เว่ยป้าวออกคำสั่ง: “กระทืบแขนขาของไอ้หมอนี่ให้หักซะ”หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแบบนี้ก็กัดฟัน และรีบเข้าไปขวางตรงหน้าน้องชายของตัวเองแล้วพูดขึ้น: “ท่านป้าว พวกเราชดใช้เงิน ชดใช้เงินคงจะได้ใช่ไหม?”ตอนนี้ใช้เหตุผลคงจะไม่ได้ผลแล้ว เธอทำได้แค่เลือกเสียทรัพย์เพื่อเลี่ยงภัยพิบัติพี่หงพูดถากถาง: “เมื่อครู่ฉันให้พวกเธอชดใช้เงินพวกเธอไม่ชดใช้ ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ? ถ้ารู้แต่แรกก็คงไม่ทำสินะ?”หลี่ฮุ่ยหรานฝืนพูดขึ้นมา: “ประเด็นคือตอนนี้ในมือของฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ฉันผ่อนจ่ายได้ไหม?”เงินของตัวเองลงทุนไปกับโครงการของซีเฉิงหมดแล้วในมือไม่มีเงินเหลือแล้วจริง ๆเว่ยป้าวหันหน้ามองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน: “เธอจะออกเงินกู้เหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดอธิบาย: “แค่แบ่งจ่าย ไม่ได้ค้างชำระ เงินพวกเราจะชดใช้ให้แน่นอน”“น้องชายของฉันก็จะขอโทษพวกคุณ ทุกคนเปลี่ยนการต่อสู้ให้เป็นมิตรภาพจะดีกว่า พวกคุณคิดว่าอย่างไรคะ?”“เปลี่ยนการต่อสู้ให้เป็นมิตรภาพ?”เว่ยป้าวส่งเสียงไม่พอใจ: “เธอพูดได้ง่ายดายซะจริง วันนี้ถ้าเธอไม่มีปัญญาชดใช้เงิน พวกเธอทั้งครอบครัวก็อย่าได้คิดจะกลับไป”เว่ยป้าวพูดจบก็จับคอเสื้อของหลี่ฮุ่ยหรานเ
เว่ยป้าวถูกเตะจนเลือดออกที่มุมปาก ในใจกลับไม่ลนลานเลยสักนิด: “ไอ้หนุ่ม วันนี้แกตายแน่ ลูกน้องของฉันมีเป็นหลายร้อยคน”“ต่อให้แกฆ่าฉัน แกก็ออกไปไม่ได้” หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม: “เรื่องอื่นฉันไม่กล้ารับปาก แต่นายต้องตายอยู่ตรงหน้าฉันแน่นอน”เว่ยป้าวทนดูท่าทางกำเริบเสิบสานแบบนี้ของเขาไม่ได้จริง ๆ: “แม่ง แกกล้าแตะต้องฉันดูสิ”“ไม่กลัวที่จะบอกแกว่า เบื้องหลังฉันก็คือสำนักเทียนเตา แกเคยได้ยินไหม?”มาเฟียอย่างพวกเขา ไม่พึ่งพาการทำธุรกิจเพื่อล้างมลทินก็รับใช้ตระกูลหรือผู้มีกำลังอำนาจหลัวเฟยหู่พึ่งพาตระกูลเฉินเมืองจงโจว ส่วนเว่ยป้าวก็พึ่งพาสำนักเทียนเตาเมืองเจียงโจวมีการคุ้มครองจากสำนักใหญ่โต ถึงได้ทำให้เว่ยป้าวกำเริบเสิบสานแบบนี้“สำนักเทียนเตา?” จางกุ้ยหลานกับหลี่ฮุ่ยหรานสีหน้างุนงงปกติพวกเธอไม่รู้จักกองกำลังของเจียงโจวด้วยซ้ำ เพียงแค่เคยได้ยินชื่อสำนักเทียนเตา แต่กลับไม่รู้ถึงความน่าหวาดกลัวของสำนักเทียนเตามีเพียงสวีเชาที่มีสีหน้าตกตะลึงไม่แปลกใจที่เว่ยป้าวไม่กลัวตระกูลเซี่ยงด้วยซ้ำ ที่แท้เบื้องหลังก็มีการคุ้มครองจากสำนักเทียนเตา“หลินเฟิง นายรีบปล่อยท่านป้าวซะ”เขาตะโกนขึ้
เพียงแค่หลินเฟิงปล่อยเขา ลูกน้องเยอะแยะขนาดนี้คิดว่าเขาจะทำไม่สำเร็จเหรอ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ จางกุ้ยหลานรีบถอนหายใจยาว ๆ: “หลินเฟิง นายได้ยินแล้วยัง นายยังไม่รีบปล่อยท่านป้าว แล้วหักแขนตัวเองอีก”“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม?” หลินเฟิงถลึงตาใส่จางกุ้ยหลานอย่างดูถูกจางกุ้ยหลานตะโกนด่าทอ: “ไอ้สกุลหลิน สามปีมานี้แกอยู่ฟรีกินฟรีที่ตระกูลหลี่ของพวกเรา เห็นได้ชัดว่าแกช่วยฮุ่ยหรานได้แต่กลับไม่ช่วย แขนข้างเดียวของแกสำคัญกว่าชีวิตของฮุ่ยหานอีกเหรอ?”หลินเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ: “พูดว่าคุณโง่ คุณก็ยังไม่เชื่อ ถ้าหากผมปล่อยเขาไปตอนนี้ พวกคุณก็จะต้องตาย”เว่ยป้าวรีบพูดขึ้นทันที: “ฉันเว่ยป้าวสาบานเลยว่า วันนี้เพียงแค่นายหักแขนตัวเอง ฉันไม่มีทางเรียกหาความรับผิดชอบจากใครทั้งนั้น”“ตั้งแต่นี้ไปต่างคนต่างอยู่ไม่ล้ำเส้นกัน”สวีเชาถลึงตาแล้วพูดขึ้น: “ได้ยินแล้วยัง? ท่านป้าวสาบานแล้ว คนของสังคมให้ความสำคัญกับสัจจะมากที่สุด นายรีบหักแขนตัวเองซะ”“ไอ้สกุลหลิน แกหูหนวกหรือไง?”หลี่เหวินเชาเห็นเขาไม่ขยับเขยื้อน จึงพูดด้วยความโมโห: “ตอนที่แกแต่งงานกับพี่สาวของฉันรับปากกับคุณปู่ของฉันว่าอย่างไร?”“ยังจะพูดว
เมื่อเห็นซ่งเฉียนเฉิง พวกลูกน้องรีบหลีกทางให้เขาจางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยคนคนนี้ก็คือคนของสำนักเทียนเตา?ซ่งเฉียนเฉิงเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นหลินเฟิงที่ถูกกลุ่มคนล้อมไว้ จึงรู้สึกไม่ดีในทันทีเขามองไปทางเว่ยป้าวทันที: “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”เว่ยป้าวรีบพูดอธิบาย: “คุณซ่ง มีคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมาก่อเรื่องที่นี่ คุณรอสักครู่นะครับ”“ผมจัดการไอ้หมอนี่ก่อน”ซ่งเฉียนเฉิงได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว ยังไม่รอให้เว่ยป้าวตอบสนอง เขาก็ยกมือขึ้นตบหน้าของเว่ยป้าว“อ้าก…”เว่ยป้าวร้องโอดครวญ คนทั้งคนล้มลงไปบนพื้นโดยตรงจากนั้นมองไปทางซ่งเฉียนเฉิงด้วยความงุนงง“คุณซ่ง คุณตบผมทำไมครับ?”ซ่งเฉียนเฉิงพูดด้วยความโมโห: “หุบปาก คุณหลินเป็นคนที่นายแตะต้องได้เหรอ?”เว่ยป้าวหัวใจกระตุกและรู้สึกถึงความผิดปกติซ่งเฉียนเฉิงเรียกไอ้หมอนี่ว่าคุณหลิน?“คุณซ่ง คำพูดนี้ของคุณหมายความว่าอย่างไรครับ?”ซ่งเฉียนเฉิงพูดอย่างเดือดดาล: “เบื้องหลังคุณหลินก็คือตระกูลถัง และก็เป็นผู้มีพระคุณของคุณถัง”เขารู้จักหลินเฟิงมาจากการบอกเล่าจากพี่ใหญ่ของตัวเองคิดว่ากองกำลังที่หนุนหลังหลินเฟิงก็คือตระ
เว่ยป้าวฟังการสนทนาของพวกเขาสองสามคน ในใจก็ครุ่นคิดขึ้นมา วุ่นวายอยู่ตั้งนานไอ้หมอนี่ก็คือผู้ชายที่ถังหว่านเลี้ยงไว้นี่เองแม่งเอ๊ย คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินขี่หัว ซวยจริง ๆ“พวกแกสองสามคน ยังไม่ไสหัวไปอีก? หรือจะให้ฉันส่งพวกแกออกไปด้วยตัวเองเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็รู้ว่าวันนี้คุณซ่งเอ่ยปากด้วยตัวเอง เขาไม่สามารถสั่งสอนพวกเขาได้อีกแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยป้าว จางกุ้ยหลานก็รีบพยักหน้าพูดขึ้น: “พวกเราไสหัวไปเดี๋ยวนี้ จะไปเดี๋ยวนี้…”พวกเขาเหมือนกับได้รับอภัยโทษ รีบหนีออกจากบาร์อย่างรวดเร็วขณะเดียวกัน ซ่งเฉียนเฉิงกับหลินเฟิงก็มายังห้องส่วนตัวที่ชั้นสองหลินเฟิงเอ่ยปากพูดโดยตรง: “คุณซ่ง ให้ผมดูบัวหิมะเจ็ดสีหน่อยได้ไหม?”ซ่งเฉียนเฉิงหัวเราะเสียงดัง: “ไม่มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้วครับ”เขานำกล่องไม้ที่ถืออยู่ในมือวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเปิดฝาออกช้า ๆดอกบัวหิมะสีขาวบริสุทธิ์วางอยู่ในกล่องไม้ก้านและรากตรงดิ่ง ไม่มีส่วนงอใด ๆ ประหลาดตรงที่ก้านของดอกบัวมีใบไม้งอกออกมาเจ็ดใบใบไม้แต่ละใบมีสีแตกต่างกันหลินเฟิงถลึงตาโต จากนั้นยื่นมือออกไปลูบก้า
ซ่งเฉียนเฉิงเห็นหลินเฟิงไม่ได้รับปากจึงขมวดคิ้วขึ้นมา: “คุณหลินรู้ไหมว่าเสาต้นเดียวไม่สามารถค้ำตึกหลังใหญ่ได้”“ต่อให้กำลังของคนคนหนึ่งแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีกฎเกณฑ์ที่จะเอาชนะสำนักหนึ่งได้?”“ฮ่าฮ่าฮ่า…”หลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็หัวเราะออกมาเสียงดังกว่าเดิม “นั่นเป็นเพราะการขาดความรู้ของคุณ”ตอนนั้นตัวเองสู้กับแปดสำนักใหญ่เมืองไห่หนานเพียงลำพังก็ไม่เคยพ่ายแพ้เพียงแค่ความสามารถของคุณแข็งแกร่งมากพอ แผนการหรือสำนักและกองกำลังใดก็ไม่มีประโยชน์รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเฉียนเฉิงหายไป จากนั้นเขาล้วงขวดหยกออกมาจากในกระเป๋าแล้วพูดขึ้น: “คุณหลิน เพียงแค่คุณใช้เลือดและสารจำเป็นใส่เต็มขวดหยกนี้ พวกเราไม่เพียงแค่เป็นเพื่อนกัน”“ผมซ่งเฉียนเฉิงรับรองว่าคุณอยู่ที่เจียงโจวก็จะยิ่งใหญ่เหนือคนนับหมื่น”หลินเฟิงรู้สึกสนุกขึ้นมา: “ถ้าผมไม่ทำล่ะ?”“งั้นผมก็จะลงมือด้วยตัวเอง”ทันใดนั้น ภายในห้องส่วนตัวก็เงียบกริบจนน่าหวาดกลัวออร่าของทั้งสองคนเพิ่มสูงขึ้นกะทันหัน“ปัง” เสียงดังอึกทึกโต๊ะที่อยู่ระหว่างพวกเขาสองคนไม่สามารถทนทานต่อกำลังของทั้งสองฝ่ายได้ จึงแตกหักทันทีซ่งเฉียนเฉิงลงมือก่อน เขาปล่อยฝ
ซ่งเฉียนเฉิงรีบพูดขึ้น: “หลินเฟิง หลินเฟิง เรื่องในวันนี้เป็นความเข้าใจผิด คุณถือซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”“เมื่อครู่นายอยากจะได้เลือดของฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำไมถึงได้กลายเป็นความเข้าใจผิดแล้วล่ะ”หลินเฟิงยืนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยซ่งเฉียนเฉิงรีบโบกมือ: “ไม่เอาแล้วครับ ผมไม่เอาแล้ว”“วันนี้ถือซะว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”หลินเฟิงหัวเราะเยาะออกมา: “นายพูดได้ง่ายมากเลยนะ”ซ่งเฉียนเฉิงมองดูสายตาของหลินเฟิงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามและเยาะหยัน ในใจเกิดความตื่นตระหนกทันที: “หลินเฟิง คุณจะทำอะไร?”“ผมเป็นถึงน้องชายของท่านผู้นำสำนักเทียนเตา คุณจะฆ่าผมไม่ได้...พี่ใหญ่ของผมให้ดอกบัวหิมะเจ็ดสีกับคุณ หรือว่าจะแลกกับชีวิตของผมไม่ได้เหรอ?”หลินเฟิงพูดดูถูก: “ถ้าฉันไม่ได้เห็นแก่หน้าของพี่ชายของนาย ตอนนี้นายคงตายไปแล้ว”พูดจบหลินเฟิงก็จับแขนของเขาขึ้นมา“คุณจะทำอะไร?”“หักแขนของนายข้างหนึ่ง ต่อไปถ้ายังกล้าไม่เคารพฉันอีก ต่อให้พี่ชายของนายมาด้วยตัวเอง ก็รักษาชีวิตน้อย ๆ ของนายไว้ไม่ได้”หลินเฟิงพูดจบก็ออกแรงบิด“แกร่ก” เสียงดังขึ้นแขนของซ่งเฉียนเฉิงหักตามเสียงที
“ใครมันทำร้ายนายจนเป็นแบบนี้?” ซ่งเฉียนคุนรีบถามขึ้นซ่งเฉียนเฉิงร่ำไห้แล้วพูดขึ้น: “ไม่ใช่เพราะหลินเฟิงคนนั้นหรอกเหรอ ผมเอาบัวหิมะเจ็ดสีไปส่งให้เขา เขากลับพูดจาไม่เกรงใจเลย”“ให้ตระกูลซ่งของพวกเราตามหาสมุนไพรสมบัติล้ำค่ามาให้เขาอีก ผมตอบโต้กลับประโยคเดียว เขาก็หักมือของผม”เว่ยป้าวที่อยู่ด้านข้างฟังคำโกหกของพี่ใหญ่ตัวเอง ไม่กล้าเอ่ยปากขัดแย้งด้วยซ้ำซ่งเฉียนคุนได้ยินก็ชะงักทันที เขารู้สึกคาดไม่ถึงเป็นอย่างมากถึงแม้ตัวเองกับหลินเฟิงจะรู้จักกันระยะเวลาสั้นมาก แต่หลินเฟิงไม่ใช่คนที่อวดดีและใช้อำนาจบาตรใหญ่นะ?”“ไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง คุณหลินไม่ใช่คนแบบนั้นนะ?”“พี่ใหญ่ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะ!ซ่งเฉียนเฉิงจับแขนของพี่ใหญ่ของตัวเองแล้วพูดขึ้น: “พี่ใหญ่ ตอนนี้มีแค่พี่ที่สามารถช่วยผมได้”“หมอเทวดาจางพูดแล้ว ตอนนี้มีแค่ยาอมตะเลือดราชันย์ที่สามารถช่วยผมได้ พี่ใหญ่ พี่ต้องช่วยผมหามาให้ได้นะ”จางเต๋อหลินก็คิดไม่ถึงว่าคนที่หักแขนของซ่งเฉียนเฉิงจะเป็นหลินเฟิงเขารีบเข้ามาพูด: “ท่านผู้นำซ่ง ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะตรวจสอบอย่างรอบคอบสักหน่อย คุณกับผมต่างเคยเจอหลินเฟิงตัวจริง”“คนผู้นี้ถึงแม้บ
“หึ...”เผชิญหน้ากับคำขู่ของหลงยวน หลินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย เขากลับยื่นมือออกไป จับขาอ่อนของหลงเซียวเอาไว้“นาย...นายจะทำอะไร...อ๊ะ!”หลงเซียวยังไม่เข้าใจความคิดของหลินเฟิง เธอยังคิดว่าหลินเฟิงจะย่ำยีเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าวินาทีตต่อมา สิ่งที่รอเธออยู่คือความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจกระดูกขาทั้งสองข้างของเธอ ถูกหลินเฟิงสะเทือนจนแตกละเอียดอย่างง่ายดาย“นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เธอหนี”หลินเฟิงเผยฟันขาวออกมา ยิ้มเยือกเย็นให้กับหลงเซียวเมื่อยิ้มแบบนี้ ทำให้หลงเซียวหวาดกลัวในที่สุด เธอหมอบลงกับพื้น มองหลินเฟิงเดินไปทางถังหว่าน อยากจะเอ่ยปากสาปแช่ง แต่กลับเจ็บจนเธอพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว“ไม่...ไม่ได้ หลินเฟิง...แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่คิดไว้ ถึงขั้น...ถึงขั้นที่ตระกูลหลงของฉันมีแค่ไม่กี่คนที่สามารถฆ่าเขาได้...ไม่ ฉันจะตายไม่ได้...”ในหัวของหลงเซียวเหลือเพียงเสียงแบบนี้เธอกัดฟัน ออกแรงทั้งหมดที่มี คลานไปทางบันไดของชั้นใต้ดิน“เพียงแค่...เพียงแค่สามารถหนีออกไปได้...เพียงแค่ฉันสามารถหนีออกไปได้...”ในใจของหลงเซียวในตอนนี้เหลือเพียงความศรัทธาที่ประคับประคองเอาไว้และในตอนนี้ หลิน
“พวกนายล้วนก็หาเรื่องตายสินะ!”ทันใดนั้นหลินเฟิงก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับตะโกนเวลานี้หลงเซียวเพิ่งจะค้นพบว่าไม่รู้ตอนไหนที่ดวงตาทั้งสองของหลินเฟิงได้เปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้ววิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งที่เกือบจะเป็นรูปเป็นร่าง พร้อมกับพายุที่ก่อตัวขึ้นรอบ ๆตัวของหลินเฟิง“ตายไปซะ!”เมื่อหลินเฟิงเผชิญหน้ากับการล้อมของผู้คุ้มกันตระกูลหลงจำนวนมาก ไม่เพียงไม่ถอยเท่านั้น แต่ยังรีบพุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงคำรามดังลั่น และคิดไม่ถึงว่าจะทำลายกระบี่ที่ผู้คุ้มกันตระกูลหลงโดจมตีมาจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยท่าทางที่กำลังตกตะลึงนั้น หลินเฟิงก็ชกไปที่หัวของเขาราวกับเป็นแตงโมที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ“อะไรนะ?!”ดูเหมือนว่าจะไม่มีอาวุธ ไหนที่จะสามารถฟันเนื้อของหลินเฟิงได้เลยทันใดนั้นคนคุ้มกันตระกูลหลงเหล่านี้ก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวขึ้นมาในใจถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นยอดฝีมือระดับเซียนเทียน แต่ทักษะการใช้ดาบและการใช้กระบี่ ต่างก็ต้องการพรของอาวุธเพื่อที่จะสามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้แต่ชายที่มีดวงตาสีแดงทั้งสองข้างตรงหน้าคนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่กลัวอาวุธเลย เขาเป็นยอดฝีมือระดับไหนกันแน่?แดนแปร
“แล้วยังมีผู้ชายที่รอมีอะไรกับเธอมากขนาดนี้ ตอนนี้ในใจของนายรู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ? ให้ฉันเดา....ก็น่าจะโกรธมากเลยใช่ไหม?”หลงเซียวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า :“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉันอยากจะเห็นท่าทางของนายในตอนนี้ที่สุดแลย แล้วไม่ต้องห่วง ไม่นาน นายก็จะแสดงท่าทางที่น่าสนใจมากยิ่งกว่านี้อีก”“มองผู้หญิงของตัวเองที่กำลังถูกชายคนอื่นเล่นสนุกอยู่จากที่ไกล ๆ จุ๊จุ๊จุ๊.... น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆเลย!”หลังจากที่หลงเซียวหัวเราะเสร็จแล้ว ก็หันกลับไปมองชายสวมหน้ากากหัวสุนัขคนนั้นที่กำลังงุนงงอยู่บนเวที แล้วตะโกนว่า :“ฉันให้นายหยุดงั้นเหรอ? ห้ามหยุด!”“ลงมือต่อไป สนุกต่อไป! ตอนนี้ตระกูลหลงยืนอยู่ข้างคุณ พวกเราที่ขวางอยู่ตรงนี้ ก็เพื่อไม่ให้หลินเฟิงสามารถไปคุกคามนายได้!”“ต่อหน้าผู้ชายของเธอ ปรนนิบัติเธอให้ดี ๆแล้วกัน!”หลงเซียวเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจมาก“หึหึ มันน่าตื่นเต้นกว่าอีก ฉันชอบมันจริง ๆเลย!”ชายสวมหน้ากากหัวสุนัขคนนั้นที่อยู่บนเวทีเพียงแค่ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาอย่างเต็มที่อีกครั้งมีตระกูลหลงสนับสนุนเขา เขากลับกับผีอะไรล่ะ!เด็กคนนั้นอาจจะต้องดูเขาสนุกใ
ทั่วทั้งชั้นใต้ดินตกอยู่ในความบ้าบิ่นกับความสกปรกโสมมถังหว่านเห็นตัวเองข่มขู่ไม่สำเร็จ จึงพยายามดิ้นรน แต่มือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ เมื่อเธอดิ้นรนแบบนี้ กลับเผยไหล่สวยที่ขาวผ่องของตัวเองออกมาจึงดึงดูดความต้องการทางเพศของผู้ชายขึ้นมา“คุณถังหว่าน วางใจเถอะ ครั้งแรกของคุณ ผมจะอ่อนโยนอย่างมาก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”ผู้ชายที่สวมหน้ากากทำท่าทางอัปลักษณ์ โผมาทางถังหว่านโดยตรง“หลินเฟิง…”เรื่องราวมาถึงตอนนี้แล้ว ถังหว่านทำได้แค่หลับตาลงทั้งๆ ที่เธอไม่อยากดึงหลินเฟิงเข้ามาเกี่ยวข้อง คิดว่าตัวเองสามารถจัดการได้แต่คิดไม่ถึงว่าจนถึงช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ในใจของเธอยังคงหวังอยากให้ร่างนั้นมาช่วยเธอ“หึหึ ฉันรู้ว่าเธออยากให้ผู้ชายคนนั้นมาช่วยเธอ แต่ว่า…เธอตายใจซะเถอะ!”ได้ยินเสียงพึมพำไร้ที่พึ่งของถังหว่าน หลงเซียวฉีกยิ้มออกมา“ทางด้านหลินเฟิงฉันให้คนจับตาดูไว้ตั้งนานแล้ว เมื่อเขาเข้าใกล้ถนนเสรี ก็จะเจอกับกับดัก!”“เธอไม่มีทางได้เจอเขาหรอก! ถังหว่าน เธอตายใจซะเถอะ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”ได้ยินเสียงหัวเราะของหลงเซียว ถังหว่านหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังแต่วินาทีต่อมา“ไสหัวไป!”ประตูลิฟต์ที่เชื่อม
“เธอโชคดีจริงๆ เลยนะ!”ก่อนหน้านี้ถังหว่านอดกลั้นความเจ็บปวดไม่ได้ร้องไห้ออกมาในตอนที่เธอเห็นผู้ชายเหล่านี้เสนอราคาแก่งแย่งร่างกายของเธอกันอย่างเต็มที่ เธอก็รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก และน้ำตาไหลออกมาโดยไร้เสียงแต่ทว่าน้ำตาของถัวหว่านอยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม ไม่มีคนสนใจด้วยซ้ำ“ฉันเสนอห้าล้านบาท! ได้ยินแล้วยัง? ห้าล้านบาท!”ผู้ชายอ้วนท้วมที่สวมหน้ากากหัวหมูตะโกนเสียงดัง“เชี่ย นายปัญญาอ่อนเหรอ? เงินแค่ห้าล้านบาทก็อยากจะซื้อพรหมจรรย์ของสาวสวยถังหว่าน? ฉันเสนอยี่สิบห้าล้านบาท!”ผู้ชายที่สวมหน้ากากหัวสุนัขดันราคาขึ้นสูง“ยี่สิบห้าล้านบาทเยอะเกินไปแล้ว หน้าถูกกรีดจนสภาพเป็นแบบนั้น ไม่ได้ไม่ได้ ฉันเสนอนี่สิบล้านบาท ฉันเป็นคนที่สองก็ได้”ผู้ชายที่สวมหน้ากากลิงยิ้มพูด“จริงด้วยจริงด้วย แบบนี้เรียกว่าผิดกฏการตลาด ตอนนี้ถังหว่านเรียกว่าคนสวยไม่ได้แล้วนะ เธอเสียโฉมไปแล้ว”“คุณเสียเงินเยอะขนาดนี้ ไม่นับว่าเสียเงินเปล่าเหรอ?”“เชี่ย เงินยี่สิบห้าล้านบาทสามารถให้อิ่นนั่วเจียมาปรนนิบัติฉันได้แล้ว!”“พูดจาไร้สาระ อิ่นนั่วเจียเธอไม่เหลียวมองคนอ้วนอย่างนายหรอก!”ทันใดนั้น ทั
“ตึง”เป็นเพราะความเจ็บปวดที่รุนแรงถังหว่านจึงหมดสติ ล้มลงบนพื้น“หึหึ อ่อนแอเกินไปแล้ว ฉันยังไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่ก็ไม่ไหวซะแล้ว ดูท่าเธอคงจะฝืนได้แค่ไม่กี่วัน”“แต่ไม่เป็นไร ที่ฉันเห็นก็คือท่าทางสติแตก และท่าทางเสียใจของเธอ”หลงเซียวโยนมีดเล่มเล็กที่เปื้อนเลือด โบกมือพูดกับผู้คุ้มกันตระกูลหลงที่อยู่รอบๆ:“จับเธอแขวนบนเวที ฉันจะเลือกผู้โชคดีคนที่หนึ่ง”“ครับ!”บอดี้การ์ดสองคนหิ้วปีกถังหว่านที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ย ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล ลากไปบนเวทีที่มีแสงไฟวิบวับ จากนั้นจับเธอแขวนขึ้นที่สูง“น้ำ”หลงเซียวจุดบุหรี่ นั่งลงบนโซฟา ไขว่ห้างชื่นชมภาพที่อยู่ตรงหน้า“ซ่า!”บอดี้การ์ดคนหนึ่งยกน้ำมากะละมังหนึ่ง สาดไปทางถังหว่านโดยตรงทำให้ถังหว่านที่หมดสติไปตื่นขึ้นมาอีก“ถังหว่าน ในตอนปกติเธอหยิ่งยโสมากๆ ตอนนี้ทำไมดูเหมือนเป็ดตกน้ำเลย สภาพน่าอนาถแบบนี้ ทำให้คนอยากหัวเราะเสียจริง”“เธอเห็นคนเหล่านี้ที่อยู่ด้านล่างเวทีแล้วยัง?”หลงเซียวยื่นมือออกมาพูดแนะนำ:“คนเหล่านี้ก็คือจำนวนลูกค้าที่เธอต้องต้อนรับในคืนนี้ พวกเขาแต่ละคน จะสับเปลี่ยนกันมารักใคร่เอ็นดูเธอ”“อีกทั้งเธอสามารถวางใจไ
“วางใจได้ ฉันไม่มีทางให้เธอตาย”หลงเซียวตบไหล่ของถังหว่าน และยิ้มพูดว่า:“แต่ว่า ก็แค่ต้องจ่ายค่าเสียหายเยอะหน่อยก็เท่านั้นเอง”ได้ยินคำพูดของหลงเซียว ถังหว่านถลึงตาโตทันทีนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอสัมผัสถึงความหวาดกลัวใช่แล้ว หวาดกลัวผู้หญิงคนนั้นที่หยิ่งยโส สง่างาม สวยหยาดเยิ้มมาโดยตลอด กลับรู้สึกไร้ที่พึ่ง หวาดกลัว ถึงขั้นที่เจ็บปวดแบบนี้เป็นครั้งแรก “ไม่...ไม่เอา...”ถังหว่านใบหน้าตื่นตระหนก“เธอไม่อยากถอดเองไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ให้ฉันช่วยเธอ!”บอกให้คนที่อยู่ซ้ายขวาออกแรงจับถังหว่านเอาไว้ หลงเซียวยื่นมีดเล่มเล็กที่อยู่ในมือออกไป กรีดเสื้อคลุมของถังหว่านโดยตรง เผยให้เห็นผิวพรรณขาวผ่องกับชุดชั้นในสีขาวล้วน“เอ๊ะ? คิดไม่ถึงเลยนะถังหว่าน ภายนอกเธอใจกล้าหน้าด้านขนาดนี้ ภายในกลับรักสงวนมากเลยนะ!”“ไม่คิดว่าจะใส่ชุดชั้นในของเด็กสาวแบบนี“เธอคงไม่ได้บริสุทธิ์หรอกนะ?”เห็นถังหว่านกัดฟันไม่พูดจา หลงเซียวเหมือนได้รับของที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง เธอหัวเราะเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อ และมองไปทางซ้ายขวาและพูดว่า:“ทุกๆ ท่าน ถังหว่านของตระกูลถังคนนี้ คุณหนูตระกูลถังที่มีชื่อเสียงอย่าง
โดยเฉพาะพวกผู้ชาย ภายใต้ความลุ่มหลงมัวเมา พวกเขาชื่นชมรูปร่างที่เร่าร้อนของถังหว่าน สายตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากเต็มไปด้วยความกระหายและความหยาบโลน“ดูท่าเรื่องราวไม่สามารถเจรจาได้แล้ว งั้นฉันก็ขออภัยด้วยที่ไม่เล่นด้วยแล้ว!”จู่ๆ ถังหว่านก็พลิกตัวลุกขึ้นจากพื้น จากนั้นก็กระโดดขึ้นสูง พยายามหลบหนีเข้าไปในฝูงชนเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ก่อนหน้านี้กำลังภายในจะถูกยาพิษทำลายไปแล้ว แต่ภายใต้ความช่วยเหลือของยาของหลินเฟิง ตอนนี้ถังหว่านก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักบู๊ใหม่อีกครั้งถึงแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าไหร่ แต่ก็ชนะตรงที่ลงมืออย่างฉับพลันตั้งแต่ที่ถังหว่านเข้ามาข้างใน ก็แสดงความอ่อนแออยู่ตลอดรู้ว่าคืนนี้ไม่มีทางได้รับสิ่งอื่นจากหลงเซียว ดังนั้นตอนนี้จึงต้องหนีออกจากสถานที่อันตรายให้ได้เร็วที่สุดเป็นดี“หือ?! นังนี่...”หลงเซียวเห็นถังหว่านจู่ๆ ก็เกิดคิดหนี เธอกลับลุกขึ้นยืนจากโซฟาช้าๆเมื่อเผชิญหน้ากับแผนการของถังหว่านแบบนี้ ถึงแม้เธอจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ลนลาน และถึงขั้นที่พูดอย่างนึกสนุกว่า:“ถังหว่าน เธอคงไม่คิดว่าเธอจะหนีไปได้จริงๆ หรอกนะ?”เป็นอย่างที่คิดไม่นานนัก ถังหว่า
ดูท่าหลงเซียวคนนี้ตั้งใจที่จะเหยียดหยามเธอให้ได้ ถึงได้ตั้งเงื่อนไขที่เกินเหตุแบบนี้“หึหึ เธอไม่อยากถอดก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็มีเวลาอีกยาวนาน เพียงแค่ไม่รู้ว่า...พ่อของเธอจะทนกับเครื่องมือที่ใช้ทรมานได้กี่ยกน่ะสิ?”หลงเซียวมองไปทางผู้คุ้มกันคนหนึ่งของตระกูลหลงที่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ“อ่อใช่ เสี่ยวเจิ้ง ได้ยินว่าทางด้านกลุ่มพันธมิตรบู๊ไต่สวนนักโทษมีวิธีการที่พิเศษอย่างมาก”“ดึงเล็บอะไรแค่ระดับเบสิค ยังมีการลงโทษที่ทารุณอย่างควักลูกตา ถลกหนังขลึงเป็นแผ่นเหมือนหนังหมู จุ๊จุ๊ แค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกกลัวแล้ว!”“ถูกต้องแล้วคุณหนู”ผู้คุ้มกันที่นามสกุลเจิ้งคนนั้นยิ้มพูดเสริมว่า:“ได้ยินว่าทางด้านกลุ่มพันธมิตรบู๊เป็นเพราะมีนักบู๊จำนวนมาก ดังนั้นจะยืดลมหายใจสุดท้ายของนักโทษไว้ไม่ให้เขาตาย และจะให้เขาดูตัวเองถูกแล่เนื้อและตัดอวัยวะไปทีละส่วนอย่างช้าๆ จนกว่าจะ...”“พอแล้ว!”ในที่สุด ถังหว่านก็อดทนไม่ไหวต่อไปแล้วในหัวของเธอปรากฏภาพรอยยิ้มที่อบอุ่นของถังว่านหลี่ออกมาไม่หยุดเธอรู้จักนิสัยของพ่อตัวเองดีที่สุด พ่อของเธอไม่ใช่คนบ้ากามอย่างแน่นอน ต้องเป็นเพราะถูกคนอื่นใส่ร้ายแน่ๆแ