หลินเฟิงส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม “ตอนนี้คุณควรจะเตรียมตัวให้ดีหน่อยว่าจะขอโทษหลี่ฮุ่ยหรานอย่างไร ทำอย่างไรถึงทำให้หลี่ฮุ่ยหรานให้อภัยคุณได้”“แต่ไม่ใช่มาทำท่ายั่วยวนอยู่ตรงนี้”หลินเฟิงมองเธอด้วยความดูถูก จากนั้นเดินออกไปทันที“คุณ…ไอ้หมอนี่…โอ๊ย…”หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตู เซี่ยงจื่อหลานก็รู้สึกเจ็บหน้าอกเพิ่มขึ้นมาอีกทันทีเธอเจ็บจนเหงื่อออกเต็มตัวถึงขั้นที่ไม่มีแรงที่จะลุกยืนขึ้นเธอกัดฟันแน่น ใช้แรงทั้งหมดถึงได้หยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะมาได้ จากนั้นก็รีบโทรหาคุณพ่อของตัวเองผ่านไปครู่ใหญ่เซี่ยงตงเซิงพาไป๋จินเต๋อตามมาที่ไนท์บาร์พวกเขาเพิ่งเข้ามาในห้องทำงาน ก็เห็นลูกสาวของตัวเองนอนเปลือยอยู่บนพื้นคนทั้งสองของสำนักหนานเยว่ก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีเขาตกตะลึงอย่างมาก งานเลี้ยงวันเกิดลูกสาวของตัวเองทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้เขารีบเดินไปข้างกายเซี่ยงจื่อหลาน คลุมเสื้อผ้าให้เธอ “ลูก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”“ใครทำร้ายพวกลูกจนเป็นแบบนี้?”เซี่ยงจื่อหลานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “หลิน…หลินเฟิง”“อะไรนะ? ไอ้เวรนี่อีกแล้วเหรอ?” เซี่ยงตงเซิงได้ยินชื่อของหลินเฟิงก็โกรธเป็นฟืน
โรงพยาบาลเมืองเจียงโจวจางซินนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาวที่ทางเดิน เธอเพิ่งโทรศัพท์หาจางกุ้ยหลานเสร็จหลี่ฮุ่ยหรานพ้นขีดอันตรายกำลังจะย้ายไปที่ห้องพักผู้ป่วยเธอจึงเดินวนไปวนมาอยู่ตรงที่ทางเดิน จู่ ๆ หลินเฟิงก็กลับมา จากนั้นเธอก็หันหลังจะวิ่งหนีไปหลินเฟิงเดินเข้าไปจับข้อมือของเธอเอาไว้ และดึงเธอเข้ามาในห้องทันที“ว้าย…ไอ้สกุลหลิน นายจะทำอะไร? ฉันเจ็บนะ”จางซินรีบตะโกนขึ้นหลินเฟิงใบหน้าเย็นชาถามขึ้น “พูดมา วันนี้งานวันเกิดที่ตระกูลเซี่ยงตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”“ฉัน…ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร? อย่ามาถามฉัน รอให้พี่ของฉันตื่นมา นายไปถามเธอเองสิ” จางซินหลบสายตาหลินเฟิงหรี่ตาลง จากนั้นก็เข้าไปบีบคอของเธอเอาไว้“ฉันจะให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย”“อุ๊บ…ไอ้สกุลหลิน นายบ้าไปแล้วเหรอ นายกล้าลงมือกับฉันเหรอ?” จางซินตกตะลึงจนหน้าซีดคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกำเริบเสิบสานขนาดนี้ เธอรู้สึกว่าตัวเธอหายใจไม่ออกแต่สองมือกลับจับกระเป๋าของตัวเองเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยแม้แต่วินาทีเดียวหลินเฟิงเห็นแบบนี้ก็เข้าไปแย่งกระเป๋ามาจากเธอจางซินเห็นแบบนี้ก็ไม่ให้อยู่แล้ว “นายจะทำอะไร? กล้าแย่งของของฉัน เอ
จางซินได้ยินประโยคนี้ทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเธอหันไปพูดร้องห่มร้องไห้กับหลินเฟิง“หลินเฟิง นาย..นายรีบช่วยฉันสิ…ฉันพูด ฉันพูดพอใจแล้วยัง?”หลินเฟิงเห็นแบบนี้ก็เดินเข้าไป ขวางทางทั้งสองคนเอาไว้ “คนคนนี้ พวกนายพาตัวไปไม่ได้แล้วล่ะ”“แกแม่งเป็นใครวะ? กล้ามาขัดขวางคนของสำนักหนานเยว่?” ชายร่างกำยำหนึ่งในนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดเหยียดหยามหลินเฟิงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “ฉันไม่สนว่าพวกนายเป็นใคร ตอนนี้ปล่อยคนซะ”“แม่งเอ๊ย” คนอีกคนหนึ่งปล่อยหมัดออกมาทันทีว่องไวเป็นอย่างมากและว่องไวกว่าหวงเทียนเช่อและเฟิงเหยนแต่อยู่ต่อหน้าหลินเฟิงยังไม่เพียงพออยู่ดีเขาเอียงหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยหมัดกระแทกไปตรงหน้าของเขาอย่างไวราวกับสายฟ้าอีกฝ่ายตกตะลึงทันที จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น และสลบไสลไปเหมือนกับเด็กทารก อีกคนหนึ่งเห็นแบบนี้ก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสีเดิมอยากจะจับตัวจางซินไปหลินเฟิงก็จับข้อมือของเขาเอาไว้และออกแรงทันที“แกร่ก” ทั้งแขนบิดเบี้ยวจนผิดรูป“อ๊าก…แขนของฉัน…ไอ้เวร แกเป็นใครกันแน่?”“นายเป็นคนของสำนักหนานเยว่เหรอ?”ชายร่างกำยำกัดฟันพูด “พูดจาไร้สาระ รู้ว่าเราคือคนของสำนักหนานเยว่ยังจะ
“รอให้หลี่ฮุ่ยหรานฟื้นมา ทางที่ดีเธออธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย”หลินเฟิงถลึงตาใส่เธอจางซินกลืนน้ำลาย ในใจรู้สึกกระวนกระวายไม่กล้ามองตาหลินเฟิงด้วยซ้ำในตอนนี้เอง จางกุ้ยหลานกับหลี่เหวินเชาก็ตามมาที่โรงพยาบาลเห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่สลบไม่ได้สติ จางกุ้ยหลานก็ถึงกับตกตะลึง “แม่เจ้า นี่ใครกันแน่ที่ทำร้ายจนฮุ่ยหรานของพวกเราเป็นแบบนี้?”จางซินพูดขึ้นทันที “เป็น…คุณหนูของตระกูลเซี่ยง”“คุณหนูตระกูลเซี่ยง?” จางกุ้ยหลานสีหน้างุนงง“มันเรื่องอะไรกัน? พวกเราไม่เคยล่วงเกินตระกูลเซี่ยงมาก่อนนะ! คุณหนูตระกูลเซี่ยงทำไมถึงได้ทำร้ายหลี่ฮุ่ยหรานล่ะ?”“จริงด้วย…ในนี้ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?” หลี่เหวินเชารีบพูดขึ้นจางกุ้ยหลานมองไปทางหลินเฟิงที่อยู่ด้านข้าง “หลินเฟิง เป็นแกไอ้สารเลวที่หาเรื่องคุณหนูตระกูลเซี่ยงใช่ไหม?”หลินเฟิงคิดไม่ถึงว่าจางกุ้ยหลานจะโยนความผิดมาที่เขาในทันทีเขาพูดเยาะหยัน “เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับฉันทั้งนั้น เป็นสวีเชาที่เหยียบเรือสองแคม”“สร้อยคอมูลค่าหนึ่งร้อยล้านบาทที่มอบให้หลี่ฮุ่ยหราน สร้อยเส้นนั้นเป็นของที่เซี่ยงจื่อหลานมอบให้สวีเชา”“แกพูด
“หือ…”จ้าวเทียนหวาพูดขึ้นในทันที “คุณชายหลิน หวงเทียนเช่อคนนี้เป็นลูกชายของท่านผู้นำสำนักหนานเยว่ ผมคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าเขาหรอกนะครับ?”“ฆ่า? ฉันไม่ได้ฆ่าเขา แค่ถีบเขาไปครั้งเดียว หมอนั่นน่าจะยังมีลมหายใจอยู่จ้าวเทียนหวากลับงุนงง“นี่ไม่เหมือนกับข่าวที่ได้รับมาเลยนะ ท่านผู้นำสำนักหนานเยว่บอกว่าคุณฆ่าลูกชายของเขา”“ไม่ว่าอย่างไรหวงเทียนเช่อก็เป็นผู้นำน้อย เขาคงไม่ถึงกับเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นนะครับ”หลินเฟิงขมวดคิ้วทันที เขามั่นใจอย่างมาก ตัวเองไม่ได้ฆ่าหวงเทียนเช่อบ้าบออะไรนั่นแน่นอนแรงที่เขาถีบออกไปมีมากแค่ไหน เขารู้ดี“เดาว่าน่าจะเป็นคนของตระกูลเซี่ยงฆ่าล่ะมั้ง”“ตอนนี้ได้ผูกความแค้นแล้ว คุณชายหลินวางแผนจะทำอย่างไรครับ?” จ้าวเทียนหวาถามขึ้น“ให้เซี่ยงจื่อหลานไปขอโทษหลี่ฮุ่ยหราน ไม่อย่างนั้น ล่มตระกูลเซี่ยงทั้งตระกูล” หลินเฟิงพูดอย่างไม่เกรงใจ“ได้ครับ”จ้าวเทียนหวาพยักหน้าติดต่อกัน สำหรับการตัดสินใจทุกอย่างของหลินเฟิงเขาก็ยกมือทั้งสองข้างแสดงความเห็นด้วยในเมื่อหลินเฟิงสั่งแล้ว งั้นตัวเขาเองก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อขณะเดียวกัน ภายในวิลล่าตระกูลเ
“หลินเฟิง ถึงแม้นายจะพึ่งพาตระกูลถัง พวกเราสองตระกูลจุดยืนต่างกัน แต่นายก็เลวทรามเกินไปหน่อยไหม?”เซี่ยงตงเซิงอดกลั้นความโมโหแล้วพูดขึ้น “ทำร้ายคนของตระกูลเซี่ยงอย่างโจ่งแจ้ง แถมยังข่มขืนลูกสาวของฉัน และนายก็ผนึกจุดลูกสาวของฉัน? ตอนนี้ลูกสาวของฉันเหมือนตายทั้งเป็น”“เลวทราม? ผมเลวทรามอย่างไรก็คงไม่เลวเท่าคุณหรอก?”หลินเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเย็นชา “ฆ่าอาจารย์เหลียงอย่างโจ่งแจ้ง ยังมีหน้ามาว่าผมอีก?”“อีกอย่างอย่าเอาความผิดมาโยนใส่ผม ผมข่มขืนลูกสาวของคุณ? ความสวยน้อยนิดของเธอ ผมไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”“นาย...”เซี่ยงตงเซิงโมโหจนกัดฟันเสียงดังกรอด แทบอยากจะถลกหนังหลินเฟิงแต่ทำอย่างไรได้ชีวิตของลูกสาวตัวเองยังอยู่ในมือของหลินเฟิง เขาจึงทำได้แค่อดทนไว้“เอาล่ะ ฉันไม่อยากพูดไร้สาระกับนาย พวกเราจุดยืนต่างกันถกเถียงกันก็ไม่ได้ผลอะไรออกมา”เซี่ยงตงเซิงรีบพูดขัดจังหวะ “ระหว่างฉันกับนายเดิมทีก็ไม่มีความแค้นต่อกันอยู่แล้ว”“นายรีบแก้จุดให้ลูกสาวของฉัน ตั้งแต่นี้ต่อไปพวกเราต่างไม่ล้ำเส้นกัน”“หึหึ...”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ “คุณคิดได้ง่ายเชียวนะ”“เมื่อก่อนไม่มีความแค้น แต่ตอนนี้พ
เซี่ยงตงเซิงพูดขึ้นทันที “ถ้าหากท่านผู้นำหวงออกไปลงมือด้วยตัวเองจะต้องจับไอ้เวรนี่ได้แน่นอนครับ”ในตอนนี้หวงเฮ่อลุกขึ้นช้า ๆ “ตอนนี้ผมต้องการข้อมูลทั้งหมดของไอ้หมอนี่ รวมทั้งภูมิหลังของหมอนี่”เซี่ยงตงเซิงสั่งให้ไป๋จินเต๋อไปเอามาทันทีไม่นานนักก็นำข้อมูลทั้งหมดออกมาบนเอกสารแสดงข้อมูลว่า หลินเฟิงไม่มีพ่อไม่มีแม่ เติบโตมาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมื่อสามปีก่อนแต่งงานเข้าตระกูลหลี่...หลายปีมานี้มีชีวิตเรียบง่ายอย่างมากหวงเฮ่อพลิกดูผ่าน ๆ ก็พูดขึ้น “ไอ้หมอนี่มีความสามารถขนาดนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน”เซี่ยงตงเซิงก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ผมก็คิดแบบนั้นครับ ดูท่ามีคนตั้งใจลบบางอย่างออกไป”“หึ ไม่ว่ามันมีที่มาจากไหน กล้าฆ่าลูกชายของฉัน ไม่ว่ามันเป็นใคร ฉันก็จะสับมันให้เละ” หวงเฮ่อคำรามด้วยความโมโหดวงตาคู่หนึ่งยังกวาดมองไปทางเซี่ยงตงเซิงกับไป๋จินเต๋อเซี่ยงตงเซิงสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บทันทีในตอนนี้หวงเฮ่อพูดขึ้น “พวกตระกูลหลี่คงไม่ต้องให้ผมลงมือจัดการหรอกนะ?”“ท่านผู้นำหวงวางใจได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะนังแพศยาตระกูลหลี่คนนั้น พวกเราไม่มีทางปล่อยตระกูลหลี่ไปอยู่แล้ว”เซี
หลินเฟิงปล่อยหมัดออกไปเต็มแรงหวงเฮ่อเห็นแบบนั้นก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้หมอนี่จะมีพลังชี่แท้ที่มหาศาลขนาดนี้เขารวบรวมพลังทั้งหมดต้านทานเอาไว้“ปึง” เสียงอุดอู้ดังขึ้นมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นหลินเฟิงไม่ได้ขยับเขยื้อน หวงเฮ่อกลับถอยหลังไปหลายก้าวติดต่อกัน“ปึงปึงปึง…”แต่ละก้าวที่ถอยหลัง บนพื้นก็มีรอยแตกปรากฏขึ้น“นาย…”แผ่นหลังของหวงเฮ่อมีเหงื่อเย็นไหลออกมาทันที ทั้งลำแขนเหมือนกับถูกไฟช็อต มีความรู้สึกชาไปหมดคิดไม่ถึงเลยว่าวัยรุ่นคนนี้จะมีพลังขนาดนี้ตัวเองใช้แรงทั้งหมดก็ยังไม่สามารถทำอะไรไอ้หมอนี่ได้สักนิดมิน่าละตั้งแต่ต้นจนจบไอ้หมอนี่ไม่มีความเกรงกลัวใด ๆ ทั้งสิ้นในตอนที่หลินเฟิงเตรียมจะลงมือฆ่าจู่ ๆ ฉินเซี่ยวเทียนก็ตามมาถึง และตะโกนเสียงดัง “ไว้ชีวิตคนด้วย”หลินเฟิงหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเซี่ยวเทียน ถึงได้ดึงพลังกลับ“ผู้ว่าฉิน คุณมาได้อย่างไร?”ฉินเซี่ยวเทียนเดินเข้ามาอย่างไวและพูดตามความจริง “เรื่องของคุณกับตระกูลเซี่ยงผมได้รับรู้แล้ว ดังนั้นจึงมาเจรจากับคุณหน่อย”“คิดไม่ถึงว่าเมื่อมาถึงก็เห็นคุณกับท่านผู้นำหวงสู้กันอย่างดุเดือด”“ที
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส
หลังจากตัดสินใจที่จะเปิดเผยแผนการของจวงฉุน ความภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉ“คุณอิ่นนั่วเจีย คุณยังจำผู้ชายที่ชื่อจวงฉุนเมื่อครู่นี้ได้ไหมครับ?”“จวงฉุน?”อิ่นนั่วเจียพยักหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอนแค่เธอจ้องมองเขาก็รู้ว่าเขามีเจตนาไม่ดีต่อเธอถึงขั้นที่ภายหลังยังสารภาพโดยตรง ไม่ได้เสแสร้งแล้วเขากล่าวว่าอยากตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของธรรมชาติหรือของเทียมแค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกอยากอ้วกทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายแบบนี้นะ“มีอะไรเหรอคะเถ้าแก่เริ่น เขาจะทำร้ายฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียข่มความคลื่นไส้ในใจและยื่นหน้าเข้าไปถาม"ถูกต้องครับ"เริ่นโหย่วไฉถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า:"ผมจะบอกความจริงกับคุณแล้วกัน!"“จวงฉุนคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลหลง แต่เขาเป็นแค่ลูกสมุนเท่านั้น เป็นแค่ตัวประกอง”“ครั้งนี้เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลงมาด้วยหลายคน ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออย่างลับๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่”หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียต่างจ้องมองเขา เริ่นโหย่วไฉพิจารณาคำพูดของเขาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:“กระดุมที่คุณเอาออก
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงเล็กน้อยเธอในฐานะซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แม้จะพิถีพิถันมากในการเลือกและออกแบบชุดของเธอ แต่โรงงานเล็กๆ แบบนี้กลับกล้าที่จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล ถึงยี่สิบห้าล้านบาทเรื่องนี้มันเกินเหตุไปหน่อยแล้วเงินยี่สิบห้าล้านบาทสำหรับอิ่นนั่วเจียไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก แต่เอาเงินให้คนแบบนี้ ในใจของอิ่นนั่วเจียรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียตกตะลึง เริ่นโหย่วไฉก็ไม่ได้อุบอิบแต่พูดอย่างจริงจังว่า:“เชื่อผมเถอะครับ คุณอิ่นนั่วเจีย เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว มีแต่คุณยอมทำข้อตกลงกับผมเท่านั้น คุณจึงจะหนีจากอันตรายได้”"ฉัน......"ขณะที่อิ่นนั่วเจียกำลังแสดงท่าทีลังเลว่าจะจ่ายเงินยี่สิบห้าล้าน หลินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า“ผมตกลงแทนของคุณอิ่นนั่วเจีย”หลินเฟิงหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขียนตัวเลขยี่สิบห้าล้านด้วยปากกาในห้องทำงานของเขาต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ จากนั้นส่งให้เริ่นโหย่วไฉอย่างเบามือ“ดี...ดีๆๆ”เริ่นโหย่วไฉหยิบเช็คขึ้นมาแล้วตรวจดู เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นของปลอม ใบหน้าของเขามีความสุขทันใด และสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคว