ถึงเวลาเขาจ่ายเงินนิดหน่อยใช้เส้นสายจัดการก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้วเขาแสร้งทำเป็นตกตะลึงแล้วพูดขึ้น: “อย่าสิสหาย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ทำไมคุณต้องเดือดร้อนไปจนถึงเชิงถังด้วยล่ะ”“หุบปาก” หลินเฟิงตบไปที่ใบหน้าของเขาเจี่ยงชุนกวงเลือดไหลออกจากมุมปาก ในใจก็แอบด่าทอ: แม่งเอ๊ย ให้เกียรติแล้วยังจะไม่สนใจอีกนะหลินเฟิงโทรศัพท์ไปยังห้องทำงานประธานเชิงถังทันที แต่ว่าในตอนนี้ถังหว่านไม่อยู่ คนที่รับสายก็คือเลขาน้อยของถังหว่านเธอรู้ถึงความสัมพันธ์ของถังหว่านกับหลินเฟิงเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินเสียงของหลินเฟิงก็พูดด้วยความเคารพทันที: “คุณหลินมีธุระอะไรไหม?”“ผู้จัดการของเชิงถังพลาซ่าชื่อว่าอะไร”เลขาน้อยรีบตรวจสอบดุ: “เจี่ยงชุนกวง”“ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานอย่างมาก สามารถเรียกรปภ. ยี่สิบกว่าคนมาลงมือกับผมได้ โชคดีที่ผมเคยฝึกฝนมาก่อน นี่ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่น ๆ พบเจอกับคนแบบนี้จะไม่ถูกตีตายพอดีเหรอ”หลินเฟิงน้ำเสียงแฝงไปด้วยความโมโหเลขาน้อยตกตะลึงอย่างมาก: “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”“ขอโทษ คุณหลิน นี่เป็นความสะเพร่าของพวกเรา ฉันจะส่งคนไปเดี๋ยวนี้ จะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเข้มงวดแน่นอน” เลขาน้อ
“นั่นเป็นเมื่อก่อน ตอนนี้นายไม่ได้เป็นแล้ว” หูเหล่ยน้ำเสียงเย็นชา ไม่มีการปล่อยให้ลังเล“หูเหล่ย คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?” เจี่ยงชุนกวงโมโหในทันทีไอ้หมอนี่ชาติชั่วจริง ๆ เมื่อก่อนตัวเองดูแลเขาขนาดนั้น ตอนนี้กลับจะขายเขาซะแล้ว“เพียะ”หูเหล่ยก็เด็ดขาดและชัดเจน ยกมือขึ้นตบหน้าทันที จากนั้นก็ถีบไปที่หน้าอกของเขา“อ้าก...” เจี่ยงชุนกวงกลิ้งไปรอบหนึ่งถึงจะหยุดร่างกายเอาไว้ได้หูเหล่ยพูดเสียงเย็นชา: “สัญญานี้นายเซ็นหรือไม่เซ็นก็ไม่เป็นไร เชิงถังจะฟ้องร้องนาย นายรอติดคุกได้เลย”“หูเหล่ย นี่มันสัญญาบ้าบออะไร ฉันไปขัดแย้งกับหุ้นส่วนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำให้เกิดผลเสียต่อบริษัท นายมีสิทธิ์อะไรไล่ฉันออก?”เจี่ยงชุนกวงยืนขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ และต่อว่าอย่างไม่ยุติธรรมหูเหล่ยชี้หน้าเขาแล้วพูดด่าทอ: “แกแม่งฟังฉันให้ดีนะ ท่านนี้หลินเฟิง คุณหลินคือหุ้นส่วนของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง เป็นพันธมิตรของคุณหนูถัง พูดอีกอย่างเขาก็คือหัวหน้าของนาย”“อะไรนะ?” เจี่ยงชุนกวงได้ยินคำพูดนี้ก็งุนงงในทันที จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงด้วยความเหลือเชื่อ“นี่...นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”เจี่ยงชุนกวงรีบมองไปทางหูเหลย: “คุณไ
ฉินอิ๋งเกาหัวแล้วพูดขึ้น: “ฉันกลับรู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้นะ”“ในเมื่อพวกเราสองตระกูลมีความแค้นต่อกันมากมาย”“แล้วจะยังไงล่ะ ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็มีวิธีรับมือ ตอนนี้พวกเรากองกำลังใหญ่โต มีอะไรให้ต้องกลัว” ถังหว่านพูดอย่างสบายใจฉินอิ๋งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย คิดว่าคุณหนูใหญ่พูดได้มีเหตุผลนิดหน่อยตัวเองไม่ใช่คนที่จะเป็นหัวหน้าได้ มีบางครั้งคิดเยอะเกินไปผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องชาก็ถูกคนผลักออกเซี่ยงตงเซิงเดินเข้ามาก่อน ด้านหลังของเขายังมีหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งเดินตามมานั่นก็คือเซี่ยงหลงลูกคนโตของตระกูลเซี่ยง“คุณหนูถังมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ ผมไม่ได้ต้อนรับด้วยตัวเอง เสียมารยาทจริง ๆ ครับ” เซี่ยงตงเซิงหัวเราะเสียงดังถังหว่านก็เผยรอยยิ้มมืออาชีพออกมาแล้วพูดขึ้น: “เถ้าแก่เซี่ยงงานยุ่ง จะเหมือนกับคนว่างงานอย่างฉันที่ไหนกันคะ”“ไม่ทราบว่าคุณเซี่ยงครั้งนี้เรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”เซี่ยงตงเซิงหัวเราะเยาะ: “ครั้งนี้ไม่ได้เป็นผมที่ต้องการพบคุณหนูถัง แต่เป็นลูกชายของผม”พูดจบ เซี่ยงหลงก็นั่งลงตรงข้ามทั้งสองคนจากนั้นก็เงยหน้ามองทั้งสองคน
อีกฝ่ายไม่ได้มาดี ฉินอิ๋งก็ไม่ไว้หน้าแม้แต่นิดเดียวอีกทั้งเธอยังสามารถรับรู้ได้ว่าเซี่ยงหลงเป็นคนที่มีความสามารถที่ไม่ธรรมดา หากไม่ลงมือเต็มที่ ตัวเองอาจจะไม่สามารถเอาชนะได้เมื่อเห็นว่ามีดพกในมือของตัวเองกำลังจะฟันผ่านคอของเขาเซี่ยงหลงก็เคลื่อนไหวในทันที มือที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าแม้กระทั่งฉินอิ๋งก็มองการเคลื่อนไหวของเขาได้ไม่ชัดเจน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปวดที่ข้อมืออย่างรุนแรงมีเสียงดังขึ้น “โครม”เซี่ยงหลงจับข้อมือของฉินอิ๋งกระแทกลงบนโต๊ะน้ำชาทันที จากนั้นก็แย่งมีดพกในมือของฉิงอิ๋งไปแทงเข้าไปที่ฝ่ามือของฉิงอิ๋งอย่างแรง“อ๊ะ...”ฉิงอิ๋งส่งเสียงกรีดร้องออกมา ฝ่ามือที่ถูกตอกไว้กับโต๊ะน้ำชา มีเลือดไหลออกมาจากกลางฝ่ามือใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว แขนที่สั่นเทา ในใจที่ตื่นตัวมากพอ เธอคิดในใจว่าระวังมากพอแล้ว แต่ก็ยังคาดไม่ถึงว่าความแตกต่างของเธอกับคุณชายตระกูลเซี่ยวจะมากถึงขนาดนี้เซี่ยงหลงมองไปที่ฉินอิ๋งด้วยความเหยียดหยาม “สาวน้อย นี่คุณอยากจะฆ่าผมเหรอ?”เซี่ยงตงเซิงเห็นความสามารถของลูกชายตัวเองก็ดีใจมาก ต้องรู้ไว้ว่าฉิงอิ๋งคนนี้เป็นลูกสาวของนายกรัฐมนตรีฉินที่มีความสามารถที่ไม่ธรร
เซี่ยงตงเซิงพูดอย่างเหยียดหยาม “สาวน้อย ตรงนี้ไม่มีสิทธิ์ให้เธอพูดจา”ถังหว่านมองไปทางฉินอิ๋งแล้วพูดเสียงเบา “ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ตระกูลเซี่ยงจะไม่ฆ่าฉันหากยังไม่ได้ตำรับยาประสานพลังมาก่อน”“ฉันไม่มีทางเป็นอะไร เธอรีบกลับบ้านไปแจ้งพ่อแม่ของฉันให้พวกเขาเตรียมเงินหนึ่งหมื่นล้านบาทให้พร้อม หลังจากนั้นก็แจ้งให้หลิงเฟิงรู้ ให้เขาเอาตำรับยาประสานพลังกับเงินหนึ่งหมื่นล้านบาทมาช่วยฉัน”ตอนนี้เธอก็เชื่อได้แค่ว่าหลินเฟิงจะสามารถช่วยตัวเองได้ฉิงอิ๋งเห็นแบบนี้ก็ทำได้เพียงแต่พยักหน้าอย่างจนปัญญามองดูถังหว่านถูกคนตระกูลเซี่ยงพาขึ้นรถไป ฉิงอิ๋งก็ไม่กล้าที่จะอืดอาดยืดยาดแม้แต่น้อย เธอรีบโทรศัพท์ไปหาหลินเฟิงทันที......หลินเฟิงที่อยู่ที่อ่าวเทียนสุ่ยได้รับสายโทรศัพท์จากฉิงอิ๋งก็ตกตะลึงคิดไม่ถึงว่ากลางวันแสก ๆ ถังหว่านจะถูกคนลักพาตัวไปแล้ว แม้แต่ฉินอิ๋งก็ยังได้รับบาดเจ็บด้วยถึงแม้ว่าฉิงอิ๋งจะไม่ใช่อัจฉริยะด้านการต่อสู้ แต่หลังจากที่เรียนรู้วิธีการปล่อยพลังหัตถ์สายฟ้าก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว จัดการฉินอิ๋งได้ในวินาทีเดียวดูท่าว่าตระกูลเซี่ยงจะมีผู้มีฝีมือสูงสินะเขาไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย ก่อน
ผู้หญิงที่เป็นผู้นำคนนั้นมีรูปร่างผอมเพรียวและยังสวมหน้ากากสีดำขลับ ตาทั้งสองข้างเหมือนกับนกอินทรี เฉียบคมไม่ธรรมดาสวมเสื้อหนังรัดรูปและดูมีความทะมัดทะแมงอย่างมากหลินเฟิงนับจำนวนดูแล้วก็พบว่าที่ด้านหลังของเธอยังมีอีกยี่สิบกว่าคนเขากับฉินเซี่ยวเทียนพูดขึ้นมาพร้อมกัน “ไม่ได้”“ทำไมล่ะ” หลินเสวี่ยเยี่ยนไม่เข้าใจอย่างมากหลินเฟิงอธิบายว่า “จำนวนคนมากเกินไปก็เป็นภาระ เป้าหมายหลักของพวกเราคราวนี้ก็คือเพื่อไปช่วยถังหว่าน ไม่จำเป็นต้องพาคนไปมากขนาดนี้หรอก”ฉินเสี่ยวเทียนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว อีกอย่างถ้าพวกเราพาคนไปมากขนาดนี้ ตระกูลเซี่ยงจะต้องระแวงอย่างแน่นอน”หลายเฟยได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกเหยียมหยามในใจ “ภาระ? ฉันดูแล้วพวกคุณต่างหากที่เป็ฯภาระ? ช่วยคุณหนูออกมา แค่พวกเราก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้พวกคุณเข้าแทรก”“คุณ....” ฉินเสี่ยวเทียนพูดไม่ออก สายน้อยคนนี้ ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะหลินเสวี่ยเยี่ยนพูดขึ้นในทันที “นายกรัฐมนตรีฉินอย่าได้ถือโทษ บุคคลนี้เป็นปรมาจารย์อันดับที่ยี่สิบในการจัดอันดับโลก อีกทั้งยังเป็นผู้คุ้มกันของตระกูลถัง มีความสามารถอยู่บ้าง”ฉินเสี่
หลานเฟยตกตะลึงในทันที ตัวเองทำได้เงียบเชียบขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่ายังถูกจับได้อีก?ในเมื่อถูกจับได้แล้ว เธอก็ไม่แอบซ่อนอีกต่อไป“ใครให้ความกล้ากับพวกนายที่กล้าลักพาตัวคุณหนูตระกูลถัง รีบปล่อยคนไปซะ แล้วจะไว้ชีวิตพวกนาย”เสียงหัวเราะเยาะดังออกมาจากลานจอดรถใต้ดินที่ว่างเปล่า“อุ๊ยอุ๊ยอุ๊ย เป็นเด็กผู้หญิงซะด้วย ไอ้คนสกุลหลินคนนั้นไม่ได้มาด้วยเหรอ?”“หึ เขามาแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เจ๊คนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการพวกนายได้แล้ว” หลานเฟยพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม“หึหึ ดูเหมือนว่าพวกคุณจะฟังไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณชายเซี่ยงพูดนะ งั้นก็ไปตายซะเถอะ”หลานเฟยขมวดคิ้วแน่น คิดไม่ถึงว่าคนที่พูดคนนี้จะไม่ใช่เซี่ยงหลง?ในตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีลมกระโชกแรงพัดเข้ามาที่ตัวเองทันใดนั้นหลานเฟยก็หลบออกไปทันที แต่ลมที่แรงราวกับใบมีดแหลมคมนั้นตัดโดนเส้นผมที่ด้านหน้าของเธอเธอตกใจจนหน้าถอดสี และตกตะลึงอย่างมาก “รวดเร็วเป็นอย่างมาก”หลานเฟยอาศัยสัญชาตญาณหลบหลีกการโจมตีนี้ แต่พรรคพวกด้านหลังของเธอกลับไม่ได้โชคดีแบบนี้พวกเขาไม่ได้มีความสามารถเท่าหลานเฟย และยิ่งไปกว่านั้นลานจอดรถใต้ดินก็มืดจนมองไม
“ทำไมฉันไม่เคยได้ยินในการจัดอันดับโลกมาก่อน?”เธอเป็นปรมาจารย์อันดับที่ยี่สิบของการจัดอันดับโลก บุคคคลนี้ก็เกือบจะฆ่าตัวเองในชั่วพริบตาความสามารถของบุคคลนี้อย่างน้อยก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของการจัดอันดับโลก แต่ปรมาจารย์สิบอันดับแรกนั้นเธอต่างก็รู้จักทั้งหมดไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนที่เก่งเรื่องวิชาตัวเบากับวิชากรงเล็บแบบนี้ชายร่างผอมหัวเราะเยาะ “การจัดอันดับโลก? สาวน้อยดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมี เหนือคนยังมีคนมันหมายความอย่างไรสินะไม่ใช่ว่าปรมาจารย์ทุกคนในโลกจะไปแย่งชิงชื่อเสียงจอมปลอมแบบนี้”หลานเฟยตกตะลึง ไม่ใช่ปรมาจารย์อันดับโลก แต่คนผู้นี้มีความเชี่ยวชาญเรื่องของศิลปะการต่อสู้อย่างมาก ก็ต้องเป็นปรมาจารย์สำนักแน่นอนตัวเองดูถูกปรมาจารย์ในเมืองเจียงโจวต่ำไปจริง ๆ!เมื่อชายร่างผอมเห็นสีหน้าท่าทางที่เสียใจของเธอ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“ทำไมล่ะ? เสียใจงั้นเหรอ?”หลานเฟยกัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องมาถึงตอนนี้ จะฆ่าหรือหั่นเป็นชิ้น ๆ ก็ลงมือเลย ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระให้มากมาย”ในฐานะนักบู๊คนหนึ่ง เธอพร้อมที่จะตายอยู่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เธอก็ไม่ได
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่
“ได้ครับ”หลินเฟิงพยักหน้าประมาณห้านาทีต่อมา หวังลี่ลี่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกุญแจรถ“คุณหลินคะ ตอนนี้คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะไปจัดการที่บ้านคุณค่ะ”ท่าทางของหวังลี่ลี่นอบน้อมอย่างมากเธอเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการของเผิงกวงกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อ ผู้อำนวยการก็รีบร้อนไปขออนุญาตจากเผิงกวงฉี่ราวกับไฟไหม้ก้นคำตอบที่ผู้อำนวยการได้รับจากเผิงกวงฉี่มีเพียงประโยคเดียว“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่”ผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจากเผิงกวงฉี่จึงไม่กล้าประมาท รีบเร่งทำให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายที่สุดโดยให้หวังลี่ลี่ส่งกุญแจรถให้หลินเฟิงโดยตรงความเร็วและท่าทีเช่นนี้ทำให้หวังลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอบคุณครับ”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถบูกัตติ เวียร์รอนคันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาคันนี้เมื่อเครื่องยนต์ 16 สูบถูกสตาร์ท บรรยากาศในล็อบบี้ทั้งหมดก็ถูกกดทับลงทันทีรถยนต์ต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณที่รอเมื่อเทียบกับบูกัตติ เวียร์รอนสีดำแดงคันนี้แล้ว ก็ดูด้อยกว่าไปในทันทีราวกับมังกรสีดำแดงตัวใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของบุคคลผู้นี้ในเผิงกวงกรุ๊ปได้ อำนาจของเขายิ่งใหญ่อย่างมาก“ที่...ที่แท้...ที่แท้คือ...คุณหลิน”หลินเฟิงคือเจ้าของบัตรทองใบนี้เท่านั้นทั้งเผิงกวงกรุ๊ป บัตรทองนี้เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ตอนที่เผิงกวงฉี่ได้มอบให้แก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้เรื่องนี้ภายในเผิงกวงกรุ๊ปต่างก็รับรู้กันดีแต่ผู้จัดการเสิ่นยังไม่ทันได้สืบหาข้อมูลของหลินเฟิง จึงไม่รู้จักหลินเฟิงด้วยซ้ำแต่เมื่อได้เห็นบัตรใบนี้ในวันนี้ เขาก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายตรงหน้าที่เขาเคยมองว่าเป็น “เป็นคนที่ตามจีบหวังลี่ลี่แบบไร้ศักดิ์ศรี” นั้นกลับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่ไว้หลินเฟิง ผู้ถือบัตรทองเพียงหนึ่งเดียวของเผิงกวงกรุ๊ป !ผู้จัดการเสิ่นตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้นทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยจึงพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้ความพยายามอย่างมากมาย จึงดึงบัตรทองออกจากผนังได้ และส่งคืนให้หลินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา“คุณหลินครับ ผม...ผมหลงเชื่อคำนินทา จึงดูถูกคน ผมมัน...ผมสมควรตาย”ผู้จัดการเสิ่นคุกเข่าลงที่หน้าหลินเฟิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวส่วนหลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก
“ที่แท้....ที่แท้ก็เป็นคุณนั่นเอง!”“ฉัน...ฉันจำได้แล้ว ฉัน...ฉันดูถูกคนอื่น โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”ในขณะนี้เอง ที่สุดท้าแล้วยคุณชายตู้ก็เข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงเขาควรที่จะไปล่วงเกินคนที่สามารถประลองกับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้งั้นเหรอ?ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง ตุบ ต่อหน้าคนทั้งหมด และก้มหน้าให้หลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องและร้องไห้เสียงดังลั่นเขากลัวจริงๆนะ!เมื่อเทียบกับผู้จัดการเสิ่น ชายลึกลับผู้นี้ที่ว่ากันว่าสามารถฆ่านักบู๊ของตระกูลเฝิงได้มากกว่าสามสิบคนคนในลมหายใจเดียว!และเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ครอบครัวเฝิงก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกันน่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเฟิงอีกคุณชายตู้นึกถึงหลายๆ อย่างได้ในทันที ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาก่อนจะตกใจอย่างมาก แล้วรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาเมื่อเห็นคุณชายตู้คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา ผู้จัดการเสิ่นที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"แกมัน......"ผู้จัดการเสิ่นมองดูร่างของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข