“ฉัน…ลูกพี่ลูกน้องของฉันก็คือประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป!” จางซินหน้าเขียวคล้ำ รู้สึกว่าตัวเองหายใจลำบากเซี่ยงจื่อหลานได้ยินแบบนี้ก็ยกรองเท้าส้นสูงเตะไปที่ท้องน้อยของเธอจางซินล้มตึงลงไปบนพื้นทั่วร่างรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และก็ปวดแสบปวดร้อนที่ท้องน้อยเธอไม่เข้าใจจริง ๆ ตัวเองทำอะไรให้เซี่ยงจื่อหลานโมโหถึงขนาดนี้“เทียนซิง ตี้ส้า…”เซี่ยงจื่อหลานตะโกนเสียงดังบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ข้างประตูคุกเข่าตรงหน้าเธอทันที“ข้าน้อยอยู่นี่”“ไปจับตัวประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ปคนนั้นมาให้ฉัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย” เซี่ยงจื่อหลานตะโกนอย่างบ้าบิ่นทั้งสองคนสบตากัน ถึงแม้ไม่รู้ว่าคุณหนูโมโหเพราะอะไร แต่เจ้านายเป็นคนสั่งพวกเขาก็ต้องปฏิบัติทันที“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”ทั้งสองคนตอบรับแล้วถอยออกไป“คุณเซี่ยง เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ? ทำไมถึงโมโหขนาดนี้?” คนอื่น ๆ พากันถามด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลเซี่ยงจื่อหลานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และโบกมือ “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรค่ะ ทุกท่านร่วมงานให้สนุกนะคะ วันนี้ฉันร่างกายไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ขอตัวไปพักก่อนนะคะ”ทุกคนสีหน้างุนงง บุคคลสำคัญในวันนี้ก็คือเธอนะแต่เธอกลับไม่อ
หลี่ฮุ่ยหรานถูกตบจนหน้าตางุนงง“พูดจาซี้ซั้ว สร้อยเส้นนี้คุณพ่อของฉันเป็นคนมอบให้ฉันชัด ๆ ฉันดูแล้วเธอเป็นคนขโมยไปแน่นอน” เซี่ยงจื่อหลานขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดสร้อยเส้นนี้ตัวเองเป็นคนมอบให้สวีเชาสวีเชาจะมอบให้เธอได้อย่างไร?หลี่ฮุ่ยหรานพูดด้วยสีหน้าไร้ความผิด “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ฉันกับคุณเซี่ยงไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน จะขโมยสร้อยไปได้อย่างไรคะ?”เทียนซิงกับตี้ส้าที่อยู่ข้าง ๆ ก็มองตากัน รู้สึกว่าที่หลี่ฮุ่ยหรานพูดก็มีเหตุผลก่อนหน้านี้พวกเธอทั้งสองคนไม่เคยเจอหน้ากัน หรือว่าหลี่ฮุ่ยหรานคนนี้สามารถหยิบของผ่านมิติได้เหรอ?เซี่ยงจื่อหลานมุมปากกระตุก ถ้าหากสร้อยเส้นนี้ไม่ใช่หลี่ฮุ่ยหรานขโมยไป มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ สวีเชาเอาสร้อยเส้นนี้มอบให้หลี่ฮุ่ยหรานแต่เธอไม่ยอมเชื่อว่าสวีเชาจะทรยศเธอพูดด้วยความมั่นใจว่าหลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนขโมยไป“ใครจะไปรู้ว่าเธอจะขโมยไปตอนไหน”“ยังกล้าแก้ตัวต่อหน้าฉันอีก?”เซี่ยงจื่อหลานตบใบหน้าของเธออีกครั้ง“พูดมา สร้อยคอเส้นนี้เธอเป็นคนขโมยไปใช่ไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานน้ำตาไหลออกมา ความรู้สึกที่ถูกคนใส่ร้ายทำให้เธอทรมานอย่างมากเธออ
โรงพยาบาลเมืองเจียงโจว จางเต๋อหลินถูกผู้อำนวยการหวังเชิญมาทำการผ่าตัดนอกสถานที่เขากำลังจะกลับไปก็เห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่ถูกส่งเข้ามาในห้องฉุกเฉินเขารีบขอบันทึกการรักษาของหลี่ฮุ่ยหรานมาร่างกายฟกช้ำไปทั่ว กระดูกหักสามจุด“โห…พระเจ้า!”จางเจ๋อหลินตกตะลึงจนตาค้าง “ใครใจกล้าขนาดนี้ ถึงได้กล้าทำร้ายคุณหลี่?”เขาไม่รอช้า โทรหาหลินเฟิงในทันทีได้ยินแบบนี้ หลินเฟิงก็ตามมาที่โรงพยาบาลเจียงโจวโดยเร็วที่สุดเพิ่งมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เขาก็เห็นจางซินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลินเฟิงรีบเดินเข้าไปถามด้วยเสียงเย็นชา “ใครทำร้ายพี่สาวของเธอ?”จางซินคิดไม่ถึงว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง เธอขมวดคิ้วพูด “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”เธอยังมีความแค้นเรื่องไท้ส่วยป่าสีเลือดเมื่อครั้งที่แล้วอยู่ถ้าหากหลินเฟิงเอาไท้ส่วยป่าสีเลือดให้เธอเร็วหน่อย ไม่แน่เธอก็อาจจะได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกับคุณเซี่ยงไปแล้วจะมีเรื่องบ้าบอมากมายขนาดนี้เหรอ?“ฉันถามเธออีกครั้ง” หลินเฟิงขี้เกียจจะเวิ่นเว้อกับเธอ จากนั้นก็จับคอเสื้อของเธอเอาไว้ แล้วดึงเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีหลี่ฮุ่ยหรานบาดเจ็บ และเธอก็บังเอิญอยู่ที่นี่ ถ้าพูด
“ฮัลโหล? คุณชายหลิน?”“ช่วยผมตรวจสอบหน่อยว่าคุณหนูตระกูลเซี่ยงตอนนี้อยู่ที่ไหน? ยิ่งเร็วยิ่งดี”จ้าวเทียนหวาฟังจากน้ำเสียงที่เย็นชาของหลินเฟิงก็สามารถฟังออกได้คุณหนูตระกูลเซี่ยงคนนี้เกรงว่าจะจบเห่แล้วเขาไม่กล้าเอื่อยเฉื่อยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของเซี่ยงจื่อหลานด้วยเวลาที่เร็วที่สุด“คุณหลิน ตอนนี้เซี่ยงจื่อหลานอยู่ที่ไนท์บาร์”หลังจากที่หลินเฟิงได้รับตำแหน่งที่แน่นอนของเซี่ยงจื่อหลาน เขาก็เดินทางไปที่ไนท์บาร์ในทันทีขณะเดียวกันสวีเชาก็โอบไหล่ของเซี่ยงจื่อหลานแล้วพูดปลอบ “หลานหลาน สร้อยคอเส้นนั้นถูกหลี่ฮุ่ยหรานขโมยไปจริง ๆ ครับ”“ก่อนหน้านี้ผมมีการร่วมธุรกิจกับหลี่ซื่อกรุ๊ป และก็ไม่ได้ระแวงอะไรเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ได้”เซี่ยงจื่อหลานถามด้วยความสงสัย “จริงเหรอ?”“แน่นอนครับ ถ้าหากคุณไม่เชื่อผม ผมสาบานต่อสวรรค์ ถ้าผมโกหกคุณ ผม…”สวีเชานิ้วมือชี้ไปบนฟ้า ยังไม่ทันพูดออกจากปาก เซี่ยงจื่อหลานก็กดมือเขาเอาไว้“อย่าพูดจาซี้ซั้ว ฉันเชื่อคุณแล้วก็ได้”สวีเชายิ้ม “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณรักผมมากที่สุด”“คุณวางใจได้ ผมรับรองว่าต่อไปจะไม่ไปมาหาสู่กับหล
หลินเฟิงมองดูผู้ชายสองคนผู้หญิงหนึ่งคนที่อยู่ตรงหน้าความทรงจำในหัวก็ปรากฏขึ้นมาทันทีผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่เห็นที่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยก่อนหน้านี้ไม่นานไม่ใช่เหรอและความสัมพันธ์กับสวีเชาก็ไม่ธรรมดา“ดูท่าเธอก็คือเซี่ยงจื่อหลานสินะ?”หลินเฟิงจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ตอนนี้ไปคุกเข่าขอโทษหลี่ฮุ่ยหรานซะ ฉันจะพิจารณาไว้ชีวิตหมา ๆ ของเธอ”“คุกเข่าขอโทษให้เธอ? หลี่ฮุ่ยหรานเป็นใครกัน? เธอคู่ควรด้วยเหรอ?” เซี่ยงจื่อหลานเหยียดหยามถึงที่สุด“แม่ง หมาบ้าจากที่ไหนกัน กล้ามาเห่าอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่นี่?” หวงเทียนเช่อมองหลินเฟิงด้วยความดูถูกเซี่ยงจื่อหลานกวาดตามองหวงเทียนเช่อกับเฟิงเหยน “ในเมื่อนายอยากแก้แค้นให้หลี่ฮุ่ยหราน งั้นวันนี้ก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตออกไปเลย”“ศิษย์พี่ทั้งสองคน คนคนนี้มอบให้พวกพี่จัดการนะคะ ถือว่าช่วยศิษย์น้องเล็กน้อย”หวงเทียนเช่อหัวเราะเสียงดัง “ศิษย์น้องหญิงพูดอะไรเนี่ย วันนี้เป็นวันเกิดของศิษย์น้อง เดิมทีพวกเราก็ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไร”“งั้นก็หักแขนหักขาของไอ้หมอนี่ เอาให้ศิษย์น้องหญิงเลี้ยงเป็นสุนัขแล้วกัน!”เซี่ยงจื่อหลานปิดปากหัวเราะ “ศิษย์พี่คิดได้รอบ
“ไม่ว่าแกจะมีสถานะอะไร แกก็ใกล้จะต้องตายแล้ว”เขาเคยชิงอำนาจของสำนักหนานเยว่แล้ว ต่อให้ถูกโจมตีก็ยังมีท่าทางยโสโอหังแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้เติบโตมาด้วยความหวาดกลัวเขาส่งเสียงไม่พอใจออกมา “ก็แค่สำนักที่อยู่มาเป็นเวลาร้อยปี แต่กลับกำเริบเสิบสาน ดูนายภูมิใจซะขนาดนี้”“งั้นฉันจะส่งนายไปพบกับอาจารย์บรรพบุรุษของพวกนายแล้วกัน”หลินเฟิงพูดจบ ก็ตบไปที่กะโหลกของเขาเฟิงเหยนยังไม่ทันร้องโอดครวญออกมา รูทวารทั้งเจ็ดก็มีเลือดไหลออก และตายทั้งที่ไม่หลับตาเดาว่าเขาตายโดยที่คาดคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่า หลินเฟิงจะกล้าฆ่าเขาจริง ๆเซี่ยงจื่อหลานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งไม่ติดแล้วศิษย์พี่ทั้งสองคน คนหนึ่งหมดสติ อีกคนตายไปจนไม่รู้จะตายได้อย่างไรแล้วความสามารถแค่น้อยนิดของตัวเองไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้“นาย…นายอย่าเข้ามานะ” เซี่ยงจื่อหลานถอยหลังไปติด ๆหลินเฟิงจับคอของเธอเอาไว้เธอก็เป็นคนที่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ รู้ตัวว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงไม่กล้าแข็งข้อกับหลินเฟิงจึงรีบบีบน้ำตาออกมา แสร้งทำท่าทางน่าสงสาร “คุณอย่าฆ่าฉันนะ คุณมีความต้องการอะไรเสนอกับฉันมาได้เต็มที่”“ฉันสามาร
เซี่ยงจื่อหลานถอดเสื้อคลุมบางออกช้า ๆ ลมหนาวพัดผ่าน ทำให้เสื้อคลุมของเธอถูกพัดปลิวไปเห็นเขายังไม่ขยับเขยื้อนเซี่ยงจื่อหลานกัดฟันและถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของตัวเองออกเธอที่ไม่เหลือเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวยืนสั่นอยู่ท่ามกลางลมหนาว แต่กลับไม่กล้าพูดจาหลินเฟิงในหัวกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอ เมื่อเห็นเธอถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นเขากลับไม่มีความสนใจแม้แต่น้อยหลินเฟิงเคยเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยในโลกนี้มากมาย ผู้หญิงประเภทอย่างเซี่ยงจื่อหลานไม่เข้าตาเขาจริง ๆเขาดึงเซี่ยงจื่อหลานกลับเข้าไปในห้องเซี่ยงจื่อหลานรู้สึกดีใจอย่างมาก หัวใจที่หวาดเสียวในที่สุดก็สบายใจลงได้แต่หลินเฟิงกลับกดเธอเข้ากับกำแพงโดยไม่เกรงใจ“พี่ชาย คุณหยาบคายเกินไปหน่อยแล้ว” เซี่ยงจื่อหลานสายตายั่วยวน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยนึกว่าเขาเป็นบุคคลเก่งกาจ แต่คิดไม่ถึงว่าจะบ้ากามแบบนี้ตัวเองแค่ยั่วยวนนิดหน่อย ก็ควบคุมเขาได้สำเร็จน่าเสียดายที่เธอกลับคิดมากไปเองหลินเฟิงยกมือกดจุดใหญ่ ๆ ตรงบริเวณหน้าอกแต่ละจุดสามครั้งเซี่ยงจื่อหลานรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างมากในทันทีในตอนนี้หลินเฟิงก็ดึงมือกลับและปล่อยเซี่ยงจื่อหลานออก“อ๊ะ
หลินเฟิงส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม “ตอนนี้คุณควรจะเตรียมตัวให้ดีหน่อยว่าจะขอโทษหลี่ฮุ่ยหรานอย่างไร ทำอย่างไรถึงทำให้หลี่ฮุ่ยหรานให้อภัยคุณได้”“แต่ไม่ใช่มาทำท่ายั่วยวนอยู่ตรงนี้”หลินเฟิงมองเธอด้วยความดูถูก จากนั้นเดินออกไปทันที“คุณ…ไอ้หมอนี่…โอ๊ย…”หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตู เซี่ยงจื่อหลานก็รู้สึกเจ็บหน้าอกเพิ่มขึ้นมาอีกทันทีเธอเจ็บจนเหงื่อออกเต็มตัวถึงขั้นที่ไม่มีแรงที่จะลุกยืนขึ้นเธอกัดฟันแน่น ใช้แรงทั้งหมดถึงได้หยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะมาได้ จากนั้นก็รีบโทรหาคุณพ่อของตัวเองผ่านไปครู่ใหญ่เซี่ยงตงเซิงพาไป๋จินเต๋อตามมาที่ไนท์บาร์พวกเขาเพิ่งเข้ามาในห้องทำงาน ก็เห็นลูกสาวของตัวเองนอนเปลือยอยู่บนพื้นคนทั้งสองของสำนักหนานเยว่ก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีเขาตกตะลึงอย่างมาก งานเลี้ยงวันเกิดลูกสาวของตัวเองทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้เขารีบเดินไปข้างกายเซี่ยงจื่อหลาน คลุมเสื้อผ้าให้เธอ “ลูก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”“ใครทำร้ายพวกลูกจนเป็นแบบนี้?”เซี่ยงจื่อหลานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “หลิน…หลินเฟิง”“อะไรนะ? ไอ้เวรนี่อีกแล้วเหรอ?” เซี่ยงตงเซิงได้ยินชื่อของหลินเฟิงก็โกรธเป็นฟืน
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส
หลังจากตัดสินใจที่จะเปิดเผยแผนการของจวงฉุน ความภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉ“คุณอิ่นนั่วเจีย คุณยังจำผู้ชายที่ชื่อจวงฉุนเมื่อครู่นี้ได้ไหมครับ?”“จวงฉุน?”อิ่นนั่วเจียพยักหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอนแค่เธอจ้องมองเขาก็รู้ว่าเขามีเจตนาไม่ดีต่อเธอถึงขั้นที่ภายหลังยังสารภาพโดยตรง ไม่ได้เสแสร้งแล้วเขากล่าวว่าอยากตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของธรรมชาติหรือของเทียมแค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกอยากอ้วกทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายแบบนี้นะ“มีอะไรเหรอคะเถ้าแก่เริ่น เขาจะทำร้ายฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียข่มความคลื่นไส้ในใจและยื่นหน้าเข้าไปถาม"ถูกต้องครับ"เริ่นโหย่วไฉถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า:"ผมจะบอกความจริงกับคุณแล้วกัน!"“จวงฉุนคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลหลง แต่เขาเป็นแค่ลูกสมุนเท่านั้น เป็นแค่ตัวประกอง”“ครั้งนี้เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลงมาด้วยหลายคน ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออย่างลับๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่”หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียต่างจ้องมองเขา เริ่นโหย่วไฉพิจารณาคำพูดของเขาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:“กระดุมที่คุณเอาออก
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงเล็กน้อยเธอในฐานะซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แม้จะพิถีพิถันมากในการเลือกและออกแบบชุดของเธอ แต่โรงงานเล็กๆ แบบนี้กลับกล้าที่จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล ถึงยี่สิบห้าล้านบาทเรื่องนี้มันเกินเหตุไปหน่อยแล้วเงินยี่สิบห้าล้านบาทสำหรับอิ่นนั่วเจียไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก แต่เอาเงินให้คนแบบนี้ ในใจของอิ่นนั่วเจียรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียตกตะลึง เริ่นโหย่วไฉก็ไม่ได้อุบอิบแต่พูดอย่างจริงจังว่า:“เชื่อผมเถอะครับ คุณอิ่นนั่วเจีย เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว มีแต่คุณยอมทำข้อตกลงกับผมเท่านั้น คุณจึงจะหนีจากอันตรายได้”"ฉัน......"ขณะที่อิ่นนั่วเจียกำลังแสดงท่าทีลังเลว่าจะจ่ายเงินยี่สิบห้าล้าน หลินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า“ผมตกลงแทนของคุณอิ่นนั่วเจีย”หลินเฟิงหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขียนตัวเลขยี่สิบห้าล้านด้วยปากกาในห้องทำงานของเขาต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ จากนั้นส่งให้เริ่นโหย่วไฉอย่างเบามือ“ดี...ดีๆๆ”เริ่นโหย่วไฉหยิบเช็คขึ้นมาแล้วตรวจดู เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นของปลอม ใบหน้าของเขามีความสุขทันใด และสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคว