หลินเฟิงกระแอมเสียงเบา: “ผมกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ในฐานะบอดี้การ์ดของคุณ แน่นอนว่าจะต้องปกป้องคุณ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้”“คุณเนี่ยนะปากแข็งมากจริง ๆ” ถังหวั่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดขึ้นไม่นานนัก หลินเฟิงลงมาถึงชั้นล่าง ถังหว่านกับฉินอิ๋งได้รอเป็นเวลานานเมื่อขึ้นรถ ถังหว่านก็ยิ้มพูด: “คุณว่าวันนี้หลี่ฮุ่ยหรานจะมาไหมนะ?”หลินเฟิงคำนวณเวลา เมื่อวานหลี่ฮุ่ยหรานน่าจะได้รับยาของตัวเองแล้วใบหน้าของเธอน่าจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแล้ว“น่าจะไปมั้ง”ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็มาถึงไซต์งานที่รกร้างตรงเขตซีเฉิงรอบด้านมีริบบิ้นสีแดงผูกอยู่เต็มไปหมด บนพื้นยังปูพรมแดงอีกด้วยเถ้าแก่หลายคนในเมืองเจียงโจวก็มาร่วมครึกครื้นที่รกร้างแห่งนี้ จึงคึกคักขึ้นมาหลังจากถังหว่านจอดรถก็มองหลินเฟิงผ่านกระจกมองหลังแล้วถามขึ้น: “อีกเดี๋ยวฉันจะไปคบค้าสมาคมกับเถ้าแก่คนอื่น ๆ หน่อย คุณจะไปด้วยกันไหม?”“ช่างเถอะ ผมไม่ชอบพูดคุยเรื่อยเปื่อย ให้ฉินอิ๋งไปกับคุณเถอะ มีเรื่องอะไรคุณค่อยเรียกผม”ถังหว่านพยักหน้า: “ได้ งั้นคุณเดินเล่นตามสบาย มีอะไรฉันจะติดต่อคุณ”หลินเฟิงพยักหน้าเมื่อถังหว่านลงจากรถก็ถูกเถ้าแก่จำนวนหลายค
แน่นอนว่าหวางเส้าหลงไม่เชื่อที่จางกุ้ยหลานพูด และคิดว่าเธอก็แค่คุยโวโอ้อวดโบกไม้โบกมืออย่างทนไม่ไหว: “พอแล้วๆ อย่ามาทำให้ผมชักช้าอยู่ตรงนี้”พูดจบก็โอบเอวแฟนสาวหุ่นนางแบบเดินจากไปจางฮุ้ยหลานยังอยากจะแก้ตัวอีกสักหน่อย และหลินเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา: “เขาขี้เกียจสนใจคุณ แต่คุณยังจะเสนอหน้าทำดีกับเขาอีก”“นายเงียบไปเลยนะ นี่มันเกี่ยวอะไรกับนาย?”จางฮุ่ยหลานถลึงตาดุใส่เขาถังหว่านในเวลาก็ถือไมโครโฟนเดินขึ้นมากลางเวทีใบหน้าเผยรอยยิ้มด้วยความเป็นอาชีพ: “วันนี้เป็นพิธีตัดริบบิ้นเปิดโครงการซีเฉิง ก่อนอื่นฉันอยากแนะนำพาร์ตเนอร์ของฉันสักหน่อยค่ะ...”“ประธานกรรมการของหลี่ซื่อกรุ๊ป คุณหลี่ฮุ่ยหราน...”ถังหว่านพูดจบเสียงปรบมือด้านล่างเวทีก็ดังกึกก้องขึ้นในทันทีเห็นเพียงหลี่ฮุ่ยหรานสวมกระโปรงยาวสีฟ้า และเดินจับชายกระโปรงเดินขึ้นไปอย่างช้าๆหวางเส้าหลงปรบมือแบบส่งไปที แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้ารูปไข่สวยไร้ที่ติของหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนกรามแทบค้างดวงตาคู่นั้นจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความที่ไม่ยากจะเชื่อ“นี่...นี่แม่งเป็นไปได้ไง?”เขาเห็นกับตาว่าแผลเป็นจากคมมีดบนหน้
นับตั้งแต่ที่ไดนาสตี้บาร์ครั้งก่อน ทำให้รู้จักหน้าคร่าตาของหวางเส้าหลงเธอก็รังเกียจหวางเส้าหลงมากเหมือนกันแม้หลินเฟิงจะเป็นคนไร้ประโยชน์ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่เหมือนหวางเส้าหลงที่จอมปลอมขนาดนั้นตัวเธอเองมองคนผิดไปแล้วจริงๆหวางเส้าหลงรู้ว่าหลี่ฮุ้ยหรานยังโกรธอยู่จึงหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดขึ้น: “ฮุ้ยหราน ที่ผ่านมาผมไม่ดีเอง ผมไม่ควรเอาดีเข้าตัวเลย”“ผมรับรองว่าต่อไปนี้จะไม่ทำแบบนี้อีกเป็นอันขาด คุณให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ”หลี่ฮุ้ยหรานหัวเราะด้วยเย็นชา: “โอกาสอะไร? ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทอะไรกันไม่ใช่เหรอ?”หวางเส้าหลงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง หลี่ฮุ้ยหรานในเวลานี้ไม่คิดจะคืนดีกับเขาแล้วมองดูหลี่ฮุ้ยหรานหายไปท่ามกลางฝูงชนหวางเส้าหลงโกรธจนกัดฟันกรอดและกำหมัดแน่น ในใจก็ด่าขึ้นว่า: “เดี๋ยวได้เจอดีแน่ หลี่ฮุ้ยหราน”“ฉันช่วยให้มึงได้ร่วมมือกับตระกูลถัง ไม่คิดเลยว่ามึงแม่งยังกล้าถีบส่งฉัน”“ไม่ช้าก็เร็วฉันจะให้แกได้ชดใช้”หลินเฟิงนั่งอาบแดดอยู่บนม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ด้านล่างเวทีหลี่ฮุ้ยหรานในเวลานี้ได้เดินมาจากทางด้านหลังของเขา และนั่งลงข้างๆ เขาหลินเฟิงลืมตาขึ้นอย่า
หลินเฟิงได้ยินประโยคนี้ก็ขมวดคิ้วในทันทีสู่ขอ และยังจะเป็นดองกับจางเต๋อหลินด้วยเนี่ยนะ? เหมือนจางเต๋อหลินจะมีหลานสาวที่มีอายุพอจะแต่งงานได้แค่คนเดียวด้วยสิคงไม่ใช่จางเจียหนิงหรอกนะ?เลี่ยวกั๋วต้งยิ้มเบาๆ แล้วพูดขึ้น: “เหวินเชาวางใจเถอะนะ ลุงไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย”“ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เป็นพ่อสื่อให้กับหนู ยังจะช่วยแนะนำงานให้กับหนูด้วย”เดิมทีเขาไม่อยากที่จะรับปากเรื่องนี้เลย แต่เมื่อคืนวานเขาคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบขึ้นได้ซึ่งไม่เพียงจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้กับหลี่เหวินเชา แถมยังทำให้หลี่เหวินเชาได้มีงานที่ไม่เลวงานหนึ่งทำหลี่เหวินเชาทำหน้าสีตกตะลึง: “ยังช่วยผม...หางานด้วยงั้นเหรอครับ?“งานอะไรเหรอครับ?” เขาถามขึ้นด้วยความประหลาดใจส่วนตัวเขาไม่คิดที่จะอยากทำงานเลยสักนิด หากจะต้องทำงานไม่สู้ใช้ชีวิตไปกับวันกับพี่สาวของตัวเองอยู่อย่างนั้นดีกว่าเลี่ยวกั๋วต้งยิ้มพร้อมพูดขึ้น: “ทำงานให้กับคุณหนูถัง”“ซืด...ทำงานเป็นลูกน้องของถังหว่านงั้นเหรอ?” จางกุ้ยหลานตกใจได้ทำงานอยู่ข้างกายของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง นั่นเป็นงานที่ใครหลายคนใฝ่หาและใช่ว่าจะได้มา“กั๋วต้ง คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเก่งขนา
