ต่อมาแม้แต่หลิวกั๋วฮุยผู้ว่าการเจียงโจวก็โทรมาสอบถามเรื่องนี้ด้วยตนเองเหยาปินก็ประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าเส้นสายของหลินเฟิงจะกว้างขวางขนาดนี้คนใหญ่คนโตมากมายในเจียงโจวขอความเมตตาให้เขาหากเป็นกรณีปกติ เหยาปินอาจจะปล่อยหลินเฟิงไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีทางตัวเองเป็นคนของสำนักสำนักเสินฉือ สำนักเสินฉือมีความลำบาก เขาก็จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือไม่งั้นตัวเองอาจจะผิดใจกับสำนัก และตายอย่างน่าสังเวชยิ่งกว่าหลินเฟิงยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า: “ถ้าคุณปล่อยผมตอนนี้ เรื่องวันนี้ ผมก็จะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”“รอให้สำนักเสวียนเทียนรุ่งโรจน์ ผมจะเหลือตำแหน่งให้คุณ”“ล้อเล่นอะไรกัน ฉันไม่ใช่คนเนรคุณคน วันนี้ต่อให้พญายมมาขอความเมตตาจากฉันมันก็ไม่ช่วยอะไร”พูดจบ เหยาปินก็เริ่มที่จะลงมือ“ปัง” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูต่อให้เป็นภายในห้องลับพที่ปิดสนิท ทั้งคู่ก็ได้ยินอย่างชัดเจนเหยาปินขมวดคิ้ว อยากจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเพิ่งจะออกประตูไป ก็ได้เห็นลูกน้องวิ่งพรวดเข้ามา“พี่ใหญ่ ท่าไม่ดีแล้ว ข้างนอกมีคนกลุ่มใหญ่มา”เหยาปินไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย: “ใครกันที่มีความกล้าขนาดนี้ กล้าบุกเข้ามาเข
“คุณชายหลิน จะจัดการอย่างไรกับผู้ชายคนนี้ครับ?” เสิ่นหานหันกลับไปมองที่เหยาปินพอได้ยินเช่นนี้ เหยาปินก็กลืนน้ำลาย เมื่อกี้ผู้ชายคนนี้แค่ต่อยเขาก็กองลงกับพื้นแล้วถ้าหากว่าได้ลงมือทำจริง ๆ เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะไปไม่ถึงหนึ่งยกด้วยซ้ำภายในใจมีความกลัวเล็กน้อย แต่ก็ได้แต่รอคําสั่งจากหลินเฟิงอย่างเงียบ ๆหลินเฟิงเหลือบมองไปที่เหยาปิน กล่าวด้วยความเย็นชาว่า: “ช่างเถอะ ไม่ต้องไปหาเรื่องลำบากเขาแล้ว”“อืม หือ?” เสิ่นหานตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินคําพูดนี้นี่มันไม่ตรงกับนิสัยของหลินเฟิงเลยคนที่มีหัวใจนักฆ่าอย่างหลินเฟิง โดยพื้นฐานแล้วหลินเฟิงจะไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปด้วยซ้ำเหยาปินคนนี้กําลังจะฆ่าเขา เขากล้าไม่ติดใจเอาความ?“คุณชายหลิน จะปล่อยเขาไปจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?” เสิ่นหานถามด้วยสีหน้างงงวยหลินเฟิงหันหน้ากลับไปทางเขา: “ทำไม? คุณไม่พอใจกับวิธีการของผมเหรอ?”“ไม่ ไม่ ไม่……คุณชายหลินใจกว้างเหมือนมหาสมุทร แน่นอนว่าไม่มีความคิดเห็นอะไร” เสิ่นหานโบกมือก้มหน้าลงและพูดเหยาปินที่อยู่ข้าง ๆ มองอย่างตกตะลึง ทำไมหมอนี่ถึงเคารพหลินเฟิงขนาดนี้?หลินเฟิงไม่สนใจเสิ่นหาน และเดินตรงออกจากห้
“อุ๊ย คุณท่าน คุณพูดเรื่องอะไรอยู่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีที่ไหนกันที่จะไม่สามารถช่วยได้ มีเรื่องอะไรก็สามารถบอกมาได้เลย”“โจวอวี้เฟิ่งคนนี้ถ้าเรื่องไหนช่วยได้ ต้องช่วยแน่นอนอยู่แล้ว”หลี่ไห่ซานพอได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มอย่างพอใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า: “อดีตสามีของฮุ่ยหรานกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เขาถูกคนจับตัวไป ผมหวังว่าคุณจะสามารถใช้กองกำลังของเจียงหนาน ช่วยเหลือคนคนนี้ให้ผม” โจวอวี้เฟิ่งขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นก็มองดูหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆไม่ต้องคิดก็รู้ว่า มันต้องเป็นยัยเด็กคนนี้แน่ ๆ ที่ขอให้คุณท่านคนนี้ออกมาวิ่งเต้นเองหลังจากครุ่นคิดอยู่นานก็พูดว่า: “คุณท่าน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ แต่หลินเฟิงนี้กระทำผิดต่อกฎหมาย คุณจะให้ฉันทำอย่างไรคะ”คุณท่านรีบขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว: “หลินเฟิงเป็นคนที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี เขาต้องถูกยัดเยียดข้อหาแน่ ๆ คุณช่วยเขาออกมาก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็ค่อยตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆ ก็คุกเข่าลงดังโครมต่อหน้าโจวอวี้เฟิ่ง และอ้อนวอนขอร้องอย่างทุกข์ใจ: “คุณอาสะใภ้ ขอร้องนพคพ ได้โปรดช่วยหลินเฟิงด้ว
หลี่ฮุ่ยหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า: “คุณชายกู้ เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะรีบร้อน คุณสามารถที่จะจัดการปัญหาให้โดยเร็วได้ไหม? ”ในเมื่อหลินเฟิงก็ถูกจับตัวไปแล้ว ชักช้าหนึ่งนาทีก็เกรงว่าจะมีอันตรายมากขึ้น“เรื่องนี้เร่งรัดไม่ได้ ทุกอย่างก็ต้องมีการดำเนินการไม่ใช่เหรอ” กู้เฉินพูดด้วยความจริงจังหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินแบบนี้ ก็เข้าใจในทันทีว่า กู้เฉินกำลังให้คำชี้แนะเธออยู่หรือเปล่านะ?แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็รู้สึกห่างไกลเล็กน้อยในเมื่อมาหาเขาให้ช่วยทำธุระ งั้นก็ต้องมีการจ่ายเงินอยู่แล้ว“ได้ ถ้างั้นพวกเราจะเจอกันที่ไหน?” หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามกลับไปกู้เฉินได้ส่งที่อยู่มาพอหลังจากหลี่ฮุ่ยหรานได้รับที่อยู่ ก็ออกเดินทางโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยและยังไม่ลืมที่จะให้เลขาโอนเงินทั้งหมดของหลี่กรุ๊ปเข้าบัตรตัวเองไว้ทั้งหมด……หน้าประตูโรงแรมหวาฝู่หลี่ฮุ่ยหรานจอดรถไว้ที่ประตู และเข้าประตูไปเห็นแค่โต๊ะริมหน้าต่างข้างในมีชายสวมชุดสูทและรองเท้าหนังนั่งอยู่ชุดสูทสง่าหล่อเหลาไม่ธรรมดาหลี่ฮุ่ยหรานดูอย่างละเอียด คนนี้กับกู
ในใจเธอรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ไม่คิดว่า ในเวลาแบบนี้ยังมีคนที่คิดถึงมิตรภาพในวัยเด็กอีก“คุณชายกู้ ขอบคุณนะคะ……”กู้เฉินถามด้วยความประหลาดใจ : “ใช่แล้วฮุ่ยหราน หลินเฟิงคนนี้เป็นอะไรกับคุณเหรอครับ?”หลี่ฮุ่ยหรานพูดว่า: “หลินเฟิงเป็นอดีตสามีของฉัน”กู้เฉินพอได้ยินแบบนี้ก็เข้าใจได้ในทันที: “ผมได้ยินมาบ้างเรื่องการแต่งงานของคุณ เพียงแต่ว่าในเวลานั้นอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถที่จะไปงานแต่งของคุณได้ น่าเสียดายจริง ๆ ”“แต่ผมได้ยินมาว่าสามีเก่าของคุณไม่ดีนัก กินฟรีอยู่ฟรีที่มาบ้านคุณมาตลอดสามปี แม้แต่งานการก็ไม่มีทำ”“คนแบบนี้ คุณจะช่วยเขาไปเพื่ออะไรกัน?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้ว่าจะอธิบายไปว่าอย่างไรดีแต่ทันทีที่ยกเรื่องของหลินเฟิงขึ้นมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข: “แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่มีความสามารถก็ตาม แต่ตอนที่ฉันได้อยู่กับเขาฉันก็มีความสุขมาก”“แต่ตอนแรกก็มีความสับสนอยู่บ้าง จึงหย่ากับเขาไป ฉันเองก็รู้สึกว่าเสียใจภายหลังอยู่มาก”“หลินเฟิงทั้งดีกับฉันมาก ดังนั้นฉันจึงหวังว่าคุณกู้จะช่วยเหลือได้ ต้องช่วยหลินเฟิงให้ได้ เขาต้องถูกคนอื่นยัดเยียดข้อหาแน่ ๆ ”กู้เฉินพ
หลินเฟิงมีสีหน้าที่ผิดปกติไป เสิ่นหานได้มีการเหลือบมองไปที่ปลายสายตาของหลินเฟิงเห็นเพียงแค่ว่าหลี่ฮุ่ยหรานกับผู้ชายแปลกหน้ากำลังทานข้าวกันอยู่ แถมยังมีการพูดคุยและหัวเราะกันอีกถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยพบหลี่ฮุ่ยหรานมาก่อน แต่ก็รู้ว่าเป็นอดีตภรรยาของหลินเฟิงเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เขาจึงได้มีการทุ่มเทไปไม่น้อยตอนนี้หลินเฟิงได้เห็นว่ากำลังนั่งทานข้าวกับผู้ชายอื่นอยู่ ถ้าสีหน้าของหลินเฟิงดีได้ก็แปลกแล้วเสิ่นหานก็รีบพูดไปว่า: “คุณหลิน ไม่อย่างนั้นเราเปลี่ยนเป็นที่อื่นกันไหมครับ?”สีหน้าหลินเฟิงกลับมาเป็นปกติในทันที: “ไม่ล่ะ ผมกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว ก็แค่คนธรรมดาทั่วไปก็เท่านั้นแหละ”ภายในใจของเสิ่นหานนั้นไม่เชื่อ ถ้าหากว่าไม่ได้สนใจจริง ๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่หลินเฟิงจะผิดใจตระกูลเฉินและตระกูลเซี่ยง?แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดประโยคนี้ออกมาทั้งสองเดินเข้าไปภายในโรงแรม นั่งลงที่โต๊ะอาหารและสั่งอาหารที่ง่าย ๆ มาไม่นานก็ทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลับไป เสิ่นหานตะโกนเรียกเสียงดังว่า: “เถ้าแก่เก็บเงิน”หลี่ฮุ่ยหรานก็ถูกเสียงนี้ ดึงดูดความสนใจไว้ เมื่อหันหน้ากลับ
หลินเฟิงก็ขึ้นรถไปเลย เสิ่นหานไม่กล้าที่จะชักช้า เลยรีบที่จะตามไปหลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่ข้างถนนและดูหลังรถที่จากไป ในใจผิดหวังกับหลินเฟิงอย่างมากกู้เฉินเดินออกมาในเวลานี้ มองตาที่แดงก่ำของหลี่ฮุ่ยหรานแล้วพูดว่า: “ฮุ่ยหราน ไม่คิดว่าสามีเก่าของคุณจะเป็นคนแบบนี้”“ขอโทษค่ะ ทำให้คุณได้เห็นเรื่องที่ตลกแล้ว”กู้เฉินยิ้มเบา ๆ : “ไม่เป็นไร เรื่องนี้คุณไม่ผิด และผมช่วยคุณ ไม่ได้ช่วยเขา”“ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราไปดื่มสักสองแก้ว ผ่อนคลายหน่อย?”หลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้า: “ไม่เป็นไร ฉันยังมีธุระ และต้องกลับไปก่อนแล้ว”“วันหลังฉันจะเป็นคนเลี้ยงเอง”กู้เฉินก็ไม่ได้ร้องขออะไรออกไปอีก เขาก็รู้ว่ามันยังไม่ใช่เวลา……ช่วงหัวค่ำ ภายในบริเวณวิลล่าของอ่าวเจียงโจวเหยาปินรีบไปที่วิลล่าพอถึงห้องรับแขก ก็ได้พบกับโอวหยางชิ่งในตอนที่เจอโอวหยางชิ่ง เหยาปินก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าข้างหนึ่งทันที : “เหยาปินศิษย์ของสำนักเสินฉือยินดีที่ได้พบคุณหนู” “ลุกขึ้นเถอะ หน้าของคุณเป็นอะไรไป?” โอวหยางชิ่งวางตัวสูงส่งได้เห็นถึงใบหน้าที่โดนทำร้ายของเหยาปิน เธอก็ประหลาดใจมากเหยาปินไม่กล้าที่จะปิดบัง ทำได้แค่พูดอย่างซื
ได้ยินเสียงนี้ ทุกคนในคฤหาสน์ตกใจกันหมดยังไม่รอให้คนในบ้านตอบสนอง ประตูคฤหาสน์สุดหรูแตกเป็นเสี่ยง ๆ และกระเด็นออกไป กระแทกด้านหน้าของคนที่นั่งอยู่บนโซฟารอยเท้าที่ประทับนั้นสะดุดตามากประตูที่ชายฉกรรจ์หลายคนไม่สามารถเปิดได้กลายแตกละเอียดไปหมดแล้ว โอวหยางชิ่งแสดงสีหน้าที่สงสัยเหยาปินที่อยู่ข้าง ๆ เห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงถอยออกไปตั้งนานแล้ว และในใจก็เกิดลางสังหรณ์ขึ้นมา“สามหาว! ใครกันที่กล้าเข้ามาบุกคฤหาสน์ของตระกูลเซี่ยง?!”กลุ่มคนที่สวมชุดสูท บอดี้การ์ดที่ถืออาวุธวิ่งขึ้นมาทันที มีมากกว่าสามสิบคน"ถอยไป!"เมื่อเห็นบอดี้การ์ดเหล่านี้จะเริ่มลงมือ โอวหยางชิ่งพูดด้วยความเย็นชาว่า หยุดยั้งกลุ่มขยะเหล่านี้ไม่ให้โจมตีหลินเฟิงนี่ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้หลินเฟิงตายเพียงแต่ว่าขยะกลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะสร้างความอันตรายต่อหลินเฟิงได้ กลับจะเสียเวลาเปล่า“หึหึหึ……”ราวกับว่าไม่ได้เห็นถึงความโกรธเคืองของหลินเฟิง โอวหยางชิ่งยิ้มเบา ๆ และลุกขึ้น จากนั้นกอดอกยิ้มอย่างเย็นชา: “ฉันคิดว่าคุณจะหนีออกจากเจียงโจวไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าที่จะกลับมา”“แค่พวกคุณเนี่ยนะ? ยังคิดจะไล่ผมออกจากเจียง
“เธอเพิ่งเข้าสู่สังคม คงไม่เข้าใจกฎระเบียบภายในโรงพยาบาลใช่ไหม?”“ลองถามพี่เขยผมดูสิ เขาได้ค่าคอมมิชชั่นจากเครื่องจักรแต่ละเครื่องหลายแสนถึงหลายล้าน เธอเป็นแค่แพทย์ จะได้เงินเท่าไหร่?”“มาอยู่กับผม ผมจะแนะนำเธอให้กับพี่เขยผม แค่ทำอะไรไปนิดหน่อยก็พอจะซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูได้แล้ว”คำพูดของตู้จิ่นเชาทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเข้าใจ“มิน่าล่ะ จำนวนและราคาของเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ของแผนกผู้ป่วยในไม่ตรงกัน...”หลินเสวี่ยฮุ่ยพึมพำถ้าผู้จัดการฉีอยู่ที่นี่ ได้ยินคำพูดของหลานชายเล่าเรื่องของเขาออกมาอย่างละเอียดเขาก็จะโกรธจนตบตู้จิ่นเชาอย่างแน่นอนน่าอนาถจริงๆ!“ขอบคุณสำหรับข้อมูล”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้ก้มหัว แต่ชี้ไปที่ตู้จิ่นเชาแล้วพูดว่า“ฉันเตือนคุณครั้งที่สอง ปล่อยคนไข้ไป ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลแล้วนะ!”“หือ?”เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ตู้จิ่นเชาก็เริ่มไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วตะโกนว่า“สาวน้อย ผมคือคุณชายตู้ ไปถามคนอื่นดูสิ ผมเป็นคนสำคัญในเมืองเจิ้งเต๋อ เธอเป็นใครกัน?”“ให้เกียรติเธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหรือไง?”“วันนี้ผม
“แต่การกระทำแบบนี้ของคุณ ก็คือการขอตาย”ตู้จิ่นเชาหัวเราะเยาะ หมุนข้อเท้าไปมา เสียงร้องของพ่อหวังลี่ลี่ก็ยิ่งเจ็บปวดหนักขึ้นแต่ชายชราคนนี้ก็เข้มแข็งมากถึงแม้จะเหงื่อท่วมหน้า ร้องโอดโอย ก็ไม่ขอความเมตตาแม้แต่คำเดียว“พอได้แล้ว!”เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอผลักประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วยพิเศษ ยืนนิ่งอยู่กับที่ หน้าซีดเผือด ตะโกนด้วยความโกรธ“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่?”“โรงพยาบาลเป็นที่ที่พวกคุณจะทำร้ายผู้คนหรือไง?”ตกใจกับเสียงประตูที่เปิดออกอย่างไม่คาดคิด เมื่อตู้จิ่นเชากลับมารู้สึกตัว เขาก็หันไปมอง แล้วก็ตาเป็นประกายหญิงสาวสวยหน้าเด็ก สวมเสื้อชั้นในสีดำ กางเกงขายาวแนบเนื้อ สวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดอยู่ด้านหลังริมฝีปากสีแดงสด ดวงตาสดใส คิ้วขมวดเล็กน้อย ยิ่งเพิ่มความสว่างไสวและความยุติธรรม“โอ้?”เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาแทบจะน้ำลายไหลถึงแม้หลินเสวี่ยฮุ่ยจะไม่สวยราวกับนางฟ้าอย่างหลี่ฮุ่ยหราน แต่เธอก็เป็นดาวมหาวิทยาลัยเจียงโจวเป็นคนที่เห็นแล้วจะลืมไม่ลงตู้จิ่นเชาที่หื่นมาก เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ก็ลืมหวังลี่ลี่ไปเลย“คุณมองฉันทำไม?
