ทำได้เพียงเค้นคำพูดออกมาจากไรฟันห้าคำ“ฆ่าเธอให้ฉันซะ!”“ฆ่า!”ได้รับคำสั่งจากชายวัยกลางคน นักเลงเหล่านี้พากันโผเข้าไปหาอวี๋จื่อเสวียน และเพื่อนบ้านที่อยู่ด้านหลังอวี๋จื่อเสวียน แต่ละคนก็เงียบเป็นเป่าสากมองแผ่นหลังที่บอบบางของเด็กคนนี้ด้วยความเป็นห่วงไม้รู้ว่าควรจะหนีหรืออยู่ที่นี่ต่อไป“เฮือกกกก!”อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เลือกรอความตายอยู่ที่เดิม แต่ลงมือตัดกำลังก่อน พุ่งไปทางชายวัยกลางคนคนนั้นทันทีนักเลงคนหนึ่งแสยะยิ้ม ยกไม้กระบองขึ้นฟาดไปทางศีรษะของอวี๋จื่อเสวียนนี่ถ้าหากว่าถูกฟาดเต็มๆ ต่อให้น้ำหนักเบาก็สมองกระทบกระเทือนได้เพื่อนบ้านที่อยู่ด้านหลังต่างก็ทนดูไม่ไหว“เด็กคนนี้…เฮ้อ!”“ถึงแม้จะเลือดร้อน แต่วู่วามเกินไปแล้ว!”ทุกคนกุมมือถอนหายใจแต่ในตอนที่พวกเขาคิดว่าอวี๋จื่อเสวียนจะถูกฟาดอวี๋จื่อเสวียนกลับยืนขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่สอดคล้องกับกฎฟิสิกส์อย่างมากไม้เบสบอลเหล็กถูกเหวี่ยงไปข้างหลัง ฟาดไปที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของอันธพาลคนนี้อันธพาลคนนี้กรีดร้อง ฟันแถวบนและล่างที่ใบหน้าด้านซ้ายกระเด็นออกมาพร้อมกับเลือดคนทั้งคนหมุนวนอยู่กลางอากาศหลายรอบถึงได้ตกลงบนพื้น“อ๊ะ?!
ในที่สุดหลังจากที่วัยรุ่นประมาณสิบกว่าคนเข้าร่วมกันต่อสู้ อวี๋จื่อเสวียนอาศัยกำลังของตัวเอง ล้มนักเลงอย่างน้อยยี่สิบกว่าคนนักเลงพวกนี้ถึงขั้นที่ยังพกมีดสปาต้ากับมีดกริชมาด้วยอวี๋จื่อเสวียนไม่ทันได้ระวัง บนแขนถูกมีดกรีดจนเป็นแผลใหญ่ และมีเลือดสดไหลออกมา“แฮ่ก…แฮ่ก…”อวี๋จือเสวียนหายใจหอบเมื่อเธอมองไปรอบๆ นักเลงที่เพิ่งพุ่งเข้ามาในที่สุดก็ถูกพวกเขาจัดการได้แต่อวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้ เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว“ดีมากเลยนังหนู!”“คิดไม่ถึงว่านังหนูตระกูลอวี๋จะสุดยอดขนาดนี้!”“นังหนู แขนของเธอเลือดออกแล้ว เร็ว…รีบทำแผลหน่อย!”ได้ยินเสียงชื่นชมและปรบมือจากรอบๆ ด้าน อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธออกผายไหล่ผึ่ง มองไปทางชายวัยกลางคน“แค่…แค่นี้เนี่ยนะ?”“หึหึหึ…”ชายวัยกลางคนเห็นภาพนี้ก็ไม่ได้รู้สึกโมโห และก็ไม่ได้โทษที่นักเลงเหล่านี้ไร้ความสามารถ แต่กับหัวเราะออกมาในระหว่างที่หัวเราะ เขายังยื่นมือออกไปปรบมือ“ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะกำเริบเสิบสานแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นนักบู๊นี่เอง ถึงแม้จะมีความสามารถแค่นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นนักบู๊!”“รู้แล้วสินะ งั้นก็รีบไสหัวไป!”อวี๋จื่อเสว
“นังหนู เธอคิดว่าฉันคือคนที่อ่อนแอที่สุดคนนั้นสินะ?”“ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”ขณะพูด ฝ่ามือของหลงซิ่วก็เริ่มออกแรงช้าๆเขาออกแรงไปด้วย และแสยะยิ้มพูดว่า:“มาเถอะ ฉันอยากจะเห็นการดิ้นรนก่อนตายของเธอ ถึงแม้บีบคอเธอให้ตายไปแบบนี้จะน่าเสียดายมาก แต่ใครใช้ให้เธอกำเริบเสิบสานแบบนี้ล่ะ?”“อย่าโทษฉันนะ!”“นังหนูตระกูลอวี๋”“พวกเราย้ายออก พวกเราย้ายออก! ขอร้องคุณล่ะ ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถอะ!”“เธอก็แค่วู่วามชั่วขณะ เธอไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหลงหรอกนะ!”เมื่อเห็นว่าแรงที่อวี๋จื่อเสวียนดิ้นรนยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง เพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไปก็ร้อนใจจนหัวปั่นถึงขั้นที่มีเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกับอาอวี๋ ร้องไห้ออกมาทันที“ฮัลโหล ฉันเองเหล่าอวี๋ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะ?!”“โอ๊ย ลูกชายนายจะถูกคนบีบคอตายแล้ว!”“ฉันโกหกนายทำไม! นังหนูนั่น…เฮ้อ นังหนูนั่นออกหน้าเพื่อพวกเรา ปรากฏว่า…”“นายรีบมาเถอะ!”“อะไรนะ? นายอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ?”ท่ามกลางเสียงอึกทึก แสงสว่างในดวงตากลมโตของอวี๋จื่อเสวียนค่อยๆ ริบหรี่ และแทบจะหยุดการดิ้นรนลงถึงขั้นที่เพียงแค่หลงซิ่วออกแรงอีกเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้อวี๋จื่อเสวียน
ตอนนี้อวี๋จื่อเสวียนไออย่างรุนแรงในที่สุดเธอก็ฟื้นสติกลับมาได้“อา…อาจารย์หลิน?”“ฉันเอง”หลินเฟิงลูบผมของเด็กสาวในอ้อมแขน ในสายตากลับเผยความตำหนิ จนปัญญา และความสงสารออกมา“ฮ่า…ฮ่าฮ่า ฉันว่าแล้วเชียว คนที่สามารถกระโดดลงมาจากเครื่องบินได้ เกรงว่ามีแค่อาจารย์หลินเท่านั้นที่สามารถทำได้…”จนถึงตอนนี้อวี๋จื่อเสวียน ยังมีอารมณ์ล้อเล่นหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ก็ทำหน้าเคร่งขรึม“เธอเนี่ยนะ รู้ไหมว่าถ้าหากฉันมาช้าอีกหน่อย ชีวิตน้อยๆของเธอคงจะสูญเสียไปแล้ว!”ถึงแม้เป็นการตำหนิ แต่ในคำพูดกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย“ฉันจะคิดเยอะแบบนั้นที่ไหนกัน…พวกเขาจะลงมือแล้ว แค่กแค่กแค่ก…ฉันคงจะมองดูพวกเขารื้อถอนบ้านของฉันเฉยๆ ไม่ได้หรอก นั่นเป็นบ้านเก่าของพ่อกับแม่…”เห็นความดื้อรั้นและความหนักแน่นในดวงตาของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“หลังจากนี้ฉันค่อยสอนวิชาการต่อสู้อย่างอื่นให้เธออีกหน่อย”หลินเฟิงวางอวี๋จื่อเสวียนลง และพูดประโยคที่เรียบง่ายแบบนี้“แค่กแค่กแค่ก อาจารย์หลิน ในที่สุดคุณก็มีจิตสำนึกแล้ว”“ผิด ฉันกลัวว่าเธอจะก่อเรื่อง ทุกครั้งยังจะต้องให้ฉันมาตามสะสางให้เธอ
“หึหึ นั่นเป็นเรือนหอของวัยรุ่นสองคนนั้น พวกเขาคิดจะรื้อถอนก็รื้อถอนได้งั้นเหรอ?”ได้ยินคำพูดที่ยิ่งอยู่ยิ่งเกินเหตุของคุณลุงคุณป้าที่ด้านหลังหลินเฟิงหางตากระตุก มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนที่จับแขนของเขา หัวเราะคิกคัก และแนบชิดอยู่บนร่างของเขาเหมือนกับว่าเธอรู้สึกเพลิดเพลินกับความเข้าใจผิดแบบนี้เป็นอย่างมากในตอนนี้เอง รถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งจู่ๆ ก็ขับมาจากที่ไกลๆ“เอี๊ยดดดด!”รถเพิ่งจอดสนิท วัยรุ่นที่สวมแว่นตาสีแดง ท่าทางกระล่อนลงมาจากรถอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนจากนั้นก็ทำความเคารพหลงซิ่วด้วยความนับถือ“คุณหลงซิ่ว เรื่องราวได้เจรจาเรียบร้อยแล้ว การประชุมทางด้านนั้นยังต้องให้คุณควบคุมสถานการณ์โดยรวม...”หลินเฟิงฟังอย่างตั้งใจได้ยินแค่การประชุมอะไรสักอย่างที่วัยรุ่นคนนั้นเอ่ยขึ้นมาหลงซิ่วยื่นมือออกไปห้ามปรามวัยรุ่นคนนี้ไม่ให้พูดต่อไป เขาพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจแล้วจากนั้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง และขึ้นรถด้วยความระมัดระวัง และขับรถสปอร์ตคันสีแดงแล่นออกไปหลังจากรายงานเรื่องตรงนี้ให้กับวัยรุ่นคนนั้นหลินเฟิงไม่ได้ขัดขวางที่หลงซิ่วจากไป เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินอย่างชัดเจนมากว่า ห
“อาจารย์หลิน ผู้หญิงที่คุณรู้จักแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นเลย!”อวี๋จื่อเสวียนเอ่ยปากอย่างตกตะลึงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อและพูดว่า:“เสน่ห์ของคุณเนี่ยจะสุดยอดเกินไปหน่อยไหม?”หลินเฟิงกลับลูบจมูก และพูดอย่างจนปัญญาว่า:“เธอพูดไร้สาระอีกประโยค ฉันจะจับเธอไปขายซะ”“อุ้บ”ได้ยินคำพูดนี้ อวี๋จื่อเสวียนก็ตกใจจนแลบลิ้นออกมาฉู่ฮวาจิ่นได้ยินคำชมของอวี๋จื่อเสวียน เธอยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้ เข้ามาลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียนและพูดว่า:“หึหึ จื่อเสวียน เธอก็น่ารักมาก เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้อยู่ในกองถ่าย หานเข่อเอ่อร์ไม่ได้ทำให้เธอไม่พอใจใช่ไหม?”“จะไม่ได้ยังไงคะ? ผู้หญิงคนนั้น...”อวี๋จื่อเสวียนได้ยินคำพูดนี้ทันใดนั้นก็เหมือนกับเปิดประตูของการบ่นโอดครวญ แต่เธอเพิ่งอยากจะตำหนิ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และถลึงตาโตจ้องมองฉู่ฮวาจิ่นแล้วพูดว่า:“เอ๊ะ คุณรู้จักฉันเหรอ? ยังรู้ว่าช่วงนี้ฉัน...”“เอาล่ะ พวกเราไม่ได้มาพูดคุยกับคุณ”หลินเฟิงชิงพูด และมองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยท่าทางจริงจังและพูดว่า:“ผมอยากถามคุณ ผู้ชายที่ชื่อหลงซิ่วคนนั้นของฝ่ายธุรการแนวหลังสำนักหลงผาน วันนี้เขาพาคนจะไปรื้อถอนชุมชน เรื่องนี้คุณรู้ไหม?”
อวี๋จื่อเสวียนวิ่งออกไปบนนถนน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกวักรถแท็กซี่คันหนึ่งก่อนที่จะขึ้นรถ เธอยังไม่ลืมที่จะหันมองไปทางหลินเฟิงและแลบลิ้น ทำหน้าทะเล้นผ่านกระจกรถ ถึงได้จากไปเมื่อเห็นภาพนี้ หลินเฟิงหางตากระตุก ฉู่ฮวาจิ่นกลับเอามือปิดปากและหัวเราะออกมา“เด็กคนนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ”“เฮ้อ...”หลินเฟิงพูดไม่ออก ทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆหลังจากที่ถามฉู่ฮวาจิ่น หลินเฟิงก็เข้าใจแล้วเป้าหมายของหลงซิ่วและคนอื่นๆ มารื้อถอนชุมชนกลางเมืองที่ไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าแอบอ้างการรื้อถอนชุมชนการเมือง เพื่อมาสืบข่าวเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่อย่างอื่น แน่นอนว่าเป็นชีพจรมังกร!ดูท่า พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างได้รับข่าวสารมาว่าชีพจรมังกรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าพวกเขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ชีพจรมังกรไม่ได้หมายถึงสิ่งของบางอย่าง“แต่เป็นคนตัวเป็นๆ!”อวี๋จื่อเสวียน ก็คือชีพจรมังกรที่พวกเขาต้องการตามหา!ครั้งนี้ ยาที่หลินเฟิงกลั่นออกมา ใช้เลือดของอวี๋จื่อเสวียนก็สามารถผลลัพธ์ที่ดีได้ขนาดนี้ ถึงขั้นที่สามารถกลั่นยาหยกโมราออกมาได้ทั้งหมดนี้ต่างอธิบายได้อวี๋จื่อเสวียนก็คือชีพจรมังกรที่ส
“ฆ่าใคร?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นรักษาระยะห่างกับผู้หญิงคนนี้โดยสัญชาตญาณแต่เธอกลับตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูดแนบชิดเข้ามติดๆ“คนที่ฉันพูดถึง เก่งมากๆ เลยนะ เกรงว่าคุณสามีจะทำไม่ได้น่ะสิ”ฉู่ฮวาจิ่นหรี่ตาลงท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนกับนังจิ้งจอกในตำนานชัดๆท่าทางออดอ้อนมีเสน่ห์ ใบหน้าแดงระเรื่อ สามารถทำให้ผู้ชายทั้งโลกคลุ้มคลั่งได้แต่ทว่าเสียงของหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย“ฆ่าใคร?”เห็นหลินเฟิงไม่ติดกับ ฉู่ฮวาจิ่นสายตาหยุดชะงัก เธอคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะสติมั่นคงได้ขนาดนี้ดังนั้นเธอจึงขยับไปข้างหูของหลินเฟิง พ่นลมหายใจอุ่นชื้น ริมฝีปากแดงอ้าออกเล็กน้อย และยิ้มบางพูดว่า:“คนที่ฉันจะฆ่า ก็คือหยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตร”“อะไรนะ?!”หลินเฟิงได้ยินชื่อนี้ ก็ชักสีหน้าทันทีเขามองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยความเย็นชา ถึงขั้นที่แรงสังหารรุนแรง เตรียมจะลงมือทันที และพูดเสียงทุ้มต่ำว่า:“คุณอยากตายเหรอ?”“อุ๊ย ฉันล้อคุณเล่นเองนะ”ได้ยินคำขู่ของหลินเฟิง ฉู่ฮวาจิ่นรู้ได้ทันทีว่าเธอล้อเล่นไปโดนจุดสำคัญของหลินเฟิง จึงรีบหัวเราะขึ้นมา“ตกลงว่าเป็นใครกันแน่?”หลินเฟิงในตอนนี้เริ่มหงุดหงิดเล็กน
ผู้กำกับกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ส่วนผู้เขียนบทหัวล้านที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนออกมา ยิ้มขอโทษและพูดว่า:“คุณชายสวี่ ฉากนี้ได้รับการปฏิเสธจากคุณอิ่นนั่วเจีย เธอคือหนึ่งในผู้ร่วมงานกับเราในครั้งนี้ พวกเราไม่สามารถบังคับเขาได้หรอกครับ”“จริงด้วยคุณชายสวี่ คุณใจเย็นๆ เตรียมการถ่ายทำในวันนี้เถอะครับ”ผู้กำกับก็เข้ามาเกลี้ยกล่อม“ไสหัวไป!”ใครจะรู้ว่าคุณชายสวี่คนนี้ไม่ยินยอมด้วยซ้ำ ซัดบทละครที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามยื่นมาให้ไปที่ใบหน้าของผู้กำกับโดยตตรง“แม่ง ถ้าไม่ใช่ว่ามีอิ่นนั่วเจียร่วมแสดง ฉันจะรับบทนี้เหรอ? ผลปรากฏว่าวุ่นวายอยู่นาน พวกแกบอกว่าฉันกับอิ่นนั่วเจียไม่มีฉากเลิฟซีนแม้แต่นิด”“งั้นฉันมาทำอะไรวะ?!”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงหางตากระตุกความคิดเห็นที่มีต่อคุณชายสวี่คนนี้ดำดิ่งลงไปถึงจุดต่ำสุดทันที“แกแม่งมองอะไรวะ?”ในตอนนี้คุณชายสวี่กำลังกลัดกลุ้มไม่มีคนให้ระบายอารมณ์สัญชาตญาณของเขาสัมผัสได้ว่าหลินเฟิงจ้องมองมาทางเขาอยู่ จึงชี้หน้าหลินเฟิงแล้วด่าทอเจ้าหน้าที่ภาคสนามกับพนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในกองถ่ายตอนนี้ต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ก้มหน้าไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัว มีเพียงหลินเฟิงคนเ
แต่ทว่าตั้งแต่แรก คุณชายสวี่ที่ถูกพวกเธอเลื่อมใสไม่ได้เหลือบมองพวกเธอแม้แต่นิดยิ่งไม่ต้องพูดว่าโบกมือยิ้มแย้มตอบโต้อะไรเลยถึงขั้นที่สีหน้าของเขาขึงตึงไปหมด อารมณ์ไม่ดีแต่ทว่าผู้หญิงเหล่านี้กลับยังคงกรีดร้องไม่หยุด“อ๊ะอ๊ะอ๊ะ คุณชายสวี่เมื่อครู่มองฉันด้วย เมื่อครู่เขามองฉันจริงๆ นะ!”“พูดไร้สาระ เขามองฉันต่างหาก!”“แน่จริงเธอพูดอีกครั้งสิ!”ทันใดนั้น เหตุการณ์เกิดความวุ่นวายขึ้น ถึงขั้นที่ผู้หญิงจำนวนมากตบตีกันเพราะเรื่องนี้แบบนี้จึงทำให้หลินเฟิงที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึงอย่างมากถ้าหากวันหนึ่งอวี๋จื่อเสวียนกลายเป็นดาราดังแบบนี้ เมื่อคิดว่ามีผู้ชายกลุ่มหนึ่งมาตะโกนคำขวัญอยู่ตรงนี้...หลินเฟิงจิตใจหดหู่ไปกว่าครึ่งทันทีเรื่องแบบนี้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่าดังนั้นเขาหาจุดที่เงียบสงบ โทรศัพท์ไปหาอิ่นนั่วเจียโดยตรง“ฮัลโหล”อิ่นนั่วเจียน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย เหมือนกับเพิ่งตื่น“คุณอิ่นนั่วเจีย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”“ฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียยังงุนงงเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตั้งสติได้ และหัวเราะร่าพูดขึ้นว่า:“ตอนนี้ฉันอยู่ที่เจียงโจวค่ะ”“เอ๊ะ? คุณไม่ได้ถ่ายละครอยู่ที่เมืองจ
ในเมื่อกองถ่ายขนาดใหญ่ของพวกเขากำลังถ่ายทำอยู่ที่นี่และเขาคนแปลกหน้าแบบนี้ สามารถบุกเข้าไปข้างในได้ตามใจชอบ ก็เป็นไปไม่ค่อยได้ดังนั้นหลังจากที่หลินเฟิงครุ่นคิด ก็เงยหน้ายิ้มพูดว่า: “ผมเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย ครั้งนี้ผมมาเยี่ยมดูเธอ”“......”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง รปภ.สามคนที่ขวางหลินเฟิงเอาไว้ก็นิ่งอึ้งผ่านไปครู่หนึ่ง รปภ.สามคนนี้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันทีท่ามกลางเสียงหัวเราะตรงนี้ คนที่ผ่านไปมาก็มองมาทางนี้ด้วยความสงสัย “นี่นี่นี่ พวกนายฟังสิ พวกนายฟังดู”หนึ่งในรปภ. ควงกระบองที่อยู่ในมือ จากนั้นชี้หน้าหลินเฟิงและหัวเราะเสียงดังพูดว่า:“ไอ้โง่นี้พูดว่าเขาเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย อยากจะเข้าไปพบอิ่นนั่วเจียในกองถ่าย”“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่ม นายรู้ไหมว่าอิ่นนั่วเจียโด่งดังมากแค่ไหน? นายนับประสาอะไรกัน ยังอยากจะมาเกาะกระแสของเธอ?”“ฉันคิดว่านายไม่สู้หาข้ออ้างอื่น อย่างเช่นพูดว่าตั้งใจมาสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบ”“แบบนี้อย่างน้อยยังพอดีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง”ได้ยินคำเยาะหยันของรปภ. คนที่เดินผ่านไปมาก็พากันหัวเราะเยาะอิ่นนั่วเจียเธอเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร ไอ้หมอน
“ฆ่าใคร?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นรักษาระยะห่างกับผู้หญิงคนนี้โดยสัญชาตญาณแต่เธอกลับตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูดแนบชิดเข้ามติดๆ“คนที่ฉันพูดถึง เก่งมากๆ เลยนะ เกรงว่าคุณสามีจะทำไม่ได้น่ะสิ”ฉู่ฮวาจิ่นหรี่ตาลงท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนกับนังจิ้งจอกในตำนานชัดๆท่าทางออดอ้อนมีเสน่ห์ ใบหน้าแดงระเรื่อ สามารถทำให้ผู้ชายทั้งโลกคลุ้มคลั่งได้แต่ทว่าเสียงของหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย“ฆ่าใคร?”เห็นหลินเฟิงไม่ติดกับ ฉู่ฮวาจิ่นสายตาหยุดชะงัก เธอคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะสติมั่นคงได้ขนาดนี้ดังนั้นเธอจึงขยับไปข้างหูของหลินเฟิง พ่นลมหายใจอุ่นชื้น ริมฝีปากแดงอ้าออกเล็กน้อย และยิ้มบางพูดว่า:“คนที่ฉันจะฆ่า ก็คือหยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตร”“อะไรนะ?!”หลินเฟิงได้ยินชื่อนี้ ก็ชักสีหน้าทันทีเขามองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยความเย็นชา ถึงขั้นที่แรงสังหารรุนแรง เตรียมจะลงมือทันที และพูดเสียงทุ้มต่ำว่า:“คุณอยากตายเหรอ?”“อุ๊ย ฉันล้อคุณเล่นเองนะ”ได้ยินคำขู่ของหลินเฟิง ฉู่ฮวาจิ่นรู้ได้ทันทีว่าเธอล้อเล่นไปโดนจุดสำคัญของหลินเฟิง จึงรีบหัวเราะขึ้นมา“ตกลงว่าเป็นใครกันแน่?”หลินเฟิงในตอนนี้เริ่มหงุดหงิดเล็กน
อวี๋จื่อเสวียนวิ่งออกไปบนนถนน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกวักรถแท็กซี่คันหนึ่งก่อนที่จะขึ้นรถ เธอยังไม่ลืมที่จะหันมองไปทางหลินเฟิงและแลบลิ้น ทำหน้าทะเล้นผ่านกระจกรถ ถึงได้จากไปเมื่อเห็นภาพนี้ หลินเฟิงหางตากระตุก ฉู่ฮวาจิ่นกลับเอามือปิดปากและหัวเราะออกมา“เด็กคนนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ”“เฮ้อ...”หลินเฟิงพูดไม่ออก ทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆหลังจากที่ถามฉู่ฮวาจิ่น หลินเฟิงก็เข้าใจแล้วเป้าหมายของหลงซิ่วและคนอื่นๆ มารื้อถอนชุมชนกลางเมืองที่ไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าแอบอ้างการรื้อถอนชุมชนการเมือง เพื่อมาสืบข่าวเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่อย่างอื่น แน่นอนว่าเป็นชีพจรมังกร!ดูท่า พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างได้รับข่าวสารมาว่าชีพจรมังกรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าพวกเขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ชีพจรมังกรไม่ได้หมายถึงสิ่งของบางอย่าง“แต่เป็นคนตัวเป็นๆ!”อวี๋จื่อเสวียน ก็คือชีพจรมังกรที่พวกเขาต้องการตามหา!ครั้งนี้ ยาที่หลินเฟิงกลั่นออกมา ใช้เลือดของอวี๋จื่อเสวียนก็สามารถผลลัพธ์ที่ดีได้ขนาดนี้ ถึงขั้นที่สามารถกลั่นยาหยกโมราออกมาได้ทั้งหมดนี้ต่างอธิบายได้อวี๋จื่อเสวียนก็คือชีพจรมังกรที่ส
“อาจารย์หลิน ผู้หญิงที่คุณรู้จักแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นเลย!”อวี๋จื่อเสวียนเอ่ยปากอย่างตกตะลึงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อและพูดว่า:“เสน่ห์ของคุณเนี่ยจะสุดยอดเกินไปหน่อยไหม?”หลินเฟิงกลับลูบจมูก และพูดอย่างจนปัญญาว่า:“เธอพูดไร้สาระอีกประโยค ฉันจะจับเธอไปขายซะ”“อุ้บ”ได้ยินคำพูดนี้ อวี๋จื่อเสวียนก็ตกใจจนแลบลิ้นออกมาฉู่ฮวาจิ่นได้ยินคำชมของอวี๋จื่อเสวียน เธอยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้ เข้ามาลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียนและพูดว่า:“หึหึ จื่อเสวียน เธอก็น่ารักมาก เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้อยู่ในกองถ่าย หานเข่อเอ่อร์ไม่ได้ทำให้เธอไม่พอใจใช่ไหม?”“จะไม่ได้ยังไงคะ? ผู้หญิงคนนั้น...”อวี๋จื่อเสวียนได้ยินคำพูดนี้ทันใดนั้นก็เหมือนกับเปิดประตูของการบ่นโอดครวญ แต่เธอเพิ่งอยากจะตำหนิ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และถลึงตาโตจ้องมองฉู่ฮวาจิ่นแล้วพูดว่า:“เอ๊ะ คุณรู้จักฉันเหรอ? ยังรู้ว่าช่วงนี้ฉัน...”“เอาล่ะ พวกเราไม่ได้มาพูดคุยกับคุณ”หลินเฟิงชิงพูด และมองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยท่าทางจริงจังและพูดว่า:“ผมอยากถามคุณ ผู้ชายที่ชื่อหลงซิ่วคนนั้นของฝ่ายธุรการแนวหลังสำนักหลงผาน วันนี้เขาพาคนจะไปรื้อถอนชุมชน เรื่องนี้คุณรู้ไหม?”
“หึหึ นั่นเป็นเรือนหอของวัยรุ่นสองคนนั้น พวกเขาคิดจะรื้อถอนก็รื้อถอนได้งั้นเหรอ?”ได้ยินคำพูดที่ยิ่งอยู่ยิ่งเกินเหตุของคุณลุงคุณป้าที่ด้านหลังหลินเฟิงหางตากระตุก มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนที่จับแขนของเขา หัวเราะคิกคัก และแนบชิดอยู่บนร่างของเขาเหมือนกับว่าเธอรู้สึกเพลิดเพลินกับความเข้าใจผิดแบบนี้เป็นอย่างมากในตอนนี้เอง รถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งจู่ๆ ก็ขับมาจากที่ไกลๆ“เอี๊ยดดดด!”รถเพิ่งจอดสนิท วัยรุ่นที่สวมแว่นตาสีแดง ท่าทางกระล่อนลงมาจากรถอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนจากนั้นก็ทำความเคารพหลงซิ่วด้วยความนับถือ“คุณหลงซิ่ว เรื่องราวได้เจรจาเรียบร้อยแล้ว การประชุมทางด้านนั้นยังต้องให้คุณควบคุมสถานการณ์โดยรวม...”หลินเฟิงฟังอย่างตั้งใจได้ยินแค่การประชุมอะไรสักอย่างที่วัยรุ่นคนนั้นเอ่ยขึ้นมาหลงซิ่วยื่นมือออกไปห้ามปรามวัยรุ่นคนนี้ไม่ให้พูดต่อไป เขาพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจแล้วจากนั้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง และขึ้นรถด้วยความระมัดระวัง และขับรถสปอร์ตคันสีแดงแล่นออกไปหลังจากรายงานเรื่องตรงนี้ให้กับวัยรุ่นคนนั้นหลินเฟิงไม่ได้ขัดขวางที่หลงซิ่วจากไป เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินอย่างชัดเจนมากว่า ห
ตอนนี้อวี๋จื่อเสวียนไออย่างรุนแรงในที่สุดเธอก็ฟื้นสติกลับมาได้“อา…อาจารย์หลิน?”“ฉันเอง”หลินเฟิงลูบผมของเด็กสาวในอ้อมแขน ในสายตากลับเผยความตำหนิ จนปัญญา และความสงสารออกมา“ฮ่า…ฮ่าฮ่า ฉันว่าแล้วเชียว คนที่สามารถกระโดดลงมาจากเครื่องบินได้ เกรงว่ามีแค่อาจารย์หลินเท่านั้นที่สามารถทำได้…”จนถึงตอนนี้อวี๋จื่อเสวียน ยังมีอารมณ์ล้อเล่นหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ก็ทำหน้าเคร่งขรึม“เธอเนี่ยนะ รู้ไหมว่าถ้าหากฉันมาช้าอีกหน่อย ชีวิตน้อยๆของเธอคงจะสูญเสียไปแล้ว!”ถึงแม้เป็นการตำหนิ แต่ในคำพูดกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย“ฉันจะคิดเยอะแบบนั้นที่ไหนกัน…พวกเขาจะลงมือแล้ว แค่กแค่กแค่ก…ฉันคงจะมองดูพวกเขารื้อถอนบ้านของฉันเฉยๆ ไม่ได้หรอก นั่นเป็นบ้านเก่าของพ่อกับแม่…”เห็นความดื้อรั้นและความหนักแน่นในดวงตาของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“หลังจากนี้ฉันค่อยสอนวิชาการต่อสู้อย่างอื่นให้เธออีกหน่อย”หลินเฟิงวางอวี๋จื่อเสวียนลง และพูดประโยคที่เรียบง่ายแบบนี้“แค่กแค่กแค่ก อาจารย์หลิน ในที่สุดคุณก็มีจิตสำนึกแล้ว”“ผิด ฉันกลัวว่าเธอจะก่อเรื่อง ทุกครั้งยังจะต้องให้ฉันมาตามสะสางให้เธอ
“นังหนู เธอคิดว่าฉันคือคนที่อ่อนแอที่สุดคนนั้นสินะ?”“ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”ขณะพูด ฝ่ามือของหลงซิ่วก็เริ่มออกแรงช้าๆเขาออกแรงไปด้วย และแสยะยิ้มพูดว่า:“มาเถอะ ฉันอยากจะเห็นการดิ้นรนก่อนตายของเธอ ถึงแม้บีบคอเธอให้ตายไปแบบนี้จะน่าเสียดายมาก แต่ใครใช้ให้เธอกำเริบเสิบสานแบบนี้ล่ะ?”“อย่าโทษฉันนะ!”“นังหนูตระกูลอวี๋”“พวกเราย้ายออก พวกเราย้ายออก! ขอร้องคุณล่ะ ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถอะ!”“เธอก็แค่วู่วามชั่วขณะ เธอไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหลงหรอกนะ!”เมื่อเห็นว่าแรงที่อวี๋จื่อเสวียนดิ้นรนยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง เพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไปก็ร้อนใจจนหัวปั่นถึงขั้นที่มีเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกับอาอวี๋ ร้องไห้ออกมาทันที“ฮัลโหล ฉันเองเหล่าอวี๋ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะ?!”“โอ๊ย ลูกชายนายจะถูกคนบีบคอตายแล้ว!”“ฉันโกหกนายทำไม! นังหนูนั่น…เฮ้อ นังหนูนั่นออกหน้าเพื่อพวกเรา ปรากฏว่า…”“นายรีบมาเถอะ!”“อะไรนะ? นายอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ?”ท่ามกลางเสียงอึกทึก แสงสว่างในดวงตากลมโตของอวี๋จื่อเสวียนค่อยๆ ริบหรี่ และแทบจะหยุดการดิ้นรนลงถึงขั้นที่เพียงแค่หลงซิ่วออกแรงอีกเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้อวี๋จื่อเสวียน