“พวกเขามาแก้แค้น?”ถังหว่านส่ายหัว: “ไม่แน่ใจ...เจอหน้าเดี๋ยวก็รู้เอง”ฝ่ายตรงข้ามมีเป้าหมายอะไรกันแน่ยังไม่แน่ใจนักแต่แน่นอนว่าถังหว่านจะประหม่าไม่ได้จึงต้องพาหลินเฟิงและฉินอิ๋งไปเจรจาด้วยหลินเฟิงและฉินอิ๋งเดินตามหังถังหว่านอย่างเงียบๆทั้งสามคนเดินมาถึงสุดทางเดิน ก่อนจะผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องรับรองที่เหลืองอร่ามแวววาวชายวัยกลางคนสวมสูทกำลังเล่นจอกเหล้าอยู่ภายในห้องด้านหลังของเขามีชายสามคนยืนอยู่ โดยเป็นชายชราผมหงอกสวมเสื้อคลุมยาวคนหนึ่งและชายหนุ่มหุ่นล่ำอีกสองคนทั้งสามวางมาดไม่ธรรมดา แววตาคมกริบ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นบอดี้การ์ดชายวัยกลางคนนั่นพอเห็นถังหว่านเดินเข้ามา ชายคนนั้นก็วางจอกเหล้าที่อยู่ในมือลงแล้วเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตรออกมา: “คุณหนูถัง ช่างให้ผมรอนานมากเลยนะ”ถังหว่านนั่งลงตรงข้ามกับชายคนนั้นแล้วยิ้มเบาๆ: “คุณเซี่ยงคะ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ เมื่อครู่มีพิธีตัดริบบิ้นโครงการที่ก่อตั้งใหม่ก็เลยมาสายนิดหน่อยค่ะ”ชายวัยกลางคนคนนี้ก็คือเซี่ยงตงเซิง ปู่รองของตระกูลเซี่ยงโดยปกติจะรับผิดชอบจัดการธุระต่างๆ ทั้งหมดของตระกูลเซี่ยงเซี่ยงตงเซิงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
ฉินอิ๋งส่งสายตาให้กับหลินเฟิงในทันทีเธอลังเลเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่งถ้าไม่ตอบตกลงก็จะดูเหมือนกับว่าตัวเองนั้นขี้ขลาด และทำให้พี่หว่านเอ๋อรต้องหายหน้าถ้าตอบตกลงก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายอะไรพี่หลินแสดงท่าทีว่ายังไงก็ได้ และก็ถือว่าตอบตกลงแล้วมันจะทำไม“ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าไป๋อยากจะประลองยังไง?”ไป๋จินเต๋อยิ้มแล้วพูดขึ้น: “คนแก่อย่างผมอายุอานามปูนี้แล้วร่างกายก็ถดถอย สู้คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณไม่ได้แล้ว”“ให้ลูกศิษย์ของผมสองคนนี้ไปประลองฝีมือกับพวกคุณจะดีกว่าไหม?”หลินเฟิงหรี่ตาลงผู้เฒ่าคนนี้ลมปราณล้ำลึก ลมปราณภายในก็มั่นคง ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าลูกศิษย์ทั้งสองกี่เท่าคิดไม่ถึงว่าจะถ่อมตัวแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่คิดจะลงมือจริงๆ นะครั้งนี้น่าจะเป็นแค่การลองเชิง“ได้สิ งั้นวันนี้เรามารู้จักกันด้วยการประลองยุทธ”ไป๋จินเต๋อหันไปมองลูกศิษย์ทั้งสองคนของตัวเอง: “เทียนซิง ตี้ส้า พวกนายสองคนใครจะประลองก่อนดี?”ฉินอิ๋งก้าวออกมาก่อนเลยพร้อมกับพูดว่า: “ก็ไม่ทำเป็นต้องให้คุณหลินต้องลงมือหรอกค่ะ ให้ฉันเป็นคนที่จะประลองกับพวกเขาทั้งสองคนเองค่ะ”“พวกคุณทั้งสองคนก็เข้ามาพร้อมกันเถอะค่ะ”หลิ
เทียนซิงโยกตัวหลบก็เลยเหลือแค่ฉินอิ๋งคนเดียวทว่าการโจมตีของตี้ส้าไม่ได้ลดความเร็วลงเลยฉินอิ๋งต้องการทำให้เทียนซิงต้องยอมหลบไปเพื่อให้ตัวเองหลุดจากการถูกจับได้ในจังหวะที่เธอคิดจะโยกตัวหลบนั้น กลับพบว่าตัวเองขยับตัวไม่ได้ไม่ว่ามีเส้นไหมสี่เส้นอยู่บนแขนและขาตั้งแต่เมื่อไหร่ พลังซ่อนเร้นจับเธอจนขยับไปไหนไม่ได้เห็นว่ากำปั้นของอีกฝ่ายจะกระแทกเข้าใบหน้าของฉินอิ๋ง“จบเห่แล้ว”ฉินอิ๋งพูดขึ้นอยู่ในใจ หลับตาลงด้วยจิตใต้สำนึกในช่วงเวลาสำคัญ หลินเฟิงหยิบเข็มเงินออกมาหนึ่งเล่ม และดีดออกไปเข็มเงินพุ่งเข้าใส่ข้อศอกของฉินอิ๋งร่างกายของฉินอิ๋งสาวกำปั้นในทันที“ปัง”เสียงดังลั่นฉินอิ๋งถอยหลังไปหลายก้าวจนชนและเข้าไปในอ้อมกอดของหลินเฟิงทั้งตัว“อย่าขยับ”เสียงของหลินเฟิงดังขึ้นข้างหู และมือข้างหนึ่งโอบไหล่ของเธอไว้เส้นไหมทั้งสี่เส้นที่อยู่บนตัวของฉินอิ๋งเชื่อมโยงไปยังฝ่ามือของไป๋จินเต๋อท่ามกลางแสงแดด ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็ไม่มีทางจะมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อครู่ที่ฉินอิ๋งตึงจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ เพราะเธอถูกไป๋จินเต๋อควบคุมไว้ใช้พลังซ่อนเร้นควบคุมเส้นไหมล่ามแขนและขาทั้งสองข้างของเธอ
เซี่ยงตงเซิงหัวเราะและพูดขึ้น: “ฮ่าๆๆ วัยรุ่นเขาประลองยุทธเพื่อเป็นเพื่อนกัน ถือเป็นเรื่องปกติ”ถังหว่านไม่เชื่อว่าเป็นการประลองยุทธทั้งนั้น หลินเฟิงและฉินอิ๋งปลอดภัยดี เธอจะไปโวยวายไปก็จะดูไม่ดีก่อนที่จะหันไปพูดขึ้น: “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเราก็ขอตัวกลับก่อนนะ ขอบคุณที่คุณเซี่ยงต้อนรับ”เซี่ยงตงเซิงพยักหน้า: “คุณถังต้องคิดพิจารณาข้อเสนอของผมให้ดีนะครับ ผมรอคุณถังอยู่ทุกเมื่อ”“ฉันจะคิดให้ดีแน่นอน” ถังหว่านพูดจบก็ทำหน้าเย็นชาพาหลินเฟิงและฉินอิ๋งจากไปเซี่ยงตงเซิงมองแผ่นหลังของทั้งสามคนที่กำลังเดินจากไป สายตาหรี่ลง“ผู้เฒ่าไป๋ ความสามารถที่แท้จริงของทั้งสองคนนั้นเป็นไงบ้าง?”ไป๋จินเต๋อกำลังที่จะพูด“พู” กระอักเลือดออกมาเซี่ยงตงเซิงและคนอื่นๆ พากันตกตะลึง“ท่านอาจารย์....”“ผู้เฒ่าไป๋...เป็นอะไรไป?” เซี่ยงตงเซิงก้าวไปหาแล้วถามขึ้นอย่างร้อนรนไป๋จินเต๋อกัดฟันพูดขึ้น: “ความสามารถของเจ้าหนุ่มเมื่อกี้นั่นมันธรรมดา”“เมื่อกี้ผมใช้ลมปราณภายในสู้กันกับเขา เจ้าหนุ่มนั่นถอยหลังไปแค่เจ็ดก้าวก็โจมตีผมจนกระอักเลือด”เซี่ยงตงเซิงตะลึงจนอ้าปากค้าง: “อะไรนะ? ความสามารถที่แท้จริงของไอ้เ
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส
หลังจากตัดสินใจที่จะเปิดเผยแผนการของจวงฉุน ความภาคภูมิใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉ“คุณอิ่นนั่วเจีย คุณยังจำผู้ชายที่ชื่อจวงฉุนเมื่อครู่นี้ได้ไหมครับ?”“จวงฉุน?”อิ่นนั่วเจียพยักหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอนแค่เธอจ้องมองเขาก็รู้ว่าเขามีเจตนาไม่ดีต่อเธอถึงขั้นที่ภายหลังยังสารภาพโดยตรง ไม่ได้เสแสร้งแล้วเขากล่าวว่าอยากตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของธรรมชาติหรือของเทียมแค่คิดก็ทำให้คนรู้สึกอยากอ้วกทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายแบบนี้นะ“มีอะไรเหรอคะเถ้าแก่เริ่น เขาจะทำร้ายฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียข่มความคลื่นไส้ในใจและยื่นหน้าเข้าไปถาม"ถูกต้องครับ"เริ่นโหย่วไฉถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า:"ผมจะบอกความจริงกับคุณแล้วกัน!"“จวงฉุนคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลหลง แต่เขาเป็นแค่ลูกสมุนเท่านั้น เป็นแค่ตัวประกอง”“ครั้งนี้เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลงมาด้วยหลายคน ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออย่างลับๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่”หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียต่างจ้องมองเขา เริ่นโหย่วไฉพิจารณาคำพูดของเขาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:“กระดุมที่คุณเอาออก
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียก็ตกตะลึงเล็กน้อยเธอในฐานะซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แม้จะพิถีพิถันมากในการเลือกและออกแบบชุดของเธอ แต่โรงงานเล็กๆ แบบนี้กลับกล้าที่จะเรียกร้องเงินจำนวนมหาศาล ถึงยี่สิบห้าล้านบาทเรื่องนี้มันเกินเหตุไปหน่อยแล้วเงินยี่สิบห้าล้านบาทสำหรับอิ่นนั่วเจียไม่ใช่จำนวนเงินที่มากนัก แต่เอาเงินให้คนแบบนี้ ในใจของอิ่นนั่วเจียรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียตกตะลึง เริ่นโหย่วไฉก็ไม่ได้อุบอิบแต่พูดอย่างจริงจังว่า:“เชื่อผมเถอะครับ คุณอิ่นนั่วเจีย เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว มีแต่คุณยอมทำข้อตกลงกับผมเท่านั้น คุณจึงจะหนีจากอันตรายได้”"ฉัน......"ขณะที่อิ่นนั่วเจียกำลังแสดงท่าทีลังเลว่าจะจ่ายเงินยี่สิบห้าล้าน หลินเฟิงก็ก้าวไปข้างหน้า“ผมตกลงแทนของคุณอิ่นนั่วเจีย”หลินเฟิงหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขียนตัวเลขยี่สิบห้าล้านด้วยปากกาในห้องทำงานของเขาต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ จากนั้นส่งให้เริ่นโหย่วไฉอย่างเบามือ“ดี...ดีๆๆ”เริ่นโหย่วไฉหยิบเช็คขึ้นมาแล้วตรวจดู เขาพบว่ามันไม่ได้เป็นของปลอม ใบหน้าของเขามีความสุขทันใด และสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยคว