรธเรื่อง…?”“คุณบังคับจิณ ทำให้จิณเจ็บ ดูสิ เป็นจ้ำๆ หมดแล้ว”“ไหนดูสิ” เขาดึงแขนหล่อนมาดู พอเห็นว่าเป็นจริงตามที่บอกก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเหมือนกัน “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้เธอเจ็บ...แต่เธอผิวบาง”“คุณทำผิดแล้วมาใส่ร้ายจิณ”
ไม่ยากเกินความสามารถของอาทิตย์สำหรับการหลอกล่อให้จิณณาเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเขาในทุกค่ำคืน แม้ใครจะมองว่าเห็นแก่ตัวและเอาเปรียบหญิงสาว แต่อาทิตย์ก็ไม่สนใจเขายอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัว แต่ในจังหวะนี้ขอเลือกทำตามใจตัวเอง และคิดเข้าข้างตัวเองว่าทุกครั้งที่ร่วมรักกัน เขาก็ทำให้จิณณาได้พบกับความสุขล้นไปด้วยที่สำคัญกว่านั้น อาทิตย์มั่นใจว่าจิณณาไม่ได้รังเกียจเขา เขาไม่ได้คิดไปเอง แต่จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าท่าทางของแม่สาวน้อยที่มีต่อเขานั้นมันคืออะไร บางเรื่องไม่ต้องมีคำอธิบาย แต่สัมผัสได้ด้วยหัวใจและความรู้สึก“แม่เคยเห็นเธอแล้ว”จู่ๆ อาทิตย์ก็พูดขึ้นในค่ำคืนที่ทั้งสองคนขลุกอยู่บนเตียงนอน จนคนที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาตัวเกร็งขึ้นมา“ครั้งล่าสุดที่แม่มาที่นี่ เธอย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ตอนนั้นเธอนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่กับคนงานในโถงใกล้กับห้องครัว แม่ทำท่าจะเดินไปหา คงอยากจะดูหน้าเธอให้ได้ แต่ฉันขวางเอาไว้ก่อน”จิณณาเริ่มร้อนรน หากอาทิตย์กลับเห็นเป็นเรื่องขัน เขายังมีแก่ใจหัวเราะ“แค
เป็นเวลาเย็นมากแล้วที่อาทิตย์เฝ้าสังเกตจิณณาซึ่งนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ทางหน้าบ้าน เขาบอกผ่านป้าแววให้สั่งส้มโอคอยอยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวอาทิตย์เชื่อว่าตนเลือกคนไม่ผิด เพราะเด็กคนนั้นพูดเป็นต่อยหอยอยู่ตลอดเวลา คงทำให้จิณณาเพลินไปได้ในจังหวะนี้จะหาว่าเขาไม่มีปัญญาทำให้หล่อนสบายใจ เขาก็ยอมรับ ดังนั้นใครก็ตามที่สามารถทำให้หล่อนร่าเริงขึ้นมาได้ เขาก็ไม่ขัดทั้งนั้นส่วนป้าแววนั้นไม่ผิดจากที่เขาคาด หญิงชรารู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและจิณณา แถมยังพูดให้อาทิตย์ต้องหน้าม้านด้วยว่ารู้สึกพลาด ไม่น่าปล่อยให้ปลาย่างอย่างจิณณาให้อยู่ใกล้แมวตะกละอย่างเขา‘ป้าแววก็พูดเกินไป ผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย’‘คุณอั๋นรู้ใช่ไหมว่าจะมาทำเล่นๆ กับคนในบ้านไม่ได้ ถ้ารู้ถึงหูคุณนายจะเป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ เพราะคุณนายถือเรื่องพวกนี้มาก มันทำให้คนในปกครองไม่เคารพเรา’‘ให้ผมพูดตอนนี้ก็คงไม่มีความหมายอะไร เพราะป้าแววก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า’‘เวลาอะไรคะ แล้วนานแค่ไหน จะปล่อยให้คุณอั๋นเอาเปรียบ
หลังจากเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้ว อาทิตย์ก็เข้าไปในห้องลอฟต์ในเวลาเกือบสิบนาฬิกา เขาทอดฝีเท้าตรงไปยังมุมด้านในของห้อง ซึ่งเป็นจุดที่เขาและจิณณาโรมรันกันเมื่อวานนอกจากเครื่องนอนจะถูกพับเก็บแล้ว เสื้อผ้าของจิณณาทั้งชั้นนอกและชั้นใจก็ถูกพับวางไว้ข้างๆ อย่างเรียบร้อย รวมถึงเสื้อเชิ้ตชื้นฝนที่เขาถอดทิ้งไว้ด้วยชายหนุ่มก้มหยิบเสื้อผ้าทั้งของเขาและหล่อนไว้ในมือ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบห้อง“ใครเข้ามาเก็บห้อง...ป้าแววหรือเปล่า”อาทิตย์หรี่ตาครุ่นคิด อาจเป็นแม่บ้านใหญ่ที่เข้ามาทำความสะอาดห้องลอฟต์อย่างที่เคยทำ และแม่บ้านคนนี้ก็เคยทำงานอยู่กับพิจิกา เขารู้อยู่เต็มอกว่าทั้งสองคนยังคงติดต่อสม่ำเสมอ แถมค่อนข้างสนิทสนมกันด้วยและจากสภาพห้องนี้ที่เขาทิ้งร่องรอยไว้ แน่นอนว่าคนอย่างป้าแววมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น อาทิตย์คาดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้อย่างทะลุปรุโปร่งเขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอนที่ทิ้งจิณณาไว้ตามลำพัง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาเองก็ไม่คิดจะปิดบังคนในบ้าน ให้รู้เสียเลยก็เป็นการดี เขากับจิณณาจะได้ทำตัวได้สะด