ในที่สุดหลังจากที่วัยรุ่นประมาณสิบกว่าคนเข้าร่วมกันต่อสู้ อวี๋จื่อเสวียนอาศัยกำลังของตัวเอง ล้มนักเลงอย่างน้อยยี่สิบกว่าคนนักเลงพวกนี้ถึงขั้นที่ยังพกมีดสปาต้ากับมีดกริชมาด้วยอวี๋จื่อเสวียนไม่ทันได้ระวัง บนแขนถูกมีดกรีดจนเป็นแผลใหญ่ และมีเลือดสดไหลออกมา“แฮ่ก…แฮ่ก…”อวี๋จือเสวียนหายใจหอบเมื่อเธอมองไปรอบๆ นักเลงที่เพิ่งพุ่งเข้ามาในที่สุดก็ถูกพวกเขาจัดการได้แต่อวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้ เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว“ดีมากเลยนังหนู!”“คิดไม่ถึงว่านังหนูตระกูลอวี๋จะสุดยอดขนาดนี้!”“นังหนู แขนของเธอเลือดออกแล้ว เร็ว…รีบทำแผลหน่อย!”ได้ยินเสียงชื่นชมและปรบมือจากรอบๆ ด้าน อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธออกผายไหล่ผึ่ง มองไปทางชายวัยกลางคน“แค่…แค่นี้เนี่ยนะ?”“หึหึหึ…”ชายวัยกลางคนเห็นภาพนี้ก็ไม่ได้รู้สึกโมโห และก็ไม่ได้โทษที่นักเลงเหล่านี้ไร้ความสามารถ แต่กับหัวเราะออกมาในระหว่างที่หัวเราะ เขายังยื่นมือออกไปปรบมือ“ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะกำเริบเสิบสานแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นนักบู๊นี่เอง ถึงแม้จะมีความสามารถแค่นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นนักบู๊!”“รู้แล้วสินะ งั้นก็รีบไสหัวไป!”อวี๋จื่อเสว
“นังหนู เธอคิดว่าฉันคือคนที่อ่อนแอที่สุดคนนั้นสินะ?”“ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”ขณะพูด ฝ่ามือของหลงซิ่วก็เริ่มออกแรงช้าๆเขาออกแรงไปด้วย และแสยะยิ้มพูดว่า:“มาเถอะ ฉันอยากจะเห็นการดิ้นรนก่อนตายของเธอ ถึงแม้บีบคอเธอให้ตายไปแบบนี้จะน่าเสียดายมาก แต่ใครใช้ให้เธอกำเริบเสิบสานแบบนี้ล่ะ?”“อย่าโทษฉันนะ!”“นังหนูตระกูลอวี๋”“พวกเราย้ายออก พวกเราย้ายออก! ขอร้องคุณล่ะ ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถอะ!”“เธอก็แค่วู่วามชั่วขณะ เธอไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหลงหรอกนะ!”เมื่อเห็นว่าแรงที่อวี๋จื่อเสวียนดิ้นรนยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง เพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไปก็ร้อนใจจนหัวปั่นถึงขั้นที่มีเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกับอาอวี๋ ร้องไห้ออกมาทันที“ฮัลโหล ฉันเองเหล่าอวี๋ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะ?!”“โอ๊ย ลูกชายนายจะถูกคนบีบคอตายแล้ว!”“ฉันโกหกนายทำไม! นังหนูนั่น…เฮ้อ นังหนูนั่นออกหน้าเพื่อพวกเรา ปรากฏว่า…”“นายรีบมาเถอะ!”“อะไรนะ? นายอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ?”ท่ามกลางเสียงอึกทึก แสงสว่างในดวงตากลมโตของอวี๋จื่อเสวียนค่อยๆ ริบหรี่ และแทบจะหยุดการดิ้นรนลงถึงขั้นที่เพียงแค่หลงซิ่วออกแรงอีกเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้อวี๋จื่อเสวียน
ตอนนี้อวี๋จื่อเสวียนไออย่างรุนแรงในที่สุดเธอก็ฟื้นสติกลับมาได้“อา…อาจารย์หลิน?”“ฉันเอง”หลินเฟิงลูบผมของเด็กสาวในอ้อมแขน ในสายตากลับเผยความตำหนิ จนปัญญา และความสงสารออกมา“ฮ่า…ฮ่าฮ่า ฉันว่าแล้วเชียว คนที่สามารถกระโดดลงมาจากเครื่องบินได้ เกรงว่ามีแค่อาจารย์หลินเท่านั้นที่สามารถทำได้…”จนถึงตอนนี้อวี๋จื่อเสวียน ยังมีอารมณ์ล้อเล่นหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ก็ทำหน้าเคร่งขรึม“เธอเนี่ยนะ รู้ไหมว่าถ้าหากฉันมาช้าอีกหน่อย ชีวิตน้อยๆของเธอคงจะสูญเสียไปแล้ว!”ถึงแม้เป็นการตำหนิ แต่ในคำพูดกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย“ฉันจะคิดเยอะแบบนั้นที่ไหนกัน…พวกเขาจะลงมือแล้ว แค่กแค่กแค่ก…ฉันคงจะมองดูพวกเขารื้อถอนบ้านของฉันเฉยๆ ไม่ได้หรอก นั่นเป็นบ้านเก่าของพ่อกับแม่…”เห็นความดื้อรั้นและความหนักแน่นในดวงตาของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“หลังจากนี้ฉันค่อยสอนวิชาการต่อสู้อย่างอื่นให้เธออีกหน่อย”หลินเฟิงวางอวี๋จื่อเสวียนลง และพูดประโยคที่เรียบง่ายแบบนี้“แค่กแค่กแค่ก อาจารย์หลิน ในที่สุดคุณก็มีจิตสำนึกแล้ว”“ผิด ฉันกลัวว่าเธอจะก่อเรื่อง ทุกครั้งยังจะต้องให้ฉันมาตามสะสางให้เธอ
“หึหึ นั่นเป็นเรือนหอของวัยรุ่นสองคนนั้น พวกเขาคิดจะรื้อถอนก็รื้อถอนได้งั้นเหรอ?”ได้ยินคำพูดที่ยิ่งอยู่ยิ่งเกินเหตุของคุณลุงคุณป้าที่ด้านหลังหลินเฟิงหางตากระตุก มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนที่จับแขนของเขา หัวเราะคิกคัก และแนบชิดอยู่บนร่างของเขาเหมือนกับว่าเธอรู้สึกเพลิดเพลินกับความเข้าใจผิดแบบนี้เป็นอย่างมากในตอนนี้เอง รถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งจู่ๆ ก็ขับมาจากที่ไกลๆ“เอี๊ยดดดด!”รถเพิ่งจอดสนิท วัยรุ่นที่สวมแว่นตาสีแดง ท่าทางกระล่อนลงมาจากรถอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนจากนั้นก็ทำความเคารพหลงซิ่วด้วยความนับถือ“คุณหลงซิ่ว เรื่องราวได้เจรจาเรียบร้อยแล้ว การประชุมทางด้านนั้นยังต้องให้คุณควบคุมสถานการณ์โดยรวม...”หลินเฟิงฟังอย่างตั้งใจได้ยินแค่การประชุมอะไรสักอย่างที่วัยรุ่นคนนั้นเอ่ยขึ้นมาหลงซิ่วยื่นมือออกไปห้ามปรามวัยรุ่นคนนี้ไม่ให้พูดต่อไป เขาพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจแล้วจากนั้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง และขึ้นรถด้วยความระมัดระวัง และขับรถสปอร์ตคันสีแดงแล่นออกไปหลังจากรายงานเรื่องตรงนี้ให้กับวัยรุ่นคนนั้นหลินเฟิงไม่ได้ขัดขวางที่หลงซิ่วจากไป เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินอย่างชัดเจนมากว่า ห
“อาจารย์หลิน ผู้หญิงที่คุณรู้จักแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นเลย!”อวี๋จื่อเสวียนเอ่ยปากอย่างตกตะลึงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อและพูดว่า:“เสน่ห์ของคุณเนี่ยจะสุดยอดเกินไปหน่อยไหม?”หลินเฟิงกลับลูบจมูก และพูดอย่างจนปัญญาว่า:“เธอพูดไร้สาระอีกประโยค ฉันจะจับเธอไปขายซะ”“อุ้บ”ได้ยินคำพูดนี้ อวี๋จื่อเสวียนก็ตกใจจนแลบลิ้นออกมาฉู่ฮวาจิ่นได้ยินคำชมของอวี๋จื่อเสวียน เธอยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้ เข้ามาลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียนและพูดว่า:“หึหึ จื่อเสวียน เธอก็น่ารักมาก เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้อยู่ในกองถ่าย หานเข่อเอ่อร์ไม่ได้ทำให้เธอไม่พอใจใช่ไหม?”“จะไม่ได้ยังไงคะ? ผู้หญิงคนนั้น...”อวี๋จื่อเสวียนได้ยินคำพูดนี้ทันใดนั้นก็เหมือนกับเปิดประตูของการบ่นโอดครวญ แต่เธอเพิ่งอยากจะตำหนิ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และถลึงตาโตจ้องมองฉู่ฮวาจิ่นแล้วพูดว่า:“เอ๊ะ คุณรู้จักฉันเหรอ? ยังรู้ว่าช่วงนี้ฉัน...”“เอาล่ะ พวกเราไม่ได้มาพูดคุยกับคุณ”หลินเฟิงชิงพูด และมองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยท่าทางจริงจังและพูดว่า:“ผมอยากถามคุณ ผู้ชายที่ชื่อหลงซิ่วคนนั้นของฝ่ายธุรการแนวหลังสำนักหลงผาน วันนี้เขาพาคนจะไปรื้อถอนชุมชน เรื่องนี้คุณรู้ไหม?”
อวี๋จื่อเสวียนวิ่งออกไปบนนถนน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกวักรถแท็กซี่คันหนึ่งก่อนที่จะขึ้นรถ เธอยังไม่ลืมที่จะหันมองไปทางหลินเฟิงและแลบลิ้น ทำหน้าทะเล้นผ่านกระจกรถ ถึงได้จากไปเมื่อเห็นภาพนี้ หลินเฟิงหางตากระตุก ฉู่ฮวาจิ่นกลับเอามือปิดปากและหัวเราะออกมา“เด็กคนนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ”“เฮ้อ...”หลินเฟิงพูดไม่ออก ทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆหลังจากที่ถามฉู่ฮวาจิ่น หลินเฟิงก็เข้าใจแล้วเป้าหมายของหลงซิ่วและคนอื่นๆ มารื้อถอนชุมชนกลางเมืองที่ไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าแอบอ้างการรื้อถอนชุมชนการเมือง เพื่อมาสืบข่าวเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่อย่างอื่น แน่นอนว่าเป็นชีพจรมังกร!ดูท่า พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างได้รับข่าวสารมาว่าชีพจรมังกรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าพวกเขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ชีพจรมังกรไม่ได้หมายถึงสิ่งของบางอย่าง“แต่เป็นคนตัวเป็นๆ!”อวี๋จื่อเสวียน ก็คือชีพจรมังกรที่พวกเขาต้องการตามหา!ครั้งนี้ ยาที่หลินเฟิงกลั่นออกมา ใช้เลือดของอวี๋จื่อเสวียนก็สามารถผลลัพธ์ที่ดีได้ขนาดนี้ ถึงขั้นที่สามารถกลั่นยาหยกโมราออกมาได้ทั้งหมดนี้ต่างอธิบายได้อวี๋จื่อเสวียนก็คือชีพจรมังกรที่ส
“ฆ่าใคร?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นรักษาระยะห่างกับผู้หญิงคนนี้โดยสัญชาตญาณแต่เธอกลับตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูดแนบชิดเข้ามติดๆ“คนที่ฉันพูดถึง เก่งมากๆ เลยนะ เกรงว่าคุณสามีจะทำไม่ได้น่ะสิ”ฉู่ฮวาจิ่นหรี่ตาลงท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนกับนังจิ้งจอกในตำนานชัดๆท่าทางออดอ้อนมีเสน่ห์ ใบหน้าแดงระเรื่อ สามารถทำให้ผู้ชายทั้งโลกคลุ้มคลั่งได้แต่ทว่าเสียงของหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย“ฆ่าใคร?”เห็นหลินเฟิงไม่ติดกับ ฉู่ฮวาจิ่นสายตาหยุดชะงัก เธอคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะสติมั่นคงได้ขนาดนี้ดังนั้นเธอจึงขยับไปข้างหูของหลินเฟิง พ่นลมหายใจอุ่นชื้น ริมฝีปากแดงอ้าออกเล็กน้อย และยิ้มบางพูดว่า:“คนที่ฉันจะฆ่า ก็คือหยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตร”“อะไรนะ?!”หลินเฟิงได้ยินชื่อนี้ ก็ชักสีหน้าทันทีเขามองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยความเย็นชา ถึงขั้นที่แรงสังหารรุนแรง เตรียมจะลงมือทันที และพูดเสียงทุ้มต่ำว่า:“คุณอยากตายเหรอ?”“อุ๊ย ฉันล้อคุณเล่นเองนะ”ได้ยินคำขู่ของหลินเฟิง ฉู่ฮวาจิ่นรู้ได้ทันทีว่าเธอล้อเล่นไปโดนจุดสำคัญของหลินเฟิง จึงรีบหัวเราะขึ้นมา“ตกลงว่าเป็นใครกันแน่?”หลินเฟิงในตอนนี้เริ่มหงุดหงิดเล็กน
ในเมื่อกองถ่ายขนาดใหญ่ของพวกเขากำลังถ่ายทำอยู่ที่นี่และเขาคนแปลกหน้าแบบนี้ สามารถบุกเข้าไปข้างในได้ตามใจชอบ ก็เป็นไปไม่ค่อยได้ดังนั้นหลังจากที่หลินเฟิงครุ่นคิด ก็เงยหน้ายิ้มพูดว่า: “ผมเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย ครั้งนี้ผมมาเยี่ยมดูเธอ”“......”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง รปภ.สามคนที่ขวางหลินเฟิงเอาไว้ก็นิ่งอึ้งผ่านไปครู่หนึ่ง รปภ.สามคนนี้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันทีท่ามกลางเสียงหัวเราะตรงนี้ คนที่ผ่านไปมาก็มองมาทางนี้ด้วยความสงสัย “นี่นี่นี่ พวกนายฟังสิ พวกนายฟังดู”หนึ่งในรปภ. ควงกระบองที่อยู่ในมือ จากนั้นชี้หน้าหลินเฟิงและหัวเราะเสียงดังพูดว่า:“ไอ้โง่นี้พูดว่าเขาเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย อยากจะเข้าไปพบอิ่นนั่วเจียในกองถ่าย”“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่ม นายรู้ไหมว่าอิ่นนั่วเจียโด่งดังมากแค่ไหน? นายนับประสาอะไรกัน ยังอยากจะมาเกาะกระแสของเธอ?”“ฉันคิดว่านายไม่สู้หาข้ออ้างอื่น อย่างเช่นพูดว่าตั้งใจมาสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบ”“แบบนี้อย่างน้อยยังพอดีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง”ได้ยินคำเยาะหยันของรปภ. คนที่เดินผ่านไปมาก็พากันหัวเราะเยาะอิ่นนั่วเจียเธอเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร ไอ้หมอน
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน