“ฮัลโหล? คุณชายหลิน?”“ช่วยผมตรวจสอบหน่อยว่าคุณหนูตระกูลเซี่ยงตอนนี้อยู่ที่ไหน? ยิ่งเร็วยิ่งดี”จ้าวเทียนหวาฟังจากน้ำเสียงที่เย็นชาของหลินเฟิงก็สามารถฟังออกได้คุณหนูตระกูลเซี่ยงคนนี้เกรงว่าจะจบเห่แล้วเขาไม่กล้าเอื่อยเฉื่อยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของเซี่ยงจื่อหลานด้วยเวลาที่เร็วที่สุด“คุณหลิน ตอนนี้เซี่ยงจื่อหลานอยู่ที่ไนท์บาร์”หลังจากที่หลินเฟิงได้รับตำแหน่งที่แน่นอนของเซี่ยงจื่อหลาน เขาก็เดินทางไปที่ไนท์บาร์ในทันทีขณะเดียวกันสวีเชาก็โอบไหล่ของเซี่ยงจื่อหลานแล้วพูดปลอบ “หลานหลาน สร้อยคอเส้นนั้นถูกหลี่ฮุ่ยหรานขโมยไปจริง ๆ ครับ”“ก่อนหน้านี้ผมมีการร่วมธุรกิจกับหลี่ซื่อกรุ๊ป และก็ไม่ได้ระแวงอะไรเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ได้”เซี่ยงจื่อหลานถามด้วยความสงสัย “จริงเหรอ?”“แน่นอนครับ ถ้าหากคุณไม่เชื่อผม ผมสาบานต่อสวรรค์ ถ้าผมโกหกคุณ ผม…”สวีเชานิ้วมือชี้ไปบนฟ้า ยังไม่ทันพูดออกจากปาก เซี่ยงจื่อหลานก็กดมือเขาเอาไว้“อย่าพูดจาซี้ซั้ว ฉันเชื่อคุณแล้วก็ได้”สวีเชายิ้ม “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณรักผมมากที่สุด”“คุณวางใจได้ ผมรับรองว่าต่อไปจะไม่ไปมาหาสู่กับหล
หลินเฟิงมองดูผู้ชายสองคนผู้หญิงหนึ่งคนที่อยู่ตรงหน้าความทรงจำในหัวก็ปรากฏขึ้นมาทันทีผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่เห็นที่คฤหาสน์อ่าวเทียนสุ่ยก่อนหน้านี้ไม่นานไม่ใช่เหรอและความสัมพันธ์กับสวีเชาก็ไม่ธรรมดา“ดูท่าเธอก็คือเซี่ยงจื่อหลานสินะ?”หลินเฟิงจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ตอนนี้ไปคุกเข่าขอโทษหลี่ฮุ่ยหรานซะ ฉันจะพิจารณาไว้ชีวิตหมา ๆ ของเธอ”“คุกเข่าขอโทษให้เธอ? หลี่ฮุ่ยหรานเป็นใครกัน? เธอคู่ควรด้วยเหรอ?” เซี่ยงจื่อหลานเหยียดหยามถึงที่สุด“แม่ง หมาบ้าจากที่ไหนกัน กล้ามาเห่าอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่นี่?” หวงเทียนเช่อมองหลินเฟิงด้วยความดูถูกเซี่ยงจื่อหลานกวาดตามองหวงเทียนเช่อกับเฟิงเหยน “ในเมื่อนายอยากแก้แค้นให้หลี่ฮุ่ยหราน งั้นวันนี้ก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตออกไปเลย”“ศิษย์พี่ทั้งสองคน คนคนนี้มอบให้พวกพี่จัดการนะคะ ถือว่าช่วยศิษย์น้องเล็กน้อย”หวงเทียนเช่อหัวเราะเสียงดัง “ศิษย์น้องหญิงพูดอะไรเนี่ย วันนี้เป็นวันเกิดของศิษย์น้อง เดิมทีพวกเราก็ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไร”“งั้นก็หักแขนหักขาของไอ้หมอนี่ เอาให้ศิษย์น้องหญิงเลี้ยงเป็นสุนัขแล้วกัน!”เซี่ยงจื่อหลานปิดปากหัวเราะ “ศิษย์พี่คิดได้รอบ
“ไม่ว่าแกจะมีสถานะอะไร แกก็ใกล้จะต้องตายแล้ว”เขาเคยชิงอำนาจของสำนักหนานเยว่แล้ว ต่อให้ถูกโจมตีก็ยังมีท่าทางยโสโอหังแต่หลินเฟิงก็ไม่ได้เติบโตมาด้วยความหวาดกลัวเขาส่งเสียงไม่พอใจออกมา “ก็แค่สำนักที่อยู่มาเป็นเวลาร้อยปี แต่กลับกำเริบเสิบสาน ดูนายภูมิใจซะขนาดนี้”“งั้นฉันจะส่งนายไปพบกับอาจารย์บรรพบุรุษของพวกนายแล้วกัน”หลินเฟิงพูดจบ ก็ตบไปที่กะโหลกของเขาเฟิงเหยนยังไม่ทันร้องโอดครวญออกมา รูทวารทั้งเจ็ดก็มีเลือดไหลออก และตายทั้งที่ไม่หลับตาเดาว่าเขาตายโดยที่คาดคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่า หลินเฟิงจะกล้าฆ่าเขาจริง ๆเซี่ยงจื่อหลานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งไม่ติดแล้วศิษย์พี่ทั้งสองคน คนหนึ่งหมดสติ อีกคนตายไปจนไม่รู้จะตายได้อย่างไรแล้วความสามารถแค่น้อยนิดของตัวเองไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้“นาย…นายอย่าเข้ามานะ” เซี่ยงจื่อหลานถอยหลังไปติด ๆหลินเฟิงจับคอของเธอเอาไว้เธอก็เป็นคนที่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ รู้ตัวว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงไม่กล้าแข็งข้อกับหลินเฟิงจึงรีบบีบน้ำตาออกมา แสร้งทำท่าทางน่าสงสาร “คุณอย่าฆ่าฉันนะ คุณมีความต้องการอะไรเสนอกับฉันมาได้เต็มที่”“ฉันสามาร
เซี่ยงจื่อหลานถอดเสื้อคลุมบางออกช้า ๆ ลมหนาวพัดผ่าน ทำให้เสื้อคลุมของเธอถูกพัดปลิวไปเห็นเขายังไม่ขยับเขยื้อนเซี่ยงจื่อหลานกัดฟันและถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของตัวเองออกเธอที่ไม่เหลือเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวยืนสั่นอยู่ท่ามกลางลมหนาว แต่กลับไม่กล้าพูดจาหลินเฟิงในหัวกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของเธอ เมื่อเห็นเธอถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นเขากลับไม่มีความสนใจแม้แต่น้อยหลินเฟิงเคยเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยในโลกนี้มากมาย ผู้หญิงประเภทอย่างเซี่ยงจื่อหลานไม่เข้าตาเขาจริง ๆเขาดึงเซี่ยงจื่อหลานกลับเข้าไปในห้องเซี่ยงจื่อหลานรู้สึกดีใจอย่างมาก หัวใจที่หวาดเสียวในที่สุดก็สบายใจลงได้แต่หลินเฟิงกลับกดเธอเข้ากับกำแพงโดยไม่เกรงใจ“พี่ชาย คุณหยาบคายเกินไปหน่อยแล้ว” เซี่ยงจื่อหลานสายตายั่วยวน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยนึกว่าเขาเป็นบุคคลเก่งกาจ แต่คิดไม่ถึงว่าจะบ้ากามแบบนี้ตัวเองแค่ยั่วยวนนิดหน่อย ก็ควบคุมเขาได้สำเร็จน่าเสียดายที่เธอกลับคิดมากไปเองหลินเฟิงยกมือกดจุดใหญ่ ๆ ตรงบริเวณหน้าอกแต่ละจุดสามครั้งเซี่ยงจื่อหลานรู้สึกเจ็บหน้าอกอย่างมากในทันทีในตอนนี้หลินเฟิงก็ดึงมือกลับและปล่อยเซี่ยงจื่อหลานออก“อ๊ะ
หลินเฟิงส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม “ตอนนี้คุณควรจะเตรียมตัวให้ดีหน่อยว่าจะขอโทษหลี่ฮุ่ยหรานอย่างไร ทำอย่างไรถึงทำให้หลี่ฮุ่ยหรานให้อภัยคุณได้”“แต่ไม่ใช่มาทำท่ายั่วยวนอยู่ตรงนี้”หลินเฟิงมองเธอด้วยความดูถูก จากนั้นเดินออกไปทันที“คุณ…ไอ้หมอนี่…โอ๊ย…”หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตู เซี่ยงจื่อหลานก็รู้สึกเจ็บหน้าอกเพิ่มขึ้นมาอีกทันทีเธอเจ็บจนเหงื่อออกเต็มตัวถึงขั้นที่ไม่มีแรงที่จะลุกยืนขึ้นเธอกัดฟันแน่น ใช้แรงทั้งหมดถึงได้หยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะมาได้ จากนั้นก็รีบโทรหาคุณพ่อของตัวเองผ่านไปครู่ใหญ่เซี่ยงตงเซิงพาไป๋จินเต๋อตามมาที่ไนท์บาร์พวกเขาเพิ่งเข้ามาในห้องทำงาน ก็เห็นลูกสาวของตัวเองนอนเปลือยอยู่บนพื้นคนทั้งสองของสำนักหนานเยว่ก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีเขาตกตะลึงอย่างมาก งานเลี้ยงวันเกิดลูกสาวของตัวเองทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้เขารีบเดินไปข้างกายเซี่ยงจื่อหลาน คลุมเสื้อผ้าให้เธอ “ลูก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”“ใครทำร้ายพวกลูกจนเป็นแบบนี้?”เซี่ยงจื่อหลานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “หลิน…หลินเฟิง”“อะไรนะ? ไอ้เวรนี่อีกแล้วเหรอ?” เซี่ยงตงเซิงได้ยินชื่อของหลินเฟิงก็โกรธเป็นฟืน
โรงพยาบาลเมืองเจียงโจวจางซินนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาวที่ทางเดิน เธอเพิ่งโทรศัพท์หาจางกุ้ยหลานเสร็จหลี่ฮุ่ยหรานพ้นขีดอันตรายกำลังจะย้ายไปที่ห้องพักผู้ป่วยเธอจึงเดินวนไปวนมาอยู่ตรงที่ทางเดิน จู่ ๆ หลินเฟิงก็กลับมา จากนั้นเธอก็หันหลังจะวิ่งหนีไปหลินเฟิงเดินเข้าไปจับข้อมือของเธอเอาไว้ และดึงเธอเข้ามาในห้องทันที“ว้าย…ไอ้สกุลหลิน นายจะทำอะไร? ฉันเจ็บนะ”จางซินรีบตะโกนขึ้นหลินเฟิงใบหน้าเย็นชาถามขึ้น “พูดมา วันนี้งานวันเกิดที่ตระกูลเซี่ยงตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”“ฉัน…ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร? อย่ามาถามฉัน รอให้พี่ของฉันตื่นมา นายไปถามเธอเองสิ” จางซินหลบสายตาหลินเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นก็เข้าไปบีบคอของเธอเอาไว้“ฉันจะให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย”“อุ๊บ…ไอ้สกุลหลิน นายบ้าไปแล้วเหรอ นายกล้าลงมือกับฉันเหรอ?” จางซินตกตะลึงจนหน้าซีดคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกำเริบเสิบสานขนาดนี้ เธอรู้สึกว่าตัวเธอหายใจไม่ออกแต่สองมือกลับจับกระเป๋าของตัวเองเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยแม้แต่วินาทีเดียวหลินเฟิงเห็นแบบนี้ก็เข้าไปแย่งกระเป๋ามาจากเธอจางซินเห็นแบบนี้ก็ไม่ให้อยู่แล้ว “นายจะทำอะไร? กล้าแย่งของของฉัน เอ
