หลินเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ตระกูลหลงจะสู้สุดตัวกับตระกูลถังจริงหรือ?ก่อนหน้านี้ ถังเจี้ยนหยวนยังบอกด้วยว่ากลยุทธ์ของตระกูลหลงนั้นถูกวางแผนโดยหลงหยวนเพียงคนเดียว หากผู้นำตระกูลหลงอยู่ที่นี่ เขาจะไม่เสี่ยงทําเรื่องแบบนี้แน่นอนแต่ไม่คาดคิดว่าเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ท่าทางของตระกูลหลงก็เปลี่ยนไป พวกเขาต้องการทำสงครามกับตระกูลถังอย่างเต็มตัว?!แม้แต่วางแผนมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อโค่นล้มตระกูลหลี่ดูเหมือนว่าความพยายามส่วนใหญ่ของตระกูลหลงจะมุ่งเป้าไปที่เขา!หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา“ฉันเข้าใจแล้ว... เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง….”หลินเฟิงหยิบยาเม็ดสีเข้มน่ากลัว ออกมาจากกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ ยัดเข้าไปในปากของจ้าวเว่ย แล้วพูดอย่างเย็นชา“ถ้านายรู้จักฉัน แกก็จะรู้ทักษะทางการแพทย์ของฉัน ยาเม็ดนี้เรียกว่าถังเจี้ยนหยวน และตั้งแต่วันที่แกกินยานี้ไป แกจะต้องได้รับยาแก้พิษทุกสัปดาห์”“ไม่งั้นสิ่งที่รอแกอยู่คือความเจ็บปวด โดยที่เส้นลมปราณของแกจะระเบิด และแกจะตายอย่างทุกข์ทรมานเป็นเวลาร้อยวัน”เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฟิง จ้าวเว่ยก็ตัวสั่นด้วยความกลัว“แน่นอนว่าฉัน
กลับมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้งเมื่อเผชิญกับหน้ากับความกังวลของจางซิน จ้าวเว่ยก็อ้างเหตุผลอย่างไม่ใส่ใจ บังเอิญล้มลงและฝ่ามือของเขาไปกระแทกกับส้อมที่ใครบางคนทิ้งไว้จึงทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อเห็นบาดแผลบนฝ่ามือของจ้าวเว่ย จางซินก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้และรีบดึงเขาออกไป“ไปกันเถอะ ฉันจะช่วยคุณหาหมอมาทำแผลให้”“ไม่จำเป็น”จ้าวเว่ยรู้สึกอาย เขาแอบเหลือบมองหลินเฟิงแล้วกระแอมออกมาพร้อมพูดว่า“คุณหลินเพิ่งรักษาฉันมาและตอนนี้ไม่เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว”“ไม่ใช่มั้ง? เขาเป็นแค่หมอกระเป๋า คุณไว้ใจเขามากกว่าโรงพยาบาลจริงเหรอ? ไปกันเถอะ! อย่าเสี่ยงติดเชื้อเพราะผู้ชายคนนั้น ถ้ามันทิ้งรอยแผลเป็นไว้ คุณจะต้องเสียใจ…”จางซินไม่ไว้ใจหลินเฟิงเลยและเยาะเย้ยความคิดเรื่องการรักษาของเขาสุดท้าย จ้าวเว่ยทำได้เพียงปล่อยให้จางซินลากเขาออกไปอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขาจากไป เขาพยักหน้าให้หลินเฟิงอย่างหมดหนทางหลินเฟิงดื่มกาแฟบนโต๊ะเท่านั้นและไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เพิ่มเติม“หลินเฟิง ก่อนหน้านี้ นาย…”เมื่อเห็นจางซินและจ้าวเว่ยจากไป หลี่ฮุ่ยหรานก็อดไม่ได้ที่จะมองหลินเฟิงที่ไม่ปิดบังอะไรและพยักหน้าพร้อมพูดว่
306ทันทีที่ใช้การ์ดประตูนี้เปิดประตู หลินเฟิงก็มองไปที่ภายในห้องและตกตะลึงทันทีมันเป็นห้องนอนขนาดคิงไซส์!เขาหันศีรษะอย่างเกร็ง ๆ และมองไปที่หลี่ฮุ่ยหราน“ห้องสวีทระดับพรีเมียมมีคนจองไปแล้ว ดังนั้น ฉันจึงต้องตกลงที่จะเข้าพักในห้องดีลักซ์สวีทแทน ไม่ต้องกังวล สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมนี้ยังคงมีอยู่…”หลี่ฮุ่ยหรานเดินเข้ามาในห้องขณะพูดแต่ทันทีที่เธอเห็นเตียงขนาดใหญ่ในห้องที่กว้างขวาง ท่าทางของเธอก็แข็งค้างและเธอดูสับสนเล็กน้อย“เฮ้อ นี่….”หลินเฟิงเกาหัวและยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆหลี่ฮุ่ยหรานมองเห็นอะไรได้มากมายจากรอยยิ้มของหลินเฟิง และใบหน้าอันบอบบางของเธอก็แดงขึ้นขณะที่เธอพึมพำ“ไม่ควรเป็นอย่างนั้น ฉันจำได้ว่าฉันขอให้จางซินจองห้องชุด”หลี่ฮุ่ยหรานพูดแล้วเดินไปที่ทางเดินนอกห้องและทักทายพนักงานเสิร์ฟเพื่อสอบถาม“ฉันขอโทษจริง ๆ คุณหลี่ ห้องที่คุณขอให้เลขาจองไว้ก่อนหน้านี้ก็คือห้อง 506 ซึ่งเป็นห้องดีลักซ์สวีท”“แต่เนื่องจากต้องซ่อมบำรุงรักษาชั่วคราว เราจึงไม่สามารถย้ายเข้าได้ชั่วคราว เราได้จัดห้องดีลักซ์อีกห้องให้คุณแล้ว และเลขาของคุณก็ตกลงด้วย ดังนั้น”“ต้องขอโทษที่ไม่ได้แจ้
“แบบว่า...สามี อย่าไปเลย ฉันกลัวความมืดและอะไรแบบนี้….”เมื่อเห็นรอยยิ้มซุกซนของหลินเฟิงหลี่ฮุ่ยหรานเปิดปาก สับสนจนทำอะไรไม่ถูก และพูดว่า“ไม่ ฉันแค่ไม่คิดว่าเราจำเป็นต้องฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่ายในการเปิดสองห้องนั้นสูง และมีข้อเสียมากมาย”หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ในความสับสนและเริ่มพูดเรื่องไร้สาระแล้ว“ฮึ…”หลินเฟิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเขาเห็นท่าทางเขินอายและโกรธของหลี่ฮุ่ยหรานในร่างผู้หญิงตัวเล็ก ๆและเมื่อหลี่ฮุ่ยหรานเห็นหลินเฟิงหัวเราะเยาะเธอ ในที่สุดเธอก็หยุดอธิบาย จากนั้นเบือนหน้าด้วยความโกรธ“เอาล่ะ ฉันจะไม่แกล้งคุณอีกแล้ว”หลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าและนั่งลงข้าง ๆ หลี่ฮุ่ยหราน กอดเธอไว้ในอ้อมแขนและยิ้มพร้อมพูดว่า“ห้องหนึ่งก็คือห้องหนึ่ง แต่ฉัน หลินเฟิง ไม่ใช่คนทำอะไรไม่รู้จักคิด เมื่อฉันได้ลงหลักปักฐานจริง ๆ ฉันจะให้สถานะที่คุณสมควรได้รับแก่คุณ”“อย่ารีบร้อนในตอนนี้ คุณรู้ไหม?”ดวงตาที่จริงใจของหลินเฟิงทำให้หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และเธอก็ทำปากยื่นเหมือนเด็กผู้หญิงที่ถูกกระทำผิด“แล้ว… เมื่อไหร่จะเป็นอย่างนั้น”“ใช่… เมื่อไหร่กันนะ…”หลินเฟิงกอดหลี่ฮุ่ยหร
หากเกิดขึ้นอีกครั้งบางทีหลินเฟิงอาจจะทนไม่ไหวก็ได้นี่มันทรมานเกินไปจริง ๆหลี่ฮุ่ยหรานก็ตื่นเช้าด้วยเธอเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ จัดผมของเธอ และเฝ้าดูหลินเฟิงวิ่งอย่างแข็งขันด้านล่างนอกจากความผิดหวังแล้ว ยังมีอารมณ์ขันและความอ่อนโยนแฝงอยู่ในดวงตาด้วยหนึ่งสัปดาห์จึงผ่านไปสัปดาห์นี้ หลินเฟิงต้องอยู่ข้างตัวหลี่ฮุ่ยหรานทุกวัน คอยระวังการตอบโต้และการลอบโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อการจัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปนั้นง่ายกว่าที่คาดไว้ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ บริษัทก็ฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำครั้งก่อน โดยโครงการต่าง ๆ เริ่มหมุนเวียนอย่างราบรื่น ในฐานะผู้นำ หลี่ฮุ่ยหรานได้รับความชื่นชมและการสนับสนุนจากกรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่แน่นอนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวลือไร้สาระภายในบริษัท ที่ว่าหลี่ฮุ่ยหรานมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังท้ายที่สุดแล้ว เธอคือคนที่สามารถทวงเงินจากบริษัทเต๋อเซิ่งได้ เหล่าบอร์ดบริหารจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร?สำหรับกัวโหย่วคัง เขายังคงถูกกักบริเวณในออฟฟิศตัวเอง สีหน้าอมทุกข์ แต่ยังไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้“พี่ คุณวางใจได้!”จางซินนั่งอยู่ข้
รอให้หลินเฟิงขับรถไปถึงจุดที่ตั้งพร้อมกับหลี่ฮุ่ยหรานทั้งสองคนพบว่า สถานที่การประมูลขนาดใหญ่แบบนี้ จะเป็นเหมือนงานเต้นรำเพื่อเข้าสังคม ถึงขนาดมีบุฟเฟ่ต์และเครื่องดื่มบริกรก็เดินไปมาท่ามกลางกลุ่มคนพร้อมควบคู่กับทำนองเพลงแม้แต่ที่จัดงานก็ถูกเลือกเป็นคฤหาสน์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากด้วยแขกที่มาเยือนต่างก็เป็นบริษัทชั้นนำของเมืองเจิ้งเต๋อ ถึงแม้ว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในจำนวนนั้นไม่นับว่ากระจอก แต่ก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งสักเท่าไหร่แขกผู้มาเยือนทั้งหมดจะมีป้ายเล็ก ๆที่ทำขึ้นพิเศษติดอยู่บนร่างกาย เพื่อใช้แสดงให้ผู้คนโดยรอบได้เห็นถึงบริษัทหรือกลุ่มเครือข่ายของตัวเองแม้แต่หลินเฟิงก็ยังมองเห็นซือหม่าเซิงที่อยู่ไกลออกไป“หืม? หลี่ซื่อกรุ๊ป คนที่มาไม่ใช่กัวโหย่วคังหรอกเหรอ?”ในขณะนี้ ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินถือไวน์แดงเข้ามา แขนของเขาคล้องผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆ อยู่ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนในเมื่อชายชราคนนี้ดูเหมือนจะอายุหกสิบกว่าปีแล้ว“หึหึ คุณโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปใช่ไหม ฉันชื่อหลี่ฮุ่ยหรานเป็นประธานบริษัทคนใหม่ของหลี่ซื่อกรุ๊ป ฉันได้ยินชื่อของคุณมานานและชื่นชมคุณมานานมาก....”
“คุณ...เมื่อครู่คุณพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น?”หลี่ฮุ่ยหรานจับหลินเฟิงไว้ ก่อนจะถามด้วยความหึงหวงเล็กน้อย“อ๊ะ?”หลินเฟิงตะลึงงันไปชั่วครู่ เมื่อก่อนหลี่ฮุ่ยหรานคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เชียวเหรอ?หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินเฟิงก็หัวเราะออกมาเบา ๆและพูดว่า:“เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นจะชวนผมไปงานเต้นรำสวมหน้ากากอะไรสักอย่าง”“งานเต้นรำสวมหน้ากาก?!”เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำนี้ จู่ ๆใบหน้าก็อึมครึมทันทีเธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันหมายความว่าอะไร?“แล้วคุณตอบรับเธอไปงั้นเหรอ?” หลี่ฮุ่ยหรานเอ่ยถามออกมาตรง ๆ“คุณเดาสิ”หลินเฟิงทิ้งคำพูดเหล่านื้ ก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปในคฤหาสน์“คุณ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกร้อนอกร้อนใจแต่เธอก็สงบอารมณ์ลงได้ และรู้ด้วยว่านิสัยของหลินเฟิงนั้น จะไม่ไปสถานที่แบบนี้แน่นอนไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้มีโอกาสดี ๆ ขนาดนั้น เขาก็คงไม่มีทาง....เมื่อนึกถึงในคืนนั้น หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกได้ทันทีว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย“เหอะ.....”เธอส่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นจึงได้ตามเข้าไปข้างในที่แท้ ภายในคฤหาสน์ก็แน่นไปด้วยผู้คนจำนวนไม่น้อยแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองไปท
“ทุกคน โปรดอดทนรอสักครู่ นี่คือการตัดสินใจจากเบื้องบน ผมเป็นเพียงผู้จัดการตัวเล็ก ๆ และไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ หากทุกท่านโกรธก็อย่ามาระบายกับผม”ในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา จ้าวเว่ยก็เหลือบมองมาทางหลินเฟิงจึงทำให้หลินเฟิงเข้าใจในทันทีไม่ใช่จ้าวเว่ยไม่ช่วยพวกเขา แต่เป็นคนที่อยู่เหนือกว่าจ้าวเว่ยเข้ามาแทรกแซง“บริษัทเต๋อหนิง?”หลินเฟิงมองไปทาง “ประธานหวัง” รูปร่างสูงผอม ที่มีอายุประมานสี่สิบปี ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าดูไม่เหมือน “ประธานหวัง” ที่เป็นประธาน ก่อนจะถามหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ข้าง ๆว่า:“คุณเคยได้ยินบริษัทนี้ไหม?”“ไม่เคย และไม่ควรมีบริษัทแบบนี้ในเมืองเจิ้งเต๋อ ถ้าหากมี ก็ไม่สามารถเป็นบริษัทใหญ่ได้”หลี่ฮุ่ยหรานพูดออกมาอย่างมั่นใจเพราะว่าเธอทำการบ้านมาเรียบร้อยแล้วบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งหมดในเมืองเจิ้งเต๋อ หลี่ฮุ่ยหรานสามารถพูดออกมาได้ทั้งหมด แต่เธอกลับไม่เคยได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับบริษัทเต๋อหนิงเลย“ฮัลโหล จ้าวเทียนหวา ผมอยากให้คุณตรวจสอบบริษัทหนึ่ง ชื่อว่าบริษัทเต๋อหนิง....ใช่ น่าจะเป็นบริษัทก่อสร้าง”หลินเฟิงโทรส่วนตัวไปหาจ้าวเทียนหวา และขอให้จ้าวเทียนหวาช่วยตรวจ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน