มันเกิดขึ้นในเวลานี้พอดีในที่สุดตู้จิ่นเชาก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้ครึ่งหนึ่งและทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็มองเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย และก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวแล้วชี้ไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ยพร้อมกับตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า :“พ่อ พี่เขย เป็นเธอที่สร้างปัญหา เธอที่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายผม ต้องแก้แค้นให้ผมนะพ่อ!”เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง ตู้เหลียนเซิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เพราะว่าเขาเพิ่งจะเข้าใจจากคำพูดของฉีจวินแล้วเช่นกันว่า เด็กสาวคนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อนั่นเองจริง ๆแล้วที่เขามาที่นี่ก็เพื่อขอความช่วยเหลือคิดไม่ถึงว่าคนที่ลูกชายตัวเองจะไปล่วงเกินนั้น เป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อและคิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะอายุน้อยขนาดนี้ แถมยังเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆคนหนึ่งเท่านั้น“พ่อ พี่เขย พวกคุณยังตะลึงอะไรกันอยู่ แก้แค้นแทนผมสิ!”เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดของตู้จิ่นเชาในที่สุดตู้เหลียนเซิงก็ทนไม่ไหว และขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับบอกลูกชายของตัวเองถึงตัวตนของหมอสาวคนนี้“อะไรนะ?!”หลังจากได้ยินข่าวนี้ ตู้จิ่นเชาก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าในฐานะคนของตระกูล
ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่หมอเทวดา ผู้ที่ประมูลขายยาเม็ดนับพันล้านและคนที่ได้รับการชื่นชมจากอาจารย์โปอย่างไม่มีสิ้นสุดเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา และตู้เหลียนเซิงก็ไม่สามารถไปล่วงเกินได้ด้วย! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเฝิงอวี้อู่เสียอีกเพราะว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เฝิงอวี้อู่ จากตระกูลเฝิงได้ประกาศข่าวสำคัญไปแล้วว่าตัวเองพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับชายแข็งแกร่งลึกลับๆแล้ว และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า และอยู่ในลำดับสามของอันดับสวรรค์ชายที่แข็งแกร่งคนนั้น ตอนนี้อยู่ในลำดับสองของอันดับสวรรค์แล้ว!สำหรับชายที่แข็งแกร่งและลึกลับคนนี้ คนอื่นอาจจะไม่รู้ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ?ก็คือ หลินเฟิง!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซิงก็ยิ่งตกตะลึงลูกชายที่ดีที่สุดคนนี้ของตัวเอง จะไปล่วงเกินกับคนแบบไหนกัน?!นี่คือการทำลายตระกูลตู้โดยตรงเลยงั้นเหรอ?“ขอบคุณมาก พี่หลินเฟิง”เมื่อได้ยินว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยรับรายการมาจากในมือของหลินเฟิง แล้วก็ตะโกนเรียก “พี่หลินเฟิง”ทั้งร่างกายของตู้จิ่นเชาก็อ่อนแรงไปหมด ในตอนนี้เขาได้เข้าใจทุกอย่างแล้วจบแล้วทุกอย่
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่หมอเทวดา ผู้ที่ประมูลขายยาเม็ดนับพันล้านและคนที่ได้รับการชื่นชมจากอาจารย์โปอย่างไม่มีสิ้นสุดเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา และตู้เหลียนเซิงก็ไม่สามารถไปล่วงเกินได้ด้วย! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นนักบู๊ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเฝิงอวี้อู่เสียอีกเพราะว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เฝิงอวี้อู่ จากตระกูลเฝิงได้ประกาศข่าวสำคัญไปแล้วว่าตัวเองพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับชายแข็งแกร่งลึกลับๆแล้ว และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า และอยู่ในลำดับสามของอันดับสวรรค์ชายที่แข็งแกร่งคนนั้น ตอนนี้อยู่ในลำดับสองของอันดับสวรรค์แล้ว!สำหรับชายที่แข็งแกร่งและลึกลับคนนี้ คนอื่นอาจจะไม่รู้ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ?ก็คือ หลินเฟิง!เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซิงก็ยิ่งตกตะลึงลูกชายที่ดีที่สุดคนนี้ของตัวเอง จะไปล่วงเกินกับคนแบบไหนกัน?!นี่คือการทำลายตระกูลตู้โดยตรงเลยงั้นเหรอ?“ขอบคุณมาก พี่หลินเฟิง”เมื่อได้ยินว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยรับรายการมาจากในมือของหลินเฟิง แล้วก็ตะโกนเรียก “พี่หลินเฟิง”ทั้งร่างกายของตู้จิ่นเชาก็อ่อนแรงไปหมด ในตอนนี้เขาได้เข้าใจทุกอย่างแล้วจบแล้วทุกอย่
มันเกิดขึ้นในเวลานี้พอดีในที่สุดตู้จิ่นเชาก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้ครึ่งหนึ่งและทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็มองเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย และก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวแล้วชี้ไปทางหลินเสวี่ยฮุ่ยพร้อมกับตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า :“พ่อ พี่เขย เป็นเธอที่สร้างปัญหา เธอที่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายผม ต้องแก้แค้นให้ผมนะพ่อ!”เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง ตู้เหลียนเซิงก็ตกตะลึงไปชั่วครู่เพราะว่าเขาเพิ่งจะเข้าใจจากคำพูดของฉีจวินแล้วเช่นกันว่า เด็กสาวคนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อนั่นเองจริง ๆแล้วที่เขามาที่นี่ก็เพื่อขอความช่วยเหลือคิดไม่ถึงว่าคนที่ลูกชายตัวเองจะไปล่วงเกินนั้น เป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อและคิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการจะอายุน้อยขนาดนี้ แถมยังเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆคนหนึ่งเท่านั้น“พ่อ พี่เขย พวกคุณยังตะลึงอะไรกันอยู่ แก้แค้นแทนผมสิ!”เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดของตู้จิ่นเชาในที่สุดตู้เหลียนเซิงก็ทนไม่ไหว และขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับบอกลูกชายของตัวเองถึงตัวตนของหมอสาวคนนี้“อะไรนะ?!”หลังจากได้ยินข่าวนี้ ตู้จิ่นเชาก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าในฐานะคนของตระกูล
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของคนพวกนี้อาจนับได้ว่าเป็นนักบู๊ แต่ทั้งหมดต่างก็เพิ่งจะเป็นนักบู๊ระดับเซียนเทียนขั้นเริ่มต้นเท่านั้นต่อหน้าฟ่านหลิงเยว่ที่ใกล้จะเข้าสู้แดนแปรภาพแล้วนั้นพวกเขาก็แทบจะไม่มีพละกำลังที่จะต่อต้านได้เลยฟ่านหลิงเยว่ตะโกนออกมาเบา ๆ ก่อนที่ทั้งร่างจะลอยขึ้นเหมือนกับนกกระเรียนที่กำลังบินแล้วเหยียบตรงที่หน้าต่าง แล้วออกหมัดที่ดูเหมือนจะเบา ๆ แต่กลับผลักชายร่างใหญ่ที่ไม่ทันได้ป้องกันกระเด็นออกไปในทันทีเด็กสาวที่มีน้ำหนักไม่ถึงห้าสิบกิโล คิดไม่ถึงว่าจะต่อยชายที่สูงกว่าเธอหลายช่วงศีรษะจนลอยไปชนกับกำแพง ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงวิสัยทัศน์ทางสายตาที่เกิดจากหมัดนี้ ทำให้ฉีจวินและตู้เหลียนเซิงที่อยู่ไกล ๆเกือบจะอ้าปากค้าง“หมัดทลายคีรี!”ลูกพี่ลูกน้องของอาเผิงได้แสดงศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา แล้วหมัดก็ยังมาพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังราวกับจะระเบิดภูเขาและทำลายหินได้แต่ฟ่านหลิงเยว่เพียงแค่ชี้นิ้วไปทางเขาราวกับเป็นเครื่องหมายก็ทำให้ลูกพี่ลูกน้องของอาเผิงส่งเสียงกรีดร้องออกมา และเอามือกันหมัดของตัวเองจนถอยหลังออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เธอคือ....แดนแปรภาพงั้นเห
หากในวันปกติ ตระกูลตู้อาจจะยังทำอะไรฟ่างหลิงเยว่ไม่ได้ แต่วันนี้เธอกลับพบงานยากเข้าซะแล้ว!บังเอิญเจอกับลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆของอาเผิงที่มาเยี่ยม แล้วยังมีนักบู๊มาด้วยอีกหลายคน วันนี้เด็กสาวคนนี้จะต้องเจอกับปัญหาอย่างแน่นอนตู้เหลียนเซิงรีบพูดขึ้นว่า :“ได้ ได้ ได้ พวกเราก็รออยู่ตรงนี้แหละ”“บอกกับพี่ชายของคุณด้วยว่า ถ้าหากเรื่องในวันนี้สำเร็จ ตระกูลตู้ของฉันจะตอบแทนให้อย่างงาม!”หลังจากที่วางสายแล้ว ตู้เหลียนเซิงก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างเย็นชา“สาวน้อย หากฉันเป็นเธอ ตอนนี้เธอก็คงกำลังคิดที่จะหนีอยู่สินะ”“หึ”ฟ่างหลิงเยว่ไม่ได้พูดอะไร และทำเพียงแค่ยิ้มเยาะเท่านั้นเสียงยิ้มเยาะนี้ ทำให้ตู้เหลียนเซิงรู้สึกไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อยเด็กสาวคนนี้มีเบื้องหลังหรือเปล่านะ?แต่น่าเสียดายที่ ลูกชายของตัวเองใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว แถมยังอยากจะถามถึงตัวตนของเด็กสาวคนนี้ด้วย แต่ก็ไม่สามารถที่ถามได้เขาทำได้แค่รอเท่านั้นหลังจากนั้นไม่นาน ตรงทางเดินก็เกิดความโกลาหลขึ้นชายผมเหลืองที่เป็นหัวหน้าเตะประตูห้องไอซียู แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับถือกระบอกเหล็กที่ด้านข้างของเขายังมีชายร่างใหญ่อีกสามสี่คน ท
ตู้เหลียนเซิงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อหลายปีขนาดนี้ และก็เคยพบวิบากขวากหนามมามากมายเขาตั้งสติกลับมาได้ รู้ว่าใช้ความรุนแรงไม่สำเร็จ ก็ต้องเจรจาไม่ว่ายังไง จะสูญเสียลูกชายของตัวเองไปไม่ได้ไม่อย่างนั้นตระกูลตู้ของเขาก็จะไม่มีทายาทอีกแล้ว“เดี๋ยว”คิดไม่ถึงว่าฟ่านหลิงเยว่ไม่มีความคิดที่จะเจรจากับเขาด้วยซ้ำ เธอส่ายหน้าพูดว่า:“มีคนสั่งให้ฉันเฝ้าตู้จิ่นเชาเอาไว้ให้ดี รอเธอกลับมาแล้วค่อยจัดการ”“งั้นก็หมายความว่าไม่สามารถเจรจาได้แล้ว?”ตู้เหลียนเซิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“ถูกต้อง”ฟ่านหลิงเยว่หาเก้าอี้มาตัวหนึ่งและนั่งลงด้วยความเอ้อระเหยรอยชายหันกลับมาดูฉีจวินกับตู้เหลียนเซิงทั้งสองคน ยืนอยู่ที่ด้านข้างตู้จิ่นเชาด้วยสีหน้าไม่ดีตู้เหลียนเซิงมองไปทางฉีจวิน และถามว่า:“ฉีจวิน จิ่นเชาเป็นแบบนี้ เขายังจะยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน?”“ยืนหยัดได้นานแค่ไหน?”ฉีจวินนิ่งอึ้งเล็กน้อย และรีบเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของตู้จิ่นเชามองดูอยู่ครู่หนึ่ง ฉีจวินมองไปทางตู้เหลียนเซิงด้วยความนิ่งอึ้งเล็กน้อย และตอบกลับว่า:“พ่อ จิ่นเชาเขา ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต”“อะไรนะ?”ได้ฟังถึงตรงนี้ ตู้เหลียนเซ
เมื่อฉีจวินและตู้เหลียนเซิงวิ่งเข้าไปในห้องผู้ป่วย ทั้งสองต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเห็นได้ว่าในห้องผู้ป่วยนั้นรกอย่างไม่เป็นระเบียบ มีร่างของบอดี้การ์ดตระกูลตู้หลายคนนอนอยู่ส่วนตู้จิ่นเชาในขณะนี้นอนอยู่กับพื้น กำลังร้องไห้สะอื้นๆ พร้อมกับมือปิดบังช่วงล่างที่กำลังไหลเป็นเลือดไม่หยุดเครื่องมือทางการแพทย์รอบๆ ก็แตกกระจายไปหมด“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?!”ตู้เหลียนเซิงตกใจอย่างมากเมื่อเห็นสภาพลูกชายของตนเองส่วนฉีจวินหันไปมองฟ่านหลิงเยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินเข้าไปถามด้วยเสียงเข้มว่า“เธอเป็นใคร? ใครให้เธอมาที่นี่?!”ฟ่านหลิงเยว่ทำหน้าเบ้เล็กน้อยแล้วตอบว่า“ฉันมีหน้าที่อะไรต้องตอบคำถามของคุณเหรอ?”“เธอ!”ฉีจวินพยายามควบคุมอารมณ์โกรธในใจ แล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงตู้จิ่นเชากับตู้เหลียนเซิงยิ่งดูยิ่งตกใจฉีจวินพบว่าช่วงล่างของตู้จิ่นเชากลายเป็นเนื้อเยื่อปนเลือดเละเทะไปแล้ว ถูกทำร้ายจนพิการดูเหมือนว่า...เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างแน่นอน“ลูกชายของฉัน...เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”ตู้เหลียนเซิงถามด้วยความร้อนรน แต่ยังคงรักษาสติไว้ได้ต้องการถามให้ร
ภายในเวลาเพียงหนึ่งนาที บอดี้การ์ดทั้งหมดก็ล้มลงหมดสติแน่นอน เครื่องมือในห้องผู้ป่วยหนักก็เสียหายเกือบทั้งหมด“เมื่อกี้คุณพูดว่าอยากให้เสวี่ยฮุ่ยถอดเสื้อผ้าคุกเข่าใช่มั้ย?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะ เดินไปหาตู้จิ่นเชา แล้วตบหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร“เพี๊ยะ!”ตู้จิ่นเชาเซไปเพราะถูกตบตู้จิ่นเชาที่ตกใจกับพลังของฟ่านหลิงเยว่ตอนนี้ความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้ความโกรธและความอับอายครอบงำจิตใจเขา“คุณ!”“คุณกล้าตบผม?! คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?!”ตู้จิ่นเชากำหมัดตะโกน“คุณเป็นใคร สำคัญกับฉันหรือ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ แล้วตบหน้าเขาอย่างเสียงดังอีกครั้ง“กล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ คุณรู้ไหมว่านี่ที่ไหน?”“ไอ้บ้า!”ตู้จิ่นเชาไม่คาดคิดว่าจะโดนตบอีกครั้ง ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่เจ็บปวด แต่ยังอับอายอีกด้วยเขารีบวิ่งเข้าหาฟ่านหลิงเยว่ราวกับคนบ้าแต่ฟ่านหลิงเยว่เตะเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ตู้จิ่นเชาต้องกอดขา กุมอวัยวะเพศ คุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าเปลี่ยนสีไปมา ดูน่าสนุกจังวันนี้ตู้จิ่นเชาพังยับเยินเขาก้มหน้าลง มองที่อวัยวะเพศที่เลือดออก เจ็บปวดจนพูดไม่ออกในขณะนั้นมีเสียงที่คุ
“อย่ากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเลย”เมื่อเห็นหวังลี่ลี่กังวล หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดเพื่อปลอบใจเธอ แล้วหันไปมองตู้จิ่นเชา“ใครทำร้ายคน คนนั้นต้องจ่าย และต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า”รอยยิ้มของตู้จิ่นเชาก็แข็งทื่อ“สาวน้อย”ใบหน้าของตู้จิ่นเชาแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย“หมายความว่าให้ผมจ่ายเงินงั้นเหรอ?”“คุณไม่ยอมเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่พูดมาก ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่าๆ สาวน้อย เธอเสแสร้งเก่งจริงๆนะ?”ตู้จิ่นเชาโกรธไปบ้างแล้วจริงๆ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ฟังอะไรเลย ทำให้เขาเสียหน้าอย่าพูดถึงหวังลี่ลี่ที่อยู่ข้างๆรวมถึงบอดี้การ์ดหลายคนที่พามาด้วย พวกเขาก็เห็นเขาเสียหน้าเช่นกัน“เชื่อฉันสิ เดี๋ยวคุณก็ต้องคุกเข่าขอร้องฉันให้จ่ายเงินเอง”เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้อารมณ์ของหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาก็ชะงักไป แล้วก็โกรธมาก“แค่เธอเหรอ?”ตู้จิ่นเชาตะโกนเสียงดัง“ฝันไปเถอะ ให้ผมคุกเข่าขอร้องเธอ?!”“พวกแก จับนังเด็กสาวนั่นมาให้ได้ วันนี้กูจะดูว่านังเด็กสาวนี่มีดีอะไรถึงได้บังคับกูให้คุกเข่า?!”บอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ เมื่อได้ยินคำสั่งของตู้จิ่นเชาก็จ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วยสายตาที่ดุร้าย
“เธอเพิ่งเข้าสู่สังคม คงไม่เข้าใจกฎระเบียบภายในโรงพยาบาลใช่ไหม?”“ลองถามพี่เขยผมดูสิ เขาได้ค่าคอมมิชชั่นจากเครื่องจักรแต่ละเครื่องหลายแสนถึงหลายล้าน เธอเป็นแค่แพทย์ จะได้เงินเท่าไหร่?”“มาอยู่กับผม ผมจะแนะนำเธอให้กับพี่เขยผม แค่ทำอะไรไปนิดหน่อยก็พอจะซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูได้แล้ว”คำพูดของตู้จิ่นเชาทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเข้าใจ“มิน่าล่ะ จำนวนและราคาของเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ของแผนกผู้ป่วยในไม่ตรงกัน...”หลินเสวี่ยฮุ่ยพึมพำถ้าผู้จัดการฉีอยู่ที่นี่ ได้ยินคำพูดของหลานชายเล่าเรื่องของเขาออกมาอย่างละเอียดเขาก็จะโกรธจนตบตู้จิ่นเชาอย่างแน่นอนน่าอนาถจริงๆ!“ขอบคุณสำหรับข้อมูล”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้ก้มหัว แต่ชี้ไปที่ตู้จิ่นเชาแล้วพูดว่า“ฉันเตือนคุณครั้งที่สอง ปล่อยคนไข้ไป ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลแล้วนะ!”“หือ?”เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ตู้จิ่นเชาก็เริ่มไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วตะโกนว่า“สาวน้อย ผมคือคุณชายตู้ ไปถามคนอื่นดูสิ ผมเป็นคนสำคัญในเมืองเจิ้งเต๋อ เธอเป็นใครกัน?”“ให้เกียรติเธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหรือไง?”“วันนี้ผม