เธอยืนอยู่ตรงหน้ากระจก ดวงตาคู่สวยเคลื่อนไหวไปมา จากนั้นก็ชื่นชมเรือนร่างของตัวเองอย่างอดไม่ได้“อืม...รูปร่างของฉันก็ไม่เลวเลยนี่นา”หลินเสวี่ยฮุ่ยยิ้มมุมปากเล็กน้อย และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเธอตัดสินใจที่จะซื้อตัวนี้แหละในตอนที่อยากจะถอดออกเธอกลับพบว่า ชุดชั้นในตัวนี้ทำยังไงก็ปลดไม่ออกเธอพยายามจับตะขอที่อยู่ตรงแผ่นหลังของตัวเอง พึงได้พบว่าตัวเองเหมือนจะล็อกตะขอตายเอาไว้หลินเสวี่ยฮุ่ยตื่นตระหนก จากนั้นก็รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมากยิ่งอยากจะปลดตะขอ แต่กลับล็อกมันแน่นขึ้นบนหน้าผากก็ยิ่งมีเหงื่อไหลออกมาเธอเคาะประตูเบา ๆหลินเฟิงที่ยืนอยู่ข้างนอกพูดขึ้นทันที: “มีอะไรเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ภายในห้องลองเสื้อผ้าถามขึ้นเสียงเบา: “คือว่า...พี่เฟิง พนักงานขายอยู่ไหมคะ?”หลินเฟิงชะงักเล็กน้อย และหันหน้ามองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่พบพนักงานร้านเลยด้วยซ้ำไม่รู้ว่าเธอไปไหนแล้วหลินเฟิงพูด: “เธอไม่อยู่ เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า?”หลินเสวี่ยฮุ่ยได้ยินว่าพนักงานขายไม่อยู่ ก็รู้สึกเก้กังเป็นอย่างมากเธอจึงถามเสียงเบา: “งั้นหลี่ซืออวี่ล่ะคะ?”“เธอไปลองเสื้อผ้าน่ะ ยังไม่ออกมา”“ฮะ?
หลินเสวี่ยฮุ่ยกุมชุดชั้นในที่เล็กกะทัดรัดที่อยู่ตรงหน้าอกเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณ ใบหน้าก็แดงก่ำตอนนี้เธอปล่อยมือก็ไม่ใช่ ไม่ปล่อยมือก็ไม่ใช่คนทั้งคนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม จากนั้นก็มองหลินเฟิงที่อยู่ในกระจกห้องลองเสื้อผ้า ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เธอหลินเฟิงก็รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ผิดปกติ จึงรีบหันหน้าไปทางอื่นพื้นที่ที่แคบและเล็กแบบนี้ ทั้งสองคนรู้สึกว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงโดยฉับพลันหลินเฟิงเกาหัวแล้วพูดขึ้น: “คือว่า ฉันออกไปก่อนนะ...”ตะขอปลดออกแล้ว ตัวเองยังจะยืนอยู่ตรงนี้ทำอะไรอีกหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้าขณะเดียวกันหลี่ซืออวี่ก็เปลี่ยนชุดชั้นในเสร็จเรียบร้อยแล้วและก็เดินออกมา แต่กลับไม่เห็นหลินเฟิงและหลินเสวี่ยฮุ่ย ในใจก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย“เสวี่ยฮุ่ย เธออยู่ข้างในไหม?” หลี่ซืออวี่ถามขึ้นในตอนนี้ได้ยินเสียงของหลี่ซืออวี่ หลินเสวี่ยฮุ่ยกับดึงหลินเฟิงเอาไว้หลินเฟิงมองไปทางเธอด้วยสัญชาตญาณ เห็นเพียงแค่หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าติดต่อกันเธอไม่อยากให้หลี่ซืออวี่เห็นว่าเธอกับหลินเฟิงเบียดกันอยู่ในห้องลองเสื้อผ้าเดียวกัน ไม่อย่างนั้นจากความสามารถในการจินตนาการของหลี่ซืออวี่ ไม่แน่ว่าจะแต
ในตอนที่เขาเตรียมจะหลับตางีบ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างตกลงที่บนตัวของเขาเมื่อก้มหน้ามองดู หลี่ซืออวี่วางมือลงบนขาของเขาค้ำศอกค้ำตัวเอาไว้ คนทั้งคนเอนตัวมาทางเขาหลินเฟิงเหลือบมองเธอด้วยความนิ่งเฉยหลี่ซืออวี่ยิ้มบาง และตั้งใจดึงคอเสื้อที่หน้าอกของตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดว่าจะโป๊เธอนั่งไขว่ห้าง ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอถอดรองเท้าส้นสูงที่อยู่บนเท้าออกตั้งแต่เมื่อไหร่ เท้าสวยที่สวมถุงน่องถูน่องของหลินเฟิงเหมือนกับว่าไม่ได้ตั้งใจ หลี่ซืออวี่เห็นเขาไม่ได้ตอบสนอง การเคลื่อนไหวของมือก็ใจกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆเธอลูบขาของหลินเฟิงขึ้นไปเรื่อย ๆเมื่อเห็นว่าจะลูบโดนเข็มขัดของหลินเฟิงแล้วแต่กลับถูกเขาจับเอาไว้หลินเฟิงขมวดคิ้วและพูดเสียงเบา: “เธอทำตัวดี ๆ หน่อย”หลี่ซืออวี่เผยรอยยิ้มสวยหยาดเยิ้มที่มุมปากออกมาถูกหลินเฟิงเตือนครั้งหนึ่ง ครั้งนี้หลี่ซืออวี่ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรอีกหลินเฟิงลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำจะไปฉี่หลี่ซืออวี่เห็นว่ามีโอกาส จึงลุกขึ้นเดินตามไปทันทีหลินเฟิงเดินเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันจะถอดกางเกง หลี่ซืออวี่ก็เบียดเข้ามาในห้องน้ำที่มีห้องกัน“เธอบ้าไปแล้วเหร
เมื่อบรรลุถึงเป้าหมายกับหลินเฟิง หลี่ซืออวี่ออกจากห้องน้ำไปด้วยความพึงพอใจอย่างมากเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่มาส่งถึงที่แบบนี้ หลินเฟิงไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้รังเกียจว่าหลี่ซืออวี่หน้าตาไม่สวยที่มากกว่านั้นก็เป็นเพราะผู้หญิงที่ไม่รักตัวเองแบบนี้ ทำเพื่อเงินแล้วสามารถขายได้ทุกอย่างหลินเฟิงยิ่งไม่มีทางใส่ใจกับเธอจนมากเกินไปนัก ถ้าหากวันไหนตัวเองถูกสวมเขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำเมื่อฉี่เสร็จ หลินเฟิงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พบว่าหลี่ซืออวี่ก็ยังรอเขาอยู่ที่หน้าห้องน้ำทั้งสองคนกลับไปยังโรงหนังแต่กลับพบว่าที่นั่งของตัวเองถูกคนยึดครองไปแล้ววัยรุ่นคนหนึ่งที่แต่งตัวโดดเด่นนั่งอยู่บนที่นั่งของหลินเฟิง และพยายามตีสนิทกับหลินเสวี่ยฮุ่ย: “คนสวย คุณก็มาดูหนังคนเดียวเหรอครับ? ไม่สู้พวกเราแอดเฟสบุ๊คกันดีกว่า”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างกายตัวเองมีคนแปลกหน้าเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอรีบโบกมือปฏิเสธแล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องค่ะ ฉันมาด้วยกันกับพี่ชายของฉัน”“อ๋อ...งั้นก็ไม่เป็นไร คุณออกมาเที่ยวเหรอครับ?” วัยรุ่นจี้ถามอีกครั้งหลินเสวี่ยฮุ่ยก็พยักหน้าอย่างว่าง่ายวัยรุ่นห
จากนั้นก็ชี้หน้าเขาและพูดด่าทอ: “ถ้านายไม่ดูหนังก็ไสหัวออกไปซะ”พูดจบ ก็โยนโทรศัพท์มือถือของเขาออกไปทันทีโทรศัพท์เครื่องนั้นถูกเขวี้ยงจนแตกกระจายเสียงดัง “เพล้ง”เจี่ยงชุนหยางโมโหเป็นอย่างมาก: “แม่งเอ๊ย นั่นเป็นโทรศัพท์ผลไม้ 14 ที่ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่นะ”“แกแม่งกล้าโยนของฉัน”หลี่ซืออวี่ก็ด่าทอขึ้นอย่างอดไม่ได้: “ไอ้เวรที่ไหนกัน ถือโทรศัพท์ผลไม้แล้วคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่หรือไง? ของแค่ห้าหมื่นบาทยังกล้าเอาออกมาโอ้อวด รีบไสหัวไปเลย”“อย่ามารบกวนเจ๊ดูหนัง”ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ลูกคนรวยอย่างเจี่ยงชุนหยางแบบนี้เธออาจจะมองอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ตอนนี้หลี่ซืออวี่ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อยตัวเองเกาะหลินเฟิงได้แล้ว แต่ละเดือนได้เงินเดือนละห้าหมื่นบาทเป็นเรื่องง่ายดายมากเธอยังอยากจะยืมโอกาสในการดูหนังทำความใกล้ชิดกับหลินเฟิงให้มากขึ้นด้วย ไอ้ปัญญาอ่อนนี่พูดพึมพำอยู่นั่นแหละ ทำให้แผนการของเธอถูกขัดขวางจนหมดในตอนนี้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ไม่มีอารมณ์จะดูหนังแล้วอารมณ์ของทุกคนถูกเจี่ยงชุนหยางทำให้หงุดหงิด เมื่อเห็นหลินเฟิงตบหน้าเจี่ยงชุนหยาง ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเขาสะใจมากแค่ไหน และแทบอยากจะเข้าไปตบหน
“อย่าพูดจนมั่นใจเกินไป นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” หลินเฟิงพูดอย่างไม่รีบร้อน“แกเป็นใครแล้วจะทำไมวะ? นี่คือถิ่นของฉัน”เจี่ยงชุนกวงพูดด้วยความจองหอง: “ลุยเลย อย่าทำร้ายโดนคนสวยสองคนนั้นล่ะ”เขาออกคำสั่ง พวกรปภ. ที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งไปทางหลินเฟิงทันทีหลินเฟิงเพียงแค่เหลือบมองหลินเสวี่ยฮุ่ยกับหลี่ซืออวี่อย่างเรียบเฉย และพูดเสียงแข็ง: “ถอยไป”หลี่ซืออวี่ดึงหลินเสวี่ยอวี่ถอยไปอยู่ตรงมุมด้วยความรู้งานเป็นอย่างมาก“ไอ้หนุ่ม ดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ” หัวหน้ารปภ. ตวาดด้วยความโมโหแล้วพุ่งเข้ามาหลินเฟิงเห็นแบบนี้ก็ยกมือขึ้นต่อยไปทางหัวหน้ารปภ. คนนั้นจนล้มคว่ำกับพื้นคนทั้งคนเหมือนกับลมที่พัดแรง เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางกลุ่มรปภ. แต่ละหมัดที่เหวี่ยงออกไปเบามาก แต่ต้องมีคนหนึ่งที่ล้มลงชั่วลมหายใจเดียว หลินเฟิงก็ต่อยจนรปภ. หลายคนล้มคว่ำอยู่บนพื้นแต่ละคนโอดครวญด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด“พี่เฟิงเจ๋งไปเลย” หลี่ซืออวี่ที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะคาดการณ์ไว้ได้ตั้งนานแล้วว่าจะมีตอนจบแบบนี้เธออดไม่ได้ที่จะให้กำลังใจหลินเฟิง“แม่งเอ๊ย...” เจี่ยงชุนกวงสองพี่น้องเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ถึงเวลาเขาจ่ายเงินนิดหน่อยใช้เส้นสายจัดการก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้วเขาแสร้งทำเป็นตกตะลึงแล้วพูดขึ้น: “อย่าสิสหาย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ทำไมคุณต้องเดือดร้อนไปจนถึงเชิงถังด้วยล่ะ”“หุบปาก” หลินเฟิงตบไปที่ใบหน้าของเขาเจี่ยงชุนกวงเลือดไหลออกจากมุมปาก ในใจก็แอบด่าทอ: แม่งเอ๊ย ให้เกียรติแล้วยังจะไม่สนใจอีกนะหลินเฟิงโทรศัพท์ไปยังห้องทำงานประธานเชิงถังทันที แต่ว่าในตอนนี้ถังหว่านไม่อยู่ คนที่รับสายก็คือเลขาน้อยของถังหว่านเธอรู้ถึงความสัมพันธ์ของถังหว่านกับหลินเฟิงเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินเสียงของหลินเฟิงก็พูดด้วยความเคารพทันที: “คุณหลินมีธุระอะไรไหม?”“ผู้จัดการของเชิงถังพลาซ่าชื่อว่าอะไร”เลขาน้อยรีบตรวจสอบดุ: “เจี่ยงชุนกวง”“ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานอย่างมาก สามารถเรียกรปภ. ยี่สิบกว่าคนมาลงมือกับผมได้ โชคดีที่ผมเคยฝึกฝนมาก่อน นี่ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่น ๆ พบเจอกับคนแบบนี้จะไม่ถูกตีตายพอดีเหรอ”หลินเฟิงน้ำเสียงแฝงไปด้วยความโมโหเลขาน้อยตกตะลึงอย่างมาก: “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”“ขอโทษ คุณหลิน นี่เป็นความสะเพร่าของพวกเรา ฉันจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้ จะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเข้มงวดแน่นอน” เลขาน้อ
“นั่นเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้นายไม่ได้เป็นแล้ว” หูเหล่ยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีการปล่อยให้ลังเล“หูเหล่ย คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?” เจี่ยงชุนกวงโมโหในทันทีไอ้หมอนี่ชาติชั่วจริง ๆ เมื่อก่อนตัวเองดูแลเขาขนาดนั้น ตอนนี้กลับจะขายเขาซะแล้ว“เพียะ”หูเหล่ยก็เด็ดขาดและชัดเจน ยกมือขึ้นตบหน้าทันที จากนั้นก็ถีบไปที่หน้าอกของเขา“อ้าก...” เจี่ยงชุนกวงกลิ้งไปรอบหนึ่งถึงจะหยุดร่างกายเอาไว้ได้หูเหล่ยพูดเสียงเย็นชา: “สัญญานี้นายเซ็นหรือไม่เซ็นก็ไม่เป็นไร เชิงถังจะฟ้องร้องนาย นายรอติดคุกได้เลย”“หูเหล่ย นี่มันสัญญาบ้าบออะไร ฉันไปขัดแย้งกับหุ้นส่วนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้เกิดผลเสียต่อบริษัท นายมีสิทธิ์อะไรไล่ฉันออก?”เจี่ยงชุนกวงยืนขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ และต่อว่าอย่างไม่ยุติธรรมหูเหล่ยชี้หน้าเขาแล้วพูดด่าทอ: “แกแม่งฟังฉันให้ดีนะ ท่านนี้หลินเฟิง คุณหลินคือหุ้นส่วนของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง เป็นพันธมิตรของคุณหนูถัง พูดอีกอย่างเขาก็คือหัวหน้าของนาย”“อะไรนะ?” เจี่ยงชุนกวงได้ยินคำพูดนี้ก็งุนงงในทันที จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ“นี่...นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”เจี่ยงชุนกวงรีบมองไปทางหูเหลย: “คุณไ
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่
“ได้ครับ”หลินเฟิงพยักหน้าประมาณห้านาทีต่อมา หวังลี่ลี่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกุญแจรถ“คุณหลินคะ ตอนนี้คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะไปจัดการที่บ้านคุณค่ะ”ท่าทางของหวังลี่ลี่นอบน้อมอย่างมากเธอเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการของเผิงกวงกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อ ผู้อำนวยการก็รีบร้อนไปขออนุญาตจากเผิงกวงฉี่ราวกับไฟไหม้ก้นคำตอบที่ผู้อำนวยการได้รับจากเผิงกวงฉี่มีเพียงประโยคเดียว“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่”ผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจากเผิงกวงฉี่จึงไม่กล้าประมาท รีบเร่งทำให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายที่สุดโดยให้หวังลี่ลี่ส่งกุญแจรถให้หลินเฟิงโดยตรงความเร็วและท่าทีเช่นนี้ทำให้หวังลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอบคุณครับ”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถบูกัตติ เวียร์รอนคันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาคันนี้เมื่อเครื่องยนต์ 16 สูบถูกสตาร์ท บรรยากาศในล็อบบี้ทั้งหมดก็ถูกกดทับลงทันทีรถยนต์ต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณที่รอเมื่อเทียบกับบูกัตติ เวียร์รอนสีดำแดงคันนี้แล้ว ก็ดูด้อยกว่าไปในทันทีราวกับมังกรสีดำแดงตัวใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของบุคคลผู้นี้ในเผิงกวงกรุ๊ปได้ อำนาจของเขายิ่งใหญ่อย่างมาก“ที่...ที่แท้...ที่แท้คือ...คุณหลิน”หลินเฟิงคือเจ้าของบัตรทองใบนี้เท่านั้นทั้งเผิงกวงกรุ๊ป บัตรทองนี้เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ตอนที่เผิงกวงฉี่ได้มอบให้แก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้เรื่องนี้ภายในเผิงกวงกรุ๊ปต่างก็รับรู้กันดีแต่ผู้จัดการเสิ่นยังไม่ทันได้สืบหาข้อมูลของหลินเฟิง จึงไม่รู้จักหลินเฟิงด้วยซ้ำแต่เมื่อได้เห็นบัตรใบนี้ในวันนี้ เขาก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายตรงหน้าที่เขาเคยมองว่าเป็น “เป็นคนที่ตามจีบหวังลี่ลี่แบบไร้ศักดิ์ศรี” นั้นกลับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่ไว้หลินเฟิง ผู้ถือบัตรทองเพียงหนึ่งเดียวของเผิงกวงกรุ๊ป !ผู้จัดการเสิ่นตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้นทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยจึงพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้ความพยายามอย่างมากมาย จึงดึงบัตรทองออกจากผนังได้ และส่งคืนให้หลินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา“คุณหลินครับ ผม...ผมหลงเชื่อคำนินทา จึงดูถูกคน ผมมัน...ผมสมควรตาย”ผู้จัดการเสิ่นคุกเข่าลงที่หน้าหลินเฟิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวส่วนหลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก
“ที่แท้....ที่แท้ก็เป็นคุณนั่นเอง!”“ฉัน...ฉันจำได้แล้ว ฉัน...ฉันดูถูกคนอื่น โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”ในขณะนี้เอง ที่สุดท้าแล้วยคุณชายตู้ก็เข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงเขาควรที่จะไปล่วงเกินคนที่สามารถประลองกับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้งั้นเหรอ?ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง ตุบ ต่อหน้าคนทั้งหมด และก้มหน้าให้หลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องและร้องไห้เสียงดังลั่นเขากลัวจริงๆนะ!เมื่อเทียบกับผู้จัดการเสิ่น ชายลึกลับผู้นี้ที่ว่ากันว่าสามารถฆ่านักบู๊ของตระกูลเฝิงได้มากกว่าสามสิบคนคนในลมหายใจเดียว!และเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ครอบครัวเฝิงก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกันน่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเฟิงอีกคุณชายตู้นึกถึงหลายๆ อย่างได้ในทันที ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาก่อนจะตกใจอย่างมาก แล้วรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาเมื่อเห็นคุณชายตู้คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา ผู้จัดการเสิ่นที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"แกมัน......"ผู้จัดการเสิ่นมองดูร่างของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข