บอดี้การ์ดเหล่านี้คือการ์ดชั้นนำจากแก๊งเลี่ยหยางพวกเขาฝึกฝนมาอย่างมีระบบมาตั้งแต่เด็ก และมีพลังที่เทียบเท่ากับนักสู้ทั่วไปแม้จะเปลือยเปล่าหรือไม่ถืออาวุธ ใช้มือเปล่าเพื่อต่อสู้กับหนึ่งร้อยคนก็ไม่ใช่ปัญหา“พี่ ระวังหน่อยนะ คนนี้เก่งมาก เขาเป็นนักสู้ที่ถูกฝึกฝนมา เพิ่งทำให้คนที่ฉันพามาที่นี่ไม่กี่คนลงไปได้ถึงกับหมดสภาพ ตอนนี้มีแค่เราแค่สองคน ไม่รู้ว่าสู้ไหวไหม?”ชายที่ใส่ชุดสูทมีท่าทีลังเลความสามารถที่หลินเฟิงแสดงออกมาเมื่อสักครู่นั้นทำให้เขารู้สึกถึงความกลัวอย่างลึกซึ้ง“ฮ่ะ เป็นนักสู้แล้วไง?”เมื่อได้ยินคำพูดของน้องชาย คุณชายตู้ยิ้มเยาะใจเย็นและกล่าวว่า “การ์ดของฉันนี่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของแก๊งเลี่ยหยาง! ฝึกฝนมายาวนาน ตั้งแต่เด็กอย่างมีพื้นฐาน!”“ให้พวกเขาไปเผชิญหน้ากับเด็กคนนั้นเหมือนใช้ปืนใหญ่ยิง คอยดูเถอะ” “ที่แท้เป็นนักสู้ที่มีฝีมือเหรอ? นั่นดีมาก!”ชายที่ใส่ชุดสูทยิ้มกว้าง แสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ความเจ็บปวดที่หลินเฟิงทำให้เขารู้สึกนั้นยังคงชัดเจนในความทรงจำ และในไม่ช้า เมื่อหลินเฟิงไม่มีความสามารถต้านทาน เขาจะต้องนำความเจ็บปวดที่เขารับมาคืนเป็นร้อย
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้สีหน้าของคุณชายตู้เปลี่ยนไปและถอยหลังไปสองก้าวอย่างเคร่งเครียด แม้ว่าเขาจะเป็นรองหัวหน้าของแก๊งเล็ก แต่เขาก็เคยมีการสอบสวนเกี่ยวกับนักสู้หนุ่มที่มีชื่อเสียงในเมืองจิง เนื่องจากการที่เขาสามารถมายืนอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ไม่ได้เพียงแค่พึ่งพาฐานอำนาจของตัวเอง แต่ยังรวมถึงความสามารถในการอ่านอารมณ์และความคิดของคนอื่น มิฉะนั้นถ้าไปสร้างปัญหากับคนที่ไม่สมควร จะตายไปอย่างไรเขาก็คงไม่รู้อยู่ดีแต่สำหรับหลินเฟิง คุณชายตู้กลับไม่เคยมีภาพจำใด ๆ บุคคลนี้ไม่อยู่ในสี่ตระกูลใหญ่ และก็รู้สึกแปลกหน้ามาก ยิ่งไปในลำดับสวรรค์ยิ่งไม่มีหน้าตาแบบเขา Comment by -: หรือว่าเขาจะเป็นนักสู้จากต่างจังหวัด? ในใจของเขามีความลังเลเล็กน้อย แต่หลังจากความตกใจ เขาก็กลับมายืนยันจิตใจอีกครั้ง สายตาของเขาดูดุร้ายยิ่งขึ้น“ดีมากเลย หนุ่มน้อย ฉันยอมรับว่าแกเก่งในการต่อสู้ โลกนี้ไม่ใช่ว่าจะเก่งอย่างเดียวแล้วจะทำอะไรตามใจหรือดูถูกทุกคนได้”“นักสู้แบบแก ฉันเคยเห็นมากมายแล้ว อาศัยว่ามีฝีมือแล้วหยิ่งยโสอวดดีไม่เห็นใครในสายตา แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็มีจุดจบเหมือนกัน”คุณชายตู้ขมวดคิ้วและบอก
คุณชายตู้ค่อยๆ คลายกำปั้นที่กำแน่น แล้วฮึ่มเสียงเย็นๆ พยักหน้า“ก็ช่างเถอะ มันก็คือแค่กลุ่มนักเรียน วันนี้ฉันจะใจดีสักครั้ง ปล่อยพวกเขาไป”แม้จะถูกข่มขู่ แต่ก็ยังต้องพูดจาให้ดูดีเห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงไม่ได้ใส่ใจคำพูดพวกนี้“ได้ยินไหม? พวกเธอไปก่อน”หลินเฟิงหันไปมองที่อวี๋จื่อเสวียนและคนอื่นๆ“แต่... แล้วคุณล่ะ?”อวี๋จื่อเสวียนรู้ดีว่าหลินเฟิงทำเช่นนี้เพื่อช่วยพวกเธอแต่เธอก็ยังมีความสงสัยในตัวหลินเฟิงเมื่อสักครู่ ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกลังเลการเดินออกไปแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดท่าทางของหลินเฟิงในตอนนี้ทำให้ดูเหมือนกับฮีโร่ในหนัง เขาสามารถแสดงความสงบและพลังออกมาได้ ซึ่งทำให้สาว ๆ ทุกคนรู้สึกชื่นชมเขาอย่างมาก“อย่าห่วงผม พวกเธอกับอาอวี๋รีบกลับบ้านไปเถอะ ผมจะตามไปเดี๋ยวนี้”หลินเฟิงยิ้มอย่างสงบ ไม่ได้สนใจคุณชายตู้และคนอื่นๆ ตรงหน้าเลยตอนนี้การกระทำของเขาก็ดูเหมือนจะทำให้คุณชายตู้เคลียร์พื้นที่เช่นกันเพราะสิ่งที่เขากำลังจะทำในไม่ช้า คงไม่ใช่เรื่องที่นักเรียนกลุ่มนี้สามารถมองเห็นได้“ทำอะไรอยู่ อย่ามัวแต่ยืนนิ่งอยู่! รีบไป!”ชายที่ใส่ชุดสูทขมวดคิ้วตะโกนใส่นักเรียน“ครับๆ เ
“ฉันออกมาเพื่อสร้างฐานะ เพื่อเงิน”“ไม่ใช่เพื่ออะไรที่ไม่มีสาระที่เกี่ยวกับหน้า”คุณชายตู้หาที่นั่งแล้วกล่าวว่า “ฉันสามารถมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ ไม่เหมือนเด็กหัวรั้นแบบแก ฉันผ่านช่วงที่จะเสี่ยงชีวิตไปนานแล้ว”“ตอนนี้ฉันอยากได้สิ่งที่ฉันต้องการ ต้องพึ่งพาตัวนี้”Comment by -: คุณชายตู้ชี้ไปที่หัวของตัวเอง “ไม่ใช่ตัวนี้”เขาแกว่งกำปั้นอีกครั้ง “เป็นไง? เจ้าหนุ่ม สนใจไหม?”“น่าสนใจอยู่”หลินเฟิงลูบคางของตน ในใจเขาคิดว่าแก๊งใต้ดินในเมืองจิงช่างแตกต่างจากที่เจียงโจวจริงๆ มองการณ์ไกลมากกว่าคนในที่เล็กๆ เหล่านั้นมากนัก“ฉันขอบอกความจริงกับแกบ้าง”หลินเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ที่ฉันให้กลุ่มนักเรียนออกไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำให้ฉันเสียสมาธิ แต่เป็นเพราะฉันต้องเตรียมเคลียร์ที่นี่”แม้ว่าหลินเฟิงจะแสดงออกถึงการยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับมีสัญญาณการฆ่าที่ทำให้คุณชายตู้รู้สึกเหมือนใบหน้าจะกระตุกไปเล็กน้อย“แต่ว่าคำพูดของแกเมื่อกี้ดูน่าสนใจ ทำให้ฉันเปลี่ยนใจในทันที”เมื่อหลินเฟิงพูดคำเหล่านี้ เสียงในใจของคุณชายตู้ก็สั่นไหวและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เขานึกด่าตัวเองในใจว่า “เหี้ยเอ้ย เด็กค
“เป็นไง? ตอนนี้แกเริ่มมีความมั่นใจแล้วใช่ไหม?”หลินเฟิงมองไปที่คุณชายตู้และยิ้มด้วยความสนุกสนาน“แค๊กๆ...”มีฝุ่นละอองจำนวนมาก ทำให้คุณชายตู้และน้องชายของเขาหอบหายใจไม่หยุด“ด้วยความสามารถของแก... อยากจะช่วยฉันเป็นหัวหน้าแก๊ง น่าจะ... น่าจะไม่มีปัญหา”คุณชายตู้เช็ดเหงื่อที่ไหลออกจากใบหน้า ขณะพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดขัดเขาอดไม่ไหวที่จะเช็ดเหงื่อจากหัว แล้วพูดว่า “แต่ว่าแค่การต่อสู้อย่างเดียวก็ไม่พอ หากฉันต้องการเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วย”“ถ้าหากไม่เห็นด้วย ก็ต้องใช้พลังทำให้พวกเขายอมรับ”“ส่วนที่เหลือ ก็เป็นหน้าที่ให้แกคิดหาวิธีเอาเอง”“ถ้าได้เป็นหัวหน้า แกก็น่าจะเข้าใจถึงข้อดีแน่นอน แกก็ต้องมีความพยายามบ้างใช่ไหม?”หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มเมื่อได้ยินคำนี้ มุมปากของคุณชายตู้กระตุก ในใจเขาก็นึกทดแทนอยู่ มองไปที่น้องชายของเขาพร้อมกับสายตาที่มีความผิดหวังมากขึ้น แกทำยังไงนะ ถึงไปยุ่งกับคนอันตรายแบบนี้ได้…”“ชื่อแกว่าอะไรนะ?”หลินเฟิงถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน “อ๊ะ... คุณชายหลิน ผมชื่อตู้ไหว” คุณชายตู้ตอบอย่างจริงจัง และเปลี่ยนการเรียกของตัวเองให้กับหลิน
“ทั้งหมดนี้ก็เพราะเจ้าเด็กบ้านี่ แกก่อเรื่องไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะไปยุ่งกับคนอันตรายแบบนี้ทำไม?!”“ดูสิ สุดท้ายทั้งแก๊งเลี่ยหยางจะต้องเดือดร้อนเพราะแก!”“พี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!”ชายที่ใส่ชุดสูทปิดหน้าฝั่งหนึ่งของเขา ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดจนถึงกับอยากร้องไห้เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้? เขาแค่ต้องการจีบสาวนักเรียน แต่ทำไมถึงได้เจอกับผู้คนที่มีพลังใหญ่ขนาดนี้?วันนี้ช่างโชคร้ายจริงๆโคตรซวย!แต่ในขณะที่ตู้ไหวโกรธ แววหน้าของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง และปลอบน้องชายของเขาว่า “ฉันเห็นว่าไอ้หนุ่มคนนั้นอาจจะมีฝีมือจริงๆ หากเขาสามารถช่วยฉันให้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยางได้...”“งั้น พี่ เราก็จะรวยแล้วสิ?”ชายที่ใส่ชุดสูทรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที“เอาล่ะ เรื่องนี้แกกับฉันรู้กันแค่สองคน อย่าไปบอกคนอื่นนะ!”“เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อหัวหน้าแก๊งเลย!”......บนถนนฝั่งตรงข้ามคาราโอเกะ ในร้านอาหารที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงตามคำแนะนำของอวี๋จื่อเสวียน นักเรียนที่เพิ่งหนีออกมายังเบียดกันอยู่ที่หน้าต่างเพื่อดูเหตุการณ์“จื่อเสวียน นั่นหนุ่มที่เมื่อกี้เป็นญาติของเธอเหรอ? หน้าตา
หลงเสี่ยวจวิ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้า“ก็ได้ จื่อเสวียน เห็นแก่หน้าเธอ ฉันลองโทรหาพ่อของฉันฉันดูก็ได้ แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าคุณชายตู้จะปล่อยเขา ในเมื่อเรื่องที่ไอ้หมอนั่นทำมันเกินขอบเขตเกินไป”“นิสัยของคุณชายตู้แย่มาก ถ้าหากโมโหขึ้นมา เกรงว่าก็คงไม่ไว้หน้าพ่อของฉัน”“ไม่เป็นไร”อวี๋จื่อเสวียนฝืนยิ้มออกมาหลงเสี่ยวจวิ้นล้วงโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเดินไปที่มุมห้อง จากนั้นแสร้งทำเป็นกดเบอร์โทรศัพท์โทรออกไป และพยักหน้าไม่หยุดแต่ความเป็นจริง เขาไม่ได้โทรศัพท์หาพ่อของตัวเองด้วยซ้ำถึงแม้หลงเสี่ยวจวิ้นปากพูดว่าจะช่วยเหลือ แต่เขาก็รู้ว่า หากเขาขอความช่วยเหลือจากพ่อ นอกจากถูกด่าแล้ว ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดถ้าจะให้พ่อของเขาขอให้คุณชายตู้ไว้หน้า เรื่องนี้คงยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีกไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นี้เขาก็คงไม่ถูกน้องชายของคุณชายตู้ตบหน้าโดยที่ไม่พูดพล่ำทำเพลงเลยด้วยซ้ำพูดถึงที่สุด ท่าทางของเขาแบบนี้ก็แค่แสร้งทำไปแบบนั้นสำหรับหลินเฟิงเขาจะเป็นจะตาย เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย?ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลินเฟิงแย่งหน้าแย่งตาเขาหลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางเด็กสาวที่
“อะไรนะ? ไอ้หมอนั่นออกมาจริง ๆ แล้วเหรอ?”หลงเสี่ยวจวิ้นมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ตรงฟุตบาทฝ่ายตรงข้าม ในใจก็รู้สึกตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะปลอดภัยเพราะว่าเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาด้วยซ้ำ จึงไม่มีเหตุการณ์ที่เขาให้พ่อไปขอความเมตตาจากคุณชายตู้ส่วนเรื่องที่หลินเฟิงจะออกมาได้หรือไม่นั้นเขาไม่เพียงไม่มีความหวัง ถึงขั้นที่สาปแช่งหลินเฟิงให้ตายไวไว“คุณไม่เป็นไรนะ?”ทุกคนเดินออกจากร้านอาหาร อวี๋จื่อเสวียนเดินเข้าไปถามหลินเฟิงเป็นคนแรก“ไม่เป็นไร”หลินเฟิงส่วนหน้า จากนั้นขมวดคิ้วพูดว่า: “ฉันให้เธอกับอาอวี๋กลับไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอยังไม่กลับไปอีก?”“จื่อเสวียนกลัวว่าคุณจะถูกคุณชายตู้ฆ่าตาย ให้พวกเราทุกคนรอคุณอยู่ที่นี่”“คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่เป็นไรจริง ๆ ดูท่าวันนี้คุณชายตู้ท่านนั้นจะอารมณ์ดีไม่เบาสินะ”ผู้หญิงคนหนึ่งยืนออกมาแล้วยิ้มพูด“เขาอารมณ์ดี?”หลินเฟิงเบะปาก “เป็นเพราะฉันอารมณ์ดีต่างหาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันอารมณ์ดี เขาคงจบเห่ไปนานแล้ว”หลินเฟิงพูดออกมาแบบนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการเผยสายตากระอึกกระอักออกมาทันทีเด็กสาวผมสั้นยิ่งฉีกยิ้มพูดขึ้นมาโดย
หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนนิสัยของเธอได้ไม่ต้องเป็นแม่พระอะไร อย่างน้อยอย่าก่อปัญหาให้หลี่ฮุ่ยหราน ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็พอแล้ว“ผมจะทำนะครับ”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างจนใจ“หึ”จางซินมีท่าทีหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นตามจางกุ้ยหลานที่เดินจากไปส่วนหลี่เหวินเชาอยากจะถือโอกาสนี้จากไป แต่กลับถูกหลินเฟิงดึงคอเสื้อเอาไว้“ฉันให้นายกลับไปแล้วเหรอ?”ได้ยินคำพูดเย็นชาของหลินเฟิง แต่ในน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแรงสังหารสีหน้าของหลี่เหวินเชาหลากหลายอารมณ์ เขากระวนกระวายก่อน จากนั้นหวาดกลัว สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมา“พี่…”ยังไม่ทันพูดคำว่า “เขย” ออกมา หลินเฟิงกลับตบไปที่ใบหน้าของเขา ทำให้เขาหน้ามืดตาลาย กลิ้งล้มบนพื้นหลายตลบก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนพื้นไม่กี่วินาที ใบหน้าของหลี่เหวินเชาก็เกิดรอยช้ำขึ้นมา“พี่…พี่สะใภ้…ไม่ อย่า…”เมื่อตั้งสติได้ หลี่เหวินเชานั่งตาลายอยู่บนพื้น เห็นหลินเฟิงเดินมาทางเขาอีก เขาก็สีหน้ากระวนกระวาย หันหน้ากลับไปอยากจะคลานหนี แต่ก็ยังถูกหลินเฟิงจับเอาไว้ได้“หลี่เหวินเชา ก่อนหน้านี้ไม่ได้ข่าวของนายมาโดยตลอด ฉันยังคิดว่านายรู้จักฉลาดแล้ว ได้งานที่ดีกว่าที่ต่างถิ
“จางซิน เธอทำเป็นเสแสร้งอะไร? ความคิดนี้เธอเป็นคนแรกที่เสนอออกมาไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยากกอบโกยผลประโยชน์ และแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานด้วย เธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ตอนนี้เธออยากเอากลับไป? สายไปแล้ว!”หลี่เหวินเชาเห็นว่าจางซินกำลังจะหนีไป จึงคว้าเธอไว้ด้วยความโมโห และพูดว่า:“ทุกคน ดูเธอไว้ ความคิดนี้เธอเป็นคนเสนอออกมา เธอเป็นคนต้นคิด พวกเราถูกบีบบังคับ!”เมื่อเห็นว่าความโมโหของทุกคนเคลื่อนย้ายมาที่ตัวเธอ จางซินก็โมโห และพลิกมือตบหน้าหลี่เหวินเชา“แกมันสัตว์เดียรัจฉาน หลอกเงินของคุณป้าไปจนหมดก็หลบหนีไป ถ้าไม่ใช่เพราะนายเห็นว่าที่ดินผืนนี้มูลค่าเพิ่มขึ้น ถูกรองประธานเจี้ยนหงกรุ๊ปบีบคั้น นายจะกลับมาทำไม?”“ฉันบอกนายให้นะ ที่ดินผืนนี้พวกเราไม่เอา ก็ไม่เสียหายอะไรทั้งนั้น”“ส่วนนายถ้าเอาที่ดินผืนนี้ไปไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่วันนายก็จะถูกพวกเขาฆ่าตาย!”“แกกล้าตบฉันเหรอ?!”หลี่เหวินเชากระโจนเข้าไปทันที เขาไม่สนใจเรื่องการถ่อมตัวกับผู้หญิงอะไรหรอก จึงตบตีกับจางซินต่อหน้าทุกคนทันทีส่วนจางซินก็ยื่นเล็บของตัวเองออกไป ข่วนหน้าของหลี่เหวินเชาจนเต็มไปด้วยรอยเลือด“พอแล้ว!”เมื่อเห็นคนใ
“อีกทั้งตอนนี้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับหลี่ฮุ่ยหรานนังสารเลวนั่น ต่อไปฉันจะไม่ขอร้องเธออีก และก็ไม่ขอร้องพวกแกอีก!”“หญิงร้ายชายชั่ว พวกแกสมควรแล้วที่ถูกหลอก!”“ไสหัวไปซะ!”......บรรยากาศเงียบสงบจากนั้นหลินเฟิงนำโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าช้าๆพนักงานทุกคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในเหตุการณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นที่รู้สึกอับอาย และรู้สึกผิดเพราะแค่บันทึกเสียงเมื่อครู่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าจางกุ้ยหลานหลอกลวงพวกเขาเพราะจางกุ้ยหลานและคนอื่นๆ พูดว่าที่ดินผืนนั้น ถูกหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานแย่งชิงไปแต่ในบันทึกเสียงโทรศัพท์ พวกเขาขายที่ดินผืนนั้นให้หลินเฟิง ทั้งยังเห็นหลินเฟิงเป็นคนโง่อีกด้วย พูดฉีกหน้า และดูถูกต่างๆ นานาแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้โมโห กลับยังพูดปากเปียกปากแฉะภายหลัง ก็เป็นคำด่าทอของจางกุ้ยหลานถึงขึ้นยังเรียกลูกสาวและลูกเขยว่าหญิงร้ายชายชั่วอีกด้วยหลักฐานแน่นหนาบันทึกเสียง มีประโยชน์มากกว่าพูดจนปากเปื่อย“ตุ่บ”พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่โยนป้ายทำงานทิ้งเป็นคนแรกเมื่อครู่นี้คุกเข่าให้หลี่ฮุ่ยหรานทันที ริมฝีปากของเขาสั่นเทร ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ม
ถ้าหากเอาที่ดินผืนนี้กลับมาไม่ได้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานถูกล้ม ถึงขั้นที่กลายเป็นขอทาน เขาหลี่เหวินเชาก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ดังนั้นตอนนี้คนที่ร้อนใจที่สุดก็คือเขา“หลินเฟิงเขา…”หลี่ฮุ่ยหรานยังคิดคำพูดหลีกเลี่ยงไม่ออกก็ได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นมาจากจุดไกลๆ“พอแล้ว!”ชายหนุ่มที่ร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆ เขาขยับชิดข้างกายของหลี่ฮุ่ยหราน โอบหลี่ฮุ่ยหรานเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยสายตาโกรธเคือง พูดเย็นชาว่า:“พวกคนโง่ ถูกคนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”“พวกคุณรู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวไหม?”“ฟังแค่คำพูดของฝ่ายเดียว ก็ใจดำและใส่ร้ายเจ้านนายของตัวเองแบบนี้ ฉันดูแล้ว พวกคุณทั้งหมดเป็นแค่พวกไร้ประโยชน์!”“พวกไร้ประโยชน์แบบนี้ ถ้าหากอยากจะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป หลี่ซื่อกรุ๊ปของเราก็ไม่เก็บพวกคุณไว้!”“ไสหัวไปให้หมด!”คนที่พูด ก็คือหลินเฟิงนั่นเองคำพูดอันทรงพลังของหลินเฟิงในเวลานี้ ทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงเงียบลงทันทีแต่ก็มีบางส่วนในนั้นที่ไม่ปฏิบัติตาม“หึ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปของเรา ดูท่าคุณก็เป็นเหมือนกับที่คนอื่นพูด ทั
“ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้เลื่อมใสเธอเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้!”“จริงด้วย คิดไม่ถึงว่าจะใช้ให้คนนอกมาตีแม่ของตัวเองเองอีกด้วย โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์เดียรัจฉาน!”“ยังสู้กัวโหย่วคังก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”พนักงานอีกหลายคนที่มีอารมณ์รุนแรงกว่าก็ยืนออกมาเช่นกันพวกเขาดึงป้ายทำงานออก โยนลงกับพื้น“หึ ให้เธอเป็นเจ้านายของเรา ถูกพูดออกไป คนอื่นคงคิดว่าเราเป็นเหมือนเธอ เป็นคนเนรคุณคนแบบนี้!“ฉันไม่ทำแล้ว!”“ใช่ ฉันก็ไม่ทำแล้ว!”“ติดตามคนชั่วร้ายเช่นนี้ จะมีอนาคตอะไร?!”หลังจากที่คนแรกหันหลังเดินจากไป พนักงานคนอื่นๆ ก็พากันกระตือรือร้น ดึงป้ายพนักงานที่อยู่ตรงหน้าอกออก ประกาศตัดความสัมผันธ์กับหลี่ซื่อกรุ๊ป“ประธานหลี่ ประธานทางด้านนั้นก็มีการประชุมฉุกเฉิน:ในตอนนี้ เลขาของหลี่ฮุ่ยหรานก็วิ่งเข้ามา มองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความเป็นห่วงและการประชุมฉุกเฉินในตอนนี้ ความหมายก็ชัดเจนเป็นอย่างมากนั่นคือจะขับไล่หลี่ฮุ่ยหรานออกจากตำแหน่ง“ไม่ใช่ พวกคุณฟังฉันนะ ความจริงไม่ใช่แบบนี้…”การโต้เถียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหลี่ฮุ่ยหรานทว่าเธอมีแ
ได้ยินเสียงตวาดของหลี่เหวินเชาและคนอื่นๆ พนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่อยู่รอบๆ พากันมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน และนินทาลับหลัง“ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง เฮ้อ ดูไม่ออกจริงๆ ประธานหลี่จะเป็นคนแบบนี้”“พูดได้แค่ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจสินะ!”“ช่างเถอะ ตอนบ่ายฉันลาออกดีกว่า ติดตามผู้บริหารแบบนี้ ฉันรู้สึกอับอายขายหน้า”“ถูกต้อง ถ้าโดนเผยแพร่ออกไปก็ไม่มีหน้าเจอคนหรอก”“ฉันจะเขียนใบลาออกด้วย”“ฉันก็ด้วย”ได้ยินผู้คนที่อยู่โดยรอบพูดถึงเธอโดยไม่ได้หลีกเลี่ยง และรู้สึกผิดหวังต่อเธอ หลี่ฮุ่ยหรานจึงตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “จางกุ้ยหลาน!”เสียงตะโกนแบบนี้ ทำให้จางกุ้ยหลานสะดุ้งโหยงเล็กน้อยพนักงานคนอื่นๆ ของหลี่ซื่อกรุ๊ปที่กำลังจะเดินจากไปก็นิ่งอึ้งพวกเขาพากันมองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน“จางกุ้ยหลาน ฉันหลี่ฮุ่ยหรานทำผิดต่อคุณตรงไหนกัน? ทำไมถึงต้องทำกับฉันแบบนี้?”หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปาก สีหน้าเหมือนกับในเวลาปกติแต่น้ำตาไหลรินลงมาบนใบหน้า เธอยื่นนิ้วออกไป ชี้หลี่เหวินเชากับจางซินแล้วพูดว่า:“นี่เป็นความคิดของใคร? หลี่เหวินเชาหรือว่าจางซิน?”“ฉันหลี่ฮุ่ยหรานขยันหมั่นเพียรมาหลายปี ชีวิตของคุณในตอนนี้ก็ไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็เอาที่ดินกลับมาให้ได้ก่อนดีกว่า“ชู่ว ไม่ต้องพูดแล้ว ดูเร็ว ประธานหลี่กลับมาแล้ว!”“หึหึ ยังคงหน้าไหว้หลังหลอกอีกเหมือนเคย”“มีลูกสาวแบบนี้ด้วยเหรอ? ถ้าเงินเดือนที่นี่ไม่สูงขนาดนี้ ฉันคงลาออกไปนานแล้ว”“มันผิดศีลธรรมจริง ๆ”“ถ้าฉันมีลูกสาวแบบนี้ ฉันคงต้องเลิกยุ่งกับเธอแน่ ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรีบเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูง“ประธานหลี่ ฉันพยายามขัดขวางแล้ว แต่ว่า...”เลขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจหลี่ฮุ่ยหรานที่รู้ดีถึงความยากลำบากของพวกเขา ในเมื่อคนเหล่านี้ก็คือคนในครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหราน พวกเขาจึงไม่กล้าใช้ความรุนแรงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาตามใจที่นี่เท่านั้น“ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”หลี่ฮุ่ยหรานตบที่ไหล่ของเลขา พร้อมกับเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้กลุ่มคน“แม่!”ยิ่งหลี่ฮุ่ยหรานเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยของคนรอบข้างชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้วความดันโลหิตของเธอก็ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องไม่กี่ปีมานี้ ต่างก็เป็นเธอที่เป็นผู้บริจาคเงินและความพยายามเพื่อเลี้ยงดูจางกุ้ยหลาน หรือแม้แต่จา
“โอ๊ย พวกคุณช่วยตัดสินหน่อย ฉันเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาจนโตขนาดนี้ แต่เธอไม่เพียงไม่ดูแลฉัน ยังจะมาบังคับซื้อที่ดินของฉันไปอีก!”จางกุ้ยหลานนั่งอยู่ที่พื้นแล้วตะโกนออกมาไม่หยุด ไม่มีคำพูด ๆใดที่เป็นความจริงเลย“ใช่แล้ว ตอนนี้พี่สาวของฉันก็เป็นประธานของบริษัทใหญ่แล้ว!”“หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จ ก็ทิ้งคนในครอบครัวไป ถึงขนาดร่วมมือกับคนนอกเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วไปทำร้ายแม่ของฉันอย่างนี้!”หลี่เหวินเชาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างหน้าไม่อายแล้วชี้ไปที่คราบเลือดบนหัวของแม่ตัวเอง พร้อมกับบอกว่านี่เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ตามคำสั่งของเขาแล้วตอนนี้ ข้อกล่าวหาข้อนี้ก็ตกไปอยู่ที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน ตอนนี้หลี่เหวินเชาที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ที่ดินตรงนี้มา“พวกคุณดูสิ นี่ก็คือประธานหลี่ของพวกคุณ ผู้หญิงที่เข้มแข็งของพวกคุณแล้วก็แฟนของเธอ หึหึ ช่างน่ารังเกียจและน่าขยะแขยง!”จางซินก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า :“พวกเขาเป็นคนหลอกลวง! แล้วการซื้อที่ดินมาจากเผิงกวงฉี่ก็ล้วนเป็นที่โกหกทั้งนั้น!”เห็นได้ชัดว่าจางซินยังคงคิดหาโอกาสที่จะแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานที่ไล
“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ ส่วนฝ่ายตรงข้าม หลี่ฮุ่ยหรานก็รับสายเช่นกัน“อะไรนะ?!”ทั้งสองคนพูดคำที่เหมือนกันออกมาพร้อมๆ กัน“คุณพูดอีกครั้งสิ?!”หลี่ฮุ่ยหรานกับหลินเฟิงก็พูดพร้อมกันอีกแล้ว“แย่แล้วหัวหน้าหลิน มีครอบครัวหนึ่งมาก่อเรื่องที่บริษัทของเรา พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของบริษัทเราไม่ยอมกลับไป บอกว่าประธานหลี่ร่วมมือกับคุณ ยึดครองที่ดินของพวกเขา“แย่แล้วค่ะท่านประธาน คุณแม่กับลูกพี่ลูกน้องของคุณมาที่บริษัท ตอนนี้พวกเธอถูกฉันขวางเอาไว้แล้ว บอกว่าจะให้คุณคืนที่ดินให้กับพวกเธอ!”ทั้งสองคนต่างได้ยินข่าวสารที่เหมือนกันจากในโทรศัพท์“จางกุ้ยหลาน?”ในใจของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานก็เกิดความอึมครึมขึ้นมาจางกุ้ยหลานคนนี้มาตอนไหนไม่มา กลับเลือกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เป้าหมายชัดเจนเป็นอย่างมาก เกรงว่าเธอก็รู้ข่าวเรื่องที่ที่ดินผืนนั้นมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแล้ว“แม่ของฉัน เธอ...”เดิมหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะพูดว่าทำไมเธอถึงได้มีหน้ามาพูดเรื่องที่ดินอีกแต่ก็คิดอีกว่าจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดแบบนี้ไม่เหมาะสม ทำได้เพียงหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกสักคำและโมโหจนตัวสั่นไปหมด“เอาเถอะ