ช่วงระยะเวลาที่หลี่ฮุ่ยหรานบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย ตระกูลหลี่ก็ถูกแก้แค้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนบริษัทย่อยแต่ละแห่งถูกตระกูลเซี่ยงโจมตี ราคาหุ้นตกลงจนต่ำสุดในประวัติศาสตร์แทบจะใกล้ถึงจุดที่จะล้มละลายและวันนี้เช้าหลี่ฮุ่ยหรานก็เพิ่งฟื้นขึ้นมาจางกุ้ยหลานก็หน้าตาโศกเศร้า “แม่เจ้า ตระกูลหลี่ของพวกเราเจอกับอุปสรรคอะไรตอนนี้นะ?”“ทำไมสวรรค์ถึงไม่ยุติธรรมกับตระกูลหลี่ถึงขนาดนี้?”หลี่เหวินเชาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สองมือกำแน่น “แม่งเอ๊ย อย่างมากพวกเราก็แค่สู้ตายกับตระกูลเซี่ยง”“สู้กับผีน่ะสิ แกคนเดียวจะไปส่งความตายเหรอ?” คุณปู่ตระกูลหลี่ตวาดใส่จางซินไม่ได้พูดมาโดยตลอด เธอก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะมาจนถึงขั้นนี้“ฮุ่ยหราน หนูกับคุณเซี่ยงมีความบาดหมางอะไรกันแน่? ทำไมคุณเซี่ยงคนนั้นถึงได้มุ่งเป้าไปที่หนูแบบนี้?” คุณปู่ตระกูลหลี่ถามขึ้นทันทีตอนนี้ต้องทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้ชัดเจน ถึงจะแก้ปัญหาได้แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็สีหน้างุนงงเช่นกัน “หนูก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินแต่ชื่อของเซี่ยงจื่อหลาน ไม่เคยเจอหน้าเธอด้วยซ้ำ”“จะมีเรื่องบาดหมางกับเธอได้อย่างไร?”คราวนี้ คนตระกูลหลี่ทุกคนหมดคำพ
“หลินเฟิง ใครใช้ให้แกมา?” จางกุ้ยหลานเห็นหลินเฟิงสีหน้าก็บึ้งตึงทันทีตอนนี้ตระกูลหลี่กลายเป็นแบบนี้เธอคิดว่าหลินเฟิงเดินทางมาในตอนนี้ก็เพราะมาหัวเราะเยาะ“เลิกโวยวายได้แล้ว ฉันเป็นคนให้หลินเฟิงมาเอง” ในตอนนี้คุณปู่ตระกูลหลี่ลุกขึ้นยืนแล้วพูดออกมา“คุณปู่ ตอนนี้มันเวลาไหนกันแล้ว? คุณเรียกไอ้ตัวซวยคนนี้มาทำไม?” จางกุ้ยหลานได้ยินว่าเป็นความคิดของคุณปู่เธอจึงกลอกตาในทันที“ฉันเรียกให้หลินเฟิงมาเพื่อต้องการให้ทุกคนรวมตัวกันหารือเกี่ยวกับปัญหานี้” คุณปู่ตระกูลหลี่พูดขึ้นจางกุ้ยหลานกลับพ่นลมออกจากจมูกเยาะหยันหลินเฟิง “เขาเนี่ยนะ? จะจัดการปัญหาอะไรได้?”“เธอพูดให้น้อย ๆ หน่อยเถอะ”คุณปู่ตระกูลหลี่ถลึงตาใส่จางกุ้ยหลานเขารีบเดินไปด้านข้างหลินเฟิง “หลินเฟิง ตอนนี้ตระกูลหลี่อยู่ในภาวะวิกฤติ เมื่อก่อนนายเป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ ครั้งนี้อยากจะให้นายช่วยเหลือ ใช้เส้นสาย”“ดูว่าสามารถช่วยเหลือตระกูลหลี่แก้ปัญหาวิกฤติได้หรือไม่!”หลินเฟิงพูดอย่างนิ่งเรียบ “คุณปู่วางใจได้ครับ มีผมอยู่ตระกูลหลี่ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่นอนครับ”“ใช้เวลาไม่นาน คุณหนูของตระกูลเซี่ยงก็จะมาขอโทษถึงที่บ้านครั
สวีเชาหลบสายตา ในหัวครุ่นคิดด้วยความรวดเร็วครู่หนึ่งก็พูดโต้กลับ “ผมไม่มีความเกี่ยวข้องกับเซี่ยงจื่อหลานใด ๆ ทั้งสิ้น สร้อยทับทิมเส้นนี้ผมก็เป็นคนซื้อมา”“เพียงแต่ว่าเซี่ยงจื่อหลานก็อยากซื้อเช่นกัน ผมไม่ได้ขายให้เธอ เพราะเหตุนี้เธอจึงแค้นใจผม”คนตระกูลหลี่มองตากัน ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างยืนกรานในความคิดของตนเอง ใครพูดจริงพูดเท็จพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครในตอนนี้หลินเฟิงมองไปทางจางซิน และพูดกับเธอ “เธอพูดสิ สร้อยเส้นนี้เป็นของเซี่ยงจื่อหลานหรือว่าสวีเชา?”จางซินคิดไม่ถึงว่าเขาจะโยนหัวหอกมาทางเธอพูดได้ว่าคำพูดแค่ประโยคเดียวของเธอก็สามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของคนตระกูลหลี่ได้ในใจของเธอก็มีแผนอยู่แล้ว ในเมื่อวันนั้นเซี่ยงจื่อหลานยังสวมสร้อยคอแซฟไฟร์ที่ออกแบบโดยเฉพาะฝีมือการประดิษฐ์เหมือนกับสร้อยคอทับทิมเส้นนั้นทุกประการแต่พูดตามความจริง ก็จะต้องผิดใจกับสวีเชา ส่วนหลินเฟิงก็ไม่มีทางซาบซึ้งใจใด ๆ ต่อเธอเธอนึกถึงความแค้นก่อนหน้านี้ของทั้งสองคน เธอไม่สู้ช่วยเหลือสวีเชาเพื่อได้รับความรู้สึกดี ๆ ยังจะดีกว่า“นี่…สร้อยคอเส้นนี้เป็นของคุณชายสวีจริง ๆ คุณเซี่ยงก็แค่อิจฉาริษยาก
“จริงเหรอ?” คุณปู่ตระกูลหลี่ดวงตาเป็นประกาย และถามด้วยความเหลือเชื่อ“เรื่องจริงแน่นอนครับ”หลินเฟิงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “คุณปู่ ผมไปรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ”พูดจบหลินเฟิงก็เดินออกไปข้างนอกหลินเฟิงรับสายของเซี่ยงตงเซิงปลายสายของโทรศัพท์มีเสียงคำรามของเซี่ยงตงเซิงดังขึ้นมา “ไอ้สกุลหลิน ลูกสาวของฉันตอนนี้ใกล้จะไม่ไหวแล้ว นายรีบรักษาให้ลูกฉันซะ”เซี่ยงตงเซิงร้อนใจจนยุ่งเหยิงไปหมดอาการลูกสาวของเขาในตอนนี้ ร้ายแรงมากยิ่งขึ้นแล้วแขนขาก็ยกขึ้นไม่ไหว ทำได้แค่นั่งอยู่บนรถเข็นหลินเฟิงกลับพูดอย่างเรียบฉย “ไม่ต้องรีบร้อน ลูกสาวของคุณยังมีเวลาอีกสามวัน ตอนนี้ยังต้องทรมานไปอีกระยะหนึ่ง”“นาย..”เซี่ยงเติงเซิงกำลังจะพูดขึ้นแต่ก็ถูกหลินเฟิงขัดจังหวะ“เซี่ยงตงเซิง ตอนนี้ผมต้องเตือนคุณหน่อยว่า คุณกำลังขอร้องผม คุณไม่มีสิทธิมาสั่งผม”“ได้ ไอ้สกุลหลิน นายต้องการอะไรกันแน่ ถึงจะช่วยรักษาลูกสาวของฉัน?”“การแบนตระกูลหลี่ฉันจะปลดออกเดี๋ยวนี้ นายคิดว่าเป็นอย่างไร?”เซี่ยงตงเซิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ผมเคยบอกกับคุณแล้ว ว่าถ้าต้องการให้ลูกสาวของคุณมีชีวิตรอด ก็ให้เธอขอโทษหลี่ฮุ่ยหราน” หลินเฟิงพูด
“ตรงไหนกันครับ…เรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น ไม่คู่ควรแก่การพูดถึงเลยครับ”ในตอนนี้คุณปู่ตระกูลหลี่กับหลินเฟิงก็เดินเข้ามาหลี่ฮุ่ยหรานก็รีบบอกข่าวนี้กับเขา “คุณปู่คะ การแบนตระกูลหลี่ตอนนี้ถูกปลดออกแล้ว”“คุณปู่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้แล้วค่ะ”“ปลดออกแล้ว?” คุณปู่ตระกูลหลี่ตกตะลึงเมื่อครู่หลินเฟิงรับสาย ๆหนึ่ง นั่นต้องเป็นฝีมือของหลินเฟิงแน่นอน“ดูท่าว่าครั้งนี้โชคดีที่ได้หลินเฟิงนะ”หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ดูท่าเซี่ยงตงเซิงคนนี้ยอมอ่อนข้อแล้วเดาว่าอีกไม่นานก็จะมาขอโทษหลี่ฮุ่ยหรานแล้วจางกุ้ยหลานได้ยินแบบนี้ก็พูดเหยียดหยาม “หลินเฟิง? เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย? ตระกูลหลี่ของพวกเราสามารถปลดการถูกแบนได้เพราะคุณชายสวี”“เป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่หลินเฟิงคุยโทรศัพท์ การแบนตระกูลหลี่ของเราถึงได้ถูกปลดออก”คุณปู่ตระกูลหลี่พูด“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาโทรไปแค่สายเดียวก็ปลดออกแล้วเหรอ? เขาโทรหาใคร หรือว่าโทรหาเซี่ยงตงเซิง?”หลี่เหวินเชาชี้หน้าหลินเฟิงแล้วพูดดูถูก “เขามีคุณสมบัติโทรหาตระกูลเซี่ยงด้วยเหรอ?”“จริงด้วย…”สวีเชาหัวเราะในทันที “หลินเฟิง อีกเดี๋ยวนายก็จะพูดใช่ไหมว่า คนตระกูลเซี่ยงจะมาขอโ
“ยกโทษให้ค่ะ ยกโทษให้แน่นอนอยู่แล้ว” หลี่ฮุ่ยหรานกลืนน้ำลาย ตัวเองมีสิทธิอะไรที่จะไม่ให้อภัยล่ะ“งั้นก็ดีมากเลย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพวกเราตระกูลเซี่ยงกับตระกูลหลี่ยังคงเป็นเพื่อนกัน”พ่อบ้านพูดอย่างสุภาพมาก“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ” หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าเหมือนลูกไก่จิกไก่จางกุ้ยหลานพูดยิ้มแย้ม “เรื่องก่อนหน้านี้เข้าใจผิดกันทั้งนั้นค่ะ ต่อไปตระกูลเซี่ยงมีความต้องการอะไรก็บอกพวกเรามาได้เต็มที่”ตระกูลหลี่ทุกคนดีใจอย่างมากในเมื่อตระกูลเซี่ยงมาขอโทษถึงที่บ้าน เห็นได้ชัดว่าอยากจะคืนดีกับตระกูลหลี่แม้แต่สวีเชาก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อมากในตอนนี้เอง หลินเฟิงเดินเข้าไปพูด “คุณขอโทษตระกูลหลี่มันเรื่องอะไรกัน? คนที่ทำร้ายคนก็คือเซี่ยงจื่อหลาน”“จะขอโทษ ก็ต้องเป็นเซี่ยงจื่อหลานขอโทษหลี่ฮุ่ยหรานด้วยตัวเอง”“นี่…” พ่อบ้านชะงักทันทีจางกุ้ยหลานได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจอย่างมาก จึงรีบถลึงตาใส่หลินเฟิง “ไอ้สกุลหลิน แกหุบปากเลยนะ ตรงนี้ไม่มีที่ให้แกพูด”“หลินเฟิง คุณอย่าพูดแทรก” หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วแล้วตะโกนเบา ๆตอนนี้ตระกูลเซี่ยงกว่าจะมาปรับความเข้าใจกับตระกูลหลี่ได้ เธอไม่อยากเป็นเพราะคำพูดประโยคเดี
จางกุ้ยหลานพยักหน้าติดต่อกัน “พูดได้ถูกต้องมาก เพื่อนร่วมชั้นควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันถึงจะถูก”“หึหึ เขามีสิทธิอะไรทำให้ตระกูลเซี่ยงมาขอโทษถึงที่ได้” หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม“ไอ้สกุลหลิน นายอิจฉาฉันใช่ไหม?” สวีเชาหัวเราะเยาะถึงแม้ตัวเองไม่ได้ทำอะไร แต่เพียงแค่คนตระกูลหลี่เชื่อใจเขาก็พอ“อิจฉาสวะอย่างนายมีความหมายอะไร?” หลินเฟิงมองเขาด้วยความเหยียดหยาม“ไอ้สกุลหลิน แกหุบปากไปเลย แกยังมีหน้ามาว่าคนอื่นว่าสวะอีกเหรอ?”จางกุ้ยหลานชี้หน้าด่าทอหลินเฟิง“จริงด้วย อยู่ฟรีกินฟรีที่ตระกูลพวกเรา ฉันดูแล้วนายนั่นหละที่เป็นคนไร้ประโยชน์มากที่สุด”หลี่เหวินเชาพยักหน้าตาม “ตอนนี้ยังกล้าใส่ความคุณชายสวี นายรีบไสหัวออกไปซะ”“หลินเฟิง คุณเลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหม? หลี่ฮุ่ยหรานตะโกนใส่หลินเฟิงด้วยความผิดหวัง“ผมเป็นอย่างไร? ผมพูดความจริงมาโดยตลอด” หลินเฟิงขมวดคิ้ว“ความจริงอะไร? เซี่ยงจื่อหลานเป็นเพราะฟังคำพูดของคุณถึงได้มาขอโทษฉันเหรอ? ตระกูลเซี่ยงปลดการแบนก็เป็นเพราะคุณเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานถลึงตาใส่“ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ? หรือคิดว่าเป็นเพราะเขา?”หลินเฟิงชี้หน้าสวีเชา “ดูสิว่าเขานิสัยเป็นอย่
“พ่อบ้านเซี่ยง คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” จางกุ้ยหลานกลืนน้ำลายและถามด้วยความระมัดระวังพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณคิดว่าผมดูเหมือนคนที่ชอบเล่นตลกไหม?”“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอน” จางกุ้ยหลานโบกมือของเธอไปมาแต่เธอไม่กล้าพูดว่าหลินเฟิงถูกพวกเขาไล่ไปแล้วเธอได้แต่พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “หลินเฟิงเพิ่งจะไปไม่นาน ถ้าตอนนี้คุณตามไป บางทีอาจจะตามทันก็ได้”เมื่อพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย เขารีบตามออกไปทันทีจู่ ๆ หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย จนตัวเธอเซเกือบจะล้มไปกับพื้นที่แท้ทุกอย่างที่หลินเฟิงพูด ทั้งหมดเป็นความจริงคนที่จัดการเรื่องทุกอย่างมาโดยตลอด ก็คือหลินเฟิง ไม่รู้ว่าเบื้องหลังนี้เขาต้องทุ่มเทไปมากเท่าไหร่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเองแต่พอลองคิดสิ่งที่ตัวเองพูดกับหลินเฟิงไป มันทำร้ายจิตใจกันมากแค่ไหน“ฮุ่ยหราน ฮุ่ยหราน…” จางกุ้ยหลานรีบช่วยประคองลูกสาวอย่างความรวดเร็วหลี่ฮุ่ยหรานเอียงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจางกุ้ยหลานพร้อมกับบ่นเบา ๆ ว่า “แม่ หนูเสียใจมาก หนูเสียใจมาก ๆ”เธอรู้สึกว่าตัวเธอได้ทำผิดต่อหลินเฟิง เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบ