“พ่อบ้านเซี่ยง คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” จางกุ้ยหลานกลืนน้ำลายและถามด้วยความระมัดระวังพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณคิดว่าผมดูเหมือนคนที่ชอบเล่นตลกไหม?”“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอน” จางกุ้ยหลานโบกมือของเธอไปมาแต่เธอไม่กล้าพูดว่าหลินเฟิงถูกพวกเขาไล่ไปแล้วเธอได้แต่พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “หลินเฟิงเพิ่งจะไปไม่นาน ถ้าตอนนี้คุณตามไป บางทีอาจจะตามทันก็ได้”เมื่อพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงได้ยินแบบนั้นก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย เขารีบตามออกไปทันทีจู่ ๆ หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย จนตัวเธอเซเกือบจะล้มไปกับพื้นที่แท้ทุกอย่างที่หลินเฟิงพูด ทั้งหมดเป็นความจริงคนที่จัดการเรื่องทุกอย่างมาโดยตลอด ก็คือหลินเฟิง ไม่รู้ว่าเบื้องหลังนี้เขาต้องทุ่มเทไปมากเท่าไหร่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเองแต่พอลองคิดสิ่งที่ตัวเองพูดกับหลินเฟิงไป มันทำร้ายจิตใจกันมากแค่ไหน“ฮุ่ยหราน ฮุ่ยหราน…” จางกุ้ยหลานรีบช่วยประคองลูกสาวอย่างความรวดเร็วหลี่ฮุ่ยหรานเอียงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจางกุ้ยหลานพร้อมกับบ่นเบา ๆ ว่า “แม่ หนูเสียใจมาก หนูเสียใจมาก ๆ”เธอรู้สึกว่าตัวเธอได้ทำผิดต่อหลินเฟิง เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบ
หลินเฟิงเหลือบมองเซี่ยงจื่อหลานที่อยู่ในรถและเดินตรงไปตรงหน้าเธอเซี่ยงจื่อหลานเหมือนป่วยเป็นโรคหวาดกลัวหลินเฟิง เมื่อเธอเห็นหลินเฟิงเดินเข้ามาหา ร่างกายก็แข็งทื่อในทันทีจากนั้นก็ตัวสั่นอย่างมาก“คุณหลิน คุณจะทำอะไร?”พ่อบ้านตระกูลเซี่ยงเอ่ยถามด้วยความระแวง“ปลดผนึกจุดให้เธอ หรือคุณจะทำ?” หลินเฟิงพูดพร้อมกับเหลือบมองชายคนนี้พ่อบ้านตระกูลเซี่ยงก้าวถอยหลังด้วยความเก้กังหลินเฟิงแตะจุดฝังเข็มของเซี่ยงจื่อหลานสองครั้งแล้วค่อยทำให้จุดฝังเข็มของเซี่ยงจื่อหลานไหลเวียนทันใดนั้นเซี่ยงจื่อหลานก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดในร่างกายของเธอนั้นได้หายไปแล้วเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างโล่งอกหลินเฟิงพูดขึ้นมาเงียบ ๆ ว่า “ครั้งนี้ผมให้บทเรียนคุณ แต่ถ้าครั้งต่อไปคุณกล้าที่จะไม่เคารพหลี่ฮุ่ยหรานอีก คุณต้องตายแน่นอน” น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นชาและขู่อาฆาตเซี่ยงจื่อหลานฟังแล้วก็พยักหน้า “ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว”ตอนนี้เธอถูกวิธีการของหลินเฟิงทำให้ทรมานและหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงหลินเฟิงสะบัดแขนเสื้อ แล้วหันหลังเดินจากไปพ่อบ้านตระกูลเซี่ยงขมวดคิ้ว “หลินเฟิงคนนี้ จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว”“เงี
