“นัส...” พอเจอเธอป่วนนลินก็จะบ่นๆ และบ่นเป็นหมีกินผึ้งต่อไปอีกสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงพอให้เหนื่อยๆ แล้วถึงได้หยุด
ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นออกจากริมฝีปากสีชมพูสด หน่วยตาเล็กเลิกขึ้นลง ปากอิ่มขยับซ้ายย้ายขวา คิดแล้วก็เหนื่อยใจไม่รู้ว่าจะต้องหูชาไปสักกี่วันถึงจะหาย แม้จะคิดและบ่นในใจไปแบบนั้น แต่เมื่อนึกถึงเพื่อนรักที่คอยอยู่ดูแลกันและกันมาตลอดหลายสิบปีแพรพนัสก็ยิ้มออก แต่แล้วความสดชื่นสดใสที่มีก็เริ่มจางหายจากใบหน้ากลายเป็นความหนักใจ เมื่อคิดถึงเรื่องที่เพื่อนกำลังลงมือทำ เตือนจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้ว แต่นลินก็ยังดื้อรั้นและดันทุรังที่จะทำ
“หยุดไม่ได้หรือหลิน ปล่อยให้เรื่องมันผ่านเลยไป ถือเสียว่าที่ผ่านมาเป็นเวรกรรมของเราที่ต้องชดใช้ให้เขาไป”
การเอาตัวเองไปเล่นกับไฟกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง ทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์ แถมมีเสน่ห์จนสาวๆ ต่างก็หลงใหลและเทใจให้ ที่เมื่อต้องการเหยื่อสาวคนไหน ไม่เคยที่จะปล่อยให้หลุดรอดเงื้อมมือไปได้ ถึงจะเก่ง มีจริตจะก้านแพรวพราว ฉลาดเฉลียวและมีฝีมือพอตัว แต่อ่อนด้อยประสบการณ์และไม่ทันคน หรือจะสู้จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างเทพกานต์ได้ นลินช่างไม่รู้เลยว่าไฟที่แผดเผาอยู่นอกจากให้ความเร่าร้อนระคนสุขสมแล้วยังจะมีโทษมหันต์ ถ้าพลาดพลั้งไปจะทำให้เพื่อนรักต้องจมกับทะเลน้ำตาและชีวิตที่ไร้ซึ่งความสุข
“ให้ผู้ชายพันธุ์ห่วยอย่างนั้นลอยนวลไปทำอย่างนั้นกับผู้หญิงคนอื่นหรือนัส ไม่ล่ะ...ไม่ใช่ความคิดของฉัน ไอ้ผู้ชายเส็งเคร็งอย่างนั้น ควรที่จะต้องเจอตาต่อตาฟันต่อฟันดีกว่า ทำอะไรมาก็ควรจะเจออย่างเท่าเทียมกัน ถึงจะสะใจ”
ศีรษะทุยสะบัดไล่ความคิดที่ทำให้ต้องทุกข์ใจ เป็นกังวลและคิดมากทิ้งไป เพราะรู้ดี ตอนนี้เรื่องราวมันสายเกินกว่าที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกแล้ว เพราะนลินเริ่มต้นแผนการไปแล้วหลายอย่าง ซึ่งถ้าเป็นห่วงเพื่อนก็ต้องคอยดูแลปกป้องไม่ให้พลาด
มือเล็กล้วงไปหยิบหมากฝรั่งเม็ดสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกระเป๋าเสื้อมาแกะใส่ปากและเดินเข้าไปในไนต์คลับ มุ่งตรงไปยังห้องพักผ่อนของนลินอย่างไม่หันแลซ้ายขวาให้ดี จึงไม่เห็นโจทก์เก่าที่หมายมั่นปั้นมือว่าเจอเมื่อไหร่ จะจัดการสั่งสอให้หลาบจำ
ฉัตรจักรเหลียวมองไปทั่วบริเวณอย่างต้องการหาความรื่นเริงให้ตัวเอง ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง เมื่อเห็นร่างเล็กบางและกะทัดรัดเดินลัดเลาะมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เพื่อนเขาเดินลับหายไป
อย่างไม่ทันได้คิดสิ่งใด ชายหนุ่มผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินตามไปติดๆ ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยที่ผุดขึ้นทั้งใบหน้าและดวงตา ถึงแม้ลักษณะรูปร่าง ท่าทางการเดินเหิน รวมถึงการพูดจาและการแต่งกายจะออกเค้าไปทางชายหนุ่มรุ่นกระเตาะ แต่ไม่รู้ทำไมภายในจิตใจมันถึงบอกว่าเจ้าของร่างนั้นหาใช่ผู้ชาย
เพียงแค่ร่างเล็กบางก้าวพ้นมุมห้องซึ่งมีทางแยกสองทาง ทางหนึ่งให้ลูกค้าไปห้องน้ำและอีกทางก็คือสำหรับนักร้องจะก้าวขึ้นบนเวทีใหญ่ แขนกลมกลึงก็ถูกคว้าและดึงแรงๆ จนร่างเล็กกะทัดรัดหงายไปด้านหลังและปะทะเข้ากับบางสิ่งที่ว่าจะแข็งจนเจ็บกายก็ไม่ใช่ แต่จะอ่อนนุ่มเหมือนกับสำลีก็ไม่ใช่อีก
แพรพนัสหน้าแดงก่ำ ลมหายใจหอบแรง ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ มือเล็กกำหมัดเอาไว้แน่น เพื่อที่จะสวนกลับไอ้คนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง กล้ามาจับมือถือแขน แต่ในลักษณะใกล้ชิดจนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดเส้นผมและบางส่วนของลำคอ ทำให้หญิงสาวรู้ดีว่าการจะปล่อยหมัดไปนั้นทำได้ยากยิ่ง แขนเล็กค่อยๆ ยกขึ้นทีละน้อยแล้วศอกที่ทั้งแหลมและคมก็ขยับไปด้านหลังแรงๆ
“โอ๊ะ!! ยังร้ายเหมือนเดิมนะไอ้ตัวแสบ” ฉัตรจักรกล่าวทักทายในน้ำเสียงรื่นเริงและชอบใจ แล้วยังมีเสียงกลั้นหัวเราะดังออกมาจากลำคอแกร่ง มือใหญ่กระชับร่างเล็กไม่ยอมให้ไอ้ตัวแสบได้ทำอย่างใจต้องการ
ใบหน้าคมคร้ามก้มลงมาให้จมูกสูดดมกลิ่นกายหอมๆ และกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่แสนจะเย้ายวนใจ การกอดกระชับอยู่อย่างนี้ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจ ไอ้ตัวร้ายเป็นผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวพรางส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนกายจากสายตาผู้ชาย
“ปล่อยนะไอ้บ้า” แพรพนัสพูดเสียงลอดไรฟัน ดวงตากลมโตวาวโรจน์อยู่ในความมืดมิด ขบกัดฟันจนนูนเด่น เท้าเล็กๆ ขยับขึ้นทีละน้อยและค่อยๆ ประทับลงบนเท้าใหญ่พร้อมบดและทิ้งน้ำหนักกายลงไปหวังให้ไอ้บ้าห้าร้อยที่กำลังลวนลามเธออยู่ได้เจ็บกาย แต่ดูเหมือนไอ้บ้าตัวนี้จะไม่สนใจเลย เพราะยังมีเสียงกลั้วหัวเราะดังออกมาจากลำคอแว่วเข้าหูมาเป็นระยะ
“ทำไมฉันถึงต้องทำตามคำสั่งของเธอด้วยล่ะแม่ตัวแสบ แล้วทำไมฉันต้องปล่อยเธอด้วยฮึ” ชายหนุ่มเอ่ยถามริมฝีปากแนบชิดใบหูเล็ก ก่อนจะเคลื่อนไถลจมูกและปากไปประทับบนลำคอระหง
แพรพนัสถึงกับสะดุ้ง ขนตามเรือนกายลุกชัน ถึงจะอยู่ท่ามกลางเพื่อนชายนับสิบคน แต่ต่างคนก็ต่างมีลิมิตของตัวเอง ไม่เคยมีใครกล้าถูกเนื้อต้องตัวเธอในลักษณะที่ใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน แล้วไอ้ผู้ชายบ้ากามคนนี้เป็นใครถึงบังอาจ คงไม่รู้จักฤทธิ์หมัดและเท้าของเธอเสียแล้ว
มือเล็กวางทับมือใหญ่ที่โอบรอบสะเอวไว้ ใช้ปลายนิ้วลากไล้วนเวียนแผ่วเบาและนุ่มนวล และหันเรือนกายไปหาชายหนุ่มที่อยากลองดีอย่างช้าๆ ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้มหวานเย็นเหมือนกับน้ำตาลเคลือบน้ำแข็ง แต่ประกายในดวงตากลับลุกแดงเหมือนกับมีเปลวเพลิงเผาไหม้อยู่ภายใน
“เพราะฉันไม่ชอบที่จะให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัวนะซิ” แพรพนัสกัดฟันตอบพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้ขุ่นเขียวจนเกินไป
“หืม...” คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นสูง หัวใจเต้นแรงและเร็ว แม้แสงไฟที่ส่องสว่างมาจะไม่มากมาย แต่ความสวยงามและน่ารักของผู้หญิงตรงหน้าก็ช่างเตะตาเหลือเกิน
ใบหน้าขาวนวลรูปหัวใจ ดวงตากลมโตเป็นประกายรับกับคิ้วคมเข้มและขนตายาวงอน จนอยากรู้นัก ถ้าเอาอะไรไปวางมันจะหล่นลงมาหรือเปล่า พวงแก้มอิ่มเต็มเป็นสีชมพูเข้มอย่างไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง อีกทั้งจมูกเล็กที่โด่งเป็นสันรับกับเรียวปากบางเฉียบแต่ดูนุ่มนิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ แล้วความกระหายและปรารถนาในกายหนุ่มก็ลุกโพลงเหมือนไฟที่ลามเลียลุกไหม้กองฟาง
นิ้วยาวยกขึ้นลากไล้พวงแก้มนุ่มและเคลื่อนไถลลงไปถึงริมฝีปากบางแต่อวบอิ่มและนิ่มอย่างที่คิดไว้ ที่ทำให้เขารู้สึกอยากแนบปากลงไปสักครั้ง จะได้รู้หวานเหมือนกับน้ำเลี้ยงเกสรดอกไม้หรือเปล่า และอย่างไม่ต้องคิดอะไรให้นานไปกว่านั้นใบหน้าคมก็โน้มลงไปอย่างเชื่องช้า
โอ๊ย! ไอ้ผู้ชายหน้าหม้อ ไอ้คนบ้ากาม เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ จะต้องหาเรื่องแต๊ะอั๋งและลวนลามอยู่ตลอดเวลา คอยดูฤทธิ์แม่แพรพนัสบ้างเถอะ จะเอาให้เจ็บถึงกระดองใจ ใบหน้าเขียวปั๊ดเป็นกบเลยคอยดูใบหน้าขาวสวยยังคงแย้มยิ้มหวานเชื่อมและเบี่ยงหลบจนปลายจมูกโด่งไถลไปถูกเส้นผมแทน มือเล็กค่อยๆ เคลื่อนขึ้นไปโอบรอบบ่ากว้างและทำตัวอ่อนระทวยเหมือนกับขี้ผึ้งโดนลนไฟถึงแม้จะกล้าและแกร่งเหมือนชายอกสามศอกคนหนึ่ง เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านเรื่องร้ายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่น้อยครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับชายหนุ่มซึ่งแข็งแกร่งไปทั้งเนื้อทั้งตัวแบบนี้ เพราะในกลุ่มเพื่อนๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผอมกะหร่องกะแหร่ง ปากเสียจนเธอถึงกับต้องส่ายศีรษะอย่างรำคาญปนระอิดระอาใจ หรือถ้าหุ่นดีหน่อยส่วนใหญ่ก็มีคนจับจองห้องใจไปหมดแล้ว“อือ...ปล่อยฉันนะ” กายบอบบางสั่นสะท้านไหว หัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็ว ปลายมือปลายเท้าเย็นเหมือนกับมีน้ำแข็งเคลือบอยู่ ความกลัวเล็กๆ พุ่งจากหัวใจสู่สมอง ถ้าหากชายคนนี้รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร มีหวังเขาจะต้องจับทางได้และหาทางเอาคืนจนเธอนั่นแหละจะเสียท่า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแพรพนัสก็ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเอารัดเ
“แล้วคุณล่ะค่ะ จับฉันได้แบบนี้ คุณจะลงโทษฉันอย่างไรเอ่ย?” หญิงสาวแกล้งถาม สองมือเล็กลูบไล้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งแถวๆ ขอบสะเอว บ้างก็ล่วงล้ำลงไปในขอบกางเกงแต่แล้วก็รีบดึงออกมาอย่างตกใจ ประกายในดวงตาไหววูบและหวาดหวั่น จนต้องรีบเคลื่อนกลับขึ้นไปสะกิดกระดุมเสื้อจนมันหลุดออกจากรังดุมเกือบจะหมด ให้ได้สัมผัสถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเต็มๆ สองมือ ไรขนเส้นเล็กๆ ที่ขึ้นประปรายบนอกกว้างสากระคายมือสร้างความปั่นป่วนให้ได้ไม่น้อยเหมือนกัน“แล้วเธออยากให้ฉันลงโทษยังไงล่ะแม่ตัวแสบ” เทพกานต์เอ่ยถาม แล้วคราวนี้เขาก็ไม่ยอมพลั้งเผลอไปกับความสวยงามที่คอยเย้ายวนชวนให้หลงใหลอีกแล้ว มือใหญ่เคลื่อนไหวไปตามผิวกายเนียนนุ่มส่วนที่อยู่นอกตัวผ้า ริมฝีปากหนาขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า“อืม...เอาอย่างนี้ดีไหมคะ” ดวงตาคมหลิ่วนิดๆ อย่างที่คิดว่าเซ็กซี่และยั่วเย้าอารมณ์ปรารถนาในกายหนุ่มให้ลุกโชนได้ง่ายๆ“กว่าที่หลินจะกลับมาร้องเพลงที่นี่อีกก็เป็นวันศุกร์โน่นแน่ะ หลินคงจะแบบว่าคิดถึงรสจูบของคุณมากมายจนนอนไม่หลับแน่”“แล้ว?” เทพกานต์ถามอย่างไม่เข้าใจว่าแม่นักร้องสาวตัวร้ายต้องการจะสื่ออะไร“ก็เอาเป็นเรานัดเจอกันตอนเย็นๆ ไงคะ
ปึก...!!พลั๊กๆ ...!!เข่ามนกระแทกเข้าที่กล่องดวงใจของชายหนุ่ม ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อลำตัวแข็งแกร่งงอลง หมัดหนักๆ ก็ตรงเข้าปะทะดวงตา กึ่งกลางปากและจมูกโด่งคมเต็มๆ อย่างหนักหน่วง“โอ๊ย!!” ฉัตรจักรถึงกับร้องเสียงดังลั่น ร่างหนาใหญ่ทิ้งตัวลงบนเข่าตัวเอง สองมือยื่นมาบดบังจุดสำคัญของร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะถูกแม่ตัวร้ายเล่นงานจนใช้การไม่ได้ นี่ขนาดว่าระมัดระวังตัวเป็นอย่างดีแล้วแท้ๆ เชียว เบี่ยงตัวหนีแล้วแต่ก็ยังไม่ทัน ยังโดนแม่ตัวร้ายนี่เล่นงานเอาเสียเกือบจะสูญพันธุ์ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ ฟันกรามบดเบียดขบกัดจนนูนเด่น แม้จะถูกแค่ปลายๆ แต่เข่าที่ทรงอานุภาพก็ทำเอาเขาเจ็บจนหน้าเขียวไปได้เหมือนกัน“เธอ...ยายตัวแสบ...” ขนาดไม่ถูกเต็มๆ นะนี่ยังทำเอาพูดแทบไม่ออกรอยยิ้มเยาะเย้ยและเยาะหยันแต่งแต้มบนใบหน้าขาวสวย ดวงตากลมโตเป็นประกายแวววาวทั้งสะใจและสาสมใจ ช่วยไม่ได้อยากหื่นไม่เลือกที่ แต๊ะอั๋งผู้หญิงไม่เลือกคน และไม่รู้จักศิษย์แม่น้อยลูกนายพลับอย่างเธอเสียแล้ว อย่างนี้มันแค่เล็กน้อย ความจริงเธออยากกระทืบไอ้อาวุธคู่กายคู่ใจนั่นอีกสักครั้ง เอาให้มันสูญพันธุ์ไปนอนกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้อีกเลยดีกว่าเจ็บแค่
แพรพนัสถึงกับตัวสั่น ความกลัวเกาะกุมหัวใจดวงน้อยอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ให้ชายหนุ่มมาเอารัดเอาเปรียบโดยไม่ต่อสู้ และถึงแม้ว่ามือจะโดนจับมัดไว้ เรือนกายจะถูกตรึง แต่เท้ายังสามารถใช้การได้ดี หญิงสาวค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปบนเท้าข้างหนึ่งและเหวี่ยงเต็มแรง แต่ทว่าไอ้บ้าที่ชอบเอาเปรียบผู้หญิงดันรู้ทันจึงใช้สองขาแข็งแกร่งกดลงไปบนขาเรียวยาว“โอ๊ะโอ่...ยังฤทธิ์มากนะแม่ตัวแสบ” ดวงตาคมมองสบเข้าไปในดวงตากลมโตเป็นประกายแข็งกร้าวและเอาเรื่อง “แต่บอกแล้วไงว่าฤทธิ์มากอย่างนี้ฉันชอบ เดี๋ยวขอจูบหวานๆ อีกสักฟอดนะแล้วเราไปฟัดกันต่อที่โซฟานะ” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปเกือบจะแนบปากหนาบนเรียวปากนุ่ม แต่เผอิญนึกขึ้นมาได้“อย่ากัดฉันอีกนะแม่ตัวแสบ ถ้าไม่เชื่อละก็รับรองได้ว่าเจอปล้ำกลางทางเดินนี่แหละ” พูดจบชายหนุ่มก็ฉกริมฝีปากหนาร้อนไปบนเรียวปากนุ่มแพรพนัสฮึดฮัดอยากจะกัดอยากจะทำร้ายไอ้บ้าห้าร้อยคนนี้ให้เจ็บปวดไปถึงกระดองใจ แต่รู้ดีว่าไอ้คำพูดที่พ่นออกจากปากเมื่อครู่ไม่ใช่แค่คำเตือนแต่เป็นคำขู่ และที่สำคัญคือไอ้บ้าห้าร้อยนี่เอาจริงแน่ แต่เธอก็ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะเอาคืนหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ จนแทบจะหล
งั้นเป็นเพราะอะไรทำไมแพรพนัสถึงยังไม่จัดการเพื่อนรักของเทพกานต์ หรือว่าจะเป็นเพราะหลงใหลในรสสัมผัสที่ได้รับอยู่ก็ไม่น่าจะใช่อีก เพราะแพรพนัสไม่ชอบให้ผู้ชายถูกเนื้อต้องตัว แล้วเท่าที่ได้เห็นในตอนนี้ เธอว่ามันเกินเลยไปแล้วต่างหาก หรือว่าเพื่อนรักจะมีเหตุผลอื่น งั้นรอดูสถานการณ์ไปอีกนิดดีกว่า เผื่อว่าแพรพนัสอาจจะต้องการความช่วยเหลือก็เป็นไปได้แพรพนัสหงุดหงิดใจเหลือกำลัง เสียงจุ๊บจิ๊บๆ ดังจากลำคออยู่ตลอดเวลา ขัดอกขัดใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะทำยังไงก็ถูกอีตาร่างใหญ่นี่ดักทางไปได้เสียหมด จนอยากจะหาอะไรมาฟาดศีรษะทุยให้แบะออกเป็นสองซีก แต่ก็ได้เพียงแค่คิด เมื่อสิ่งที่เห็นบนโต๊ะมีเพียงแค่ขวดเหล้านอกและแก้วเหล้าเท่านั้นเองสองมือเล็กกำหมัดไว้เสียจนแน่น ก่อนจะยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำพั้นซ์สีสวยขึ้นมาจิบทีละน้อย พร้อมกับสมองที่หมุนวนเป็นลูกข่าง เพื่อที่จะหาทางรอดพร้อมกับเอาคืนให้ชายหนุ่มต้องจำไปอีกนานแสนนานด้วย แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเสียที จนตอนนี้เริ่มที่จะปวดศีรษะแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดมากหรือเพราะไอ้น้ำพั้นซ์สีสวยนี่กันแน่“คิดอะไรอยู่หรือแม่ตัวแสบ” ฉัตรจักรเอ่ยถาม ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนขบเม้มลำคอร
ทำไมวันนี้อะไรๆ มันถึงไม่เป็นอย่างใจต้องการสักคนนะ ไปทำงานแทนที่จะได้พบลูกค้า อีตาผู้จัดการบ้านั่นก็ดันออกไปธุระด่วนข้างนอก คลาดกับเธอเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง แล้วไม่รู้ว่าจะหาทางเข้าพบได้อีกเมื่อไหร่วันจันทร์กับอังคารนี้เธอยังต้องไปต่างจังหวัดอีก ถ้ายังตกลงกับผู้จัดการของอีกฝ่ายไม่ได้งานนี้โดนหัวหน้าดุและสับเละเป็นหมูสับแน่ๆ คิดแล้วมันก็กลุ้มโว้ย...ทำไมหลังจากที่ได้เจอกับฉัตรจักร ดวงของเธอถึงได้ซวยแบบนี้ หรือว่าอีตานั่นเป็นตัวซวยสำหรับเธอ ใช่...ต้องใช่แน่ๆ คอยดูนะเจอคราวต่อไป แม่จะเอาให้ความซวยวิ่งออกแทบไม่ทันเลยคอยดูซิ“เออ...” หญิงสาวพยักหน้ารับ “คราวหน้าจะไม่ขัดแกเลย จะวางแผนให้แกเอาคืนอีตานั่นให้สาสมใจดีไหม” นลินเอ่ยถาม เพราะดูท่าจะต้องช่วยแพรพนัสรับศึกจากฉัตรจักรด้วยแล้ว เล่นงานเขาไว้หนักแบบนี้ไม่รู้ว่าเวลาโดนเอาคืนเพื่อนเธอจะเอาตัวรอดได้ไหม นลินได้แต่เป็นกังวลที่ลากเพื่อนรักซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้ามาอยู่ในวังวนแห่งการแก้แค้นในครั้งนี้ด้วย‘ฉันขอโทษนะนัส ที่ดึงเอาแกมาเกี่ยวข้องด้วย’“อือ...แกวางแผนให้มันดีๆ นะหลิน ให้ฉันเอาคืนอีตาฉัตรนั่นให้มันสูญพันธุ์ไปเลยยิ่งดี” คิ
“เอาไงดีวะ...” อรินธวัชเดินวนไปเวียนมาอย่างหงุดหงิด แต่สมองก็ไม่ได้หยุดวางยังคงคิดหาหนทางลากเอาตัวเทพกานต์มาเข้าร่วมประชุมในวันนี้ให้ได้ เพราะมันคือการกำหนดอนาคตในการทำงานที่นี่เหมือนกัน“เป็นไงบ้างคุณริน ได้เรื่องหรือเปล่า?”อรินธวัชหันไปส่งยิ้มแหยๆ ให้กับคนที่เอ่ยถาม “ยังไม่ได้เรื่องเลยครับ โทรไปก็ตัดสายทิ้ง ตอนนี้ก็ปิดเครื่องไปเลย”“คุณรินจะทำอย่างไรต่อไปคะ มีให้อะไรให้ดาวช่วยหรือเปล่า” ดาวจรัสเอ่ยถาม แม้จะได้เจอกับชายหนุ่มตรงหน้าเพียงแค่ไม่ถึงสามชั่วโมงดี แต่ลักษณะท่าทางก็ดูดีมีสง่าและภูมิฐาน ไม่มีท่าทางเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม อีกทั้งคำพูดก็หวานหู ไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนกับชายหนุ่มหลายคนที่เธอเคยคุยด้วย เรียกได้ว่าถูกใจไปเสียหมด จนอยากที่จะสานต่อความสัมพันธ์ด้วย“ไม่เป็นไรครับคุณดาว ผมจะลองสู้ด้วยตัวเองก่อน” อรินธวัชตอบกลับ ร่างกะทัดรัดเดินไปที่โต๊ะทำงาน ปลายนิ้วไล่ไปตามความยาวของโต๊ะแล้วไล่กลับมา กระดาษโน้ตกับดินสอวางอยู่ แล้วไอเดียก็ปิ๊งขึ้น“คุณรินจะทำยังไงต่อไปละคะ”“คุณดาวช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ” แทนที่จะตอบคำถามหญิงสาวไป อรินธวัชกลับถามหาความช่วยเหลือ ทำเอาคนที่ถูกขอให้ช่วยถึงก
ตอนนี้เขาสามารถทำให้ตัวเองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่นี่ได้แล้ว เหลือเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นเอง คือการนำพารองกรรมการบริหารสุดหล่อแต่เกียจคร้านสุดๆ ไปทำงาน“ครับ สวัสดีครับคุณนุช ผมกำลังคิดถึงคุณนุชอยู่พอดีเลยครับ” อรินธวัชส่งคำหวานหยอดใส่ นึกเห็นภาพหญิงสาววัยเลยสามสิบไปประมาณสามสี่ปีนั่งอายม้วนกับคำพูดของเขา แต่พอนึกถึงใบหน้าอวบอูม นัยน์ตาชั้นเดียวและยังสวมแว่นตาหนาเตอะ กับจมูกที่ไม่มีดั้งใหญ่และบาน กับริมฝีปากหนาก็หนาวสั่นในอก อาหารที่ทานเข้าไปได้เพียงเล็กน้อยเมื่อตอนเช้าทำท่าจะขย้อนออกมา“แหม...คุณรินนี่ปากหว้านหวานนะคะ ถ้านุชเป็นสาวๆ คงจะตัวอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งโดนลนไฟไปแล้วละค่ะ”จิตรานุชกระเซ้ากลับใบหน้ายังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สนใจว่าคำพูดนั้นจะมาจากความรู้สึกที่แท้จริงของชายหนุ่มหรือไม่ เพราะคนอย่างเธออายุมากแล้วและหุ่นก็ยังเป็นมะขามข้อเดียวอีกด้วย ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องเมินหน้าหนีทั้งนั้น หากมีใครกะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามา ขอให้รู้ไว้เลยว่าไม่จริงใจและต้องหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่งแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยมีสายตาเหลียวมองหนุ่มคนไหน ยอมกลายเป็นนังแก่เกาะคานทองอย่างที่หลายๆ คนในบริษัทแอบ
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื
“แม่ตัวแสบเอ๊ย! ฉันน่าจะบีบคอเธอทิ้งจริงๆ นะนี่” เทพกานต์สบถด้วยความหงุดหงิด เขาน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว แต่ดันปล่อยให้ความต้องการทางกายอยู่เหนือทุกสิ่ง โมโหแทบเป็นบ้าตอนที่สวรรค์ล่มกลางคัน เมื่อนลินแสร้งกลัว เพื่อเสือกไสเขาไปให้กับอรินธวัชที่ก็เสียบเข้ามาอย่างรู้เวลาเสียด้วยสิอะไรที่ทำให้น่าสงสัยน่ะหรือ ถ้าคืนนั้นให้เขาไปหาเลย ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน จึงต้องหลอกให้ไปซื้อดอกไม้ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นอรินธวัชสนใจมอง อีกอย่างคือร่างโปร่งบางใต้ม่านน้ำ เพราะมัวหลงในกายขาวนวลเลยลืมกลิ่นเนื้อกายสาวหอมๆ เหมือนรมย์นลินเป็นที่สุด จึงไม่ทันจะสังเกต จับพิรุธไอ้ตัวแสบไม่ทัน“ไอ้จอมเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเอ้ย!” สบถแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนับตั้งแต่วันที่รมย์นลินมาอยู่บนเตียงนอน อรินธวัชก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูสมเหตุสมผล ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจ...รมย์นลินและอรินธวัชคือคนเดียวกัน! ที่ยังไงคนที่จะยืนยันได้ก็คือ...“ฉันจะรีดเอาความจริงจากเธอยังไงดี...หลิน” ยากไม่ใช่เล่นอยู่นะ การต้องรีดเอาความจริงจากปากแม่ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์และช่างวางแผน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำนิ้วยาวลูบไล้ปลายคางแกร่ง ใบหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนห
สะโพกสอบสะบัดไหวโยกซ้ายย้ายขวาล่อหลอกให้ตามติด แต่กลับใช้สองมือดึงรั้งให้รอรับส่วนสัดที่อัดแน่นเหมือนลิ่มเหล็กที่ตอกบนเสาเข็ม“นัสจ๋า...ที่รักมีความสุขไหม รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักนายที่สุดเลยฉัตร” แพรพนัสตอบกลับ ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มลำคอกว้าง ระบบภายในกระชับเสาเข็มใหญ่ที่ตอกลงมาอย่างหนักหน่วง ถี่รัวเร็วและรุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้กายใหญ่ก้าวเดินอีกครั้งไปหยุดตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มือปลดลำขาเสลาลงทีละข้างอย่างเชื่องช้าทั้งที่สะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ สองร่างทาบทับแผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดอกกว้าง สะโพกกลมกลึงบดเบียด กุหลาบดอกน้อยกลืนกินภมรใหญ่ ในขณะทรวงสล้างก็ตกอยู่ในการครอบครองของสองมือหนา“รักฉันซินัส รักฉันเลยคนดี”“จ้ะ...จ้ะ...” แพรพนัสตอบรับด้วยการขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและถี่รัวเร็ว เกี่ยวก้อยสองกายก้าวผ่านดินแดนมนุษย์ขึ้นไปพำนักบนสุดขอบฟ้าสุขาวดีในฉับพลัน เสียงร้องทุ้มนุ่มและหวานเชื่อมแหบพร่าดังสอดประสานกับสองกายาที่แนบชิดจนเป็นเนื้อเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลล้นออกจากกายเล็กเปรอะเปื้อนลำขาเสลา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ มือเรียววางทับบนแขนแข็งแกร่งและส่งยิ้มหวานเ
แม้ไม่เข้าใจ เขาสั่งให้ทำอย่างนั้นทำไม แพรพนัสก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี กายเล็กขยับเคลื่อนไปจนสองมือจับขอบหัวเตียงนอนได้ ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเกร็ง เมื่อจุมพิตร้อนผ่าวเริ่มขยับเคลื่อนจากสองบัวตูมลงไปด้านล่างทีละน้อยๆ เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกตวัดไล้หยอกล้อกับช่องสะดือบุ๋ม“ฉัตร...” ร้องเรียกเสียงแหบพร่า รับรู้ว่าชั้นในตัวน้อยค่อยๆ ถูกเกี่ยวรูดออกจากกายลงไปกองร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่หล่นไปก่อนหน้า พร้อมจุมพิตที่ประทับบนความนุ่มและอ่อนไหวไวต่อการสัมผัส ลมอุ่นๆ เป่ารดเส้นไหมนุ่มทำให้ได้รู้ เขากำลังจะทำอะไร แม้อยากจะห้ามปราม แต่กายและใจกลับรอคอยสองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายเต่งตึง พร้อมยกขึ้นสูงจนลอยเด่นเหนือใบหน้า กุหลาบดอกงามเคลื่อนไหวระริกตรงหน้า จนชายหนุ่มต้องปาดเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาร้อนขบไล่ขาหนีบเบาๆ ไล่วนตามต้นขาด้านในและซบนิ่งบนเนินเนื้อรังไหม สูดกลิ่นสาบกายสาวหอมกรุ่นที่โชยมาอย่างรุนแรง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้วนเวียนรอบเกสรสีแดงสดสลับริมฝีปากอ้างับ“อืม...ฉัตร...อย่าทรมานฉันซิ...” แพรพนัสเว้าวอนเสียงหวานพร่า ส่ายสะโพกรับจุมพิตร้อนๆ ที่ทาบทับเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อตัว