หลี่ฮุ่ยหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า: “คุณชายกู้ เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะรีบร้อน คุณสามารถที่จะจัดการปัญหาให้โดยเร็วได้ไหม? ”ในเมื่อหลินเฟิงก็ถูกจับตัวไปแล้ว ชักช้าหนึ่งนาทีก็เกรงว่าจะมีอันตรายมากขึ้น“เรื่องนี้เร่งรัดไม่ได้ ทุกอย่างก็ต้องมีการดำเนินการไม่ใช่เหรอ” กู้เฉินพูดด้วยความจริงจังหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินแบบนี้ ก็เข้าใจในทันทีว่า กู้เฉินกำลังให้คำชี้แนะเธออยู่หรือเปล่านะ?แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็รู้สึกห่างไกลเล็กน้อยในเมื่อมาหาเขาให้ช่วยทำธุระ งั้นก็ต้องมีการจ่ายเงินอยู่แล้ว“ได้ ถ้างั้นพวกเราจะเจอกันที่ไหน?” หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามกลับไปกู้เฉินได้ส่งที่อยู่มาพอหลังจากหลี่ฮุ่ยหรานได้รับที่อยู่ ก็ออกเดินทางโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยและยังไม่ลืมที่จะให้เลขาโอนเงินทั้งหมดของหลี่กรุ๊ปเข้าบัตรตัวเองไว้ทั้งหมด……หน้าประตูโรงแรมหวาฝู่หลี่ฮุ่ยหรานจอดรถไว้ที่ประตู และเข้าประตูไปเห็นแค่โต๊ะริมหน้าต่างข้างในมีชายสวมชุดสูทและรองเท้าหนังนั่งอยู่ชุดสูทสง่าหล่อเหลาไม่ธรรมดาหลี่ฮุ่ยหรานดูอย่างละเอียด คนนี้กับกู
ในใจเธอรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ไม่คิดว่า ในเวลาแบบนี้ยังมีคนที่คิดถึงมิตรภาพในวัยเด็กอีก“คุณชายกู้ ขอบคุณนะคะ……”กู้เฉินถามด้วยความประหลาดใจ : “ใช่แล้วฮุ่ยหราน หลินเฟิงคนนี้เป็นอะไรกับคุณเหรอครับ?”หลี่ฮุ่ยหรานพูดว่า: “หลินเฟิงเป็นอดีตสามีของฉัน”กู้เฉินพอได้ยินแบบนี้ก็เข้าใจได้ในทันที: “ผมได้ยินมาบ้างเรื่องการแต่งงานของคุณ เพียงแต่ว่าในเวลานั้นอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถที่จะไปงานแต่งของคุณได้ น่าเสียดายจริง ๆ ”“แต่ผมได้ยินมาว่าสามีเก่าของคุณไม่ดีนัก กินฟรีอยู่ฟรีที่มาบ้านคุณมาตลอดสามปี แม้แต่งานการก็ไม่มีทำ”“คนแบบนี้ คุณจะช่วยเขาไปเพื่ออะไรกัน?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้ว่าจะอธิบายไปว่าอย่างไรดีแต่ทันทีที่ยกเรื่องของหลินเฟิงขึ้นมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข: “แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่มีความสามารถก็ตาม แต่ตอนที่ฉันได้อยู่กับเขาฉันก็มีความสุขมาก”“แต่ตอนแรกก็มีความสับสนอยู่บ้าง จึงหย่ากับเขาไป ฉันเองก็รู้สึกว่าเสียใจภายหลังอยู่มาก”“หลินเฟิงทั้งดีกับฉันมาก ดังนั้นฉันจึงหวังว่าคุณกู้จะช่วยเหลือได้ ต้องช่วยหลินเฟิงให้ได้ เขาต้องถูกคนอื่นยัดเยียดข้อหาแน่ ๆ ”กู้เฉินพ
หลินเฟิงมีสีหน้าที่ผิดปกติไป เสิ่นหานได้มีการเหลือบมองไปที่ปลายสายตาของหลินเฟิงเห็นเพียงแค่ว่าหลี่ฮุ่ยหรานกับผู้ชายแปลกหน้ากำลังทานข้าวกันอยู่ แถมยังมีการพูดคุยและหัวเราะกันอีกถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยพบหลี่ฮุ่ยหรานมาก่อน แต่ก็รู้ว่าเป็นอดีตภรรยาของหลินเฟิงเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เขาจึงได้มีการทุ่มเทไปไม่น้อยตอนนี้หลินเฟิงได้เห็นว่ากำลังนั่งทานข้าวกับผู้ชายอื่นอยู่ ถ้าสีหน้าของหลินเฟิงดีได้ก็แปลกแล้วเสิ่นหานก็รีบพูดไปว่า: “คุณหลิน ไม่อย่างนั้นเราเปลี่ยนเป็นที่อื่นกันไหมครับ?”สีหน้าหลินเฟิงกลับมาเป็นปกติในทันที: “ไม่ล่ะ ผมกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว ก็แค่คนธรรมดาทั่วไปก็เท่านั้นแหละ”ภายในใจของเสิ่นหานนั้นไม่เชื่อ ถ้าหากว่าไม่ได้สนใจจริง ๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่หลินเฟิงจะผิดใจตระกูลเฉินและตระกูลเซี่ยง?แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดประโยคนี้ออกมาทั้งสองเดินเข้าไปภายในโรงแรม นั่งลงที่โต๊ะอาหารและสั่งอาหารที่ง่าย ๆ มาไม่นานก็ทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลับไป เสิ่นหานตะโกนเรียกเสียงดังว่า: “เถ้าแก่เก็บเงิน”หลี่ฮุ่ยหรานก็ถูกเสียงนี้ ดึงดูดความสนใจไว้ เมื่อหันหน้ากลับ
หลินเฟิงก็ขึ้นรถไปเลย เสิ่นหานไม่กล้าที่จะชักช้า เลยรีบที่จะตามไปหลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่ข้างถนนและดูหลังรถที่จากไป ในใจผิดหวังกับหลินเฟิงอย่างมากกู้เฉินเดินออกมาในเวลานี้ มองตาที่แดงก่ำของหลี่ฮุ่ยหรานแล้วพูดว่า: “ฮุ่ยหราน ไม่คิดว่าสามีเก่าของคุณจะเป็นคนแบบนี้”“ขอโทษค่ะ ทำให้คุณได้เห็นเรื่องที่ตลกแล้ว”กู้เฉินยิ้มเบา ๆ : “ไม่เป็นไร เรื่องนี้คุณไม่ผิด และผมช่วยคุณ ไม่ได้ช่วยเขา”“ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราไปดื่มสักสองแก้ว ผ่อนคลายหน่อย?”หลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้า: “ไม่เป็นไร ฉันยังมีธุระ และต้องกลับไปก่อนแล้ว”“วันหลังฉันจะเป็นคนเลี้ยงเอง”กู้เฉินก็ไม่ได้ร้องขออะไรออกไปอีก เขาก็รู้ว่ามันยังไม่ใช่เวลา……ช่วงหัวค่ำ ภายในบริเวณวิลล่าของอ่าวเจียงโจวเหยาปินรีบไปที่วิลล่าพอถึงห้องรับแขก ก็ได้พบกับโอวหยางชิ่งในตอนที่เจอโอวหยางชิ่ง เหยาปินก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าข้างหนึ่งทันที : “เหยาปินศิษย์ของสำนักเสินฉือยินดีที่ได้พบคุณหนู” “ลุกขึ้นเถอะ หน้าของคุณเป็นอะไรไป?” โอวหยางชิ่งวางตัวสูงส่งได้เห็นถึงใบหน้าที่โดนทำร้ายของเหยาปิน เธอก็ประหลาดใจมากเหยาปินไม่กล้าที่จะปิดบัง ทำได้แค่พูดอย่างซื
ได้ยินเสียงนี้ ทุกคนในคฤหาสน์ตกใจกันหมดยังไม่รอให้คนในบ้านตอบสนอง ประตูคฤหาสน์สุดหรูแตกเป็นเสี่ยง ๆ และกระเด็นออกไป กระแทกด้านหน้าของคนที่นั่งอยู่บนโซฟารอยเท้าที่ประทับนั้นสะดุดตามากประตูที่ชายฉกรรจ์หลายคนไม่สามารถเปิดได้กลายแตกละเอียดไปหมดแล้ว โอวหยางชิ่งแสดงสีหน้าที่สงสัยเหยาปินที่อยู่ข้าง ๆ เห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงถอยออกไปตั้งนานแล้ว และในใจก็เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมา“สามหาว! ใครกันที่กล้าเข้ามาบุกคฤหาสน์ของตระกูลเซี่ยง?!”กลุ่มคนที่สวมชุดสูท บอดี้การ์ดที่ถืออาวุธวิ่งขึ้นมาทันที มีมากกว่าสามสิบคน"ถอยไป!"เมื่อเห็นบอดี้การ์ดเหล่านี้จะเริ่มลงมือ โอวหยางชิ่งพูดด้วยความเย็นชาว่า หยุดยั้งกลุ่มขยะเหล่านี้ไม่ให้โจมตีหลินเฟิงนี่ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้หลินเฟิงตายเพียงแต่ว่าขยะกลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะสร้างความอันตรายต่อหลินเฟิงได้ กลับจะเสียเวลาเปล่า“หึหึหึ……”ราวกับว่าไม่ได้เห็นถึงความโกรธเคืองของหลินเฟิง โอวหยางชิ่งยิ้มเบา ๆ และลุกขึ้น จากนั้นกอดอกยิ้มอย่างเย็นชา: “ฉันคิดว่าคุณจะหนีออกจากเจียงโจวไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าที่จะกลับมา”“แค่พวกคุณเนี่ยนะ? ยังคิดจะไล่ผมออกจากเจียง
หลินเฟิงก้าวเท้าไปไม่เปลี่ยน รังสีอาฆาตก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ลุงซื่อ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ต้องรบกวนให้คุณแสดงฝีมือแล้ว จัดการหมอนี่ที่อวดดีให้ดี ๆ”สีหน้าของโอวหยางชิ่งเปลี่ยนเป็นเคารพนับถือ และโค้งคำนับเล็กน้อย“ลุงซื่อ?”ไม่รอที่จะให้หลินเฟิงนั้นโต้ตอบอะไร จู่ ๆ ก็มีลมพัดกระหน่ำเข้ามาด้านหลังศีรษะของเขา เสมือนว่ามีนกร้อยตัวร้องเรียก การโจมตียังไม่เริ่มต้นขึ้น เสียงดังเข้าหูทําให้หลินเฟิงหงุดหงิดพักหนึ่ง“ผู้อ่อนอาวุโส นายอวดดีซะจริง ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสั่งสอนซะหน่อยแล้ว จะได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!”ชายชราที่มีเสียงแหลมโผล่ออกมาจากเงามืดที่อยู่เบื้องหลังหลินเฟิง เขามีความชำนาญในการขยับนิ้วเหมือนสายฟ้า กระทบที่คอด้านหลังหลินเฟิงตรง ๆ“เหอ ฉวยโอกาสลอบทำร้ายในตอนที่กล่าวคำสั่งสอนอีก นี่คือวิธีการของสำนักเสินฉืองั้นเหรอ?!”หลินเฟิงนั้นรู้สึกถึงออร่าที่อยู่ข้างหลังเขามาอยู่มาก่อนแล้ว แต่เขาไม่คิดว่าลมปราณนี้จะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้กล่าวอีกนัยหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะไร้ยางอายเช่นนี้ปากเรียกเขาว่าผู้อ่อนอาวุโส คิไม่ถึงว่าจะลอบตีใช้กลยุทธ์ที่น่ารังเกียจเช่นนี้“หยวน
เห็นแค่เพียงว่าหลินเฟิงใช้พลังเพียงนิ้วเดียว ผู้อาวุโสตอบสนองไม่ทัน ก็ถูกหลินเฟิงใช้นิ้วกดไปยังจุดฝังเข็มที่หน้าผากทันใดนั้น ความโกรธที่แท้จริงระเบิด ชี่แท้ที่เหมือนลมพายุทะลุเข้าไปในจุดฝังเข็มตรงหน้าผากบนร่างกายที่อ่อนแอของผู้อาวุโสเพียงแค่นิ้วเดียว ชายชรารู้สึกราวกับว่าสมองของเขาถูกปั่นด้วยแท่งเหล็กเพียงแค่หายใจสองครั้ง แล้วมันก็กลายเป็นสารละลาย“นิ้วชิงเหลียน…..แก……แกมันจะเป็นไปได้อย่างไ……เป็นไปได้อย่างไร……”เมื่อชายชรากําลังจะตาย ก็คว้าแขนเสื้อของหลินเฟิงเอาไว้ดวงตาถึงกับกลอกตาขาวเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ทําไมหลินเฟิงถึงใช้นิ้วของสำนักเสินฉือของพวกเขาได้แต่ชายชราก็ได้ตายไป สุดท้ายเขาก็ยังไม่เต็มใจจะปล่อยมือออก ล้มลงกับพื้นอย่างปวกเปียก ไม่มีลมหายใจใด ๆเพียงแค่สองท่า!ภายใต้สองกระบวนท่า ผู้ที่มีฝีมือหนึ่งท่านที่มาจากสำนักเสินฉือได้ตายด้วยน้ำมือของหลินเฟิง“ลุงซื่อ!”เห็นว่าชายชราเสียชีวิต โอวหยางชิ่งก็ไม่ได้มีความมั่นใจที่สูงเหมือนเมื่อกี้ เธอปากสั่น ชี้นิ้วไปที่หลินเฟิงและกรีดร้อง:“หลินเฟิง! แกตายแน่!”“แกรู้ไหมว่า?! แกต้องตายแน่ ๆ !”“ลุงซื่อเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ
“เข้า...เข้า...เข้า…”บอดี้การ์ดหัวล้านคนนี้พูดติดอ่างเช่นกันแค่เมื่อเขาพูดคำว่า "เข้าไป" ใบอดี้การ์ดที่อยู่รอบ ๆ ก็เอาชนะความกลัวไปได้ ยกอาวุธขึ้นและรีบวิ่งไปข้างหน้า“เข้า...เข้า...เข้า…”บอดี้การ์ดหัวล้านมองดูเพื่อน ๆ ที่อยู่รอบตัวที่รีบวิ่งไปข้างหน้า นเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว“เข้า...เข้ากับผีสิ! รีบหนีสิวะ!”ในที่สุด บอดี้การ์ดหัวล้านก็ตะโกนออกมาเต็มคำ แต่ว่าสถานการณ์มันวุ่นวายเป็นอย่างมาก แทบจะไม่มีใครที่จะสามารถฟังเสียงผู้นำของตัวเองได้อย่างชัดเจนแล้ว"เอือก!"บอดี้การ์ดที่วิ่งไปข้างหน้าได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาเดิมทีหลินเฟิงต้องการที่จะตวาดจนบอดี้การ์ดพวกนี้ถอยไป แต่เห็นว่าพวกเขาเรียกร้องความตายถึงขนาดนี้ ก็ทำหน้าเย็นชาลง“ในเมื่ออยากที่จะตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนายเอง”หลินเฟิงกระจายพลังออกไป จัดการกับพวกบอดี้การ์ดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องแสดงถึงความแข็งแกร่งเท่าไหร่นักมีดยาวที่สว่างไสวฟันมาที่หลินเฟิงหลินเฟิงขยับร่างกายหลบไป เอามือบดขยี้ฝ่ามือของบอดี้การ์ดคนนั้น นี่เป็นเสียงต้นเหตุที่พวกหัวล้านได้ยินเสียงออกมาอย่างทุกข์ทรมานจากนั้นเขาก็ดึงมีดยาวออกมา ไม่สนว่าด้า