เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็รีบเดินไปตรงหน้าถังหว่าน“คุณถัง…รู้จักอย่างเป็นทางการหน่อยครับ ผมชื่อสวีเชา เป็นคุณชายของตระกูลสวีเมืองเจียงโจว” สวีเชายื่นมือออกไปพูดขึ้นจางซินที่อยู่ด้านหลังถูกถังหว่านตบหน้าจนหวาดกลัว ไม่กล้าเดินเข้ามาด้วยซ้ำถังหว่านเหลือบมองสวีเชา: “คุณมีธุระอะไรไหม?”สวีเชาเสยไรผมที่อยู่ตรงหน้าผาก แสดงความหล่อเหลาของตัวเองออกมาจากนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย: “คือแบบนี้ครับคุณถัง ที่พวกเรามาในครั้งนี้เพราะอยากคุยเรื่องสิทธิ์การเป็นตัวแทนยาปรับประสานพลังกับคุณ”“เรื่องแบบนี้อีกเดี๋ยวรองานเริ่มแล้วค่อยคุยกันเถอะ” ถังหว่านสีหน้าเฉยเมยสวีเชาก็เริ่มการประจบประแจงที่เขาถนัดที่สุด: “คุณถังไม่เสียแรงที่เป็นหญิงแกร่งอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจว”“มีระเบียบในการทำสิ่งต่าง ๆ มีบุคลิกที่องอาจจริง ๆ สวีเชาเลื่อมใส”“ไม่ทราบว่าคุณถังช่วยยกเว้นผมสักครั้งได้ไหมครับ?”ถังหว่านหัวเราะเยาะ: “ยกเว้นให้คุณ? เพราะอะไร?”“เพราะว่าผมยกย่องคุณถังมานานแล้ว การเป็นตัวแทนยาปรับประสานพลังในครั้งนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพื่อคุณถัง”สวีเชาพูดว่า: “ฟังเรื่องราวของคุณถัง ผมคิดอยากช
หลินเฟิงหัวเราะเยาะ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้พบเจอกับคนที่หน้าไม่อายแบบนี้“บุญคุณของตระกูลหลี่ฉันตอบแทนไปจนหมดตั้งนานแล้ว ถ้าจะพูดว่าติดค้างก็คงเป็นตระกูลหลี่ของเธอที่ติดค้างฉัน”“หลินเฟิง แกอย่าพูดไร้สาระ รีบเอาตำรับยาส่งมอบออกมา” จางซินไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่ามูลค่าตำรับยาปรับประสานพลังมีมูลค่ามากเพียงแค่เอาตำรับยาแผ่นนี้มาได้ เธอก็ถือว่าได้อยู่ดีกินดีแล้วจริง ๆไม่ว่าอย่างไรเธอจะปล่อยหลินเฟิงไปไม่ได้หินเฟิงขมวดคิ้ว และมองเธอด้วยความเย็นช้าแล้วพูดขึ้น: “ปล่อยมือซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจเธอ”“ทำไม? นายกล้าตบผู้หญิงเหรอ? มาสิ ตบตรงนี้ได้เลย” จางซินชี้ไปที่แก้มของตัวเองเธอไม่เชื่อว่าหลินเฟิงกล้าลงมือกับเธอที่เป็นผู้หญิงหลินเฟิงไม่เคยเจอผู้หญิงที่หน้าขนาดนี้มาก่อนเขาผลักจางซินออกอย่างแรง“อ๊ะ…” จางซินสูญเสียการทรงตัวทันที จากนั้นเธออุทานออกมาแล้วหงายหลังไปโชคดีที่สวีเชายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้วรับเธอเอาไว้“ซินซิน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”จางซินโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน: “ไอ้สกุลหลิน แกกล้าผลักฉันเหรอ?”“ฉันเป็นผู้หญิงนะ แกไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิดเลยเหรอ?”หลิ
“อะไรนะ?”จางกุ้ยหลานตะโกนเสียงดัง สีหน้าแดงก่ำ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความเดือดดาล: “ใครมันใจกล้าแบบนี้ ถึงได้กล้าตบหลานสาวของฉัน?”เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของหลานสาวตัวเองมีรอยฝ่ามือแดง ๆ อยู่จางซินร่ำไห้: “จะเป็นใครได้คะ? ก็ต้องไปเป็นไอ้หลินเฟิงอยู่แล้ว”“วันนี้หนูไปงานเลี้ยงตัวแทนยาปรับประสานพลังของตระกูลถัง หลินเฟิงคนนั้นเห็นหนูแล้วรู้สึกไม่พอใจ ก็เลยตบหน้าหนู”“ตบจนหนูเจ็บหน้ามาก”หลี่เหวินเชาถึงแม้จะไม่ชอบลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ชอบหลินเฟิงยิ่งกว่า ได้ยินหลินเฟิง เมื่อได้ยินว่าหลินเฟิงทำร้ายคนเขาก็กำหมัดแน่น: “หลินเฟิงคนนี้บ้าระห่ำเกินไปแล้วจริง ๆ”“นี่มันไม่เห็นครอบครัวของพวกเราอยู่ในสายตาเลยสินะ”“แค่นั้นที่ไหนกันล่ะ”จางซินพูดขึ้นช้า ๆ: “หลินเฟิงคนนั้นตอนนี้มีชีวิตอย่างดีมาก และได้กลายเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังด้วย”“ฉันก็แค่เข้าไปถามเรื่องตำรับยาปรับประสานพลัง เขายังเยาะหยันฉัน พูดว่า: ตีเขาให้ตายก็ไม่มีทางบอกตำรับยาปรับประสานพลังกับฉันจางกุ้ยหลานที่เมื่อครู่ยังจมอยู่ในความโมโหเมื่อได้ยินเรื่องตำรับยาปรับประสานพลัง เธอก
หลินเฟิงยิ้มบาง วุ่นวายอยู่นานสองคนนี้ระดมกำลังแห่กันมาก็เพื่อมาเอาเงินชดเชยหรอกเหรอ!“พวกคุณสองคนต้องการเท่าไหร่?”จางกุ้ยหลานพูดขึ้นโดยตรง: “พวกเราไม่ต้องการเงิน”คำพูดนี้ทำให้หลินเฟิงชะงักงัน: “ไม่ต้องการเงิน?”วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือยังไง“ถูกต้อง ได้ยินว่าตอนนี้นายได้เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังแล้วเหรอ? เอาแบบนี้ นายเอาตำรับยาปรับประสานพลังให้พวกเรา พวกเราก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้ว”หลี่เหวินเชาสองมือล้วงกระเป๋า และพูดด้วยท่าทางมีจิตใจเมตตาหลินเฟิงสีหน้าเคร่งขรึมทันที วุ่นวายอยู่นานที่แท้สองคนนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ยาปรับประสานพลังComment by -: “พวกคุณคิดมากไปแล้ว ตอนนี้ตำรับยาปรับประสานพลังมอบให้กับบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังแล้ว ถ้าพวกคุณอยากได้ก็ไปหาถังหว่าน”จางกุ้ยหลานพูดด้วยความหงุดหงิด: “แกอย่าพูดพล่าม แกบอกมาแค่ว่าแกรู้ตำรับยาปรับประสานพลังไหม?”หลินเฟิงพยักหน้าด้วยความเด็ดขาด: “รู้”“งั้นแกเขียนให้พวกเราแผ่นหนึ่ง”“เป็นไปไม่ได้” หลินเฟิงพูดด้วยความแน่วแน่“ทำไม?”“ตอนนี้ตำรับยาปรับประสานพลังถือว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง ผมไม่มี
ถ้าหากลงมือจริง ๆ เกรงว่าหลินเฟิงไม่มีทางรอจนถึงตอนแต่งงานจางกุ้ยหลานพูดด้วยความไม่พอใจ: “ลูกดูตัวลูกสิ ตอนนี้ยังช่วยพูดแทนไอ้เวรนั่นอีก”“เหวินเชา เอาวิดีโอออกมาให้เธอดูสิ”จางกุ้ยหลานพูดสั่งลูกชายหลี่เหวินเชาตัดต่อบันทึกการขับขี่ออกมาตั้งนานแล้ว จนกระทั่งเอาให้หลี่ฮุ่ยหราน“ถ้าหากไม่เชื่อเธอก็ดูเอาเองเถอะ”หลี่ฮุ่ยหรานรับโทรศัพท์ไป เห็นเพียงแค่ภาพที่หลินเฟิงกับแม่ของเธอถกเถียงกันในโทรศัพท์ จากนั้นหลินเฟิงก็ผลักแม่ของเธอเธอรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลินเฟิงจะทำแบบนี้ได้“นี่…ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”“พี่ ฉันบอกกับพี่ไปตั้งนานแล้วว่า ไอ้หลินเฟิงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ก็แค่เสแสร้งเก่งเวลาที่อยู่ต่อหน้าพี่ก็เท่านั้น” ในตอนนี้จางซินเข้ามาพูดปลอบใจหลี่ฮุ่ยหรานกัดปาก จากนั้นก็โทรวิดีโอไปทันทีขณะเดียวกัน หลินเฟิงเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ เตรียมจะไปเยี่ยมเยือนจางเต๋อหลินแต่คิดไม่ถึงว่าสายวิดีโอของหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรเข้ามาหลินเฟิงเพิ่งกดปุ่มรับสาย ก็เห็นสีหน้าโมโหของหลี่ฮุ่ยหราน“ฮัลโหล คุณมีธุระอะไรไหม?”หลินเฟิงจี้ถาม“หลินเฟิง คุณทำไมถึงลงมือทำร้ายแม่ของฉั
จางกุ้ยหลานพูดอย่างไม่แยแส: “เขาจะเป็นอย่างไรเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา?”“แม่…ทำไมแม่ถึงเป็นแบบนี้? หลี่ฮุ่ยหรานโมโหจนกระทืบเท้าแต่อีกฝ่ายคือแม่ของเธอ เธอจะทำอะไรได้ตอนนี้สิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดก็คือเมื่อครู่ควรจะคิดให้มากหน่อยตัวเองทำไมถึงได้เลอะเลือนแบบนี้ ถึงได้สงสัยหลินเฟิงในตอนนี้จางซินก็เข้ามาพูดเกลี้ยกล่อม: “พี่ อย่างไรพี่กับหลินเฟิงก็หย่าร้างกันแล้ว พี่ยังจะคิดแทนเขาทำไม?”“พี่ควรจะคิดหาวิธีเอาตำรับยาปรับประสานพลังมา ถึงเวลาตระกูลหลี่ของเราก็จะรุ่งโรจน์พุ่งแรงหลี่ฮุ่ยหรานมองเห็นสีหน้าท่าทางของญาติเหล่านี้ของตัวเอง จึงพูดด้วยความโมโหเดือดดาล: “พอแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปไม่ว่าใครก็ห้ามพูดถึงอีก”“ถ้าหากพวกคุณไปเอาตำรับยาจากหลินเฟิงอีก อย่าโทษที่ฉันโมโห“หลี่ฮุ่ยหรานพูดจบ จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนด้วยความโมโห”ไอหยา…“จางกุ้ยหลานและคนอื่นหมดคำพูด“ฮุ่ยหรานจริง ๆ เลย ทำไมถึงได้เข้าข้างคนนอกตลอดเลยนะ?”ขณะเดียวกัน หลินเฟิงมาถึงสำนักไป๋เกาจางเต๋อหลินรออยู่ที่หน้าประตูนานแล้วด้านหลังยังมีจางเจียหนิงยืนอยู่ด้วย เมื่อเห็นหลินเฟิงมาถึงทั้งสองคนก็เดินเข้ามาทันที“สหายน้อยหล
“คุณหลิน ฉันไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำมาให้คุณนะคะ” จางเจียหนิงพูดขึ้นหลินเฟิงพูด: “ไม่จำเป็นแล้ว อีกเดี๋ยวผมจะกลั่นยา”“ห๊ะ?”จางเจียหนิงตกตะลึงอย่างมาก: “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณไม่พักผ่อนเหรอคะ?”“ครั้งนี้ยาที่จะกลั่นไม่ได้ซับซ้อนมาก อีกเดี๋ยวก็จัดการเรียบร้อยแล้ว”“งั้น…ฉันก็ยังอยากเตรียมให้คุณสักชุด”จางเจียหนิงพูดจบก็วิ่งออกไปนอกห้องจากนั้นก็นำอุปกรณ์อาบน้ำวางไว้ที่ห้องรับแขกจากนั้นก็เดินหาวมาที่หน้าประตูสำนักไป๋เกาสำนักไป๋เกาไม่ใช่โรงพยาบาล ปกติไม่ได้เปิดทำการยี่สิบสี่ชั่วโมงในตอนที่เธอจะปิดประตูจู่ ๆ ก็มีผู้หญิงสองคนบุกเข้ามาผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดเดรสยาวสีฟ้าใบหน้าซีดเซียวถูกผู้หญิงที่สวมชุดรัดรูปประคองอยู่“ทั้งสองท่าน พวกเราจะปิดร้านแล้วค่ะ”หญิงสาวชุดรัดรูปมองไปทางจางเจียหนิงแล้วรีบพูดขึ้น: “แม่หนูคนนี้ พวกเรากำลังถูกคนไล่ฆ่า ขอให้พวกเราหลบซ่อนตัวหน่อยนะคะ”จางเจียหนิงสีหน้างุนงง คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเจอกับเรื่องแบบนี้ไม่รอให้เธอเอ่ยปาก คนกลุ่มใหญ่ก็พุ่งออกมาจากหัวมุมถนนแต่ละคนมือถืออาวุธและมุ่งเข้ามาที่สำนักไป๋เกาโดยตรงจางเจียหนิงเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ที่ไหนก
ชายที่มีรอยสักชะงักงัน หรือว่าภายในศูนย์การแพทย์เล็ก ๆ แห่งนี้มีผู้มีฝีมือสูงส่ง?”ในตอนนี้เอง หลินเฟิงเดินออกมาจางเจียหนิงกลับหลบอยู่ที่ด้านหลังของเขาเดิมทีหลินเฟิงกำลังจะกลั่นยา แต่กลับได้ยินเสียงอื้อฉาวที่ด้านนอกคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะออกมาข้างนอกห้องก็เห็นคนสองคนกำลังไล่ตามจางเจียหนิงหลินเฟิงก็ไม่มีความเกรงใจใด ๆ เขาถีบสองคนนั้นกระเด็นออกไปทันทีจากนั้นก็กวาดมองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นพวกไป๋ชิงเฉี่ยนและพูดเสียงแข็ง: “ใครกันกล้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่?”ชายที่มีรอยสักจ้องมองหลินเฟิง แต่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา: “จัดการมันซะ”เพิ่งพูดจบ ลูกน้องจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาทันที“คุณหลินระวังนะคะ” จางเจียหนิงเห็นอีกฝ่ายมีกำลังเยอะจึงพูดเตือนในทันทีแต่พวกกุ้งหอยปูปลาเหล่านี้ ในสายตาของหลินเฟิงไม่เพียงพอให้มองดูด้วยซ้ำวินาทีต่อมาหลินเฟิงเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าเคลื่อนตัวไปในกลุ่มลูกน้องปล่อยหมัดใส่ทีละคน ต่อยจนกลุ่มลูกน้องกระเด็นออกไปทันที“แม่งเอ๊ย…” ชายที่มีรอยสักตกตะลึงจนหน้าถอดสีเป็นผู้มีฝีมือสูงจริง ๆ ด้วยเห็นลูกน้องของตัวเองล้มไ
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็