“หวังลี่ลี่ ถ้าคุณไม่มาเจอผมที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อภายในครึ่งชั่วโมง พ่อของคุณจะถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อทันที”“คุณตัดสินใจเองเถอะ!”“ตู้ด...ตู้ด...ตู้ด...”ตู้จิ่นเชาตัดสายไป หวังลี่ลี่รู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัวถ้าเธอไม่ไปจริงๆตู้จิ่นเชาอาจจะทำแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ขณะที่หวังลี่ลี่รีบไปโรงพยาบาล หลินเฟิงก็เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการพอดีวันนี้เขาไปดูงานของหลินเสวี่ยฮุ่ยและอธิบายกรณีพิเศษและโรคที่ยากจะรักษาให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยและหมอเทวดาเลี่ยวที่เฝ้าดูอยู่ที่นี่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หมอเทวดาเลี่ยวได้เรียนรู้มากมายเขาประทับใจอย่างมากที่ได้อาจารย์ที่ดีแบบนี้ถึงแม้จะยังหนุ่ม แต่ทั้งประสบการณ์ ความรู้ และทักษะ ก็เหนือกว่าเขาในที่สุดเขาก็เริ่มอายที่จะถามหลินเฟิงว่า อายุมากขนาดนี้ยังสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อีกหรือไม่เพราะว่าวิชาการแพทย์ชั้นสูงหลายอย่างจำเป็นต้องใช้ร่วมชี่แท้กับพลังภายในหลินเฟิงมองเขา แล้วส่ายหัวอายุมากขนาดนี้ แค่ชกหมัดเดียวก็อาจจะปวดเอวได้ ให้หมอเทวดาเลี่ยวฝึกศิลปะการต่อสู้ นั่นไม่ใช่การทำร้ายเขาหรือ?เมื่อเห็นท่าทางของ
“พ่อค่ะ”หวังลี่ลี่ชะงักไป แล้วก้มหน้าถอนหายใจพูดว่า:“หนูกับหลินเฟิงไม่ใช่คนโลกเดียวกันค่ะ หนูเป็นแค่พนักงานขายรถ แต่เขาเป็นผู้มีพระคุณของคุณเผิงกวงฉี่ และเป็นนักสู้ด้วย”“หนูไม่คู่ควรกับเขาหรอกค่ะ”“ฮ่าๆ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราก็หัวเราะ“พวกเธอบังเอิญเจอกันถึงสองครั้ง นี่ไม่ใช่สัญญาณของโชคชะตาหรือ?”“ถ้ามีโชคชะตา ก็จงพยายามดู”“ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน”เมื่อได้ยินคำสั่งสอนของพ่อ หวังลี่ลี่จึงพยักหน้า“หนูรู้แล้วค่ะ”จากนั้น หวังลี่ลี่มองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดกับพ่อว่า:“พ่อค่ะ หนูต้องไปทำงานแล้วค่ะ บ่ายนี้หนูต้องไปที่บ้านคุณหลินเพื่อจัดการเรื่องซื้อรถให้เสร็จ”“ดีๆๆ ไปได้แล้ว”ชายชรายิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดว่า“อย่าลืมคำสั่งสอนของพ่อเมื่อกี้นะ”“หนูรู้แล้วค่ะ”หวังลี่ลี่รู้สึกขำกลั้นไม่อยู่ เมื่อเดินออกจากห้องพัก เธอดูที่อยู่จากกระเป๋าเอกสาร ใบหน้าแสดงถึงความผิดหวังเธอเองก็อยากจะเข้าใกล้หลินเฟิงแต่ความเป็นจริงโหดร้ายเกินไป เธอไม่คู่ควรกับเขาหลังจากที่สืบหาข้อมูลมาหลายทางเธอรู้มาว่ารอบๆ ตัวหลินเฟิงมีทั้งประธานหลี่ซื่อกรุ๊ปและคุณหนูตระกูลถังเธอไม่มีโอกาสเลยสัก
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่
“ได้ครับ”หลินเฟิงพยักหน้าประมาณห้านาทีต่อมา หวังลี่ลี่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกุญแจรถ“คุณหลินคะ ตอนนี้คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะไปจัดการที่บ้านคุณค่ะ”ท่าทางของหวังลี่ลี่นอบน้อมอย่างมากเธอเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการของเผิงกวงกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อ ผู้อำนวยการก็รีบร้อนไปขออนุญาตจากเผิงกวงฉี่ราวกับไฟไหม้ก้นคำตอบที่ผู้อำนวยการได้รับจากเผิงกวงฉี่มีเพียงประโยคเดียว“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่”ผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจากเผิงกวงฉี่จึงไม่กล้าประมาท รีบเร่งทำให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายที่สุดโดยให้หวังลี่ลี่ส่งกุญแจรถให้หลินเฟิงโดยตรงความเร็วและท่าทีเช่นนี้ทำให้หวังลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอบคุณครับ”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถบูกัตติ เวียร์รอนคันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาคันนี้เมื่อเครื่องยนต์ 16 สูบถูกสตาร์ท บรรยากาศในล็อบบี้ทั้งหมดก็ถูกกดทับลงทันทีรถยนต์ต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณที่รอเมื่อเทียบกับบูกัตติ เวียร์รอนสีดำแดงคันนี้แล้ว ก็ดูด้อยกว่าไปในทันทีราวกับมังกรสีดำแดงตัวใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของบุคคลผู้นี้ในเผิงกวงกรุ๊ปได้ อำนาจของเขายิ่งใหญ่อย่างมาก“ที่...ที่แท้...ที่แท้คือ...คุณหลิน”หลินเฟิงคือเจ้าของบัตรทองใบนี้เท่านั้นทั้งเผิงกวงกรุ๊ป บัตรทองนี้เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ตอนที่เผิงกวงฉี่ได้มอบให้แก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้เรื่องนี้ภายในเผิงกวงกรุ๊ปต่างก็รับรู้กันดีแต่ผู้จัดการเสิ่นยังไม่ทันได้สืบหาข้อมูลของหลินเฟิง จึงไม่รู้จักหลินเฟิงด้วยซ้ำแต่เมื่อได้เห็นบัตรใบนี้ในวันนี้ เขาก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายตรงหน้าที่เขาเคยมองว่าเป็น “เป็นคนที่ตามจีบหวังลี่ลี่แบบไร้ศักดิ์ศรี” นั้นกลับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่ไว้หลินเฟิง ผู้ถือบัตรทองเพียงหนึ่งเดียวของเผิงกวงกรุ๊ป !ผู้จัดการเสิ่นตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้นทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยจึงพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้ความพยายามอย่างมากมาย จึงดึงบัตรทองออกจากผนังได้ และส่งคืนให้หลินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา“คุณหลินครับ ผม...ผมหลงเชื่อคำนินทา จึงดูถูกคน ผมมัน...ผมสมควรตาย”ผู้จัดการเสิ่นคุกเข่าลงที่หน้าหลินเฟิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวส่วนหลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก
“ที่แท้....ที่แท้ก็เป็นคุณนั่นเอง!”“ฉัน...ฉันจำได้แล้ว ฉัน...ฉันดูถูกคนอื่น โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”ในขณะนี้เอง ที่สุดท้าแล้วยคุณชายตู้ก็เข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงเขาควรที่จะไปล่วงเกินคนที่สามารถประลองกับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้งั้นเหรอ?ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง ตุบ ต่อหน้าคนทั้งหมด และก้มหน้าให้หลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องและร้องไห้เสียงดังลั่นเขากลัวจริงๆนะ!เมื่อเทียบกับผู้จัดการเสิ่น ชายลึกลับผู้นี้ที่ว่ากันว่าสามารถฆ่านักบู๊ของตระกูลเฝิงได้มากกว่าสามสิบคนคนในลมหายใจเดียว!และเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ครอบครัวเฝิงก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกันน่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเฟิงอีกคุณชายตู้นึกถึงหลายๆ อย่างได้ในทันที ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาก่อนจะตกใจอย่างมาก แล้วรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาเมื่อเห็นคุณชายตู้คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา ผู้จัดการเสิ่นที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"แกมัน......"ผู้จัดการเสิ่นมองดูร่างของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า