ชายที่มีรอยสักชะงักงัน หรือว่าภายในศูนย์การแพทย์เล็ก ๆ แห่งนี้มีผู้มีฝีมือสูงส่ง?”ในตอนนี้เอง หลินเฟิงเดินออกมาจางเจียหนิงกลับหลบอยู่ที่ด้านหลังของเขาเดิมทีหลินเฟิงกำลังจะกลั่นยา แต่กลับได้ยินเสียงอื้อฉาวที่ด้านนอกคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะออกมาข้างนอกห้องก็เห็นคนสองคนกำลังไล่ตามจางเจียหนิงหลินเฟิงก็ไม่มีความเกรงใจใด ๆ เขาถีบสองคนนั้นกระเด็นออกไปทันทีจากนั้นก็กวาดมองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นพวกไป๋ชิงเฉี่ยนและพูดเสียงแข็ง: “ใครกันกล้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่?”ชายที่มีรอยสักจ้องมองหลินเฟิง แต่กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา: “จัดการมันซะ”เพิ่งพูดจบ ลูกน้องจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาทันที“คุณหลินระวังนะคะ” จางเจียหนิงเห็นอีกฝ่ายมีกำลังเยอะจึงพูดเตือนในทันทีแต่พวกกุ้งหอยปูปลาเหล่านี้ ในสายตาของหลินเฟิงไม่เพียงพอให้มองดูด้วยซ้ำวินาทีต่อมาหลินเฟิงเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าเคลื่อนตัวไปในกลุ่มลูกน้องปล่อยหมัดใส่ทีละคน ต่อยจนกลุ่มลูกน้องกระเด็นออกไปทันที“แม่งเอ๊ย…” ชายที่มีรอยสักตกตะลึงจนหน้าถอดสีเป็นผู้มีฝีมือสูงจริง ๆ ด้วยเห็นลูกน้องของตัวเองล้มไ
หลินเฟิงชี้ไปที่สำนักไป๋เกาแล้วพูดขึ้น: “สถานที่นี้คือศูนย์การแพทย์สำนักไป๋เกาที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเจียงโจว ต้องรักษาเป็นอยู่แล้ว”ไป๋ชิงเฉี่ยนมองดูตู้ยาที่อยู่โดยรอบแล้วยิ่งมั่นใจว่าหลินเฟิงไม่ได้พูดโกหกจริง ๆเมื่อครู่ระหว่างที่หลบหนีเธอถูกปล่อยหมัดใส่ตอนนี้ชี่และเลือดเสียสมดุล ถึงขั้นที่หายใจยังยากลำบากในเมื่ออีกฝ่ายเป็นหมอ เธอจึงยื่นมือออกมาทันทีหลินเฟิงเพียงแค่สัมผัสชีพจรเบา ๆ ก็รู้ว่าปัญหาของเธออยู่ตรงไหนเห็นเพียงแค่นิ้วมือของหลินเฟิงรวดเร็วเหมือนสายฟ้ากดจุดตรงหน้าอกของไป๋ชิงเฉี่ยนติดต่อกันเธอรู้สึกเจ็บหน้าอกเป็นอย่างมากในทันที“นี่ นายทำอะไรน่ะ? กล้าแต๊ะอั๋งคุณหนูของฉันเหรอ?” ต่งหลิงอวี้เห็นหลินเฟิงยื่นมือออกมาสัมผัสหน้าอกของไป๋ชิงเฉี่ยนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีจากนั้นก็ดึงไป๋ชิงเฉี่ยนกลับไปเธอถลึงตาใส่หลินเฟิงแล้วพูดต่อว่า: “นึกว่านายเป็นหมอมีจรรยาบรรณอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าจะแอบอ้างการรักษาเพื่อแต๊ะอั๋งคุณหนูของฉัน?”หลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองไปทางต่งหลิงอวี้: “เธอพูดจาไม่น่าฟังเลยจริง ๆ”“นาย…”ต่งหลิงอวี้กำลังจะเอ่ยปากด่าคนแต่กลับถูกไป๋ชิงอวี้
“คุณหนู คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” ต่งหลิงอวี้เห็นแบบนี้ก็ตื่นตระหนกและรีบเข้าไปประคองเอาไว้ในตอนนี้เองกำลังคนของตระกูลต่งก็ตามมาถึง“หลิงอวี้ คุณหนูเป็นอะไรไป?” คนที่นำหน้ามาเห็นคุณหนูหมดสติจึงรีบเข้าไปถามต่งหลิงอวี้รีบพูดอธิบาย: “ฉันกับคุณหนูถูกมือสังหารลอบฆ่า คุณหนูถูกพวกมันต่อยเข้า”“รีบไปโรงพยาบาล” บอดี้การ์ดรีบอุ้มไป๋ชิงเฉี่ยนขึ้นรถจากนั้นก็ขับไปยังโรงพยาบาลเมืองเจียงโจวผ่านการช่วยชีวิตตลอดทั้งคืน ในที่สุดไป๋ชิงเฉี่ยนก็พ้นขีดอันตรายท้องฟ้าเพิ่งสว่าง ผู้นำตระกูลไป๋ก็ตามมาที่โรงพยาบาลด้วยความร้อนรน“ตอนนี้อาการลูกสาวของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?” ไป๋เจิ้นหัวถามบอดี้การ์ดบอดี้การ์ดก้มหน้าด้วยความเก้กังแล้วพูดขึ้น: “คุณไป๋ถูกมือสังหารลอบฆ่า ได้รับบาดเจ็บภายใน แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”“พวกแกเลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ คนเยอะแยะขนาดนี้ยังทำให้ลูกสาวของฉันบาดเจ็บได้” ไป๋เจิ้นหัวด่าทอด้วยความโมโหจนระงับอารมณ์ไม่อยู่กลุ่มบอดี้การ์ดทำได้แค่ก้มหน้าไม่พูดไม่จาในตอนนี้ต่งหลิงอวี้พูดอธิบายขึ้น: “คุณอาไป๋ เรื่องนี้โทษหนูเองค่ะ ตอนนั้นคุณหนูอยากออกไปเดินเที่ยวเล่น หนูไม่ได้ห้ามปรามไว้ไ
“เอาเถอะชิงเฉี่ยน ลูกพักผ่อนให้เต็มที่อย่าขยับซี้ซั้ว”ไป๋ชิงเฉี่ยนพยักหน้าแล้วถามขึ้น: “พ่อ อาการของหนูไม่ได้รุนแรงมากใช่ไหมคะ?”ไป๋เจิ้นหัวพูดปลอบใจ: “ลูกวางใจได้ ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเจียงโจวได้ไปหาผู้มีฝีมือสูงมาแล้ว จะต้องรักษาอาการของลูกได้แน่นอน”“เหรอคะ?” ไป๋ชิงเฉี่ยนยิ้มบาง“แน่นอนอยู่แล้ว” ไป๋เจิ้นหัวพยักหน้าติดต่อกัน: “มีพ่ออยู่ ลูกไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน”ครั้งนี้ไป๋ชิงเฉี่ยนไม่ได้พูดอะไรอีกอันที่จริงเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของตัวเอง ในเมื่อจุดประสงค์หลักในการมาเมืองเจียงโจวในครั้งนี้ก็คือการแต่งงานเกี่ยวดองกันแต่เธอไม่ได้ชอบคู่แต่งงานของเธอด้วยซ้ำเมื่อคืนออกจากโรงแรมกลางดึก เหตุผลหลักก็เป็นเพราะอยากจะหนีออกจากเมืองเจียงโจวหลุดพ้นจากชะตากรรมของการแต่งงานแต่น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ทำตามอย่างที่หวังเมื่อคืนเธอคิดอยู่ตลอด บางทีเธอตายไปแบบนี้ก็คงดีผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูของห้องพักผู้ป่วยก็ถูกผลักออกชายวัยกลางคนคนหนึ่งกับวัยรุ่นที่อายุยี่สิบต้น ๆ เดินเข้ามาคนที่มาก็คือเหยนควาน ท่านผู้นำสำนักอวี้เจี้ยนของเมืองเจียงโจววัยรุ่นที่อยู่ด้านข้างคือเหยน
“หือ?” หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นมอง ก็จำผู้หญิงคนนี้ได้ทันทีนี่ก็คือผู้หญิงสองคนนั้นที่ถูกไล่ฆ่าที่สำนักไป๋เกาเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เหรอคิดไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ด้วย“หลิงอวี้ หนูรู้จักเขาเหรอ?” ไป๋เจิ้นหัวถามด้วยความงุนงง“ถูกต้องเขาก็คือคนเมื่อคืน…”ต่งหลิงอวี้กำลังจะพูดว่า หลินเฟิงคือคนที่เมื่อคืนนี้เอาเปรียบคุณหนูไป๋แต่ว่าพ่อลูกตระกูลเหยนยังอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าได้ยินคำพูดนี้จะต้องโกรธเป็นอย่างแน่”คำพูดที่อยู่ข้างปากถูกเขาฝืนกลืนกลับเข้าไป“เมื่อคืนทำไม?” ไป๋เจิ้นหัวถามขึ้นด้วยความงุนงงโชคดีที่ไป๋ชิงหัวที่อยู่บนเตียงคนไข้ตอบสนองได้เร็วพอ จึงรีบพูดขึ้น: “เขาก็คือคนที่ช่วยหนูไว้เมื่อคืนนี้”“พวกเราถูกคนของสำนักเทียนอิงตามฆ่า เป็นเขาที่ช่วยพวกเราเอาไว้”“อ้าว? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”ไป๋เจิ้นหัวประหลาดใจเล็กน้อย ไอ้หมอนี่ดูไปแล้วอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ แต่ยังมีความสามารถแบบนี้ด้วย?สายตาที่มองไปทางหลินเฟิงไม่มีความเหยียดหยามเมื่อครู่นี้แล้วในตอนนี้หวังไห่ยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ผมพูดว่าอย่างไรล่ะ สหายน้อยหลินความสามารถไม่ธรรมดา ไม่เพียงทักษะการแพทย์เลิศล้ำ อีกทั้งศิลปะการ
ที่สำคัญคือ ถ้าหลินเฟิงคนนี้เป็นแพทย์แผนจีนสูงวัยก็ช่างเถอะ แต่เขาอายุน้อยเกินไปแล้ว“หรือว่าไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอครับ?” ไป๋เจิ้นหัวเกาศีรษะแล้วถามขึ้นหลินเฟิงส่ายหน้า: “วิธีรักษาของผมมีแค่วิธีนี้วิธีเดียว ถ้าหากพวกคุณไม่อยากใช้จะไม่ใช้ก็ได้”“หึ”ในตอนนี้เอง เหยนจวิ้นส่งเสียงไม่พอใจแล้วพูดขึ้น: “ฉันดูแล้วนายอยากจะเอาเปรียบคู่หมั้นของฉันซะมากกว่า”“ยังจะถอดเสื้อผ้ารักษาอะไรอีก? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินวิธีการรักษาที่เหลวไหลแบบนี้เลย”หลินเฟิงเหลือบตามองเขา หน้าตาเหมือนกับตือโป๊ยก่าย ดวงตาเหมือนหนูดูอย่างไรก็อัปลักษณ์อย่างนั้นคิดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเฉี่ยนที่สวยและสูงโปร่งจะมีคู่หมั้นแบบนี้แต่เขาไม่อยากยุ่งเรื่องครอบครัวของคนอื่นจากนั้นก็ยักไหล่แล้วแสดงท่าทาง: “ในเมื่อพวกคุณไม่ยอมเชื่ออย่างงั้นก็ช่างเถอะ”ในตอนนี้ไป๋ชิงเฉี่ยนกลับเอ่ยปากขึ้น: “คุณหลินมารักษาอาการให้ฉัน จากที่ฉันดู ในสายตาของหมอไม่มีผู้หญิงผู้ชาย ไม่สู้ให้คุณหลินรักษาเถอะ”เธอไม่ได้คิดว่าหลินเฟิงจะมีความคิดชั่วร้ายอะไรเหยนจวิ้นที่อยู่ด้านข้างพูดเกลี้ยกล่อม: “ทำแบบนี้ได้อย่างไร? คุณเป็นคู่หมั้นของผม พวกเรายังไม่ได้แต
ตามหาคนรักษาเป็นความต้องการของตระกูลไป๋ ตอนนี้ตามหาคนเจอแล้ว ตระกูลไป๋กลับไล่คนกลับไปนี่ทำให้หวังไห่เก้กังอย่างมากหลินเฟิงโบกมือแล้วพูดออกมา: “ผู้อำนวยการหวัง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับคุณ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษเพื่อพวกเขา”“ผมมีธุระอีก ต้องขอตัวก่อนนะครับ”“ผมไปส่งคุณครับ” หวงไห่ไปส่งหลินเฟิงออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเองผ่านไปครู่หนึ่ง จางเต๋อหลินก็ถูกคนของตระกูลเหยนรับตัวมาทุกคนเห็นจางเต๋อหลินผมขาวเต็มหัว จึงพยักหน้าติดต่อกัน ในเมื่อนี่ถึงจะเป็นท่าทางของหมอเทวดาในสายตาของพวกเขาเหยนควานพูดแนะนำ: “ท่านนี้ก็คือจางเต๋อหลิน หมอเทวดาของสำนักไป๋เกา”“หมอเทวดาจาง ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้วครับ” ไป๋เจิ้นหัวรีบเข้าไปจับมือกับจางเต๋อหลินดูท่าคราวนี้ลูกสาวของเขารอดแล้วจางเต๋อหลินยิ้มด้วยความสุภาพ: “คุณไป๋ไม่จำเป็นต้องเกรงใจครับ ระหว่างทางที่มาท่านผู้นำหวงได้บอกสถานการณ์ของลูกสาวของคุณให้ผมฟังแล้ว”“พวกเรารีบรักษากันเถอะครับ”“เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำครับ”ไป๋เจิ้นหัวและคนอื่น ๆ หลีกทางให้จางเต๋อหลินมาตรงหน้าเตียงผู้ป่วยของไป๋เจิ้นหัวจางเต๋อหลินก็ตรวจจับชีพจรเช่นกันเพียงแต่
ดวงตาของเขาเป็นประกายแล้วพูดขึ้น: “คุณไป๋ ที่คุณพูดเมื่อครู่จริงไหมครับ?”“จริงครับ จริงแท้แน่นอน”จางเต๋อหลินยิ้มบางแล้วพูดขึ้น: “คุณไป๋ ถึงแม้ผมจะรักษาอาการลูกสาวของคุณไม่ได้ แต่เจียงโจวมีคนผู้หนึ่งที่สามารถทำได้”“คนผู้นี้ไม่เพียงวิชาการแพทย์ล้ำเลิศ แต่ยังเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ สามารถรักษาอาการของลูกสาวของคุณได้อย่างแน่นอน”“คนผู้นี้วิชาแพทย์ดีกว่าคุณอย่างไร?” ไป๋เจิ้นหัวถามด้วยความประหลาดใจจางเต๋อหลินโบกมือแล้วหัวเราะเยาะตัวเอง: “ผมเทียบกับเขา นั่นเป็นแสงเรืองรองของหญ้าเน่าเทียบกับดวงจันทร์ที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า”“คนผู้นี้เก่งกว่าผมมากกว่าร้อยเท่า”“เจียงโจวยังมีคนแบบนี้ด้วยเหรอ?”ไป๋เจิ้นหัวตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จางเต๋อหลินคนนี้แค่จับชีพจรก็รู้แล้วว่าลูกสาวของเขาถูกคนทำร้ายมาเมื่อคืนถ้าหากเก่งกว่าจางเต๋อหลินเป็นร้อยเท่า เกรงว่าคงมีเพียงบุคคลใหญ่โตที่เมืองหลวงเท่านั้นในตอนนี้เหยนควานลูบคางแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ: “ผมอยู่ที่เมืองเจียงโจวมาหลายปีขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เคยได้ยินถึงบุคคลนี้มาก่อน”ถ้าหากคนผู้นี้เก่งกว่าจางเต๋อหลิน เขาก็คงรู้จักตั้งนานแล้วจางเต๋อหลินยิ้มแล้วพู
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็
มันชัดเจนอยู่แล้วแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งมากแค่ไหน ชายชราหน้ากากเหล็กก็ไม่เปลี่ยนหนทางของตัวเองถ้าจะพูดตรง ๆหลินเฟิงก็รู้สึกสับสนอย่างมากชายชราคนนี้มีพลังมากมายมหาศาล และจากสิ่งที่ฟ่านหลิงเยว่อธิบายไปเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักทักษะการทำนายดวงชะตาบางประเภทด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากหลินเฟิงไม่อยากจะไปล่วงเกินคนประเภทนี้มากที่สุดแม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถต่อสู้กับเขาได้ แต่หากเขาไปโจมตีคนรอบตัวของคุณ คุณจะทำอย่างไร?หรือว่าต้องฟังการจัดเตรียมของเขาแล้วอยู่กับฟ่านหลิงเยว่จริง ๆ....หลินเฟิงหันหน้าไปมองฟ่านหลิงเยว่ แล้วหางตาก็กระตุกถึงแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งอย่างรุนแรง แต่กลับมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของเธอ“เอ่อ...อาจารย์หลิน คุณดูสิ เรื่องมันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็......”ฟ่านหลิงเยว่มองมาทางหลินเฟิง ราวกับกำลังหยั่งเชิงท่าทางของหลินเฟิงเธอถึงขั้นใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อย“หยุด!”หลินเฟิงยื่นมือไปห้ามพร้อมกับพูดว่า :“วางใจเถอะ ฉันจะหาวิธีที่ทำให้คุณปู่ของเธอเลิกความคิดนี้ให้ได้ภายในหนึ่งปี”“ชู่ว”เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่ต
“ทำนายผิดงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าผมยกชีพจรมังกรไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนงั้นเหรอ? คุณลักพาตัวคนของผมแล้วยังหลอกล่อผมให้เข้ามาที่นี่อีก หรือว่ามันก็เพื่อเรื่องนี้งั้นเหรอ?”ความหงุดหงิดปรากฏบนใบหน้าของหลินเฟิง“คนของนายงั้นเหรอ?”ชายชราในหน้ากากเหล็กหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำนักโม่ซวีของฉัน ไปเป็นคนของนายตั้งแต่เมื่อไร?“ผู้อาวุโสสูงสุด คุณอย่าพูดไร้สาระ!”ฟ่านหลิวเยว่ที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆก็ตะโกนขึ้นมาว่า :“ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าได้หักหลังสำนักโม่ซวีนะ? และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนของสำนักโม่ซวีของพวกคุณแล้วด้วย!” “เหอะ สำนักโม่ซวีเป็นสถานที่เธออยากเข้าก็เข้า อยากจะออกก็ออกได้งั้นเหรอ?”“จะออก จะออก แบร่!”ฟ่านหลิงเยว่แลบลิ้นล้อเลียนใส่ชายชราหน้ากากเหล็ก“......”ชายชราหน้ากากเหล็กหายใจแรงเล็กน้อย แล้วหลินเฟิงก็ยังมองเห็นหางตาของเขากระตุกขึ้นอย่างชัดเจน“โอ๊ย ผู้อาวุโสสูงสุด คุณไม่ต้องไปโต้เถียงกับสาวน้อยคนนี้หรอก”ฟ่านอู๋จี๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงและพูดขึ้นว่า :“น้องชาย...คนนั้น ไ
“พี่ใหญ่ มีคนมาแล้ว!”อันธพาลที่สวมเสื้อกั๊กมองเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำขับที่เข้ามาหาก็รีบหันกลับมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในวัดบนเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรายงานพี่ใหญ่ของตัวเอง“เชี่ยเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ต่อรอง คนนี้มันรวยจริง ๆเลย!”อันธพาลนั้น มีรวม ๆทั้งหมดสิบกว่าคนอีกทั้งในกลุ่มอันธพาลก็ถือว่าไม่ได้มีหน้ามีตามากที่สุดในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ อันธพาลคนนี้จึงมีสีผมหลากหลายมากกว่าลูกน้องของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่สี ดูเหมือนว่าอายุก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ และน่าจะมีอายุประมาณเพียงยี่สิบปีกันทั้งหมดหลินเฟิงลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ หัวหน้าแก๊งอันธพาลก็เลยยกไม้เบสบอลโลหะที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความอวดดี ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“แกยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามา!”“ได้ ได้ ได้”หลินเฟิงยกมือยอมแพ้ พร้อมทั้งลอบมองไปโดยรอบ เพื่อหาชายชราที่สวมหน้ากากเหล็ก“เงินล่ะ?”หัวหน้าแก๊งอันธพาลมองไปทางหลินเฟิงแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น“พี่ใหญ่ บนรถไม่มีอะไรเลย!”อันธพาลรีบพุ่งเข้าไปดูรถที่หลินเฟิงขับมา ก่อนจะพบว่าไม่มีกระเป๋าเอกสารหรือสิ่งที่คล้ายกันอยู่บนรถเลยแม้แต่น้อย“เชี่ย
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก
หลินเฟิงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตระกูลเฝิงนานนักเขาบำรุงรักษาร่างกายให้หยินหลิง จากนั้นนำยาอมตะเลือดราชันย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวมอบให้เธอ และกำชับเธอให้รักษาความปลอดภัยจึงได้ออกจากตระกูลเฝิงก่อนจากไป หลินเฟิงไม่เพียงเห็นผู้คุ้มกันสองคนก่อนหน้านี้คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่าอยู่ที่หน้าประตูแถมยังถูกเฝิงอวี้ที่ฟื้นคืนสติ ค้ำไม้เท้า เดินออกมาส่งด้วยสีหน้าหดหู่“ผมได้ทราบความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความสามารถของหมอเทวดาหลิน ไม่ใช่คนที่ผมเฝิงอวี้อู่จะเทียบได้”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจหรือเปล่าหรือเป็นเพราะหมดสติเดือนกว่าๆ จึงทำให้เขาดูขาดชี่และเลือดตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด“คุณเป็นคนแรกที่ผมเฝิงอวี้อู่เลื่อมใสจากใจ จุดนี้ เกรงว่าจอมมารคนนั้นของสำนักหลงผานก็ยังทำไม่ได้”“รอให้บาดแผลหายดี ผมจะต้องไปเยี่ยมเยือนถึงที่ ขอคำชี้แนะจากคุณ”เฝิงอวี้อู่แพ้เป็น และก็ปล่อยวางได้เขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิง ศัตรูที่เขาเคยดูถูกและใส่ร้ายในอดีต จะมาช่วยเขาโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตถึงแม้จะเป็นเพราะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแ
หลินเฟิงเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน“แต่ว่า....พวกเราหมั้นกันแล้วนะ....นี่ จะไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้หรือเปล่า?”“อุ๊ปส์ พี่หลินเฟิง พี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ สิ่งที่เด็ก ๆพูดจะถือว่าเป็นการหมั้นหมายก็ได้เหรอ?”“ทำได้แน่นอน ฉันหลินเฟิง พูดคำไหนคำนั้น!”......หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ขับรถกลับมาตามเส้นทางเดิมเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเฝิงอีกครั้ง เขาก็เอาเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่มาให้กับเฝิงหลีที่ถูกแขวนไว้อย่างอนาถที่หน้าประตูศีรษะของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำเมื่อศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ถูกโยนไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง เฝิงหลีก็ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดเขาจ้องศีรษะที่หลินเฟิงโยนเข้ามาด้วยความหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า :“หลินเฟิง แกต้องตายแน่.....แกต้องตายอย่างแน่นอน!”“แกกล้าฆ่าผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ หลินเฟิง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”“ฉันได้เริ่มใช้งานยาเลือดตะขาบแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“เหอะ...”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเฝิงหลีก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีเวลาเหลือมากนัก จึงได้สาปแช่งและเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่งส่วนเลือดที่เฝิงหลีบอกมานั้นหลินเฟิ
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะจำเรื่องราวที่สำนักเสินฉือได้ด้วยขณะนี้หลินเฟิงที่กำลังขับรถหรูของเฝิงหลีด้วยความรู้สึกเขินอายหยินหลิงที่นั่งเงียบ ๆตรงเบาะผู้โดยสาร ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจออกมา“พี่หลินเฟิง ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่าน ฉันก็พอมองเรื่องนั้นออก ดังนั้นก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกพี่”หยินหลิงที่กำลังเล่นผมของตัวเองอยู่ที่ตรงที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับพูดเบา ๆว่า :“ฉันก็อยากจะใช้เรื่องของกลุ่มพันธมิตรบู๊มาโดยตลอด เพื่อให้ฉันไม่ว่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ แต่ทุกครั้งที่เจอพี่....”หยินหลิงชะงักไปชั่วครู่ และก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำว่า :“มันก็ทำให้สภาพจิตใจที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วมันยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีก”“พี่หลินเฟิง พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะพยายามไม่มาเจอพวกพี่อีกแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเก็บฉันไปใส่ใจหรอก...”“แค่จากนี้ไปพี่จะต้องระวังให้มากขึ้นก็เท่านั้น”“กองกำลังภายในประเทศมังกรสลับซับซ้อนอย่างมาก หากก้าวพลาดก็จะตกลงไปในเหวลึก ถึงแม้ตอนนี้พี่จะแข็งแกร่งพอแล้ว แต่หมัดสองหมัดก็ไม่สามารถชนะสี่มือได้...”เมื่อได้ยินหยินหลิงพูดเบา ๆอยู่ด้านข้างในใจของหลินเฟิงก็เกิดความรู้ส
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได