ตอนนี้เธอไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับหลินเฟิงแล้วเวลานี้โจวอวี้เฟิ่งกอดอกแล้วพูดด้วยใบหน้าเยาะเย้ย: “ไอ้สกุลหลิน ตอนนี้ฉันให้โอกาสนาย คุกเข่าแล้วมาขอร้องฉันดี ๆ บางทีฉันอาจจะพิจารณาให้ใช้เส้นสายของตระกูลหลี่เพื่อช่วยนายก็ได้นะ”“ถ้าไม่อย่างนั้น นายก็อาจจะตายอย่างน่าเวทนาก็ได้นะ”หลินเฟิงมีสีหน้าดูถูดเหยียดหยาม “ผมจำเป็นต้องให้คุณช่วยด้วยเหรอ? ไม่ดูสารรูปตัวเองซะบ้าง”“แก...”โจวอวี้เฟิ่งโกรธมาก เดิมก็คิดว่าตอนนี้หลินเฟิงจะต้องคุกเข่าร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนตัวเองให้ช่วยเขาแน่ ๆคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชายคนนี้จะยังกล้าเยาะเย้ยตัวเองอีก“พูดมากขนาดนั้นทำไม? มากับพวกเราเร็ว ๆ” คนที่เป็นผู้นำพูดจบก็ควบคุมหลินเฟิงออกจากห้องผู้ป่วยหลินเฟิงก็ไม่ได้ต่อต้าน สถานที่นี้คือโรงพยาบาลและเขาก็ไม่ได้อยากต่อสู้ในสถานที่แบบนี้เช่นกันอีกทั้งเขาก็ต้องการที่จะดูว่าใครที่พุ่งเป้ามายังตัวเองมองดูหลินเฟิงถูกพาตัวไป หลี่ฮุ่ยหรานกระวนกระวายอย่างมากจากนั้นก็หันไปมองโจวอวี้เฟิ่งก่อนจะพูดว่า “อาสะใภ้ ขอร้องนะคะช่วยหลินเฟิงด้วยเถอะ ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะมีนิสัยดื้อรั้นนิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นคนดีมาก เขาต้องถูกใส่ความแ
หลินเฟิงสายตามองไปที่เหยาปินที่สีหน้าเย็นชา เขาเคยได้ยินถึงชายคนนี้มาบ้าง เป็นตำรวจที่เก่งกาจอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจวเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแรง และฝีมือโหดเหี้ยมใครก็ตามที่ถูกเขาเพ่งเล็งจะไม่สามารถหนีไปได้ แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนจากสำนักเสินฉือหลินเฟิงเอ่ยปากเตือนว่า: “คุณอยู่ที่เจียงโจวก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ทําไมต้องเป็นสุนัขของสำนักเสินฉือต่อไปล่ะ?”เหยาปินพอได้ยินเข้าก็หัวเราะ นึกว่าหลินเฟิงนั้นกลัวซะแล้ว ถึงได้พูดเสียดสีเขาจากนั้นเขาก็พูดอย่างเหยียดหยามว่า: “ไอ้หนุ่ม นายไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมฉัน ทำให้สำนักเสินฉือไม่พอใจ พูดได้เพียงว่าเป็นความโชคร้ายของนาย”“คนธรรมดาอย่างพวกนาย ไม่มีวันเข้าใจความน่ากลัวที่ซ่อนเร้นของโลกสำนักหรอก”“แต่นายวางใจได้ ผมจะพยายามทำไม่ให้คุณนั้นไม่รู้สึกเจ็บปวด และจะทำให้คุณโอวหยางนั้นพอใจ”หลินเฟิงหัวเราะออกมาว่า: “งั้นดูเหมือนว่า ผมจะต้องขอบคุณสิน่ะ?”“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”ในตอนนี้หลินเฟิงก็ได้พูดอีกว่า: “เรื่องความน่ากลัวที่ซ่อนเร้นของโลกสำนักนั้นผมเข้าใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินสำนักเสวียนเทียนมาบ้างไหม? ”เห
ต่อมาแม้แต่หลิวกั๋วฮุยผู้ว่าการเจียงโจวก็โทรมาสอบถามเรื่องนี้ด้วยตนเองเหยาปินก็ประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าเส้นสายของหลินเฟิงจะกว้างขวางขนาดนี้คนใหญ่คนโตมากมายในเจียงโจวขอความเมตตาให้เขาหากเป็นกรณีปกติ เหยาปินอาจจะปล่อยหลินเฟิงไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีทางตัวเองเป็นคนของสำนักสำนักเสินฉือ สำนักเสินฉือมีความลำบาก เขาก็จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือไม่งั้นตัวเองอาจจะผิดใจกับสำนัก และตายอย่างน่าสังเวชยิ่งกว่าหลินเฟิงยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า: “ถ้าคุณปล่อยผมตอนนี้ เรื่องวันนี้ ผมก็จะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”“รอให้สำนักเสวียนเทียนรุ่งโรจน์ ผมจะเหลือตำแหน่งให้คุณ”“ล้อเล่นอะไรกัน ฉันไม่ใช่คนเนรคุณคน วันนี้ต่อให้พญายมมาขอความเมตตาจากฉันมันก็ไม่ช่วยอะไร”พูดจบ เหยาปินก็เริ่มที่จะลงมือ“ปัง” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูต่อให้เป็นภายในห้องลับพที่ปิดสนิท ทั้งคู่ก็ได้ยินอย่างชัดเจนเหยาปินขมวดคิ้ว อยากจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเพิ่งจะออกประตูไป ก็ได้เห็นลูกน้องวิ่งพรวดเข้ามา“พี่ใหญ่ ท่าไม่ดีแล้ว ข้างนอกมีคนกลุ่มใหญ่มา”เหยาปินไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย: “ใครกันที่มีความกล้าขนาดนี้ กล้าบุกเข้ามาเข
“คุณชายหลิน จะจัดการอย่างไรกับผู้ชายคนนี้ครับ?” เสิ่นหานหันกลับไปมองที่เหยาปินพอได้ยินเช่นนี้ เหยาปินก็กลืนน้ำลาย เมื่อกี้ผู้ชายคนนี้แค่ต่อยเขาก็กองลงกับพื้นแล้วถ้าหากว่าได้ลงมือทำจริง ๆ เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะไปไม่ถึงหนึ่งยกด้วยซ้ำภายในใจมีความกลัวเล็กน้อย แต่ก็ได้แต่รอคําสั่งจากหลินเฟิงอย่างเงียบ ๆหลินเฟิงเหลือบมองไปที่เหยาปิน กล่าวด้วยความเย็นชาว่า: “ช่างเถอะ ไม่ต้องไปหาเรื่องลำบากเขาแล้ว”“อืม หือ?” เสิ่นหานตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินคําพูดนี้นี่มันไม่ตรงกับนิสัยของหลินเฟิงเลยคนที่มีหัวใจนักฆ่าอย่างหลินเฟิง โดยพื้นฐานแล้วหลินเฟิงจะไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปด้วยซ้ำเหยาปินคนนี้กําลังจะฆ่าเขา เขากล้าไม่ติดใจเอาความ?“คุณชายหลิน จะปล่อยเขาไปจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?” เสิ่นหานถามด้วยสีหน้างงงวยหลินเฟิงหันหน้ากลับไปทางเขา: “ทำไม? คุณไม่พอใจกับวิธีการของผมเหรอ?”“ไม่ ไม่ ไม่……คุณชายหลินใจกว้างเหมือนมหาสมุทร แน่นอนว่าไม่มีความคิดเห็นอะไร” เสิ่นหานโบกมือก้มหน้าลงและพูดเหยาปินที่อยู่ข้าง ๆ มองอย่างตกตะลึง ทำไมหมอนี่ถึงเคารพหลินเฟิงขนาดนี้?หลินเฟิงไม่สนใจเสิ่นหาน และเดินตรงออกจากห้
“อุ๊ย คุณท่าน คุณพูดเรื่องอะไรอยู่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีที่ไหนกันที่จะไม่สามารถช่วยได้ มีเรื่องอะไรก็สามารถบอกมาได้เลย”“โจวอวี้เฟิ่งคนนี้ถ้าเรื่องไหนช่วยได้ ต้องช่วยแน่นอนอยู่แล้ว”หลี่ไห่ซานพอได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มอย่างพอใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า: “อดีตสามีของฮุ่ยหรานกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เขาถูกคนจับตัวไป ผมหวังว่าคุณจะสามารถใช้กองกำลังของเจียงหนาน ช่วยเหลือคนคนนี้ให้ผม” โจวอวี้เฟิ่งขมวดคิ้วเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นก็มองดูหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆไม่ต้องคิดก็รู้ว่า มันต้องเป็นยัยเด็กคนนี้แน่ ๆ ที่ขอให้คุณท่านคนนี้ออกมาวิ่งเต้นเองหลังจากครุ่นคิดอยู่นานก็พูดว่า: “คุณท่าน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ แต่หลินเฟิงนี้กระทำผิดต่อกฎหมาย คุณจะให้ฉันทำอย่างไรคะ”คุณท่านรีบขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว: “หลินเฟิงเป็นคนที่ฉันรู้จักเป็นอย่างดี เขาต้องถูกยัดเยียดข้อหาแน่ ๆ คุณช่วยเขาออกมาก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็ค่อยตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆ ก็คุกเข่าลงดังโครมต่อหน้าโจวอวี้เฟิ่ง และอ้อนวอนขอร้องอย่างทุกข์ใจ: “คุณอาสะใภ้ ขอร้องนพคพ ได้โปรดช่วยหลินเฟิงด้ว
หลี่ฮุ่ยหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า: “คุณชายกู้ เรื่องนี้ค่อนข้างที่จะรีบร้อน คุณสามารถที่จะจัดการปัญหาให้โดยเร็วได้ไหม? ”ในเมื่อหลินเฟิงก็ถูกจับตัวไปแล้ว ชักช้าหนึ่งนาทีก็เกรงว่าจะมีอันตรายมากขึ้น“เรื่องนี้เร่งรัดไม่ได้ ทุกอย่างก็ต้องมีการดำเนินการไม่ใช่เหรอ” กู้เฉินพูดด้วยความจริงจังหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินแบบนี้ ก็เข้าใจในทันทีว่า กู้เฉินกำลังให้คำชี้แนะเธออยู่หรือเปล่านะ?แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็รู้สึกห่างไกลเล็กน้อยในเมื่อมาหาเขาให้ช่วยทำธุระ งั้นก็ต้องมีการจ่ายเงินอยู่แล้ว“ได้ ถ้างั้นพวกเราจะเจอกันที่ไหน?” หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามกลับไปกู้เฉินได้ส่งที่อยู่มาพอหลังจากหลี่ฮุ่ยหรานได้รับที่อยู่ ก็ออกเดินทางโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยและยังไม่ลืมที่จะให้เลขาโอนเงินทั้งหมดของหลี่กรุ๊ปเข้าบัตรตัวเองไว้ทั้งหมด……หน้าประตูโรงแรมหวาฝู่หลี่ฮุ่ยหรานจอดรถไว้ที่ประตู และเข้าประตูไปเห็นแค่โต๊ะริมหน้าต่างข้างในมีชายสวมชุดสูทและรองเท้าหนังนั่งอยู่ชุดสูทสง่าหล่อเหลาไม่ธรรมดาหลี่ฮุ่ยหรานดูอย่างละเอียด คนนี้กับกู
ในใจเธอรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ไม่คิดว่า ในเวลาแบบนี้ยังมีคนที่คิดถึงมิตรภาพในวัยเด็กอีก“คุณชายกู้ ขอบคุณนะคะ……”กู้เฉินถามด้วยความประหลาดใจ : “ใช่แล้วฮุ่ยหราน หลินเฟิงคนนี้เป็นอะไรกับคุณเหรอครับ?”หลี่ฮุ่ยหรานพูดว่า: “หลินเฟิงเป็นอดีตสามีของฉัน”กู้เฉินพอได้ยินแบบนี้ก็เข้าใจได้ในทันที: “ผมได้ยินมาบ้างเรื่องการแต่งงานของคุณ เพียงแต่ว่าในเวลานั้นอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถที่จะไปงานแต่งของคุณได้ น่าเสียดายจริง ๆ ”“แต่ผมได้ยินมาว่าสามีเก่าของคุณไม่ดีนัก กินฟรีอยู่ฟรีที่มาบ้านคุณมาตลอดสามปี แม้แต่งานการก็ไม่มีทำ”“คนแบบนี้ คุณจะช่วยเขาไปเพื่ออะไรกัน?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้ว่าจะอธิบายไปว่าอย่างไรดีแต่ทันทีที่ยกเรื่องของหลินเฟิงขึ้นมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข: “แม้ว่าหลินเฟิงจะไม่มีความสามารถก็ตาม แต่ตอนที่ฉันได้อยู่กับเขาฉันก็มีความสุขมาก”“แต่ตอนแรกก็มีความสับสนอยู่บ้าง จึงหย่ากับเขาไป ฉันเองก็รู้สึกว่าเสียใจภายหลังอยู่มาก”“หลินเฟิงทั้งดีกับฉันมาก ดังนั้นฉันจึงหวังว่าคุณกู้จะช่วยเหลือได้ ต้องช่วยหลินเฟิงให้ได้ เขาต้องถูกคนอื่นยัดเยียดข้อหาแน่ ๆ ”กู้เฉินพ
หลินเฟิงมีสีหน้าที่ผิดปกติไป เสิ่นหานได้มีการเหลือบมองไปที่ปลายสายตาของหลินเฟิงเห็นเพียงแค่ว่าหลี่ฮุ่ยหรานกับผู้ชายแปลกหน้ากำลังทานข้าวกันอยู่ แถมยังมีการพูดคุยและหัวเราะกันอีกถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยพบหลี่ฮุ่ยหรานมาก่อน แต่ก็รู้ว่าเป็นอดีตภรรยาของหลินเฟิงเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เขาจึงได้มีการทุ่มเทไปไม่น้อยตอนนี้หลินเฟิงได้เห็นว่ากำลังนั่งทานข้าวกับผู้ชายอื่นอยู่ ถ้าสีหน้าของหลินเฟิงดีได้ก็แปลกแล้วเสิ่นหานก็รีบพูดไปว่า: “คุณหลิน ไม่อย่างนั้นเราเปลี่ยนเป็นที่อื่นกันไหมครับ?”สีหน้าหลินเฟิงกลับมาเป็นปกติในทันที: “ไม่ล่ะ ผมกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว ก็แค่คนธรรมดาทั่วไปก็เท่านั้นแหละ”ภายในใจของเสิ่นหานนั้นไม่เชื่อ ถ้าหากว่าไม่ได้สนใจจริง ๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่หลินเฟิงจะผิดใจตระกูลเฉินและตระกูลเซี่ยง?แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดประโยคนี้ออกมาทั้งสองเดินเข้าไปภายในโรงแรม นั่งลงที่โต๊ะอาหารและสั่งอาหารที่ง่าย ๆ มาไม่นานก็ทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลับไป เสิ่นหานตะโกนเรียกเสียงดังว่า: “เถ้าแก่เก็บเงิน”หลี่ฮุ่ยหรานก็ถูกเสียงนี้ ดึงดูดความสนใจไว้ เมื่อหันหน้ากลับ