ในใจถังหยุนเหลยไม่มีแม้แต่ความกลัว "แล้วไงล่ะ ถึงยังไงในวันนี้คุณก็ต้องตายอยู่แล้ว"หลินเฟิงส่ายหัวอย่างเบื่อหน่ายแล้วพูดว่า "เจ้าหนู ฉันแนะนำว่าคุณอย่ายิง ไม่งั้นเจ้าบ้านตระกูลถังก็ไม่สามารถรับประกันช่วยชีวิตคุณไว้ได้"“และปืนของคุณทำร้ายฉันไม่ได้หรอก”"ฮ่าๆๆๆ......"ถังหยุนเหลยหัวเราะเสียงดัง "แกนี่มันหนังหนาจริงๆ?"ดวงตาของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความมั่นใจ "ไม่งั้น คุณลองดูไหม?"ถังหยุนเหลยจ้องมอง และรู้สึกได้ว่าหลินเฟิงไม่กลัวปืนของเขาจริงๆทั้งสองฝ่ายเงียบไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมที่พัดซ่าๆในป่าอันเงียบสงบเส้นประสาททั้งสองฝ่ายขาดผึง“ปัง” เสียงปืนดังขึ้นไฟพุ่งออกมาจากลำปืนของถังหยุนเหลยทันใดนั้น หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไป คว้ามันและหันหลังกลับอย่างสง่างามหยุดอยู่ที่เดิมมือขวากำหมัดแน่นแล้วค่อยๆยืดออก"คุณ......"ถังหยุนเหลย ตกใจดวงตาของเขาเบิกกว้างดวงตาคู่หนึ่งมองสำรวจยังร่างกายของหลินเฟิง บนร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่นิดเดียวชายหนุ่มคนนี้...ใช้มือเปล่าจับกระสุนได้จริงหรือ?นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?“ฉันบอกแล้วว่าคุณฆ่าฉันไม่ได้หรอก”ดวงตาของหลินเฟิงเต็มไป
ถ้าเขาวางปืนลงตอนนี้ ก็สามารถให้โอกาสเขาอีกครั้งได้แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับกล้าลั่นไก เขาต้องตายแน่ๆทันทีที่พูดจบ เขาก็ใช้แรงบิดมัน“ค่า” เป็นเสียงที่คมชัดคอของถังหยุนเหลยก็ขาดออกนอนตายตาไม่หลับเขานึกไม่ถึงเลยว่าหลินเฟิงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแบบนี้หลังจากสังหารถังหยุนเหลยแล้ว หลินเฟิง ก็มองไปรอบๆ ไม่เห็นร่องรอยของชายสวมหน้ากากเขาเจอหินสะอาดก้อนหนึ่ง จึงนั่งพักผ่อนตามลำพังขณะนี้ ฉินหยิงก็ตามมาทัน ทันใดนั้นก็เห็นเลือดบนฝ่ามือของหลินเฟิงจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและถามว่า "คุณหลิน ไม่เป็นไรใช่ไหม?"หลินเฟิงก้มมองไปที่ฝ่ามือของเขา ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร"หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงกระสุนออกจากฝ่ามืออย่างแรงเลือดสีแดงไหลออกมาฉินหยิงที่อยู่ด้านข้างดูหวาดกลัว กลืนน้ำลายของเธอหลังจากตกตะลึงอยู่นาน ในที่สุดก็รู้สึกตัว จึงรีบถอดเสื้อคลุมออก ฉีกเสื้อออกเป็นเส้นๆคุกเข่าต่อหน้าหลินเฟิง และช่วยพันผ้าพันแผลที่ฝ่ามือของเขาเอวของฉินหยิงนั้นบางราวกับต้นหลิว แต่กลับมีมัดกล้ามเนื้อไม่น้อยแม้จะไม่ใช่สาวสวย แต่ก็ปฏิเสธรูปร่างของคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้แบบนี้ไม่ได้แม้แต่ถังหว่าน
“ตอนนี้หยุนเหลยอยู่ที่ไหน?” หลินเสวี่ยเยี่ยนรีบถามอย่างรวดเร็วครู่หนึ่งฉินหยิงไม่รู้จะตอบยังไงได้แค่มองออกไปไกลๆหลินเสวี่ยเยี่ยนมองตามแววตาของเธอ ตอนนั้นก็เห็นร่างของถังหยุนเหลยใบหน้าเปลี่ยนอย่างมาก "ใครฆ่าถังหยุนเหลย?"ฉินหยิงกำลังจะพูดทันใดนั้นเสียงของหลินเฟิงก็ดังขึ้น "ฉันฆ่าเขาเอง""อะไรนะ?"หลินเสวี่ยเยี่ยนตะโกนอย่างเดือดดาล "คุณกล้ามาก คนของตระกูลถังคุณก็ฆ่าอย่างงั้นเหรอ?"หลินเฟิงพูดอย่างดูถูก "ถ้าเขากล้าฆ่าฉัน ก็คงต้องเตรียมพร้อมตายนะสิ"ฉินหยิงกลัวว่าเขาจะโกรธคุณนายหลิน เธอจึงช่วยอธิบายอย่างรวดเร็ว "คุณนายหลิน เรื่องนี้จะโทษหลินเฟิงไม่ได้นะ"“หลินเฟิงต้องการช่วยชีวิตฉัน และเขาก็มีปืนอยู่ในมือ ถ้าคุณหลินไม่ลงมือ เราทั้งคู่จะต้องตายอย่างแน่นอน”ถังหว่านที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าและกล่าวว่า "หยิงหยิงพูดถูก ตอนนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน ก็ในเมื่อถังหยุนเหลยทรยศตระกูลถัง"“ก็สมควรตาย”“สิ่งที่คุณพูดนั้นง่าย แล้วถ้ามีคนในเมืองจิงตูติดตามคดีนี้ล่ะ?”หลินเสวี่ยเยี่ยนตะโกนอย่างเย็นชา "หลินเฟิง จากนี้ไปคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเจียงโจว รอให้ผู้คนในจิงตูจัดการลงโทษก่อนเหรอ
หลินเสวี่ยเยี่ยนส่ายหัวไปมา “คุณอยากเก็บหลินเฟิงขนาดนั้นเลยหรอ?”ถังหว่านหลี่ถอนหายใจแล้วพูดว่า "คุณเพิ่งมาเจียงโจวไม่นาน มีบางเรื่องที่คุณยังไม่เข้าใจ"“หลินเฟิงคนนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด ไม่แน่ว่าตระกูลถังกลับมาเพราะเจ้าเด็กคนนั้นนะ”"เหอะ"หลินเสวี่ยเยี่ยนพูดเหอะเบาๆ “ฉันหวังว่ามองคนถูกนะ”บนรถ ถังหว่านที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็มองหลินเฟิงผ่านกระจกมองหลังแล้วถามว่า "หลินเฟิง คุณรู้ไหมว่าครั้งนี้ใครเป็นแกนนำ?"หลินเฟิงส่ายหัวไปมา "ชายคนสวมหน้ากากคนนั้น ฉันเห็นหน้าเขาไม่ชัด"“แต่คนนั้นน่าจะเป็นคนของลัทธิเซียนหนานไห่”“ลัทธิเซียนหนานไห่?” ถังหว่านขมวดคิ้วขึ้นลัทธินี้ตัวเองยังไม่ได้ยินมาก่อนเลยทำไมต้องไปลงมือเองหละ?“พวกเราไม่ได้มีเรื่องเครียดแค้นกับพวกเขานะ!”“คนนั้นอยู่ภายใต้เซี้ยงตงเซิง ถังหยุนเหลยพูดจากปากตัวเอง”หลินเฟิงอธิบายว่า: "เซี้ยงตงเซิงรับปากถังหยุนเหลย หลังจากที่จัดการคุณเขาจะมาดูแลบริษัทเชิงถังธุรกิจที่เจียงโจว"ถังหว่านกัดฟันสีเงินของเธอ กำหมัดแน่นพร้อมแอบด่า “ไอ้เซียงตงเฉิงนี่..."“ยังไงก็ตาม ใครคืออาจารย์เหลียง? ทำไมตระกูลเซี้ยงถึงลอบฆ่า” หลินเฟิงถามด้
ถังหว่านรับสั่งยาอย่างระมัดระวังแล้วถามอย่างสงสัยว่า “คุณหลิน ว่าแต่ยาเม็ดเล็กนี้ชื่อว่าอะไร?”“ยาปรับประสานพลัง ฉันพัฒนามันตอนว่างๆ ตอนแรกจะใช้เพื่อเพิ่มความแรง แต่ได้เพิ่มตัวยาอื่นๆเข้าไป แล้วก็มีสรรพคุณด้านความงามเช่นกัน”ฟังเขาบรรยายสรรพคุณอย่างสงบนิ่งถังหว่านกับฉินอิ๋งยิ่งอึ้งจนปากค้าง บางอย่างดูน่าเหลือเชื่อยาลูกกลอนวิเศษนี้หลินเฟิงทำแบบไม่ได้ตั้งใจงั้นหรอ?เขาสามารถพัฒนายาลูกกลอนได้จริงๆ ถ้านี่ไม่ใช่พรสวรรค์แล้วมันคืออะไรพวกเขาทั้งสองไม่สงสัยเลยว่าใบสั่งยานี้เป็นของจริงหรือไม่ ยังไงซะทักษะการแพทย์ของหลินเฟิงพวกเขาก็เคยเห็นการพัฒนาศิลปะการต่อสู้เป็นเรื่องง่าย การพัฒนายาลูกกลอนก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกันทำให้ถังหว่านอดไม่ไหวที่จะกอดจูบหลินเฟิงสักสองครั้ง ตัวเองพบสมบัติล้ำค่าเข้าให้แล้วเธอรีบเซ็นเช็คอย่างรวดเร็ว บนนั้นเขียนเลขศูนย์แถวยาวแล้วยัดในมือหลินเฟิง“หลินเฟิง เอาเงินนี้ไป”หลินเฟิงก้มหน้ามองเช็คธนาคารในมือจำนวนยี่สิบล้าน นี่มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย“คุณเก็บเงินนี้ไว้เถอะ...”เงินมันไม่มีความหมายกับเขาเลย ถ้าต้องการใช้ก็แค่ไปหาจ้าวเทียนหวา ถังหว่านกลับปฏิเสธไป
เลี่ยวกั๋วต้งขมวดคิ้วขึ้นเขาอยู่ใกล้ชิดกับจางกุ้ยหลานเพราะอยากได้เงินเธอเท่านั้น ทุกวันอยู่ใกล้กับหญิงแก่วัยสี่สิบจนเขาอยากจะอ้วกแล้ว เมื่อเห็นผู้ชายที่รักของเธอขมวดคิ้วขึ้น จางกุ้ยหลานเลยถามว่า "ทำไมหรอกั๋วต้ง คุณไม่ตกลงงั้นเหรอ?"“เอ่อ...จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงหละ?”เลี่ยวกั๋วต้งเปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ "จริงๆฉันคิดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะ""ทำไมล่ะ?"“หนึ่งคือเราไม่มีสถานะกัน ถึงแม้ว่าเราจะแต่งงานครั้งที่สอง แต่ฉันคิดว่าก็ควรทำให้มันเป็นกิจลักษณะทำให้คนทั้งเจียงโจวรู้”เมื่อได้ยินจางกุ้ยหลานได้ยินสิ่งนี้ หน้าเธอก็ยิ้มอย่างเขินอาย "เราก็โตๆกันแล้ว ทำไมถึงคิดเรื่องเด็กๆแบบนี้อยู่?"“จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ ฉันมาเที่ยวมาบ้านคุณตลอดก็จะถูกคนอื่นเอาไปนินทาได้” เลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างชอบธรรมพอจางกุ้ยหลานได้ฟังก็รู้สึกว่าดูมีเหตุสมผลในใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งขึ้น เธอไม่คิดว่าเลี่ยวกั๋วต้งจะคิดถึงเพื่อเธอมากมายขนาดนี้ตัวเองไม่ได้ดูคนผิดไปจริงๆเลี่ยวกั๋วต้งพูดอย่างเศร้าโศกในเวลานี้ "อีกอย่าง เรื่องที่บริษัทก็มีเ
จางกุ้ยหลานพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก "เหวินเชาวางใจเถอะ แม่จะโทรหาพี่สาวเราเดี๋ยวนี้"เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหลี่ฮุ่ยหรานในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานกำลังจัดการเรื่องการเมืองในบริษัทอยู่จู่ๆ ก็มีสายเข้าจากแม่ เธอรู้สึกแปลกใจมาก“แม่ มีอะไรไหมคะ?”จางกุ้ยหลานบีบเอวแล้วกัดฟันพูดว่า "ฮุ่ยหราน น้องชายแกถูกตี"“อะไรนะ? ใครโดนตีมา?”“จะเป็นใครอีกล่ะ? แน่นอนว่าเป็นอดีตสามีของลูก” จางกุ้ยหลานพูดด้วยความโกรธ“หลินเฟิง? เพราะอะไร?” หลี่ฮุ่ยหรานถามอย่างสับสนจางกุ้ยหรานตอบว่า "จะเพราะอะไรอีก วันนี้พี่ชายของลูกไปสัมภาษณ์ที่บริษัทเซิ่งถัง หลินเฟิงไอ้สวะนั่นพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับน้องชายของลูกกับถังหว่าน"“พี่ชายของลูกถูกไล่ออกแล้ว หลินเฟิงใช้โอกาสนี้แก้แค้น”“ตอนนี้ลูกโทรหาหลินเฟิง แล้วให้เขาขอโทษน้องชายของลูกซะ”หลี่ฮุ่ยหรานเบื่อหน่ายเลยพูดว่า "แม่ หลินเฟิงมีผลอะไรในการตัดสินใจของถังหว่านล่ะ?"“เขาเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกของถังหว่าน ขอร้องเขาสักนิดก็ได้แล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานมองบนแม่มองว่าถังหว่านเป็นคนง่ายๆงั้นหรอหากถ้อยคำรักสองสามคำสามารถเปลี่ยนใจของถังหว่านได้ งั้นเธอก็จะไม่ล้ำเส้นถัง
ทันทีที่เข้าไป พนักงานธนาคารในชุดมืออาชีพก็รีบเดินมาข้างหน้าแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?"หลินเฟิงหยิบเช็คออกมา "เปิดบัญชีให้ผมหน่อยครับ และฝากเงินในเช็คเข้าไปครับ"เมื่อพนักงานเห็นเช็ค คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเงินจำนวนมหาศาลถึง 20 ล้าน จึงรีบพูดว่า "กรุณามากับฉันด้วยค่ะ ธุรกรรมของคุณเป็นบริการวีไอพีระดับสูง ฉันจะแจ้งให้ผู้จัดการทราบ และให้เขาช่วยจัดการให้ค่ะ”หลินเฟิงพยักหน้า "ยุ่งยากจัง"สุดท้ายแล้ว หากฝากเงินจำนวนมหาศาล 20 ล้านในธนาคารใดก็ตาม ก็อยู่ในระดับผู้มีอิทธิพลแล้วโดยปกติแล้วธนาคารไม่กล้าละเลยพนักงานธนาคารแนะนำหลินเฟิงเข้าไปในล็อบบี้ที่ตกแต่งอย่างหรูหราอีกทั้งยังนำกาแฟมาให้เขาเป็นการส่วนตัว โน้มตัวลงมาโดยไม่ลืมที่จะเบียดตัวเองเข้าไปชิดเนินเขาที่สวยงามปรากฏต่อหน้าหลินเฟิงธนาคารเจียงโจวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติมากมาย แต่คนรุ่นใหม่และร่ำรวยอย่างหลินเฟิงนั้นหายากโดยปกติแล้วพนักงานธนาคารไม่ยอมที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปน่าเสียดายที่หลินเฟิงไม่ได้มองด้วยซ้ำนี่ทำให้เธอผิดหวังมากสักพัก ผู้จัดการในชุดสูทก็ได้เดินเข้ามาทันทีที่เข้าไป เขาก็โค้งคำนับหลินเฟิง"สวัสด
“ดังนั้นพวกเราจึงทำได้แค่ยอมแพ้งั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆพูดตามตรง เธอไม่อยากให้กัวโหย่วคังทำสำเร็จจริง ๆ แต่มีบางเรื่องที่ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะโอ้อวดได้ อย่างน้อยก็สามารถทำให้กัวโหย่วคังได้รับโทษที่รุนแรงก็ถือว่าเป็นการชดเชยนิดหน่อย ๆแล้ว“ไม่ พวกเราไม่ได้จะยอมแพ้อยู่แล้ว”หลินเฟิงยิ้มให้หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพยักหน้าให้เธอและพูดว่า:“ผมมีวิธีแล้ว คุณกลับไปรอข่าวจากผมเถอะ”“จริงเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่เชื่อเล็กน้อย แต่ในเมื่อหลินเฟิงพูดมาแบบนี้แล้ว เธอก็ทำได้แค่พยักหน้า และกำชับกับหลินเฟิงว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้วจากนั้นก็ขับรถออกไป“เอาล่ะ ให้ฉันไปพบหน้าคนที่ร่ำรวยคนนั้นของหัวตงสักหน่อย”หลินเฟิงยืดเอวอย่างขี้เกียจ และออกเดินไปจากคฤหาสน์ ก่อนจะไปหยุดเรียกแท็กซี่บนถนน พร้อมกับบอกที่อยู่ให้กับคนขับ“โรงแรมหวยปินแกรนด์”ถูกต้อง มันเป็นบ้านหลังเดียวกับที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานเคยอาศัยอยู่กัยมาก่อน“ใครนะ?”โทรศัพท์ในห้องพักแขกถูกเชื่อมต่อชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ใบหน้าและริมฝีปากสีเข้มเล็กน้อย และหัวล้านได้หยิบหูโทรศั
“ทุกคน โปรดอดทนรอสักครู่ นี่คือการตัดสินใจจากเบื้องบน ผมเป็นเพียงผู้จัดการตัวเล็ก ๆ และไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ หากทุกท่านโกรธก็อย่ามาระบายกับผม”ในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา จ้าวเว่ยก็เหลือบมองมาทางหลินเฟิงจึงทำให้หลินเฟิงเข้าใจในทันทีไม่ใช่จ้าวเว่ยไม่ช่วยพวกเขา แต่เป็นคนที่อยู่เหนือกว่าจ้าวเว่ยเข้ามาแทรกแซง“บริษัทเต๋อหนิง?”หลินเฟิงมองไปทาง “ประธานหวัง” รูปร่างสูงผอม ที่มีอายุประมานสี่สิบปี ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าดูไม่เหมือน “ประธานหวัง” ที่เป็นประธาน ก่อนจะถามหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆว่า:“คุณเคยได้ยินบริษัทนี้ไหม?”“ไม่เคย และไม่ควรมีบริษัทแบบนี้ในเมืองเจิ้งเต๋อ ถ้าหากมี ก็ไม่สามารถเป็นบริษัทใหญ่ได้”หลี่ฮุ่ยหรานพูดออกมาอย่างมั่นใจเพราะว่าเธอทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้วบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในเมืองเจิ้งเต๋อ หลี่ฮุ่ยหรานสามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด แต่เธอกลับไม่เคยได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับบริษัทเต๋อหนิงเลย“ฮัลโหล จ้าวเทียนหวา ผมอยากให้คุณตรวจสอบบริษัทหนึ่ง ชื่อว่าบริษัทเต๋อหนิง....ใช่ น่าจะเป็นบริษัทก่อสร้าง”หลินเฟิงโทรส่วนตัวไปหาจ้าวเทียนหวา และขอให้จ้าวเทียนหวาช่วยตรวจ
“คุณ...เมื่อครู่คุณพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น?”หลี่ฮุ่ยหรานจับหลินเฟิงไว้ ก่อนจะถามด้วยความหึงหวงเล็กน้อย“อ๊ะ?”หลินเฟิงตะลึงงันไปชั่วครู่ เมื่อก่อนหลี่ฮุ่ยหรานคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เชียวเหรอ?หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินเฟิงก็หัวเราะออกมาเบา ๆและพูดว่า:“เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นจะชวนผมไปงานเต้นรำสวมหน้ากากอะไรสักอย่าง”“งานเต้นรำสวมหน้ากาก?!”เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำนี้ จู่ ๆใบหน้าก็อึมครึมทันทีเธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันหมายความว่าอะไร?“แล้วคุณตอบรับเธอไปงั้นเหรอ?” หลี่ฮุ่ยหรานเอ่ยถามออกมาตรง ๆ“คุณเดาสิ”หลินเฟิงทิ้งคำพูดเหล่านื้ ก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปในคฤหาสน์“คุณ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกร้อนอกร้อนใจแต่เธอก็สงบอารมณ์ลงได้ และรู้ด้วยว่านิสัยของหลินเฟิงนั้น จะไม่ไปสถานที่แบบนี้แน่นอนไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้มีโอกาสดี ๆ ขนาดนั้น เขาก็คงไม่มีทาง....เมื่อนึกถึงในคืนนั้น หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกได้ทันทีว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย“เหอะ.....”เธอส่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงได้ตามเข้าไปข้างในที่แท้ ภายในคฤหาสน์ก็แน่นไปด้วยผู้คนจำนวนไม่น้อยแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองไปท
รอให้หลินเฟิงขับรถไปถึงจุดที่ตั้งพร้อมกับหลี่ฮุ่ยหรานทั้งสองคนพบว่า สถานที่การประมูลขนาดใหญ่แบบนี้ จะเป็นเหมือนงานเต้นรำเพื่อเข้าสังคม ถึงขนาดมีบุฟเฟ่ต์และเครื่องดื่มบริกรก็เดินไปมาท่ามกลางกลุ่มคนพร้อมควบคู่กับทำนองเพลงแม้แต่ที่จัดงานก็ถูกเลือกเป็นคฤหาสน์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากด้วยแขกที่มาเยือนต่างก็เป็นบริษัทชั้นนำของเมืองเจิ้งเต๋อ ถึงแม้ว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในจำนวนนั้นไม่นับว่ากระจอก แต่ก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งสักเท่าไหร่แขกผู้มาเยือนทั้งหมดจะมีป้ายเล็ก ๆที่ทำขึ้นพิเศษติดอยู่บนร่างกาย เพื่อใช้แสดงให้ผู้คนโดยรอบได้เห็นถึงบริษัทหรือกลุ่มเครือข่ายของตัวเองแม้แต่หลินเฟิงก็ยังมองเห็นซือหม่าเซิงที่อยู่ไกลออกไป“หืม? หลี่ซื่อกรุ๊ป คนที่มาไม่ใช่กัวโหย่วคังหรอกเหรอ?”ในขณะนี้ ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินถือไวน์แดงเข้ามา แขนของเขาคล้องผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆ อยู่ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนในเมื่อชายชราคนนี้ดูเหมือนจะอายุหกสิบกว่าปีแล้ว“หึหึ คุณโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปใช่ไหม ฉันชื่อหลี่ฮุ่ยหรานเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของหลี่ซื่อกรุ๊ป ฉันได้ยินชื่อของคุณมานานและชื่นชมคุณมานานมาก....”
หากเกิดขึ้นอีกครั้งบางทีหลินเฟิงอาจจะทนไม่ไหวก็ได้นี่มันทรมานเกินไปจริง ๆหลี่ฮุ่ยหรานก็ตื่นเช้าด้วยเธอเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ จัดผมของเธอ และเฝ้าดูหลินเฟิงวิ่งอย่างแข็งขันด้านล่างนอกจากความผิดหวังแล้ว ยังมีอารมณ์ขันและความอ่อนโยนแฝงอยู่ในดวงตาด้วยหนึ่งสัปดาห์จึงผ่านไปสัปดาห์นี้ หลินเฟิงต้องอยู่ข้างตัวหลี่ฮุ่ยหรานทุกวัน คอยระวังการตอบโต้และการลอบโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อการจัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปนั้นง่ายกว่าที่คาดไว้ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ บริษัทก็ฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำครั้งก่อน โดยโครงการต่าง ๆ เริ่มหมุนเวียนอย่างราบรื่น ในฐานะผู้นำ หลี่ฮุ่ยหรานได้รับความชื่นชมและการสนับสนุนจากกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่แน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวลือไร้สาระภายในบริษัท ที่ว่าหลี่ฮุ่ยหรานมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังท้ายที่สุดแล้ว เธอคือคนที่สามารถทวงเงินจากบริษัทเต๋อเซิ่งได้ เหล่าบอร์ดบริหารจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?สำหรับกัวโหย่วคัง เขายังคงถูกกักบริเวณในออฟฟิศตัวเอง สีหน้าอมทุกข์ แต่ยังไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้“พี่ คุณวางใจได้!”จางซินนั่งอยู่ข้
“แบบว่า...สามี อย่าไปเลย ฉันกลัวความมืดและอะไรแบบนี้….”เมื่อเห็นรอยยิ้มซุกซนของหลินเฟิงหลี่ฮุ่ยหรานเปิดปาก สับสนจนทำอะไรไม่ถูก และพูดว่า“ไม่ ฉันแค่ไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่ายในการเปิดสองห้องนั้นสูง และมีข้อเสียมากมาย”หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ในความสับสนและเริ่มพูดเรื่องไร้สาระแล้ว“ฮึ…”หลินเฟิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเขาเห็นท่าทางเขินอายและโกรธของหลี่ฮุ่ยหรานในร่างผู้หญิงตัวเล็ก ๆและเมื่อหลี่ฮุ่ยหรานเห็นหลินเฟิงหัวเราะเยาะเธอ ในที่สุดเธอก็หยุดอธิบาย จากนั้นเบือนหน้าด้วยความโกรธ“เอาล่ะ ฉันจะไม่แกล้งคุณอีกแล้ว”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าและนั่งลงข้าง ๆ หลี่ฮุ่ยหราน กอดเธอไว้ในอ้อมแขนและยิ้มพร้อมพูดว่า“ห้องหนึ่งก็คือห้องหนึ่ง แต่ฉัน หลินเฟิง ไม่ใช่คนทำอะไรไม่รู้จักคิด เมื่อฉันได้ลงหลักปักฐานจริง ๆ ฉันจะให้สถานะที่คุณสมควรได้รับแก่คุณ”“อย่ารีบร้อนในตอนนี้ คุณรู้ไหม?”ดวงตาที่จริงใจของหลินเฟิงทำให้หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และเธอก็ทำปากยื่นเหมือนเด็กผู้หญิงที่ถูกกระทำผิด“แล้ว… เมื่อไหร่จะเป็นอย่างนั้น”“ใช่… เมื่อไหร่กันนะ…”หลินเฟิงกอดหลี่ฮุ่ยหร
306ทันทีที่ใช้การ์ดประตูนี้เปิดประตู หลินเฟิงก็มองไปที่ภายในห้องและตกตะลึงทันทีมันเป็นห้องนอนขนาดคิงไซส์!เขาหันศีรษะอย่างเกร็ง ๆ และมองไปที่หลี่ฮุ่ยหราน“ห้องสวีทระดับพรีเมียมมีคนจองไปแล้ว ดังนั้น ฉันจึงต้องตกลงที่จะเข้าพักในห้องดีลักซ์สวีทแทน ไม่ต้องกังวล สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมนี้ยังคงมีอยู่…”หลี่ฮุ่ยหรานเดินเข้ามาในห้องขณะพูดแต่ทันทีที่เธอเห็นเตียงขนาดใหญ่ในห้องที่กว้างขวาง ท่าทางของเธอก็แข็งค้างและเธอดูสับสนเล็กน้อย“เฮ้อ นี่….”หลินเฟิงเกาหัวและยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆหลี่ฮุ่ยหรานมองเห็นอะไรได้มากมายจากรอยยิ้มของหลินเฟิง และใบหน้าอันบอบบางของเธอก็แดงขึ้นขณะที่เธอพึมพำ“ไม่ควรเป็นอย่างนั้น ฉันจำได้ว่าฉันขอให้จางซินจองห้องชุด”หลี่ฮุ่ยหรานพูดแล้วเดินไปที่ทางเดินนอกห้องและทักทายพนักงานเสิร์ฟเพื่อสอบถาม“ฉันขอโทษจริง ๆ คุณหลี่ ห้องที่คุณขอให้เลขาจองไว้ก่อนหน้านี้ก็คือห้อง 506 ซึ่งเป็นห้องดีลักซ์สวีท”“แต่เนื่องจากต้องซ่อมบำรุงรักษาชั่วคราว เราจึงไม่สามารถย้ายเข้าได้ชั่วคราว เราได้จัดห้องดีลักซ์อีกห้องให้คุณแล้ว และเลขาของคุณก็ตกลงด้วย ดังนั้น”“ต้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้
กลับมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้งเมื่อเผชิญกับหน้ากับความกังวลของจางซิน จ้าวเว่ยก็อ้างเหตุผลอย่างไม่ใส่ใจ บังเอิญล้มลงและฝ่ามือของเขาไปกระแทกกับส้อมที่ใครบางคนทิ้งไว้จึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อเห็นบาดแผลบนฝ่ามือของจ้าวเว่ย จางซินก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้และรีบดึงเขาออกไป“ไปกันเถอะ ฉันจะช่วยคุณหาหมอมาทำแผลให้”“ไม่จำเป็น”จ้าวเว่ยรู้สึกอาย เขาแอบเหลือบมองหลินเฟิงแล้วกระแอมออกมาพร้อมพูดว่า“คุณหลินเพิ่งรักษาฉันมาและตอนนี้ไม่เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว”“ไม่ใช่มั้ง? เขาเป็นแค่หมอกระเป๋า คุณไว้ใจเขามากกว่าโรงพยาบาลจริงเหรอ? ไปกันเถอะ! อย่าเสี่ยงติดเชื้อเพราะผู้ชายคนนั้น ถ้ามันทิ้งรอยแผลเป็นไว้ คุณจะต้องเสียใจ…”จางซินไม่ไว้ใจหลินเฟิงเลยและเยาะเย้ยความคิดเรื่องการรักษาของเขาสุดท้าย จ้าวเว่ยทำได้เพียงปล่อยให้จางซินลากเขาออกไปอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขาจากไป เขาพยักหน้าให้หลินเฟิงอย่างหมดหนทางหลินเฟิงดื่มกาแฟบนโต๊ะเท่านั้นและไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เพิ่มเติม“หลินเฟิง ก่อนหน้านี้ นาย…”เมื่อเห็นจางซินและจ้าวเว่ยจากไป หลี่ฮุ่ยหรานก็อดไม่ได้ที่จะมองหลินเฟิงที่ไม่ปิดบังอะไรและพยักหน้าพร้อมพูดว่
หลินเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ตระกูลหลงจะสู้สุดตัวกับตระกูลถังจริงหรือ?ก่อนหน้านี้ ถังเจี้ยนหยวนยังบอกด้วยว่ากลยุทธ์ของตระกูลหลงนั้นถูกวางแผนโดยหลงหยวนเพียงคนเดียว หากผู้นำตระกูลหลงอยู่ที่นี่ เขาจะไม่เสี่ยงทําเรื่องแบบนี้แน่นอนแต่ไม่คาดคิดว่าเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ท่าทางของตระกูลหลงก็เปลี่ยนไป พวกเขาต้องการทำสงครามกับตระกูลถังอย่างเต็มตัว?!แม้แต่วางแผนมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อโค่นล้มตระกูลหลี่ดูเหมือนว่าความพยายามส่วนใหญ่ของตระกูลหลงจะมุ่งเป้าไปที่เขา!หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา“ฉันเข้าใจแล้ว... เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง….”หลินเฟิงหยิบยาเม็ดสีเข้มน่ากลัว ออกมาจากกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ ยัดเข้าไปในปากของจ้าวเว่ย แล้วพูดอย่างเย็นชา“ถ้านายรู้จักฉัน แกก็จะรู้ทักษะทางการแพทย์ของฉัน ยาเม็ดนี้เรียกว่าถังเจี้ยนหยวน และตั้งแต่วันที่แกกินยานี้ไป แกจะต้องได้รับยาแก้พิษทุกสัปดาห์”“ไม่งั้นสิ่งที่รอแกอยู่คือความเจ็บปวด โดยที่เส้นลมปราณของแกจะระเบิด และแกจะตายอย่างทุกข์ทรมานเป็นเวลาร้อยวัน”เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฟิง จ้าวเว่ยก็ตัวสั่นด้วยความกลัว“แน่นอนว่าฉัน