หลินฝานพูดอย่างคลุมเครือ “ให้ฉันพูดนะไอ้หมอนี่ต้องชอบเสวี่ยฮุ่ยแน่ ๆ”“ดังนั้นถึงได้กระตือรือร้นแบบนี้”หลินเสวี่ยฮุ่ยใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ “พี่ใหญ่ พี่อย่าพูดแบบนี้ ต่อให้เขาชอบฉันจริง ๆ เขาก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีสักหน่อย”“ทำไมพี่ต้องไม่ชอบเขาขนาดนี้ด้วยนะ?”หลินฝานโบกมือแล้วพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “โอ้ย น้องสาว เธอกับหลินเฟิงฐานะไม่เท่าเทียมกัน เธอไม่เห็นผู้หญิงพวกนั้นที่อยู่ข้างกายของเขาเหรอ?”“คนไหนบ้างที่เป็นบุคคลธรรมดารับมือได้ง่าย เธอคิดว่าเขาชอบเธอจริง ๆ เหรอ อ้าปากปิดปากก็เรียกน้องสาว รอให้เขาเล่นจนพอ ก็จะถีบหัวส่ง”หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดไม่ออกชั่วขณะ ในใจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในเมื่อพี่ชายของตัวเองพูดความจริง ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของหลินเฟิงแต่ละคนไม่ธรรมดาจริง ๆจ้าวเฉียวอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึก ๆ และครุ่นคิดถึงคำพูดของลูกชายอย่างละเอียดมีจุดหนึ่งที่เธอไม่เห็นด้วยอย่างมากเพราะว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของหลินเฟิงสวยระดับชาติจริง ๆ ลูกสาวของตัวเองเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำแต่อีกฝ่ายก็ยังเปลืองแรงมาเอาใจครอบครัวของเธอหรือว่า...เขาก็คือพี่ชายแท้ ๆ ของเสวี่ยฮุ่ยจริง ๆ?หลินเสวี่ยฮุ่ยเป็น
หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มบางเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ายาปรับประสานพลังของตระกูลถังจะแซงหน้ายาบำรุงสตรีของตระกูลเซี่ยง”“ครั้งนี้พวกเราจะต้องเอาสิทธิการเป็นตัวแทนของยาปรับประสานพลังมาให้ได้”แน่นอนว่า ถ้าหากสามารถเอาสูตรยาของยาปรับประสานพลังมาได้ก็คงจะดีอย่างมากจางซินที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า “คุณชายหลี่ว์ ถ้าหากได้สิทธิการเป็นตัวแทนของยาปรับประสานพลังมาได้ คุณอย่าลืมหุ้นส่วนส่วนนั้นของฉันนะคะ”สองวันมานี้หลี่ว์เจิ้งหยางกับจางซินคลุกคลีอยู่ด้วยกันด้วยความสามารถโน้มน้าวผู้หญิงของหลี่ว์เจิ้งหยาง จางซินก็ถูกเกลี้ยกล่อมให้คล้อยตามด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำและก็กู้เงินมาลงทุนให้เขาห้าสิบล้านบาทหลี่ว์เจิ้งหยางโอบเอวของจางซินเอาไว้แล้วยิ้มบาง “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว เธอมีหัวการค้ามากกว่าพี่สาวของเธอเยอะเลย”จางซินถูกชมจนลำพองใจอย่างมาก “ชิ ถ้าฉันมีธุรกิจของครอบครัว หลี่ฮุ่ยหรานจะเอาอะไรมาเทียบกับฉัน”หลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มบาง ผู้หญิงคนนี้เห็นตัวเองเป็นบุคคลสำคัญไปซะแล้วถึงแม้ในใจจะดูถูก แต่ปากก็ยังพูดว่า “เอาล่ะ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ งานสิทธิการเป็นตัวแทนจะเริ่มต้นขึ้
กัวฮ่าวยิ้มบางหลี่ว์เจิ้งหยางก็พูดแนะนำอีก “ผู้จัดการกัว ท่านนี้ก็คือจางซิน ลูกพี่ลูกน้องของประธานบริษัทหลี่ซื่อกรุ๊ปที่ผมบอกคุณก่อนหน้านี้”“อ่อ...ที่แท้ก็คุณจางนี่เอง”กัวฮ่าวมองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยางแล้วพูดด้วยความสนใจ “คุณชายหลี่ว์มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามไปทั่วจริง ๆ นะครับ”“เดินไปที่ไหนก็มีสาวสวยคอยอยู่เคียงข้าง!”“ฮ่าฮ่าฮ่า...ผู้จัดการกัวพูดคุยได้ขำจริง ๆ ครับ”หลี่ว์เจิ้งหยางหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ถามขึ้นทันที “ผู้จัดการกัวสิทธิ์การเป็นตัวแทนยาปรับประสานพลังในครั้งนี้...”เมื่อพูดถึงเรื่องเป็นการเป็นงาน กัวฮ่าวสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันทีเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายหลี่ว์ ครั้งนี้คนที่มาเข้าร่วมการเป็นตัวแทนยาปรับประสานพลัง ต่างเป็นตระกูลใหญ่โตของภาคกลาง การแข่งขันของคุณไม่น้อยเลย”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบพูดขึ้น “จุดนี้ผมรู้อยู่แล้วครับ”“เพียงแต่เนื่องจากความสัมพันธ์ของพวกเรา ผมเชื่อว่าผู้จัดการกัวยังมีวิธีอยู่”“อีกอย่างครั้งนี้ยังมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเข้าร่วมด้วย คุณจางก็เลื่อมใสคุณมานานมากแล้ว”ในตอนนี้กัวฮ่าวยิ้มมุมปาก แล้วตบบ่าของเขา “วางใจเถอะ ในเมื่อผมรับปากเรื่องของคุ
หลินเฟิงไม่ได้สนใจหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยซ้ำแต่หันไปจ้องมองกัวฮ่าว “นายชื่ออะไร?”กัวฮ่าวขมวดคิ้ว “ฉันชื่อกัวฮ่าว”“แกเป็นใครกัน? กล้ามากที่มายุ่งเรื่องของตระกูลถัง”หลังจากที่รับรู้ว่าไอ้หมอนี่ไม่ได้มีภูมิหลังสถานะอะไร กัวฮ่าวก็วางใจลงทันทีหลินเฟิงพยักหน้า “ได้ ฉันจำชื่อของนายเอาไว้แล้ว”“นายไปลาออกเองหรือให้ฉันไล่นายออก”“ฮ่าฮ่าฮ่า...”กัวฮ่าวอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “แกมีสิทธิ์อะไรไล่ฉันออก?”“ใครก็ได้”เขาออกคำสั่ง รปภ.สองคนก็เดินเข้ามาทันที“ผู้จัดการกัวเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”“ไอ้หมอนี่กล้ามาก่อความวุ่นวายที่นี่ ไล่มันออกไปให้ฉันหน่อย” กัวฮ่าวโบกมือด้วยสีหน้าหงุดหงิดรปภ.สองคนมองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดขึ้น “คุณผู้ชายท่านนี้ เชิญคุณออกไปด้วยครับ”หลินเฟิงมองข้ามทั้งสองคน “ฉันคือหุ้นส่วนของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงสิทธิตัวแทน”“พวกนายสองคนไม่มีสิทธิ์ไล่ฉัน”“ห๊ะ?”รปภ.สองคนนี้ได้ยินก็ตกตะลึงอย่างมากจากนั้นก็มองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงงนี่มีหุ้นส่วนออกมาได้อย่างไร ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่รปภ.สองคนลังเลใจ หุ้นส่วนของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถังพวกเขา
“ถึงเวลาถ้าเขาสร้างเรื่องอะไรขึ้นมา คนที่ขายหน้าก็คือคุณนะคะ”เมื่อเธอพูดจบ สายตาของถังหว่านก็เคร่งขรึมทันทีจากนั้นก็ยกมือฟาดใบหน้าของเธอเสียงดัง “เพี๊ยะ”จางซินแก้มบวมแดงทันที ถูกตบจนงุนงงเล็กน้อย“ว้าย...” จางซินกุมแก้มที่บวมแดง และมองถังหว่านอย่างงุนงง“ฉัน...ฉันเป็นถึงลูกพี่ลูกน้องของประธานหลี่ซื่อกรุ๊ปนะ”“แล้วยังไง?”ถังหว่านพูดเสียงแข็ง “กล้าพูดจาไม่ดีต่อหน้าฉัน ต่อให้เป็นพี่สาวของเธอมาด้วยตัวเองฉันก็ไม่ไว้หน้าหรอก”หลี่ว์เจิ้งหยางเห็นแบบนี้ก็เข้ามาไกล่เกลี่ย “ คุณถังใจเย็น ๆ ครับ”“พวกเราไม่ได้มีความคิดอย่างอื่น...”กัวฮ่าวที่อยู่ข้าง ๆ ตกตะลึงอย่างมาก ไม่น่าแปลที่ไอ้หมอนี่จะกำเริบเสิบสานแบบนี้ ที่แท้เขาก็คือผู้ชายที่ถังหว่านเลี้ยงเอาไว้นี่เองแต่โชคดีที่ไอ้หมอนี่เป็นเพียงแค่ผู้ชายหน้าตัวเมียเขาจึงรีบพูดขึ้น “คุณถัง งานประชุมตัวแทนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”“พวกเรารีบไปกันเถอะครับ”ถังหว่านกลับไม่ได้รีบร้อน จากนั้นหันมองไปทางหลินเฟิง “เมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลินเฟิงก็ไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อยจากนั้นชี้ไปทางกัวฮ่าว “ไอ้หมอนี่แอบเก็บยามีตำหนิเอาไว้ห้าพันเม็ด และ
สวีเชากับจางซินมองตากันก็ยิ่งรู้สึกนึกไม่ถึงไปยิ่งกว่าเดิมพวกเขาทั้งสองคนคิดไม่ถึงเลยว่า หลินเฟิงจะกลายเป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง“แม่ง ไอ้หน้าตัวเมียนี่มีสิทธิ์อะไรถึงได้รับความชื่นชอบจากถังหว่านขนาดนี้?” สวีเชาโมโหจนคันเหงือก แอบเกลียดแค้นที่คนคนนี้ไม่ใช่เขาในตอนนี้กัวฮ่าวรับรู้ได้ถึงผลร้ายแรงของเรื่องนี้แล้วเขารีบวิ่งไปตรงหน้าหลินเฟิงและขอโทษด้วยสีหน้าจริงใจ: “คุณชายหลิน คุณชายหลิน เรื่องนี้ผมไม่ดีเองครับ”“ผมจะนำยาปรับประสานพลังที่มีตำหนิทั้งหมดไปทำลายทิ้งเดี๋ยวนี้ คุณให้โอกาสผมเถอะนะครับ”“ไม่จำเป็นแล้ว ตำแหน่งของคุณเว้นวางออกมาเถอะ”หลินเฟิงส่ายหน้าด้วยความเด็ดขาดตัวมอดแบบนี้เก็บไว้ในบริษัทก็มีแต่จะเร่งความเร็วให้บริษัทพังคาดหวังว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลง ไม่สู้รับสมัครนักศึกษาใหม่จะดีกว่า“คุณหมายความว่าอย่างไร?”กัวฮ่าวกลืนน้ำลายหลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “หมายความว่าอย่างไรฟังไม่เข้าใจเหรอ? ต่อไปการควบคุมโกดังไม่ต้องการนายแล้ว”“นาย…”กัวฮ่าวชี้หน้าหลินเฟิงแล้วตวาดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่โมโห: “แกมีสิทธิ์อะไรไล่ฉันออก?”หลินเฟิงพูดอย
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็รีบเดินไปตรงหน้าถังหว่าน“คุณถัง…รู้จักอย่างเป็นทางการหน่อยครับ ผมชื่อสวีเชา เป็นคุณชายของตระกูลสวีเมืองเจียงโจว” สวีเชายื่นมือออกไปพูดขึ้นจางซินที่อยู่ด้านหลังถูกถังหว่านตบหน้าจนหวาดกลัว ไม่กล้าเดินเข้ามาด้วยซ้ำถังหว่านเหลือบมองสวีเชา: “คุณมีธุระอะไรไหม?”สวีเชาเสยไรผมที่อยู่ตรงหน้าผาก แสดงความหล่อเหลาของตัวเองออกมาจากนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย: “คือแบบนี้ครับคุณถัง ที่พวกเรามาในครั้งนี้เพราะอยากคุยเรื่องสิทธิ์การเป็นตัวแทนยาปรับประสานพลังกับคุณ”“เรื่องแบบนี้อีกเดี๋ยวรองานเริ่มแล้วค่อยคุยกันเถอะ” ถังหว่านสีหน้าเฉยเมยสวีเชาก็เริ่มการประจบประแจงที่เขาถนัดที่สุด: “คุณถังไม่เสียแรงที่เป็นหญิงแกร่งอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจว”“มีระเบียบในการทำสิ่งต่าง ๆ มีบุคลิกที่องอาจจริง ๆ สวีเชาเลื่อมใส”“ไม่ทราบว่าคุณถังช่วยยกเว้นผมสักครั้งได้ไหมครับ?”ถังหว่านหัวเราะเยาะ: “ยกเว้นให้คุณ? เพราะอะไร?”“เพราะว่าผมยกย่องคุณถังมานานแล้ว การเป็นตัวแทนยาปรับประสานพลังในครั้งนี้ผมไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพื่อคุณถัง”สวีเชาพูดว่า: “ฟังเรื่องราวของคุณถัง ผมคิดอยากช
หลินเฟิงหัวเราะเยาะ คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้พบเจอกับคนที่หน้าไม่อายแบบนี้“บุญคุณของตระกูลหลี่ฉันตอบแทนไปจนหมดตั้งนานแล้ว ถ้าจะพูดว่าติดค้างก็คงเป็นตระกูลหลี่ของเธอที่ติดค้างฉัน”“หลินเฟิง แกอย่าพูดไร้สาระ รีบเอาตำรับยาส่งมอบออกมา” จางซินไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่ามูลค่าตำรับยาปรับประสานพลังมีมูลค่ามากเพียงแค่เอาตำรับยาแผ่นนี้มาได้ เธอก็ถือว่าได้อยู่ดีกินดีแล้วจริง ๆไม่ว่าอย่างไรเธอจะปล่อยหลินเฟิงไปไม่ได้หินเฟิงขมวดคิ้ว และมองเธอด้วยความเย็นช้าแล้วพูดขึ้น: “ปล่อยมือซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจเธอ”“ทำไม? นายกล้าตบผู้หญิงเหรอ? มาสิ ตบตรงนี้ได้เลย” จางซินชี้ไปที่แก้มของตัวเองเธอไม่เชื่อว่าหลินเฟิงกล้าลงมือกับเธอที่เป็นผู้หญิงหลินเฟิงไม่เคยเจอผู้หญิงที่หน้าขนาดนี้มาก่อนเขาผลักจางซินออกอย่างแรง“อ๊ะ…” จางซินสูญเสียการทรงตัวทันที จากนั้นเธออุทานออกมาแล้วหงายหลังไปโชคดีที่สวีเชายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้วรับเธอเอาไว้“ซินซิน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”จางซินโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน: “ไอ้สกุลหลิน แกกล้าผลักฉันเหรอ?”“ฉันเป็นผู้หญิงนะ แกไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิดเลยเหรอ?”หลิ
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็
มันชัดเจนอยู่แล้วแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งมากแค่ไหน ชายชราหน้ากากเหล็กก็ไม่เปลี่ยนหนทางของตัวเองถ้าจะพูดตรง ๆหลินเฟิงก็รู้สึกสับสนอย่างมากชายชราคนนี้มีพลังมากมายมหาศาล และจากสิ่งที่ฟ่านหลิงเยว่อธิบายไปเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักทักษะการทำนายดวงชะตาบางประเภทด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากหลินเฟิงไม่อยากจะไปล่วงเกินคนประเภทนี้มากที่สุดแม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถต่อสู้กับเขาได้ แต่หากเขาไปโจมตีคนรอบตัวของคุณ คุณจะทำอย่างไร?หรือว่าต้องฟังการจัดเตรียมของเขาแล้วอยู่กับฟ่านหลิงเยว่จริง ๆ....หลินเฟิงหันหน้าไปมองฟ่านหลิงเยว่ แล้วหางตาก็กระตุกถึงแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งอย่างรุนแรง แต่กลับมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของเธอ“เอ่อ...อาจารย์หลิน คุณดูสิ เรื่องมันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็......”ฟ่านหลิงเยว่มองมาทางหลินเฟิง ราวกับกำลังหยั่งเชิงท่าทางของหลินเฟิงเธอถึงขั้นใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อย“หยุด!”หลินเฟิงยื่นมือไปห้ามพร้อมกับพูดว่า :“วางใจเถอะ ฉันจะหาวิธีที่ทำให้คุณปู่ของเธอเลิกความคิดนี้ให้ได้ภายในหนึ่งปี”“ชู่ว”เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่ต
“ทำนายผิดงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าผมยกชีพจรมังกรไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนงั้นเหรอ? คุณลักพาตัวคนของผมแล้วยังหลอกล่อผมให้เข้ามาที่นี่อีก หรือว่ามันก็เพื่อเรื่องนี้งั้นเหรอ?”ความหงุดหงิดปรากฏบนใบหน้าของหลินเฟิง“คนของนายงั้นเหรอ?”ชายชราในหน้ากากเหล็กหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำนักโม่ซวีของฉัน ไปเป็นคนของนายตั้งแต่เมื่อไร?“ผู้อาวุโสสูงสุด คุณอย่าพูดไร้สาระ!”ฟ่านหลิวเยว่ที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆก็ตะโกนขึ้นมาว่า :“ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าได้หักหลังสำนักโม่ซวีนะ? และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนของสำนักโม่ซวีของพวกคุณแล้วด้วย!” “เหอะ สำนักโม่ซวีเป็นสถานที่เธออยากเข้าก็เข้า อยากจะออกก็ออกได้งั้นเหรอ?”“จะออก จะออก แบร่!”ฟ่านหลิงเยว่แลบลิ้นล้อเลียนใส่ชายชราหน้ากากเหล็ก“......”ชายชราหน้ากากเหล็กหายใจแรงเล็กน้อย แล้วหลินเฟิงก็ยังมองเห็นหางตาของเขากระตุกขึ้นอย่างชัดเจน“โอ๊ย ผู้อาวุโสสูงสุด คุณไม่ต้องไปโต้เถียงกับสาวน้อยคนนี้หรอก”ฟ่านอู๋จี๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงและพูดขึ้นว่า :“น้องชาย...คนนั้น ไ
“พี่ใหญ่ มีคนมาแล้ว!”อันธพาลที่สวมเสื้อกั๊กมองเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำขับที่เข้ามาหาก็รีบหันกลับมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในวัดบนเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรายงานพี่ใหญ่ของตัวเอง“เชี่ยเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ต่อรอง คนนี้มันรวยจริง ๆเลย!”อันธพาลนั้น มีรวม ๆทั้งหมดสิบกว่าคนอีกทั้งในกลุ่มอันธพาลก็ถือว่าไม่ได้มีหน้ามีตามากที่สุดในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ อันธพาลคนนี้จึงมีสีผมหลากหลายมากกว่าลูกน้องของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่สี ดูเหมือนว่าอายุก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ และน่าจะมีอายุประมาณเพียงยี่สิบปีกันทั้งหมดหลินเฟิงลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ หัวหน้าแก๊งอันธพาลก็เลยยกไม้เบสบอลโลหะที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความอวดดี ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“แกยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามา!”“ได้ ได้ ได้”หลินเฟิงยกมือยอมแพ้ พร้อมทั้งลอบมองไปโดยรอบ เพื่อหาชายชราที่สวมหน้ากากเหล็ก“เงินล่ะ?”หัวหน้าแก๊งอันธพาลมองไปทางหลินเฟิงแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น“พี่ใหญ่ บนรถไม่มีอะไรเลย!”อันธพาลรีบพุ่งเข้าไปดูรถที่หลินเฟิงขับมา ก่อนจะพบว่าไม่มีกระเป๋าเอกสารหรือสิ่งที่คล้ายกันอยู่บนรถเลยแม้แต่น้อย“เชี่ย
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก
หลินเฟิงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตระกูลเฝิงนานนักเขาบำรุงรักษาร่างกายให้หยินหลิง จากนั้นนำยาอมตะเลือดราชันย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวมอบให้เธอ และกำชับเธอให้รักษาความปลอดภัยจึงได้ออกจากตระกูลเฝิงก่อนจากไป หลินเฟิงไม่เพียงเห็นผู้คุ้มกันสองคนก่อนหน้านี้คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่าอยู่ที่หน้าประตูแถมยังถูกเฝิงอวี้ที่ฟื้นคืนสติ ค้ำไม้เท้า เดินออกมาส่งด้วยสีหน้าหดหู่“ผมได้ทราบความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความสามารถของหมอเทวดาหลิน ไม่ใช่คนที่ผมเฝิงอวี้อู่จะเทียบได้”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจหรือเปล่าหรือเป็นเพราะหมดสติเดือนกว่าๆ จึงทำให้เขาดูขาดชี่และเลือดตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด“คุณเป็นคนแรกที่ผมเฝิงอวี้อู่เลื่อมใสจากใจ จุดนี้ เกรงว่าจอมมารคนนั้นของสำนักหลงผานก็ยังทำไม่ได้”“รอให้บาดแผลหายดี ผมจะต้องไปเยี่ยมเยือนถึงที่ ขอคำชี้แนะจากคุณ”เฝิงอวี้อู่แพ้เป็น และก็ปล่อยวางได้เขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิง ศัตรูที่เขาเคยดูถูกและใส่ร้ายในอดีต จะมาช่วยเขาโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตถึงแม้จะเป็นเพราะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแ
หลินเฟิงเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน“แต่ว่า....พวกเราหมั้นกันแล้วนะ....นี่ จะไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้หรือเปล่า?”“อุ๊ปส์ พี่หลินเฟิง พี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ สิ่งที่เด็ก ๆพูดจะถือว่าเป็นการหมั้นหมายก็ได้เหรอ?”“ทำได้แน่นอน ฉันหลินเฟิง พูดคำไหนคำนั้น!”......หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ขับรถกลับมาตามเส้นทางเดิมเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเฝิงอีกครั้ง เขาก็เอาเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่มาให้กับเฝิงหลีที่ถูกแขวนไว้อย่างอนาถที่หน้าประตูศีรษะของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำเมื่อศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ถูกโยนไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง เฝิงหลีก็ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดเขาจ้องศีรษะที่หลินเฟิงโยนเข้ามาด้วยความหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า :“หลินเฟิง แกต้องตายแน่.....แกต้องตายอย่างแน่นอน!”“แกกล้าฆ่าผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ หลินเฟิง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”“ฉันได้เริ่มใช้งานยาเลือดตะขาบแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“เหอะ...”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเฝิงหลีก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีเวลาเหลือมากนัก จึงได้สาปแช่งและเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่งส่วนเลือดที่เฝิงหลีบอกมานั้นหลินเฟิ
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะจำเรื่องราวที่สำนักเสินฉือได้ด้วยขณะนี้หลินเฟิงที่กำลังขับรถหรูของเฝิงหลีด้วยความรู้สึกเขินอายหยินหลิงที่นั่งเงียบ ๆตรงเบาะผู้โดยสาร ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจออกมา“พี่หลินเฟิง ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่าน ฉันก็พอมองเรื่องนั้นออก ดังนั้นก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกพี่”หยินหลิงที่กำลังเล่นผมของตัวเองอยู่ที่ตรงที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับพูดเบา ๆว่า :“ฉันก็อยากจะใช้เรื่องของกลุ่มพันธมิตรบู๊มาโดยตลอด เพื่อให้ฉันไม่ว่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ แต่ทุกครั้งที่เจอพี่....”หยินหลิงชะงักไปชั่วครู่ และก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำว่า :“มันก็ทำให้สภาพจิตใจที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วมันยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีก”“พี่หลินเฟิง พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะพยายามไม่มาเจอพวกพี่อีกแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเก็บฉันไปใส่ใจหรอก...”“แค่จากนี้ไปพี่จะต้องระวังให้มากขึ้นก็เท่านั้น”“กองกำลังภายในประเทศมังกรสลับซับซ้อนอย่างมาก หากก้าวพลาดก็จะตกลงไปในเหวลึก ถึงแม้ตอนนี้พี่จะแข็งแกร่งพอแล้ว แต่หมัดสองหมัดก็ไม่สามารถชนะสี่มือได้...”เมื่อได้ยินหยินหลิงพูดเบา ๆอยู่ด้านข้างในใจของหลินเฟิงก็เกิดความรู้ส
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได