“ไม่...”ไม่รอให้นักบู๊ตระกูลเฝิงท่านนี้เบิกตากว้าง พูดจบด้วยความหวาดกลัว หลินเฟิงก็โจมตีศีรษะของเขาด้วยหมัดเดียวพลังชี่แท้ที่พลุ่งพล่านออกมาพร้อมกับคราบเลือดที่เห็นได้ชัด พุ่งทะลุหน้าต่างของห้องโถงนักบู๊ของตระกูลเฝิงห้าสิบหกสิบคนเต็มๆต่างก็ตายภายใต้พลังชี่แท้ที่เกิดขึ้นจากหมัดเดียวถึงขั้นที่ยังไม่ทันได้ตั้งสติกลับมาได้ด้วยซ้ำ หลินเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างนักบู๊คนอื่นๆ ของตระกูลเฝิงกลับไปสู่ความเรียบง่ายหลินเฟิงใช้เพียงแค่หมัดและเท้า พลังชี่แท้ที่ถูกปล่อยออกมาจากในนั้นไม่ใช่ว่านักบู๊ระดับเซียนเทียนเหล่านี้ จะมีโอกาสสามารถต่อต้านได้“ตึง”หลังจากศพร่างแรกล้มลงบนพื้นนักบู๊ตระกูลเฝิงสามสิบกว่าคน ตอนนี้สูญเสียลมหายใจไปแล้วถึงขั้นที่ยังไม่ถึงวินาที“นี่มัน…”เฝิงไฉ่เซวียนงุนงงไปหมดเธอยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเธอมองเหล่านักบู๊ตระกูลเฝิงที่เมื่อครู่นี้ยังมีความฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผน บอกว่าพวกเขาจะต้องจัดการหลินเฟิงได้อย่างแน่นอนขณะนี้ต่างเลือดอาบและล้มลงบนพื้นพวกเขาไม่สามารถรับมือหลินเฟิงได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวหลินเฟิงคนนี้เป็นใครกัน
“หลินเฟิง ผม...ผมผิดไปแล้ว ผมไม่กล้าแล้ว ต่อไปผมไม่กล้าอีกแล้ว ขอร้องคุณล่ะไว้ชีวิตผมด้วย ขอร้องคุณ..”“แกร่ก!”เสียงกระดูกลำคอแตกหักดังขึ้นมาเสียงขอความเมตตาของสยงก้วนก็หายไปทันทีเฝิงไฉ่เซวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เกือบจะเป็นลมล้มไปทันทีเธอมีเรื่องบาดหมางกับอสูรองค์ไหนกันแน่เนี่ย! หรือว่าคนที่ชื่อหลินเฟิงคนนี้ ความเป็นจริงคือนักบู๊ขอบเขตเทพงั้นเหรอ?นักบู๊ตระกูลเฝิงที่เธอพามา แต่ละคนมีความสามารถกันทั้งนั้น อย่าว่าแต่ที่เมืองหนิงโจว ต่อให้เป็นทั่วทั้งหัวตง คนที่สามารถตีเสมอได้ก็มีไม่เยอะแต่กลับถูกหลินเฟิงฆ่าตายง่ายๆ แบบนี้ได้ตอนนี้ ทั่วทั้งห้องโถงของหลี่ซื่อกรุ๊ป เงียบสงัดจนน่าหวาดกลัว“ฉันให้โอกาสเธอสักครั้ง เธอไปเถอะ”“อย่ามาหาเรื่องฉันอีก”หลังจากเงียบขรึมอยู่นาน เสียงแหบแห้งของหลินเฟิงก็ดังขึ้นช้าๆ ที่ข้างๆ หูของเฝิงไฉ่เซวียนเฝิงไฉ่เซวียนหันหลังทันที และมีสีหน้าเหลือเชื่อเขาไม่ฆ่าฉันอย่างนั้นเหรอ?เห็นสีหน้าตกตะลึงของเฝิงไฉ่เซวียน หลินเฟิงเหมือนรับรู้ถึงความคิดของเธอ จึงโบกมือพูดว่า:“ฉันไม่ได้อยากฆ่าเธอ แน่นอนว่า ถ้าหากเธออยากตายล่ะก็ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะตอบสนองเ
พายุก่อตัวอยู่ข้างนอกไม่หยุดหลี่ซื่อกรุ๊ปในฐานะที่เป็นจุดสนใจจากรอบด้าน หลายวันมานี้กลับเงียบสงบอย่างแปลกประหลาดตามข้อมูลจากดินกับน้ำ มีกองกำลังจำนวนมากต้องการขยายอิทธิพลของตนมายังเมืองเจิ้งเต๋อแล้วเช่นนั้นตระกูลเฝิงก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันที่โลกภายนอกพูดว่าจะกำจัดขยะสังคม จะสู้จนถึงตายกับหลินเฟิงนี่เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้นแต่ความเป็นจริง เป็นเพียงแค่เรื่องกลบเกลื่อนในการที่พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงกองกำลังใต้ดินของเมืองเจิ้งเต๋อ อยากจะถือโอกาสเข้าแทรกแซงเมืองเจิ้งเต๋อ เพื่อรับประโยชน์จากส่วนนี้ดังนั้นเฝิงไฉ่เซวียนจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์หลินเฟิงพาหลินเสวี่ยฮุ่ยมาที่เมืองเจิ้งเต๋อแล้ว โจ่วเสี่ยวหางเพื่อนรักของเธอก็ย้ายเข้ามาด้วยเป็นเพราะที่สำนักมีคำสั่ง ฟ่านหลิงเยว่จึงไม่ได้อยู่ที่หัวตงชั่วคราวเหลือเวลาอีกหนึ่งวันก่อนที่เฟิงหยูอู่จะมาท้าสู้หลินเฟิงกลับอยู่ในวิลล่าที่ตกแต่งใหม่เสร็จ สอนทักษะการแพทย์แผนโบราณให้หลินเสวี่ยฮุ่ยและโจวเสี่ยวหางอย่างสบายใจทักษะการแพทย์แผนโบราณของประเทศมังกรมีความลึกซึ้งกว้างไกลแม้ว่าหลินเสวี่ยอุ่ยจะฉลาดมาก มีพื้นฐานทางการแพทย์
หลินเฟิงพบกับคนรู้จักที่เขาไม่ได้เจอมาเป็นเวลานานที่ห้องรับแขกเฝิงไฉ่เซวียนของตระกูลเฝิงเมืองหนิงโจวเธอนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางระมัดระวังตัว ที่ตรงหน้ามีน้ำชาแก้วหนึ่งที่คนรับใช้ยกมา สีหน้าของเธอโศกเศร้าเล็กน้อย“คุณมาหาผม มีธุระอะไรเหรอ?”หลินเฟิงเลือกท่าทางที่สบายที่สุด นั่งลงบนโซฟา มองด้วยความสนใจ ผู้หญิงคนนี้สีหน้าท่าทางแตกต่างไปจากไม่กี่วันก่อนเยอะมากถ้าหากพูดว่าไม่กี่วันก่อนเธอหยิ่งยโสโอหัง ถือว่าตัวเองเป็นลูกสาวของตระกูลเฝิงจึงมีความมั่นใจอย่างมากเช่นนั้นตอนนี้ แทบจะเหมือนกับแม่ไก่ที่ต่อสู้พ่ายแพ้เมื่อเงยหน้าขึ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง“หลิน…หลินเฟิง ฉันมาขอโทษคุณ”“ขอโทษ?”ได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนี้ หลินเฟิงงุนงงเล็กน้อยเฝิงไฉ่เซวียนมาขอโทษถึงที่ เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนด้วยซ้ำหลินเฟิงส่ายหน้ายิ้มพูดว่า:“คำขอโทษของคุณดูไม่จริงใจสักเท่าไหร่นะ!”“คนภายนอกแสดงความคิดเห็นต่อผมหลินเฟิงไม่ดีเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังพูดว่า…ผมเป็นขยะสังคมอะไรสักอย่าง”“นั่นเป็นข้ออ้างของคุณพ่อกับพี่ชายของฉัน”เฝิงไฉ่เซวียนร้อนรนเล็กน้อยเธอหยุดชะงัก และมองหลินเฟิงด้
เมื่อได้ยินคำขอร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตาของเฝิงไฉ่เซวียนหลินเฟิงสีหน้านิ่งเฉย“ดังนั้นล่ะ? เรื่องของตระกูลเฝิงของพวกคุณ เกี่ยวอะไรกับผมด้วย?”หลินเฟิงหัวเราะเยาะ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีของตัวเองด้วยซ้ำหรืออีกอย่างว่า เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตระกูลเฟิงตัดสินใจฆ่าเขาเพื่อแสดงอำนาจของตนเองจะเป็นเพราะคำขอร้องทั้งน้ำตาของเฝิงไฉ่เซวียน เขาก็กลายเป็นพ่อพระใจบุญ ยืนอยู่เฉยๆ และยื่นคอไปให้เฝิงอวี้อู่ฆ่าทิ้งอีกอย่างเฝิงไฉ่เซวียนหน้าตาธรรมดา ไม่ได้มีเสน่ห์อะไรต่อให้เธอมีเสน่ห์ หลินเฟิงก็ไม่ติดกับเธอ“คุณไม่สู้เก็บข้อแก้ต่างแบบนี้ เกลี้ยกล่อมพ่อกับพี่ชายของคุณให้ดีๆ”หลินเฟิงท่าทางเรียบง่ายอย่างมาก คนอื่นไม่หาเรื่องเขา เขาก็ไม่มีเรื่องกับคนอื่นแต่ทว่าเฝิงไฉ่เซวียนรู้สึกขมขื่นใจไม่สามารถบาดหมางกับหลินเฟิงได้ เขาแข็งแกร่งอย่างมาก เธอได้บอกกับพ่อและพี่ชายของเธอเป็นร้อยรอบแล้วแต่พ่อและพี่ชายยโสโอหัง ไม่เชื่อเธอด้วยซ้ำมักคิดว่าเธอถูกหลินเฟิงหลอกลวงจิตใจในเมื่อวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่าๆ คนหนึ่งฆ่ายอดฝีมือระดับเซียนเทียนสามสิบกว่าคนที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีของตระกูลเฝิงตระกูลเฝิงของเขา
“ทุกอย่างที่ฉันทำ เพราะอยากให้ตระกูลเฝิงของเราดำเนินต่อไป…”“ดำเนินต่อไป?”เฝิงไฉ่อิ๋งหัวเราะเยาะดูท่านิสัยของเธอฉุนเฉียวเป็นพิเศษ เธอไม่รอช้า โผเขาไปทางหลินเฟิงโดยตรง“ฉันอยากเห็นดูหน่อย ไอ้หมอนี่มีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่หรือไม่!”เมื่อเห็นว่าเฝิงไฉ่อิ๋งตบมาที่หน้าท้องของเขา หลินเฟิงไม่คิดที่จะหลบด้วยซ้ำ เขายืนอยู่ที่เดิมทั้งแบบนี้เพียงแค่สายตาเยือกเย็นขึ้นยัยเด็กนี่บ้าระห่ำขนาดนี้ แต่ก็เป็นแค่นักบู๊กำลังภายในเท่านั้นถ้าหากเธอคิดที่จะลงมือต่อหลินเฟิง แค่สะท้อนพลังกลับก็ทำให้เธอตายได้แล้ว”หยุดนะ!”เฝิงไฉ่เซวียนขวางหน้าหลินเฟิงทันทีเธอพูดด้วยความโมโห:“เฝิงอิ๋ง เธออย่าถูกพี่สะใภ้ยุยง อย่าลงมือกับคุณหลินเฟิง”“คุณ…หลินเฟิง!”เฝิงไฉ่อิ๋งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของพี่สาวตัวเองด้วยคำเรียกที่สุภาพนี้ ความโมโหของเธอไม่ได้ลดลง กลับยังปล่อยฝ่ามือโจมตีไปทางพี่สาวแท้ๆ ของตัวเอง“ปึง!”เฝิงไฉ่เซวียนสกัดกั้นฝ่ามือนี้เพื่อหลินเฟิง เธอถอยหลังสองก้าว เกือบจะชนกับหลินเฟิง“อุ๊ย ยังรับการโจมตีแทนศัตรูด้วย เฝิงไฉ่เซวียน ฉันดูสิว่ากลับไปเธอจะอธิบายกับพ่อของเธอ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยเดินเข้ามาดึงแขนเสื้อของหลินเฟิงด้วยความกังวลเล็กน้อย“ไม่มีอะไร”หลินเฟิงส่ายหน้า จากนั้นก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะพูดว่า :“ฉันให้เธอเรียนไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงวิ่งออกมาล่ะ?”“ฉัน...ฉันเป็นห่วงพี่”หลินเสวี่ยฮุ่ยพึมพำด้วยความรู้สึกผิดเมื่อหลินเฟิงได้ยินเสียงพึมพำนี้ ความโกรธเคืองทั้งหมดก็หายวับไปทันที ก่อนจะลูบหัวของหลินเสวี่ยฮุ่ย“เอาล่ะ พวกคุณไปเถอะ”“จะถูกจะผิด ค่อยดูกันพรุ่งนี้เถอะ”หลินเฟิงโบกมือไปมาอย่างไม่สนใจแต่ทว่าเฝิงไฉ่อิ๋งยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมกลับไป“เหอะ คนอื่นกลัวนาย แต่ฉันไม่กลัว!”“บอกนายไว้เลย พรุ่งนี้นายจะถูกพี่ใหญ่ของฉันทุบตีจนยับเยิน ฉี่ราดแน่ ๆ!”“พี่ใหญ่ของฉันคือที่สองของอันดับสวรรค์และเป็นอัจฉริยะในยุทธจักรด้วย คนเลวทรามต่ำช้าอย่างนาย ไม่มีทางที่จะได้เข้าใกล้พี่ใหญ่ของฉันไปตลอดชีวิตหรอก!”“ถ้านายฉลาดสักหน่อย ตอนนี้ก็ควรคุกเข่าอ้อนวอนฉันซะ!”“บางทีวันพรุ่งนี้ฉันอาจจะขอให้พี่ใหญ่ของฉันไว้ชีวิตนายก็ได้”ไม่รอให้หลินเฟิงได้พูด สาวอวบอั๋นที่ถือพัดอยู่ก็ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า :“ใช่แล้ว หากตอนนี้นายคุกเข่าอ้อนว
“หวังว่าพวกคุณเตรียมตัวให้พร้อมที่จะถูกฆ่ายกครัว”หลังจากพูดจบ หญิงสาวก็หันหลังจากไปหลินเฟิงไม่ได้รั้งไว้ แต่กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและคิดอะไรบางอย่าง“พี่หลินเฟิง คนพวกนี้จะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”หลินเสวี่ยฮุ่ยพูดด้วยความโมโห“น่ารังเกียจก็ส่วนน่ารังเกียจ แต่การมาครั้งนี้ของพวกเธอก็ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องหนึ่ง”“เรื่องอะไร?”หลินเสวี่ยฮุ่ยหันหน้าไปมองหลินเฟิง“ตระกูลเฝิง ไม่ได้สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน บางทีอาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้”หลินเฟิงยิ้มแล้วลูบหัวของหลินเสวี่ยฮุ่ยจากนั้นก็ยิ้มให้กับเธอก่อนจะพูดว่า :“เอาล่ะ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว สิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือศึกษาทักษะทางการแพทย์ที่ฉันสอนให้ดี”“รับช่วงโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อให้ได้เร็วที่สุด”“อื้อ”หลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า ก่อนจะมองหลินเฟิงอย่างอาลัยอาวรณ์ ถึงได้กลับไปที่ห้องหนังสือผ่านไปไม่นานภายในห้องหนังสือก็ได้ยินเสียงเด็กสาวสองคนกระซิบและหัวเราะกันเสียงหัวเราะนี้ทำให้หลินเฟิงรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย แต่ก็ยังทำให้เขายิ้มออกมาได้เกี่ยวกับการจัดการตระกูลเฝิงนั้น เขามีความคิดอย่าง
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน