ทำไมวันนี้อะไรๆ มันถึงไม่เป็นอย่างใจต้องการสักคนนะ ไปทำงานแทนที่จะได้พบลูกค้า อีตาผู้จัดการบ้านั่นก็ดันออกไปธุระด่วนข้างนอก คลาดกับเธอเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง แล้วไม่รู้ว่าจะหาทางเข้าพบได้อีกเมื่อไหร่วันจันทร์กับอังคารนี้เธอยังต้องไปต่างจังหวัดอีก ถ้ายังตกลงกับผู้จัดการของอีกฝ่ายไม่ได้งานนี้โดนหัวหน้าดุและสับเละเป็นหมูสับแน่ๆ คิดแล้วมันก็กลุ้มโว้ย...ทำไมหลังจากที่ได้เจอกับฉัตรจักร ดวงของเธอถึงได้ซวยแบบนี้ หรือว่าอีตานั่นเป็นตัวซวยสำหรับเธอ ใช่...ต้องใช่แน่ๆ คอยดูนะเจอคราวต่อไป แม่จะเอาให้ความซวยวิ่งออกแทบไม่ทันเลยคอยดูซิ“เออ...” หญิงสาวพยักหน้ารับ “คราวหน้าจะไม่ขัดแกเลย จะวางแผนให้แกเอาคืนอีตานั่นให้สาสมใจดีไหม” นลินเอ่ยถาม เพราะดูท่าจะต้องช่วยแพรพนัสรับศึกจากฉัตรจักรด้วยแล้ว เล่นงานเขาไว้หนักแบบนี้ไม่รู้ว่าเวลาโดนเอาคืนเพื่อนเธอจะเอาตัวรอดได้ไหม นลินได้แต่เป็นกังวลที่ลากเพื่อนรักซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้ามาอยู่ในวังวนแห่งการแก้แค้นในครั้งนี้ด้วย‘ฉันขอโทษนะนัส ที่ดึงเอาแกมาเกี่ยวข้องด้วย’“อือ...แกวางแผนให้มันดีๆ นะหลิน ให้ฉันเอาคืนอีตาฉัตรนั่นให้มันสูญพันธุ์ไปเลยยิ่งดี” คิ
“เอาไงดีวะ...” อรินธวัชเดินวนไปเวียนมาอย่างหงุดหงิด แต่สมองก็ไม่ได้หยุดวางยังคงคิดหาหนทางลากเอาตัวเทพกานต์มาเข้าร่วมประชุมในวันนี้ให้ได้ เพราะมันคือการกำหนดอนาคตในการทำงานที่นี่เหมือนกัน“เป็นไงบ้างคุณริน ได้เรื่องหรือเปล่า?”อรินธวัชหันไปส่งยิ้มแหยๆ ให้กับคนที่เอ่ยถาม “ยังไม่ได้เรื่องเลยครับ โทรไปก็ตัดสายทิ้ง ตอนนี้ก็ปิดเครื่องไปเลย”“คุณรินจะทำอย่างไรต่อไปคะ มีให้อะไรให้ดาวช่วยหรือเปล่า” ดาวจรัสเอ่ยถาม แม้จะได้เจอกับชายหนุ่มตรงหน้าเพียงแค่ไม่ถึงสามชั่วโมงดี แต่ลักษณะท่าทางก็ดูดีมีสง่าและภูมิฐาน ไม่มีท่าทางเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม อีกทั้งคำพูดก็หวานหู ไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนกับชายหนุ่มหลายคนที่เธอเคยคุยด้วย เรียกได้ว่าถูกใจไปเสียหมด จนอยากที่จะสานต่อความสัมพันธ์ด้วย“ไม่เป็นไรครับคุณดาว ผมจะลองสู้ด้วยตัวเองก่อน” อรินธวัชตอบกลับ ร่างกะทัดรัดเดินไปที่โต๊ะทำงาน ปลายนิ้วไล่ไปตามความยาวของโต๊ะแล้วไล่กลับมา กระดาษโน้ตกับดินสอวางอยู่ แล้วไอเดียก็ปิ๊งขึ้น“คุณรินจะทำยังไงต่อไปละคะ”“คุณดาวช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ” แทนที่จะตอบคำถามหญิงสาวไป อรินธวัชกลับถามหาความช่วยเหลือ ทำเอาคนที่ถูกขอให้ช่วยถึงก
ตอนนี้เขาสามารถทำให้ตัวเองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่นี่ได้แล้ว เหลือเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นเอง คือการนำพารองกรรมการบริหารสุดหล่อแต่เกียจคร้านสุดๆ ไปทำงาน“ครับ สวัสดีครับคุณนุช ผมกำลังคิดถึงคุณนุชอยู่พอดีเลยครับ” อรินธวัชส่งคำหวานหยอดใส่ นึกเห็นภาพหญิงสาววัยเลยสามสิบไปประมาณสามสี่ปีนั่งอายม้วนกับคำพูดของเขา แต่พอนึกถึงใบหน้าอวบอูม นัยน์ตาชั้นเดียวและยังสวมแว่นตาหนาเตอะ กับจมูกที่ไม่มีดั้งใหญ่และบาน กับริมฝีปากหนาก็หนาวสั่นในอก อาหารที่ทานเข้าไปได้เพียงเล็กน้อยเมื่อตอนเช้าทำท่าจะขย้อนออกมา“แหม...คุณรินนี่ปากหว้านหวานนะคะ ถ้านุชเป็นสาวๆ คงจะตัวอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งโดนลนไฟไปแล้วละค่ะ”จิตรานุชกระเซ้ากลับใบหน้ายังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สนใจว่าคำพูดนั้นจะมาจากความรู้สึกที่แท้จริงของชายหนุ่มหรือไม่ เพราะคนอย่างเธออายุมากแล้วและหุ่นก็ยังเป็นมะขามข้อเดียวอีกด้วย ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องเมินหน้าหนีทั้งนั้น หากมีใครกะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามา ขอให้รู้ไว้เลยว่าไม่จริงใจและต้องหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่งแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยมีสายตาเหลียวมองหนุ่มคนไหน ยอมกลายเป็นนังแก่เกาะคานทองอย่างที่หลายๆ คนในบริษัทแอบ
“กินยานอนหลับไปเปล่าวะนี่ ทำไมปลุกยากปลุกเย็นเหลือเกิน” ชายหนุ่มบ่นอย่างทดท้อ ทั้งเหนื่อยและหิวจากการที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืนเพราะตื่นเต้นที่จะได้ทำงาน เลยทำให้กินไม่ได้และนอนไม่หลับ ท้องของเขาก็เริ่มทำฤทธิ์ ส่งเสียงเตือนถี่ยิบ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องทนทำงานให้เสร็จก่อน“เอาวะลองดูอีกตั้ง ถ้าไม่ได้ผลจริงๆ แม่งจะเอาน้ำมาสาดให้เปียกเลย ดูซิคราวนี้จะนอนขี้เซาได้อีกหรือเปล่า”ชายหนุ่มคิดอย่างหมายมั่น ดวงตาคมวามวาวอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นเจ้านาย เพราะเมื่อเขาโกรธ ช้างก็ตัวเท่ามดได้เหมือนกัน แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ก็อดที่จะรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับร่างกายอันใหญ่โตและแข็งแกร่งที่โผล่พ้นตัวผ้าออกมาไม่ได้ ขืนทำอย่างที่คิดเมื่อครู่ อีตาเทพกานต์คงหักคอเขาจิ้มน้ำพริกเสียมากกว่า“คุณ...คุณเทพ...เจ้านาย...” อรินธวัชไม่รู้ว่าจะเรียกชื่อชายตรงหน้าว่าอะไรดี ดูมันขัดๆ กันไปหมดเทพกานต์พลิกกายกลับมาตอนหงาย เพราะเริ่มที่จะรำคาญเสียงหวี่ๆ ที่ดังอยู่ใกล้หู และยังมีแมลงที่ไต่อยู่ตามร่างกาย ซึ่งกำลังสร้างความรำคาญใจให้ แต่เมื่อคิดได้ว่าเมื่อคืนหลังจากที่โดนยายนักร้องตัวแสบทำเจ็บแสบ เขาก็ได้เจอกับเจน
เทพกานต์ตะลึงงัน ร้องคราวอย่างกับสัตว์บาดเจ็บ เพราะความปวดร้าวจากกายแข็งแกร่งที่กำลังตื่นตัวอยู่ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบหายใจเข้าและออกในปอดแรงๆ เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่ลุกโชนจนเกือบจะกลายเป็นปกติ เมื่อครู่ถ้าเขาไม่ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาคง...แค่คิดก็ทำเอาหนาวยะเยือกและขยะแขยงตัวเองขึ้นมาทันควัน นี่เขาบ้าหรือเพี้ยนกันแน่ ที่คิดว่าไอ้บ้าที่ยืนตัวสั่นเหมือนกำลังยั่วสวาทเค้าเป็นเจนสุดา กรามหนาขบกัดบดเบียดกันจนนูนเด่น ดวงตาสีสนิมจ้องไปยังชายหนุ่มตรงหน้าราวกับจะกินเลือดเถือหนังและเอาเกลือทาด้วยความโกรธ“แกเป็นใคร แล้วเข้ามาให้ห้องฉันได้ยังไง”อรินธวัชสะดุ้งเฮือกกับเสียงอันดังลั่นราวกับฟ้ากำลังผ่า อีกทั้งดวงตาสีสนิมคู่นั้นที่มองมาอย่างดุร้ายและเกรี้ยวกราดเหมือนต้องการจะเข่นฆ่าให้อาสัณห์ ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเสียงอย่างฝืดเคือง พยายามระงับสติที่กระเจิดกระเจิงไปเมื่อครู่ให้กลับมาอย่างเร็วที่สุดเมื่อข่มความกลัวและอารมณ์วูบวาบที่เกิดจากน้ำมือผู้เป็นนายจนลดลงไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว ขณะจะเอ่ยปากตอบอยู่นั่นเอง ดวงตากลมโตเถลือกถลนจนแทบออกจากเบ้า รีบยกสองมือปิดตาเอาไว้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่แดงปลั่งอยู่แล้วยิ
ใบหน้าหล่อหวานงองุ้ม ความหงุดหงิดเริ่มเกาะกุมหัวใจ ความกลัวที่มีค่อยห่างหากกลายเป็นความโกรธเข้ามาแทนที่ เมื่อเจอกับลูกเล่นและคารมของเจ้านายหนุ่มฟันกรามขบกัดบดเบียดจนนูนเด่น ดวงตาที่เคยมีแววตื่นตระหนกและหวาดกลัวเริ่มมีแสงสีแดงเรืองรองทีละน้อยๆ อรินธวัชอยากส่งหมัดใส่เบ้าตาที่เปล่งประกายเหมือนกำลังสนุกสนานเห็นเขาเป็นเหมือนตัวตลกสักทีสองที ทั้งที่เขานั้นกังวลและวุ่นวายใจจะตายอยู่แล้วความโกรธของพ่อหนุ่มน้อยหน้ามนกลายเป็นความสนุกสนานและเพลิดเพลินของเทพกานต์ ตื่นนอนมาแทนที่จะเจอกับเรื่องที่สร้างความหงุดหงิดและรำคาญใจให้อย่างเดียวกลับมีลูกหมาตัวน้อยๆ มาให้เล่นอีก แม่คิดยังไงกันแน่ถึงได้ส่งไก่อ่อนนี่มาให้เขาขยำเล่น มือใหญ่เพิ่มน้ำหนักที่กดลงไปบนลำคอแต่ความนุ่มนิ่มและบอบบางก็เริ่มเปลี่ยนใจมาใช้วิธีการใหม่“ว่าไง จะบอกได้หรือยัง มาที่นี่ทำไม” มือใหญ่อีกข้างเริ่มเคลื่อนไหวเหนือลาดไหล่กว้างและไหปลาร้า สัมผัสนุ่มๆ ทำให้เทพกานต์ได้เห็นร่างเล็กสั่นน้อยๆ แล้วก็ให้แปลกใจ ท่าทางของหนุ่มน้อยตรงหน้า ทำไมเหมือนผู้หญิงนัก ดวงตากลมโตเหมือนกับดวงตาสมันล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกเล็กโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปาก
“แหม...ทำไมละฮ้าเจ้านาย ไม่ชอบหรือฮ้า...” พูดไปอรินธวัชก็ต้องกลั้นหัวเราะไป เมื่อเห็นหน้าซีดเหมือนกับไก่ต้มกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปลายนิ้วยาวที่อยู่บนริมฝีปากเริ่มขยับเคลื่อนลงไปตามลำคอแข็งแกร่ง ไล้วนบริเวณกล้ามเนื้ออกแข็งแกร่งที่มีตุ่มไตเล็กๆ สีน้ำตาลเข้มพอให้กายใหญ่สยิวซ่าน ก่อนจะขยับเคลื่อนลงไปด้านล่างและหยุดตรงขอบผ้าขนหนู“อืม...ใต้ผ้าขนหนูนี้มีอะไรอยู่น้า...?” อรินธวัชลากเสียงใสยาว เพราะความสนุกสนานที่ได้แกล้งเจ้านาย อย่างลืมไปว่าเขามาที่นี้ด้วยเหตุอันใดมือใหญ่คว้าหมับเข้าที่มือเล็ก เพียงแค่บีบเล็กน้อยหนุ่มน้อยใจกล้าก็เบะหน้าด้วยความเจ็บ วงหน้าคมคร้ามนิ่วเล็กน้อย เขาจะให้เด็กหนุ่มปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาเล่นงานเอาได้หรือไง ตัวเท่าลูกหมาแตะนิดแตะหน่อยก็แทบจะหักออกเป็นสองท่อนแล้ว อย่างนี้ทำไมเขาจะต้องกลัวไอ้บ้านี่ด้วย“จะถอยไปดีๆ หรือว่าจะให้ฉันถีบแกลงไป” เทพกานต์ขู่เสียงเขียว ดวงตาแดงและขุ่นขวางใบหน้าคมหวานค้อนขวับ ริมฝีปากขมุบขมิบเหมือนกับกำลังเจริญพรให้อีกฝ่าย และยอมถอยไปแต่โดยดี เพราะรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มเอาจริงและเขาก็ยังไม่อยากเจ็บตัว“ก็ได้ฮะ ผมถอยออกมาดีๆ ก็ได้ เจ้านายจะได้ไปอ
“มองอะไรวะไม่เคยเห็นคนหรือไง” เทพกานต์สบถและส่งสายตาพิฆาตให้กับสาวน้อยสาวใหญ่ที่คอยชม้ายส่งสายตาหวานๆ เมียงมองมาอย่างเสียอารมณ์และหงุดหงิดที่ต้องมาพ่ายแพ้ไอ้หนุ่มน้อยหน้าอ่อน แม้โทรศัพท์ในกระเป๋าจะดังขึ้นชายหนุ่มก็ไม่มีกะจิตกะใจจะรับปล่อยให้มันดังไปอย่างนั้น ถ้ารำคาญนักไอ้คนที่โทรมาคงจะหยุดโทรเองแหละ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ละความพยายาม เพราะโทรศัพท์เครื่องจิ๋วยังคงดังเป็นระลอก“มึงเป็นอะไรวะไอ้เทพ กูกดโทรศัพท์หามึงจนมือหงิกแล้วนะโว้ย ทำไมมึงไม่รับวะ” เสียงจากปลายสายต่อว่า แต่ไม่ทันที่เทพกานต์จะได้ตอบกลับเพื่อนรักก็สวนกลับมาเสียก่อน“แต่ช่างเถอะ ที่มึงนัดไว้ ว่าจะไปปาร์ตี้ที่พัทยาคืนนี้เอาไง นี่กูนัดน้องไหมกับจีจี้ไว้แล้วนะโว้ย”อรินธวัชที่แรกเริ่มยืนอยู่ไกลๆ รีบขยับกายเข้ามาทีละน้อยๆ จนสามารถได้ยินทุกคำ คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงอย่างขัดอกขัดใจและหงุดหงิด ฟันกรามขบกัดจนมีเสียงดังกรอดๆ แหม...ทีให้มาทำงานละหน้าตายังกับคนอึไม่ออก แต่พอได้ยินว่ามีปาร์ตี้มั่วสาวละก็หน้าตาระรื่นเชียวนะฮะ แต่คิดหรือว่าจะได้ไป รู้ฤทธิ์เลขาสุดหล่อคนนี้น้อยไปเสียแล้ว“เออ...ไม่ลืมน่า ว่าแต่มึงเถอะ จะปลีกตัวไปไหวหรือเปล่า
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื
“แม่ตัวแสบเอ๊ย! ฉันน่าจะบีบคอเธอทิ้งจริงๆ นะนี่” เทพกานต์สบถด้วยความหงุดหงิด เขาน่าจะนึกได้ตั้งนานแล้ว แต่ดันปล่อยให้ความต้องการทางกายอยู่เหนือทุกสิ่ง โมโหแทบเป็นบ้าตอนที่สวรรค์ล่มกลางคัน เมื่อนลินแสร้งกลัว เพื่อเสือกไสเขาไปให้กับอรินธวัชที่ก็เสียบเข้ามาอย่างรู้เวลาเสียด้วยสิอะไรที่ทำให้น่าสงสัยน่ะหรือ ถ้าคืนนั้นให้เขาไปหาเลย ก็จะเตรียมตัวไม่ทัน จึงต้องหลอกให้ไปซื้อดอกไม้ แต่เอาเข้าจริงไม่เห็นอรินธวัชสนใจมอง อีกอย่างคือร่างโปร่งบางใต้ม่านน้ำ เพราะมัวหลงในกายขาวนวลเลยลืมกลิ่นเนื้อกายสาวหอมๆ เหมือนรมย์นลินเป็นที่สุด จึงไม่ทันจะสังเกต จับพิรุธไอ้ตัวแสบไม่ทัน“ไอ้จอมเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเอ้ย!” สบถแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนับตั้งแต่วันที่รมย์นลินมาอยู่บนเตียงนอน อรินธวัชก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดูสมเหตุสมผล ทำให้ค่อนข้างจะมั่นใจ...รมย์นลินและอรินธวัชคือคนเดียวกัน! ที่ยังไงคนที่จะยืนยันได้ก็คือ...“ฉันจะรีดเอาความจริงจากเธอยังไงดี...หลิน” ยากไม่ใช่เล่นอยู่นะ การต้องรีดเอาความจริงจากปากแม่ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์และช่างวางแผน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำนิ้วยาวลูบไล้ปลายคางแกร่ง ใบหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนห
สะโพกสอบสะบัดไหวโยกซ้ายย้ายขวาล่อหลอกให้ตามติด แต่กลับใช้สองมือดึงรั้งให้รอรับส่วนสัดที่อัดแน่นเหมือนลิ่มเหล็กที่ตอกบนเสาเข็ม“นัสจ๋า...ที่รักมีความสุขไหม รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักนายที่สุดเลยฉัตร” แพรพนัสตอบกลับ ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มลำคอกว้าง ระบบภายในกระชับเสาเข็มใหญ่ที่ตอกลงมาอย่างหนักหน่วง ถี่รัวเร็วและรุนแรงอย่างไม่ยอมแพ้กายใหญ่ก้าวเดินอีกครั้งไปหยุดตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ มือปลดลำขาเสลาลงทีละข้างอย่างเชื่องช้าทั้งที่สะโพกยังขยับเคลื่อนไหวอยู่ สองร่างทาบทับแผ่นหลังเนียนนุ่มแนบชิดอกกว้าง สะโพกกลมกลึงบดเบียด กุหลาบดอกน้อยกลืนกินภมรใหญ่ ในขณะทรวงสล้างก็ตกอยู่ในการครอบครองของสองมือหนา“รักฉันซินัส รักฉันเลยคนดี”“จ้ะ...จ้ะ...” แพรพนัสตอบรับด้วยการขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและถี่รัวเร็ว เกี่ยวก้อยสองกายก้าวผ่านดินแดนมนุษย์ขึ้นไปพำนักบนสุดขอบฟ้าสุขาวดีในฉับพลัน เสียงร้องทุ้มนุ่มและหวานเชื่อมแหบพร่าดังสอดประสานกับสองกายาที่แนบชิดจนเป็นเนื้อเดียวกัน สายธารร้อนผ่าวไหลล้นออกจากกายเล็กเปรอะเปื้อนลำขาเสลา แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ มือเรียววางทับบนแขนแข็งแกร่งและส่งยิ้มหวานเ
แม้ไม่เข้าใจ เขาสั่งให้ทำอย่างนั้นทำไม แพรพนัสก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี กายเล็กขยับเคลื่อนไปจนสองมือจับขอบหัวเตียงนอนได้ ท้องน้อยแบนราบเรียบขมวดเกร็ง เมื่อจุมพิตร้อนผ่าวเริ่มขยับเคลื่อนจากสองบัวตูมลงไปด้านล่างทีละน้อยๆ เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกตวัดไล้หยอกล้อกับช่องสะดือบุ๋ม“ฉัตร...” ร้องเรียกเสียงแหบพร่า รับรู้ว่าชั้นในตัวน้อยค่อยๆ ถูกเกี่ยวรูดออกจากกายลงไปกองร่วมกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ ที่หล่นไปก่อนหน้า พร้อมจุมพิตที่ประทับบนความนุ่มและอ่อนไหวไวต่อการสัมผัส ลมอุ่นๆ เป่ารดเส้นไหมนุ่มทำให้ได้รู้ เขากำลังจะทำอะไร แม้อยากจะห้ามปราม แต่กายและใจกลับรอคอยสองมือใหญ่ขยำนวดบั้นท้ายเต่งตึง พร้อมยกขึ้นสูงจนลอยเด่นเหนือใบหน้า กุหลาบดอกงามเคลื่อนไหวระริกตรงหน้า จนชายหนุ่มต้องปาดเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ริมฝีปากหนาร้อนขบไล่ขาหนีบเบาๆ ไล่วนตามต้นขาด้านในและซบนิ่งบนเนินเนื้อรังไหม สูดกลิ่นสาบกายสาวหอมกรุ่นที่โชยมาอย่างรุนแรง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้วนเวียนรอบเกสรสีแดงสดสลับริมฝีปากอ้างับ“อืม...ฉัตร...อย่าทรมานฉันซิ...” แพรพนัสเว้าวอนเสียงหวานพร่า ส่ายสะโพกรับจุมพิตร้อนๆ ที่ทาบทับเคลื่อนไหวเหมือนผีเสื้อตัว