ตอนที่เขากำลังคิดว่าจะให้หลี่ฮุ่ยหรานเข้ามาดีไหมนั้นถังหว่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เข้ามาพูดใกล้ ๆว่า: “ที่แท้ก็เป็นภรรยาเก่าของคุณ ทำไมถึงไม่ให้เธอเข้ามาล่ะ?”พูดจบก็กดปุ่มเปิดประตูหลินเฟิงกรอกตา ถังหว่านคนนี้ช่างสร้างเรื่องได้เก่งจริง ๆหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่อ่าวเทียนสุ่ยขมวดคิ้วเป็นปม คาดไม่ถึงเลยว่าถังหว่านก็อยู่ในบ้านของหลินเฟิงด้วยการก้าวเท้าของเธอเร่งเร็วขึ้นอย่างอดไม่ได้เมื่อถึงบ้านของหลินเฟิงแล้วมองเห็นถังหว่าน สีหน้าของเธอก็อึมครึ้ม “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ด้วย?”ถังหว่านยิ้มตาหยีก่อนจะพูดว่า “หลินเฟิงเป็นลูกน้องของฉัน ฉันเป็นห่วงลูกน้องนิดหน่อยจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“แต่เป็นคุณต่างหาก มาทำอะไรที่นี่?”หลี่ฮุ่ยหรานเงยหน้าเชิดอกแล้วพูดว่า “ ฉันก็มาดูสามีเก่าของฉัน มีปัญหาอะไรไหม?”“หึหึ ในเมื่อคุณยังรู้ว่าเป็นสามีเก่า แล้วไม่รู้จักที่จะหลีกเลี่ยงเลยงั้นเหรอ?” ถังหว่านพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“ฉันต้องหลีกเลี่ยงอะไร? ถึงแม้ฉันกับหลินเฟิงจะหย่ากัน แต่ฉันกับเขาก็ยังไม่ได้แต่งงานใหม่”หลี่ฮุ่ยหรานพูดออกมาอย่างฉะฉาน “หรือคุณก็คือแฟนสาวของหลินเฟิง?”“ฉันเหรอ...ตอนนี้ยังไม่ใช่
หลินเฟิงพยักหน้าในเวลานี้เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ถังหว่านบอกเมื่อสักครู่เป็นความจริง“เมื่อสักครู่นี้ตอนที่แม่ของคุณโทรมาหาผม ผมได้นำโสมมังกรหัวกลั่นเป็นยาเม็ดแล้ว”ถึงแม้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะผิดหวังเล็กน้อยที่ได้ยิน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร โสมมังกรหัวไม่มีแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอายาเม็ดเปลี่ยนเป็นโสมมังกรหัวบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้ในเมื่อโสมมังกรหัวอันนี้ก็ไม่มีความหมายสำหรับเธอ และหลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่ได้ผิดหวังมากนัก“งั้น...งั้นก็ช่างมันเถอะ”หลินเฟิงมองไปที่หลี่ฮุ่ยหราน และครุ่นคิดอยู่นานแล้วพูดขึ้น “ไม่รู้ว่าญาติของครอบครัวคุณป่วยเป็นโรคอะไร ผมสามารถช่วยไปดูให้ได้”“นี่....ช่างมันเถอะ หมอเทวดาพวกนั้นในเจียงเป่ยต่างก็รักษาไม่หาย...”เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานพูดแบบนี้ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองนั้นพูดผิดและรีบเปลี่ยนคำพูด “ ความหมายของฉันก็คือ อาการป่วยของเธอร้ายแรง และหมอเทวดามากมายต่างก็พูดว่าจำเป็นต้องใช้โสมมังกรหัว”หลินเฟิงยิ้ม “ในตอนนั้นที่คุณปู่ป่วยหนักแทบจะไม่รอดก็เป็นผมที่รักษาหาย ็็็็นนนอย่างน้อยก็ต้องลองกันสักหน่อยไหม”หลี่ฮุ่ยหรานรีบเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินเฟิงทันที ในใจรู
“จบแล้ว มันจบแล้ว หรือว่าตระกูลหลี่ของพวกเราจะไม่สามารถกลับไปต้นตระกูลได้แล้วเหรอ??”โจวอวี้เฟิ่งเห็นแม่ลูกสองคนพึมพำจึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “พวกเธอสองคนพูดอะไรกัน? โสมมังกรหัวอยู่ที่ไหน? รีบเอาออกมาเร็ว ๆสิ”หลี่ฮุ่ยหรานกล่าวอย่างฝืนใจ “คุณอาสะใภ้ โสมมังกรหัวถูกหลินเฟิงเอาไปใช้เรียบร้อยแล้ว”“อะไรนะ?” โจวอวี้เฟิ่งโมโหขึ้นมาด้วยความโกรธหลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดว่า “แต่ว่าพวกคุณวางใจ ฉันได้เชิญหลินเฟิงมาด้วย”“หลินเฟิงมีความเชี่ยวญชาญในด้านการแพทย์ และสามารถรักษาอาการป่วยของหลานสาวได้แน่นอน””เธอล้อเล่นอะไร?”โจวอวี้เฟิ่งทำสีหน้ารังเกียจ แววตาก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม“หมอเทวดาที่เจียงหนานมีมากมายขนาดนั้นต่างก็ไม่สามารถรักษาอาการป่วยของลูกสาวฉันได้ ในเจียงเป่ยของพวกเธอมีใครที่จะสามารถรักษาลูกสาวได้อีก?”“ตอนนี้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็คือโสมมังกรหัว”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ปัญหาก็คือ ตอนนี้โสมมังกรหัวไม่มีแล้ว และหลินเฟิงคนนี้ก็มีทักษะการแพทย์ที่ไม่ธรรมดาด้วย”“ไม่แน่เขาอาจจะรักษาเยว่หรูให้หายจริง ๆ ก็ได้ ลองดูดีกว่าปล่อยให้เยว่หรูรอโสมมังกรหัวในครั้งต่อไป”
โจวอวี้เฟิ่งได้ยินก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ใช่แล้ว พวกเราตระกูลหลี่เจียงหนานอยู่เหนือกว่าคนอื่น ๆ”เธอชี้ไปหน้าของหลินเฟิงก่อนจะตะโกน “ตอนนี้ฉันให้โอกาสนายไถ่โทษ ขอโทษฉันกับลูกสาวของฉันซะ”โจวอวี้เฟิ่งมั่นใจในอำนาจของตระกูลตัวเองเป็นอย่างมาก ไอ้หมอนี่รู้แล้วว่าตัวเองคือคนของตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานแล้วยังไม่มาขอโทษเธออย่างว่าง่ายอีกแต่เธอก็ประเมินหลินเฟิงต่ำไปจริง ๆหลินเฟิงหัวเราะเยาะก่อนจะพูดว่า “ขอโทษพวกคุณฝันกลางวันหรือเปล่า? วันนี้อย่าพูดว่าให้ผมขอโทษคุณเลย แม้แต่การรักษาโรคของลูกสาวคุณก็อย่าได้คิดเลย”“ดีจริงไอ้หลินเฟิง คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าไม่เห็นตระกูลหลี่เมืองเจียงหนานของฉันอยู่ในสายตา”โจวอวี้เฟิ่งโกรธอย่างมากหลี่เยว่หรูที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยก็พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ แม่ พวกเราไม่ต้องให้เขารักษา หนูไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกนี้จะไม่มีหมอเทวดาที่รักษาหนูจนหายได้”“นี่....”หวังไห่รีบห้ามปราม “คุณนายโจว โปรดสงบสติอารมณ์หน่อย ในตอนนี้มีหมอเทวดามาอยู่ตรงหน้าแล้ว อาการป่วยของคุณหลี่ก็จะหายดีเป็นปกติในทันที”“อีกทั้งพวกคุณยังเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมต้องมาก่อเรื่องราวใหญ่โตกับเรื
ตอนนี้เธอไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับหลินเฟิงแล้วเวลานี้โจวอวี้เฟิ่งกอดอกแล้วพูดด้วยใบหน้าเยาะเย้ย: “ไอ้สกุลหลิน ตอนนี้ฉันให้โอกาสนาย คุกเข่าแล้วมาขอร้องฉันดี ๆ บางทีฉันอาจจะพิจารณาให้ใช้เส้นสายของตระกูลหลี่เพื่อช่วยนายก็ได้นะ”“ถ้าไม่อย่างนั้น นายก็อาจจะตายอย่างน่าเวทนาก็ได้นะ”หลินเฟิงมีสีหน้าดูถูดเหยียดหยาม “ผมจำเป็นต้องให้คุณช่วยด้วยเหรอ? ไม่ดูสารรูปตัวเองซะบ้าง”“แก...”โจวอวี้เฟิ่งโกรธมาก เดิมก็คิดว่าตอนนี้หลินเฟิงจะต้องคุกเข่าร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนตัวเองให้ช่วยเขาแน่ ๆคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชายคนนี้จะยังกล้าเยาะเย้ยตัวเองอีก“พูดมากขนาดนั้นทำไม? มากับพวกเราเร็ว ๆ” คนที่เป็นผู้นำพูดจบก็ควบคุมหลินเฟิงออกจากห้องผู้ป่วยหลินเฟิงก็ไม่ได้ต่อต้าน สถานที่นี้คือโรงพยาบาลและเขาก็ไม่ได้อยากต่อสู้ในสถานที่แบบนี้เช่นกันอีกทั้งเขาก็ต้องการที่จะดูว่าใครที่พุ่งเป้ามายังตัวเองมองดูหลินเฟิงถูกพาตัวไป หลี่ฮุ่ยหรานกระวนกระวายอย่างมากจากนั้นก็หันไปมองโจวอวี้เฟิ่งก่อนจะพูดว่า “อาสะใภ้ ขอร้องนะคะช่วยหลินเฟิงด้วยเถอะ ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะมีนิสัยดื้อรั้นนิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นคนดีมาก เขาต้องถูกใส่ความแ
หลินเฟิงสายตามองไปที่เหยาปินที่สีหน้าเย็นชา เขาเคยได้ยินถึงชายคนนี้มาบ้าง เป็นตำรวจที่เก่งกาจอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจวเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแรง และฝีมือโหดเหี้ยมใครก็ตามที่ถูกเขาเพ่งเล็งจะไม่สามารถหนีไปได้ แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนจากสำนักเสินฉือหลินเฟิงเอ่ยปากเตือนว่า: “คุณอยู่ที่เจียงโจวก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ทําไมต้องเป็นสุนัขของสำนักเสินฉือต่อไปล่ะ?”เหยาปินพอได้ยินเข้าก็หัวเราะ นึกว่าหลินเฟิงนั้นกลัวซะแล้ว ถึงได้พูดเสียดสีเขาจากนั้นเขาก็พูดอย่างเหยียดหยามว่า: “ไอ้หนุ่ม นายไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมฉัน ทำให้สำนักเสินฉือไม่พอใจ พูดได้เพียงว่าเป็นความโชคร้ายของนาย”“คนธรรมดาอย่างพวกนาย ไม่มีวันเข้าใจความน่ากลัวที่ซ่อนเร้นของโลกสำนักหรอก”“แต่นายวางใจได้ ผมจะพยายามทำไม่ให้คุณนั้นไม่รู้สึกเจ็บปวด และจะทำให้คุณโอวหยางนั้นพอใจ”หลินเฟิงหัวเราะออกมาว่า: “งั้นดูเหมือนว่า ผมจะต้องขอบคุณสิน่ะ?”“ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”ในตอนนี้หลินเฟิงก็ได้พูดอีกว่า: “เรื่องความน่ากลัวที่ซ่อนเร้นของโลกสำนักนั้นผมเข้าใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินสำนักเสวียนเทียนมาบ้างไหม? ”เห
ต่อมาแม้แต่หลิวกั๋วฮุยผู้ว่าการเจียงโจวก็โทรมาสอบถามเรื่องนี้ด้วยตนเองเหยาปินก็ประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าเส้นสายของหลินเฟิงจะกว้างขวางขนาดนี้คนใหญ่คนโตมากมายในเจียงโจวขอความเมตตาให้เขาหากเป็นกรณีปกติ เหยาปินอาจจะปล่อยหลินเฟิงไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีทางตัวเองเป็นคนของสำนักสำนักเสินฉือ สำนักเสินฉือมีความลำบาก เขาก็จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือไม่งั้นตัวเองอาจจะผิดใจกับสำนัก และตายอย่างน่าสังเวชยิ่งกว่าหลินเฟิงยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า: “ถ้าคุณปล่อยผมตอนนี้ เรื่องวันนี้ ผมก็จะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”“รอให้สำนักเสวียนเทียนรุ่งโรจน์ ผมจะเหลือตำแหน่งให้คุณ”“ล้อเล่นอะไรกัน ฉันไม่ใช่คนเนรคุณคน วันนี้ต่อให้พญายมมาขอความเมตตาจากฉันมันก็ไม่ช่วยอะไร”พูดจบ เหยาปินก็เริ่มที่จะลงมือ“ปัง” จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูต่อให้เป็นภายในห้องลับพที่ปิดสนิท ทั้งคู่ก็ได้ยินอย่างชัดเจนเหยาปินขมวดคิ้ว อยากจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเพิ่งจะออกประตูไป ก็ได้เห็นลูกน้องวิ่งพรวดเข้ามา“พี่ใหญ่ ท่าไม่ดีแล้ว ข้างนอกมีคนกลุ่มใหญ่มา”เหยาปินไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย: “ใครกันที่มีความกล้าขนาดนี้ กล้าบุกเข้ามาเข
“คุณชายหลิน จะจัดการอย่างไรกับผู้ชายคนนี้ครับ?” เสิ่นหานหันกลับไปมองที่เหยาปินพอได้ยินเช่นนี้ เหยาปินก็กลืนน้ำลาย เมื่อกี้ผู้ชายคนนี้แค่ต่อยเขาก็กองลงกับพื้นแล้วถ้าหากว่าได้ลงมือทำจริง ๆ เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะไปไม่ถึงหนึ่งยกด้วยซ้ำภายในใจมีความกลัวเล็กน้อย แต่ก็ได้แต่รอคําสั่งจากหลินเฟิงอย่างเงียบ ๆหลินเฟิงเหลือบมองไปที่เหยาปิน กล่าวด้วยความเย็นชาว่า: “ช่างเถอะ ไม่ต้องไปหาเรื่องลำบากเขาแล้ว”“อืม หือ?” เสิ่นหานตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินคําพูดนี้นี่มันไม่ตรงกับนิสัยของหลินเฟิงเลยคนที่มีหัวใจนักฆ่าอย่างหลินเฟิง โดยพื้นฐานแล้วหลินเฟิงจะไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปด้วยซ้ำเหยาปินคนนี้กําลังจะฆ่าเขา เขากล้าไม่ติดใจเอาความ?“คุณชายหลิน จะปล่อยเขาไปจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?” เสิ่นหานถามด้วยสีหน้างงงวยหลินเฟิงหันหน้ากลับไปทางเขา: “ทำไม? คุณไม่พอใจกับวิธีการของผมเหรอ?”“ไม่ ไม่ ไม่……คุณชายหลินใจกว้างเหมือนมหาสมุทร แน่นอนว่าไม่มีความคิดเห็นอะไร” เสิ่นหานโบกมือก้มหน้าลงและพูดเหยาปินที่อยู่ข้าง ๆ มองอย่างตกตะลึง ทำไมหมอนี่ถึงเคารพหลินเฟิงขนาดนี้?หลินเฟิงไม่สนใจเสิ่นหาน และเดินตรงออกจากห้