จางซินได้ยินประโยคนี้ทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเธอหันไปพูดร้องห่มร้องไห้กับหลินเฟิง“หลินเฟิง นาย..นายรีบช่วยฉันสิ…ฉันพูด ฉันพูดพอใจแล้วยัง?”หลินเฟิงเห็นแบบนี้ก็เดินเข้าไป ขวางทางทั้งสองคนเอาไว้ “คนคนนี้ พวกนายพาตัวไปไม่ได้แล้วล่ะ”“แกแม่งเป็นใครวะ? กล้ามาขัดขวางคนของสำนักหนานเยว่?” ชายร่างกำยำหนึ่งในนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดเหยียดหยามหลินเฟิงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “ฉันไม่สนว่าพวกนายเป็นใคร ตอนนี้ปล่อยคนซะ”“แม่งเอ๊ย” คนอีกคนหนึ่งปล่อยหมัดออกมาทันทีว่องไวเป็นอย่างมากและว่องไวกว่าหวงเทียนเช่อและเฟิงเหยนแต่อยู่ต่อหน้าหลินเฟิงยังไม่เพียงพออยู่ดีเขาเอียงหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยหมัดกระแทกไปตรงหน้าของเขาอย่างไวราวกับสายฟ้าอีกฝ่ายตกตะลึงทันที จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น และสลบไสลไปเหมือนกับเด็กทารก อีกคนหนึ่งเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสีเดิมอยากจะจับตัวจางซินไปหลินเฟิงก็จับข้อมือของเขาเอาไว้และออกแรงทันที“แกร่ก” ทั้งแขนบิดเบี้ยวจนผิดรูป“อ๊าก…แขนของฉัน…ไอ้เวร แกเป็นใครกันแน่?”“นายเป็นคนของสำนักหนานเยว่เหรอ?”ชายร่างกำยำกัดฟันพูด “พูดจาไร้สาระ รู้ว่าเราคือคนของสำนักหนานเยว่ยังจะ
“รอให้หลี่ฮุ่ยหรานฟื้นมา ทางที่ดีเธออธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย”หลินเฟิงถลึงตาใส่เธอจางซินกลืนน้ำลาย ในใจรู้สึกกระวนกระวายไม่กล้ามองตาหลินเฟิงด้วยซ้ำในตอนนี้เอง จางกุ้ยหลานกับหลี่เหวินเชาก็ตามมาที่โรงพยาบาลเห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่สลบไม่ได้สติ จางกุ้ยหลานก็ถึงกับตกตะลึง “แม่เจ้า นี่ใครกันแน่ที่ทำร้ายจนฮุ่ยหรานของพวกเราเป็นแบบนี้?”จางซินพูดขึ้นทันที “เป็น…คุณหนูของตระกูลเซี่ยง”“คุณหนูตระกูลเซี่ยง?” จางกุ้ยหลานสีหน้างุนงง“มันเรื่องอะไรกัน? พวกเราไม่เคยล่วงเกินตระกูลเซี่ยงมาก่อนนะ! คุณหนูตระกูลเซี่ยงทำไมถึงได้ทำร้ายหลี่ฮุ่ยหรานล่ะ?”“จริงด้วย…ในนี้ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?” หลี่เหวินเชารีบพูดขึ้นจางกุ้ยหลานมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ด้านข้าง “หลินเฟิง เป็นแกไอ้สารเลวที่หาเรื่องคุณหนูตระกูลเซี่ยงใช่ไหม?”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าจางกุ้ยหลานจะโยนความผิดมาที่เขาในทันทีเขาพูดเยาะหยัน “เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับฉันทั้งนั้น เป็นสวีเชาที่เหยียบเรือสองแคม”“สร้อยคอมูลค่าหนึ่งร้อยล้านบาทที่มอบให้หลี่ฮุ่ยหราน สร้อยเส้นนั้นเป็นของที่เซี่ยงจื่อหลานมอบให้สวีเชา”“แกพูด