เธอยืนอยู่ตรงหน้ากระจก ดวงตาคู่สวยเคลื่อนไหวไปมา จากนั้นก็ชื่นชมเรือนร่างของตัวเองอย่างอดไม่ได้“อืม...รูปร่างของฉันก็ไม่เลวเลยนี่นา”หลินเสวี่ยฮุ่ยยิ้มมุมปากเล็กน้อย และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเธอตัดสินใจที่จะซื้อตัวนี้แหละในตอนที่อยากจะถอดออกเธอกลับพบว่า ชุดชั้นในตัวนี้ทำยังไงก็ปลดไม่ออกเธอพยายามจับตะขอที่อยู่ตรงแผ่นหลังของตัวเอง พึงได้พบว่าตัวเองเหมือนจะล็อกตะขอตายเอาไว้หลินเสวี่ยฮุ่ยตื่นตระหนก จากนั้นก็รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมากยิ่งอยากจะปลดตะขอ แต่กลับล็อกมันแน่นขึ้นบนหน้าผากก็ยิ่งมีเหงื่อไหลออกมาเธอเคาะประตูเบา ๆหลินเฟิงที่ยืนอยู่ข้างนอกพูดขึ้นทันที: “มีอะไรเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ภายในห้องลองเสื้อผ้าถามขึ้นเสียงเบา: “คือว่า...พี่เฟิง พนักงานขายอยู่ไหมคะ?”หลินเฟิงชะงักเล็กน้อย และหันหน้ามองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่พบพนักงานร้านเลยด้วยซ้ำไม่รู้ว่าเธอไปไหนแล้วหลินเฟิงพูด: “เธอไม่อยู่ เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า?”หลินเสวี่ยฮุ่ยได้ยินว่าพนักงานขายไม่อยู่ ก็รู้สึกเก้กังเป็นอย่างมากเธอจึงถามเสียงเบา: “งั้นหลี่ซืออวี่ล่ะคะ?”“เธอไปลองเสื้อผ้าน่ะ ยังไม่ออกมา”“ฮะ?
หลินเสวี่ยฮุ่ยกุมชุดชั้นในที่เล็กกะทัดรัดที่อยู่ตรงหน้าอกเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณ ใบหน้าก็แดงก่ำตอนนี้เธอปล่อยมือก็ไม่ใช่ ไม่ปล่อยมือก็ไม่ใช่คนทั้งคนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม จากนั้นก็มองหลินเฟิงที่อยู่ในกระจกห้องลองเสื้อผ้า ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เธอหลินเฟิงก็รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ผิดปกติ จึงรีบหันหน้าไปทางอื่นพื้นที่ที่แคบและเล็กแบบนี้ ทั้งสองคนรู้สึกว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงโดยฉับพลันหลินเฟิงเกาหัวแล้วพูดขึ้น: “คือว่า ฉันออกไปก่อนนะ...”ตะขอปลดออกแล้ว ตัวเองยังจะยืนอยู่ตรงนี้ทำอะไรอีกหลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้าขณะเดียวกันหลี่ซืออวี่ก็เปลี่ยนชุดชั้นในเสร็จเรียบร้อยแล้วและก็เดินออกมา แต่กลับไม่เห็นหลินเฟิงและหลินเสวี่ยฮุ่ย ในใจก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย“เสวี่ยฮุ่ย เธออยู่ข้างในไหม?” หลี่ซืออวี่ถามขึ้นในตอนนี้ได้ยินเสียงของหลี่ซืออวี่ หลินเสวี่ยฮุ่ยกับดึงหลินเฟิงเอาไว้หลินเฟิงมองไปทางเธอด้วยสัญชาตญาณ เห็นเพียงแค่หลินเสวี่ยฮุ่ยส่ายหน้าติดต่อกันเธอไม่อยากให้หลี่ซืออวี่เห็นว่าเธอกับหลินเฟิงเบียดกันอยู่ในห้องลองเสื้อผ้าเดียวกัน ไม่อย่างนั้นจากความสามารถในการจินตนาการของหลี่ซืออวี่ ไม่แน่ว่าจะแต
ในตอนที่เขาเตรียมจะหลับตางีบ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างตกลงที่บนตัวของเขาเมื่อก้มหน้ามองดู หลี่ซืออวี่วางมือลงบนขาของเขาค้ำศอกค้ำตัวเอาไว้ คนทั้งคนเอนตัวมาทางเขาหลินเฟิงเหลือบมองเธอด้วยความนิ่งเฉยหลี่ซืออวี่ยิ้มบาง และตั้งใจดึงคอเสื้อที่หน้าอกของตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดว่าจะโป๊เธอนั่งไขว่ห้าง ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอถอดรองเท้าส้นสูงที่อยู่บนเท้าออกตั้งแต่เมื่อไหร่ เท้าสวยที่สวมถุงน่องถูน่องของหลินเฟิงเหมือนกับว่าไม่ได้ตั้งใจ หลี่ซืออวี่เห็นเขาไม่ได้ตอบสนอง การเคลื่อนไหวของมือก็ใจกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆเธอลูบขาของหลินเฟิงขึ้นไปเรื่อย ๆเมื่อเห็นว่าจะลูบโดนเข็มขัดของหลินเฟิงแล้วแต่กลับถูกเขาจับเอาไว้หลินเฟิงขมวดคิ้วและพูดเสียงเบา: “เธอทำตัวดี ๆ หน่อย”หลี่ซืออวี่เผยรอยยิ้มสวยหยาดเยิ้มที่มุมปากออกมาถูกหลินเฟิงเตือนครั้งหนึ่ง ครั้งนี้หลี่ซืออวี่ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรอีกหลินเฟิงลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำจะไปฉี่หลี่ซืออวี่เห็นว่ามีโอกาส จึงลุกขึ้นเดินตามไปทันทีหลินเฟิงเดินเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันจะถอดกางเกง หลี่ซืออวี่ก็เบียดเข้ามาในห้องน้ำที่มีห้องกัน“เธอบ้าไปแล้วเหร
เมื่อบรรลุถึงเป้าหมายกับหลินเฟิง หลี่ซืออวี่ออกจากห้องน้ำไปด้วยความพึงพอใจอย่างมากเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่มาส่งถึงที่แบบนี้ หลินเฟิงไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้รังเกียจว่าหลี่ซืออวี่หน้าตาไม่สวยที่มากกว่านั้นก็เป็นเพราะผู้หญิงที่ไม่รักตัวเองแบบนี้ ทำเพื่อเงินแล้วสามารถขายได้ทุกอย่างหลินเฟิงยิ่งไม่มีทางใส่ใจกับเธอจนมากเกินไปนัก ถ้าหากวันไหนตัวเองถูกสวมเขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำเมื่อฉี่เสร็จ หลินเฟิงก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พบว่าหลี่ซืออวี่ก็ยังรอเขาอยู่ที่หน้าห้องน้ำทั้งสองคนกลับไปยังโรงหนังแต่กลับพบว่าที่นั่งของตัวเองถูกคนยึดครองไปแล้ววัยรุ่นคนหนึ่งที่แต่งตัวโดดเด่นนั่งอยู่บนที่นั่งของหลินเฟิง และพยายามตีสนิทกับหลินเสวี่ยฮุ่ย: “คนสวย คุณก็มาดูหนังคนเดียวเหรอครับ? ไม่สู้พวกเราแอดเฟสบุ๊คกันดีกว่า”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างกายตัวเองมีคนแปลกหน้าเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอรีบโบกมือปฏิเสธแล้วพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องค่ะ ฉันมาด้วยกันกับพี่ชายของฉัน”“อ๋อ...งั้นก็ไม่เป็นไร คุณออกมาเที่ยวเหรอครับ?” วัยรุ่นจี้ถามอีกครั้งหลินเสวี่ยฮุ่ยก็พยักหน้าอย่างว่าง่ายวัยรุ่นห
จากนั้นก็ชี้หน้าเขาและพูดด่าทอ: “ถ้านายไม่ดูหนังก็ไสหัวออกไปซะ”พูดจบ ก็โยนโทรศัพท์มือถือของเขาออกไปทันทีโทรศัพท์เครื่องนั้นถูกเขวี้ยงจนแตกกระจายเสียงดัง “เพล้ง”เจี่ยงชุนหยางโมโหเป็นอย่างมาก: “แม่งเอ๊ย นั่นเป็นโทรศัพท์ผลไม้ 14 ที่ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่นะ”“แกแม่งกล้าโยนของฉัน”หลี่ซืออวี่ก็ด่าทอขึ้นอย่างอดไม่ได้: “ไอ้เวรที่ไหนกัน ถือโทรศัพท์ผลไม้แล้วคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่หรือไง? ของแค่ห้าหมื่นบาทยังกล้าเอาออกมาโอ้อวด รีบไสหัวไปเลย”“อย่ามารบกวนเจ๊ดูหนัง”ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ลูกคนรวยอย่างเจี่ยงชุนหยางแบบนี้เธออาจจะมองอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ตอนนี้หลี่ซืออวี่ไม่แยแสเลยแม้แต่น้อยตัวเองเกาะหลินเฟิงได้แล้ว แต่ละเดือนได้เงินเดือนละห้าหมื่นบาทเป็นเรื่องง่ายดายมากเธอยังอยากจะยืมโอกาสในการดูหนังทำความใกล้ชิดกับหลินเฟิงให้มากขึ้นด้วย ไอ้ปัญญาอ่อนนี่พูดพึมพำอยู่นั่นแหละ ทำให้แผนการของเธอถูกขัดขวางจนหมดในตอนนี้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ไม่มีอารมณ์จะดูหนังแล้วอารมณ์ของทุกคนถูกเจี่ยงชุนหยางทำให้หงุดหงิด เมื่อเห็นหลินเฟิงตบหน้าเจี่ยงชุนหยาง ไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเขาสะใจมากแค่ไหน และแทบอยากจะเข้าไปตบหน
“อย่าพูดจนมั่นใจเกินไป นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” หลินเฟิงพูดอย่างไม่รีบร้อน“แกเป็นใครแล้วจะทำไมวะ? นี่คือถิ่นของฉัน”เจี่ยงชุนกวงพูดด้วยความจองหอง: “ลุยเลย อย่าทำร้ายโดนคนสวยสองคนนั้นล่ะ”เขาออกคำสั่ง พวกรปภ. ที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งไปทางหลินเฟิงทันทีหลินเฟิงเพียงแค่เหลือบมองหลินเสวี่ยฮุ่ยกับหลี่ซืออวี่อย่างเรียบเฉย และพูดเสียงแข็ง: “ถอยไป”หลี่ซืออวี่ดึงหลินเสวี่ยอวี่ถอยไปอยู่ตรงมุมด้วยความรู้งานเป็นอย่างมาก“ไอ้หนุ่ม ดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ” หัวหน้ารปภ. ตวาดด้วยความโมโหแล้วพุ่งเข้ามาหลินเฟิงเห็นแบบนี้ก็ยกมือขึ้นต่อยไปทางหัวหน้ารปภ. คนนั้นจนล้มคว่ำกับพื้นคนทั้งคนเหมือนกับลมที่พัดแรง เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางกลุ่มรปภ. แต่ละหมัดที่เหวี่ยงออกไปเบามาก แต่ต้องมีคนหนึ่งที่ล้มลงชั่วลมหายใจเดียว หลินเฟิงก็ต่อยจนรปภ. หลายคนล้มคว่ำอยู่บนพื้นแต่ละคนโอดครวญด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด“พี่เฟิงเจ๋งไปเลย” หลี่ซืออวี่ที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะคาดการณ์ไว้ได้ตั้งนานแล้วว่าจะมีตอนจบแบบนี้เธออดไม่ได้ที่จะให้กำลังใจหลินเฟิง“แม่งเอ๊ย...” เจี่ยงชุนกวงสองพี่น้องเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ถึงเวลาเขาจ่ายเงินนิดหน่อยใช้เส้นสายจัดการก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้วเขาแสร้งทำเป็นตกตะลึงแล้วพูดขึ้น: “อย่าสิสหาย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ทำไมคุณต้องเดือดร้อนไปจนถึงเชิงถังด้วยล่ะ”“หุบปาก” หลินเฟิงตบไปที่ใบหน้าของเขาเจี่ยงชุนกวงเลือดไหลออกจากมุมปาก ในใจก็แอบด่าทอ: แม่งเอ๊ย ให้เกียรติแล้วยังจะไม่สนใจอีกนะหลินเฟิงโทรศัพท์ไปยังห้องทำงานประธานเชิงถังทันที แต่ว่าในตอนนี้ถังหว่านไม่อยู่ คนที่รับสายก็คือเลขาน้อยของถังหว่านเธอรู้ถึงความสัมพันธ์ของถังหว่านกับหลินเฟิงเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินเสียงของหลินเฟิงก็พูดด้วยความเคารพทันที: “คุณหลินมีธุระอะไรไหม?”“ผู้จัดการของเชิงถังพลาซ่าชื่อว่าอะไร”เลขาน้อยรีบตรวจสอบดุ: “เจี่ยงชุนกวง”“ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานอย่างมาก สามารถเรียกรปภ. ยี่สิบกว่าคนมาลงมือกับผมได้ โชคดีที่ผมเคยฝึกฝนมาก่อน นี่ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่น ๆ พบเจอกับคนแบบนี้จะไม่ถูกตีตายพอดีเหรอ”หลินเฟิงน้ำเสียงแฝงไปด้วยความโมโหเลขาน้อยตกตะลึงอย่างมาก: “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”“ขอโทษ คุณหลิน นี่เป็นความสะเพร่าของพวกเรา ฉันจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้ จะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเข้มงวดแน่นอน” เลขาน้อ
“นั่นเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้นายไม่ได้เป็นแล้ว” หูเหล่ยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีการปล่อยให้ลังเล“หูเหล่ย คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?” เจี่ยงชุนกวงโมโหในทันทีไอ้หมอนี่ชาติชั่วจริง ๆ เมื่อก่อนตัวเองดูแลเขาขนาดนั้น ตอนนี้กลับจะขายเขาซะแล้ว“เพียะ”หูเหล่ยก็เด็ดขาดและชัดเจน ยกมือขึ้นตบหน้าทันที จากนั้นก็ถีบไปที่หน้าอกของเขา“อ้าก...” เจี่ยงชุนกวงกลิ้งไปรอบหนึ่งถึงจะหยุดร่างกายเอาไว้ได้หูเหล่ยพูดเสียงเย็นชา: “สัญญานี้นายเซ็นหรือไม่เซ็นก็ไม่เป็นไร เชิงถังจะฟ้องร้องนาย นายรอติดคุกได้เลย”“หูเหล่ย นี่มันสัญญาบ้าบออะไร ฉันไปขัดแย้งกับหุ้นส่วนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้เกิดผลเสียต่อบริษัท นายมีสิทธิ์อะไรไล่ฉันออก?”เจี่ยงชุนกวงยืนขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ และต่อว่าอย่างไม่ยุติธรรมหูเหล่ยชี้หน้าเขาแล้วพูดด่าทอ: “แกแม่งฟังฉันให้ดีนะ ท่านนี้หลินเฟิง คุณหลินคือหุ้นส่วนของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง เป็นพันธมิตรของคุณหนูถัง พูดอีกอย่างเขาก็คือหัวหน้าของนาย”“อะไรนะ?” เจี่ยงชุนกวงได้ยินคำพูดนี้ก็งุนงงในทันที จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ“นี่...นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”เจี่ยงชุนกวงรีบมองไปทางหูเหลย: “คุณไ