“เอ่อ…ของขวัญวันเกิด? ของขวัญวันเกิดแบบไหนครับ?”“ของขวัญที่จะให้หลินเสวี่ยฮุ่ย เด็กสาวอายุประมาณสิบแปดสิบเก้า” หลินเฟิงลูบคางแล้วพูดออกมา“อ่อ…”จ้าวเทียนหวานึกออกได้ทันที หลินเสวี่ยฮุ่ยคนนี้เป็นลูกสาวคนเดียวของอาจารย์ของหลินเฟิง คน ๆ นี้จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษแต่เขาก็ลังเลเล็กน้อยว่าจะให้ของขวัญอะไรดี“คุณหลิน พวกเราควรให้ของที่มีค่าหน่อยหรือจะให้ของที่ราคาไม่แพงดีล่ะ?”“ต้องเป็นของมีค่าสิ”หลินเฟิงพูดจริงจังขึ้นมาลูกสาวคนเดียวของอาจารย์ตัวเอง สมควรได้รับของขวัญล้ำค่าที่สุด“ครับ ผมทราบแล้ว” ได้ยินแบบนี้จ้าวเทียนหวาก็พยักหน้าติดต่อกันแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเข้าใจแล้ว“รีบเอามาส่งให้ผมที่วิลล่าอ่าวเทียนสุ่ย“ หลินเฟิงพูดจ้าวเทียนหวาพยักหน้าซ้ำ ๆ และวางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็ไปจัดเตรียมทันทีหลังจากนั้นไม่นาน จ้าวเทียนหวาก็นำของขวัญมาส่งให้ถึงที่หลินเฟิงเปิดออกดูและเห็นว่ามันเป็นหยกจักรพรรดิชิ้นหนึ่งที่หน้าด้านแกะสลักเป็นรูปนกฟีนิกซ์“คุณหลิน นี่คือแผ่นจารึกฟีนิกซ์ที่แกะสลักโดยปรมาจารย์การแกะสลักที่เก่งที่สุดในเจียงโจวเมื่อสามปีที่แล้ว ส่วนวัสดุนี้ก็เป็นหยกจักรพรรดิ
ถ้าของขวัญของหลินเฟิงไม่มีค่า เขาอาจจะเยาะเย้ยใส่ก็ได้“เอ่อ…ช่างมันเถอะ ฉันจะกลับไปเปิดที่บ้าน”ด้านหลังหลี่ว์เจิ้งหยาง วัยรุ่นผมทองคนหนึ่งพูดขึ้น “อย่าสิ ครั้งที่แล้วที่ผมได้ยินว่าพี่เฟิงขับรถมายบัค ของขวัญที่มอบให้คงไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาทหรอกนะ?ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นลูกสมุนของหลี่ว์เจิ้งหยางแน่ ภายนอกที่ดูเหมือนกำลังชื่นชม แต่ความเป็นจริงกำลังวางกับดักหลี่ว์เจิ้งหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ห้าแสนบาท นายดูถูกพี่เฟิงหรือไง? นาฬิกาคาร์เทียร์ที่ฉันมอบให้มีมูลค่าห้าแสนแล้ว ของขวัญของพี่เฟิงก็ต้องมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านบาท”“มีเหตุผล มีเหตุผล”คนกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แล้วก็ไม่ใช่ลูกคนรวยทั้งหมดจัดงานวันเกิดมอบของขวัญราคาหลายพันบาทให้ก็ถือว่ามีค่ามากแล้ว นาฬิกาของหลี่ว์เจิ้งหยางมูลค่าห้าแสนบาท เรียกได้ว่าโดดเด่นจากคนอื่น ๆ“จริงด้วย เสวี่ยฮุ่ย เธอรีบเปิดเร็ว ๆ เถอะ ฉันอยากรู้มาก” หลี่ซืออวี่ก็อยากลองดูว่าหลินเฟิงจะใจกว้างมากน้อยแค่ไหนหลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้รีบร้อน แต่กลับทำให้หลี่ซืออวี่ร้อนใจอย่างมากหลินเฟิงที่ได้ยินหลี่ว์เจิ้งหยางกับลูกสมุนของเขาพูดอย่างมีเจตนาแฝง ก
“เป็นไปได้อย่างไร?” โจวเสี่ยวหางดันหมวกแก๊ปของเขาขึ้นแล้วก้าวไปดูข้างหน้าถึงแม้ว่าครอบครัวเธอจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ยังมีความรู้เรื่องหยกอยู่บ้างหยกฟีนิกซ์ชิ้นนี้เมื่อมองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา แต่เธอก็ไม่รู้ว่าว่าหยกนั้นเป็นหยกของแท้หรือของปลอมหวงเหมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่ผมพูดก็เป็นเรื่องจริง ครอบครัวผมก็อยู่ในธุรกิจหยก ผมจะไม่รู้ได้อย่างไร?”หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินคำพูดนี้ ก็กุมท้องหัวเราะ “หลินเฟิง คุณเป็นคนตลกจริง ๆ หาซื้อของดี ๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำเป็นโอ้อวดหรอกไหม?”“พวกเราจะไม่หัวเราะเยาะคุณหรอก หากคุณซื้อจี้กระจอก ๆ ที่ร้านสิบบาท แล้วมาบอกว่ามันมีมูลค่าร้อยล้านบาท”แม้แต่หลี่ซืออวี่ก็ขมวดคิ้วคิดว่าหลินเฟิงจะให้ของดี ๆ แต่พูดมาตั้งนาน คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นขยะแบบนี้หลินเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้ม เป็นเรื่องจริงที่หมูป่าไม่สามารถกินแกลบคุณภาพดีได้ พวกเขาแยกแยะหยกจักรพรรดิมูลค่าร้อยล้านบาทชิ้นนี้ที่วางอยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่ออก“เอาล่ะ พวกคุณไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว” หลินเสวี่ยฮุ่ยตะโกนขึ้นมาเบา ๆเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้ตอบโต้ เธอก็คิดว่ามันคือจี้ธรรมดาชิ้นหนึ่งถึงอย
หลี่ว์เจิ้งหยางได้ยินแบบนั้นก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมาเพียงแค่ให้หลินเฟิงอับอายขายหน้าต่อหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ย เขาก็ดีใจแล้วหวงเหมาเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว “อ้าว คุณชายหลิน ทำไมถึงดื่มเครื่องดื่มอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ?”“พวกเราลูกผู้ชายต้องดื่มเหล้าสิ!”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ฉันขับรถ ไม่เหมาะจะดื่มเหล้า”หลี่ว์เจิ้งหยางก็เดาถึงความคิดของหวงเหมาออก จึงพูดขึ้นทันที “เห้อ ผมก็ขับรถมา นี่ก็ดื่มเหล้าแล้วไม่ใช่เหรอ?”“อีกเดี๋ยวเรียกบริการคนขับมาก็จบเรื่องแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเสวี่ยฮุ่ย คุณไม่ดื่มเหล้าถือว่าไม่ให้เกียรติเสวี่ยฮุ่ยไหม?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกเขาทั้งสองคนสองคนนี้จู่ ๆ แสดงความเป็นมิตรแบบนี้ ไม่เล่นตุกติกถึงจะเรียกว่าแปลกหลินเสวี่ยฮุ่ยดื่มเหล้าไม่เป็น แต่พี่ชายของตัวเองดื่มอยู่บ่อย ๆจากที่เธอดู ผู้ชายต่างก็ชอบดื่มเหล้าเธอก็ไม่อยากให้หลินเฟิงนั่งโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว จึงพูดเกลี้ยกล่อม “พี่เฟิง หรือว่าพี่ดื่มหน่อยไหม?”“พี่นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ฉันนึกว่าพี่ถูกรังแกอะไรซะอีก”“พี่วางใจได้ เดี๋ยวฉันจะเรียกคนขับรถให้พี่”หวงเหมาหัวเราะร่า “คุณดูสิ เสวี่ยฮุ่ยก็เรี
ในตอนนี้หลี่ซืออวี่ก็วิ่งเข้ามาประสมโรง “หวงเหมา นายไหวไหมเนี่ย? รีบดื่มสิ”เมื่อครู่เห็นของขวัญที่หลินเฟิงมอบให้ไม่มีมูลค่า หลี่ซืออวี่ก็เกิดความลำเอียงต่อหลินเฟิงอีกครั้งจึงปลุกระดมทุกคนอย่างไรซะใครเสียหน้าก็กระทบมาไม่ถึงตัวเธอเป็นการดูเรื่องสนุกและไม่กลัวว่าจะเดือดร้อน“หวงเหมาดื่มต่อสิ…”ในตอนนี้หลี่ว์เจิ้งหยางถลึงตาใส่เขา คนอื่น ๆ ก็พากันส่งเสียงให้กำลังใจหวงเหมามองดูหลินเฟิง เห็นเพียงแค่ว่าไอ้หมอนี่นั่งไขว่ห้าง หน้าไม่แดงหายใจไม่แรง ดื่มเบียร์ไปยี่สิบขวดทำเหมือนกับไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นหลินเฟิงยิ้มบางแล้วพูดขึ้น “ถ้าหากดื่มไม่ไหว นายไม่ต้องดื่มก็ได้”ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไอ้หมอนี่ดื่มเบียร์ไปยี่สิบขวดถือว่ามีความสามารถจริง ๆ นั่นแหละแต่น่าเสียดายที่เขาเจอกับหลินเฟิงหลินเฟิงรวบรวมกำลังภายใน เบียร์ที่ดื่มเข้าไปทั้งหมดถูกขับออกจากร่างกายพร้อมกับเหงื่อหวงเหมากัดฟันแล้วพูดขึ้น “นี่เพิ่งถึงไหนเอง พวกเราดื่มกันต่อ”พูดจบก็เปิดขวดเบียร์อีกหนึ่งขวดเขาอดกลั้นอาการคลื่นไส้และดื่มต่อเพียงแต่ครั้งนี้เขาเพิ่งดื่มได้ครึ่งหนึ่งกระเพาะไม่สามารถจุได้อีกแล้วน้ำย่อยพ
ในปากก็ตะโกนไม่หยุด“หลินเฟิงคนนี้ก็จริง ๆ เลย ต้องการดวลเบียร์กับหวงเหมาให้ได้ ฉันดูแล้วเขาตั้งใจชัด ๆ”โจวเสี่ยวหางช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกจนปัญญา “เรื่องนี้หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนเริ่มสักหน่อย โทษใครก็ได้แต่ก็ไม่ควรโทษไปถึงหัวหลินเฟิงไหม?”“จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างไร เขาก็เข้าร่วมไม่ใช่เหรอ”โจวเสี่ยวหางส่ายหน้าและก็ไม่ถกเถียงเรื่องนี้กับเธอ “เดี๋ยวเธอใส่ชุดของฉันก่อนเถอะ”ขณะพูดก็ถอดเสื้อคลุมบนตัวออกหลัจากหลี่ซืออวี่เช็ดตัวสะอาด ถึงได้คลุมเสื้อคลุมของโจวเสี่ยวหางชุดเดรสสีขาวตัวนั้นไม่สามารถสวมใส่ได้แล้วโชคดีที่เธอใส่กางเกงเลกกิ้งไว้สวมเสื้อแจ็กเกตของหลี่ซืออวี่ก็ไม่ได้โป๊มากนักโจวเสี่ยวหางสวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำเอาไว้ข้างใน เมื่อไม่มีเสื้อคลุมปกปิด รูปร่างที่สมบูรณ์แบบก็เผยออกมาอย่างชัดเจนหวงเหมาตามมาที่หน้าประตู และหยุดอยู่ตรงอ่างล้างมือวันนี้ขายขี้หน้ามากจริง ๆเขากลัดกลุ้มใจจริง ๆ หลินเฟิงคนนั้นท้องใหญ่แค่ไหนกันนะ? ถึงได้สามารถจุเบียร์ได้เยอะขนาดนั้นที่ตัวเองสามารถดื่มได้ก็เพราะเข้าห้องน้ำบ่อย เพียงแค่ว่าครั้งนี้เวลาครึ่งชั่วโมงดื่ม
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก
หลินเฟิงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตระกูลเฝิงนานนักเขาบำรุงรักษาร่างกายให้หยินหลิง จากนั้นนำยาอมตะเลือดราชันย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวมอบให้เธอ และกำชับเธอให้รักษาความปลอดภัยจึงได้ออกจากตระกูลเฝิงก่อนจากไป หลินเฟิงไม่เพียงเห็นผู้คุ้มกันสองคนก่อนหน้านี้คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่าอยู่ที่หน้าประตูแถมยังถูกเฝิงอวี้ที่ฟื้นคืนสติ ค้ำไม้เท้า เดินออกมาส่งด้วยสีหน้าหดหู่“ผมได้ทราบความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความสามารถของหมอเทวดาหลิน ไม่ใช่คนที่ผมเฝิงอวี้อู่จะเทียบได้”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจหรือเปล่าหรือเป็นเพราะหมดสติเดือนกว่าๆ จึงทำให้เขาดูขาดชี่และเลือดตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด“คุณเป็นคนแรกที่ผมเฝิงอวี้อู่เลื่อมใสจากใจ จุดนี้ เกรงว่าจอมมารคนนั้นของสำนักหลงผานก็ยังทำไม่ได้”“รอให้บาดแผลหายดี ผมจะต้องไปเยี่ยมเยือนถึงที่ ขอคำชี้แนะจากคุณ”เฝิงอวี้อู่แพ้เป็น และก็ปล่อยวางได้เขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิง ศัตรูที่เขาเคยดูถูกและใส่ร้ายในอดีต จะมาช่วยเขาโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตถึงแม้จะเป็นเพราะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแ
หลินเฟิงเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน“แต่ว่า....พวกเราหมั้นกันแล้วนะ....นี่ จะไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้หรือเปล่า?”“อุ๊ปส์ พี่หลินเฟิง พี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ สิ่งที่เด็ก ๆพูดจะถือว่าเป็นการหมั้นหมายก็ได้เหรอ?”“ทำได้แน่นอน ฉันหลินเฟิง พูดคำไหนคำนั้น!”......หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ขับรถกลับมาตามเส้นทางเดิมเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเฝิงอีกครั้ง เขาก็เอาเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่มาให้กับเฝิงหลีที่ถูกแขวนไว้อย่างอนาถที่หน้าประตูศีรษะของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำเมื่อศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ถูกโยนไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง เฝิงหลีก็ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดเขาจ้องศีรษะที่หลินเฟิงโยนเข้ามาด้วยความหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า :“หลินเฟิง แกต้องตายแน่.....แกต้องตายอย่างแน่นอน!”“แกกล้าฆ่าผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ หลินเฟิง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”“ฉันได้เริ่มใช้งานยาเลือดตะขาบแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“เหอะ...”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเฝิงหลีก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีเวลาเหลือมากนัก จึงได้สาปแช่งและเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่งส่วนเลือดที่เฝิงหลีบอกมานั้นหลินเฟิ
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะจำเรื่องราวที่สำนักเสินฉือได้ด้วยขณะนี้หลินเฟิงที่กำลังขับรถหรูของเฝิงหลีด้วยความรู้สึกเขินอายหยินหลิงที่นั่งเงียบ ๆตรงเบาะผู้โดยสาร ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจออกมา“พี่หลินเฟิง ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่าน ฉันก็พอมองเรื่องนั้นออก ดังนั้นก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกพี่”หยินหลิงที่กำลังเล่นผมของตัวเองอยู่ที่ตรงที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับพูดเบา ๆว่า :“ฉันก็อยากจะใช้เรื่องของกลุ่มพันธมิตรบู๊มาโดยตลอด เพื่อให้ฉันไม่ว่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ แต่ทุกครั้งที่เจอพี่....”หยินหลิงชะงักไปชั่วครู่ และก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำว่า :“มันก็ทำให้สภาพจิตใจที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วมันยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีก”“พี่หลินเฟิง พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะพยายามไม่มาเจอพวกพี่อีกแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเก็บฉันไปใส่ใจหรอก...”“แค่จากนี้ไปพี่จะต้องระวังให้มากขึ้นก็เท่านั้น”“กองกำลังภายในประเทศมังกรสลับซับซ้อนอย่างมาก หากก้าวพลาดก็จะตกลงไปในเหวลึก ถึงแม้ตอนนี้พี่จะแข็งแกร่งพอแล้ว แต่หมัดสองหมัดก็ไม่สามารถชนะสี่มือได้...”เมื่อได้ยินหยินหลิงพูดเบา ๆอยู่ด้านข้างในใจของหลินเฟิงก็เกิดความรู้ส
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