นี่เป็นฟาร์มที่เขาจัดการบริหารมาครึ่งชีวิตเขามีความผูกพันธ์ต่อฟาร์มอย่างลึกซึ้ง ไม่อย่างนั้น เขาคงจะเปลี่ยนสถานที่ที่ทิวทัศน์งดงามจับตาแห่งนี้ให้กลายเป็นโรงงานตั้งนานแล้วหลังจากเห็นลูกชายของตัวเองยอมรับว่า เขาเป็นคนเผาฟาร์ม นายท่านหลี่ไห่เจียงน้ำตาไหลด้วยความเสียใจเห็นนายท่านจะยืนหยัดไม่ไหวแล้วหลี่กงเฉิงขมวดคิ้ว อยากจะดึงโทรศัพท์กลับมา ไม่ให้นายท่านหลี่ไห่เจียงดูต่อแต่ใครจะคิดว่าคุณปู่ตระกูลหลี่ดื้อรั้นอย่างมาก จะดูให้ตบให้ได้ดังนั้นจึงจนปัญญา ทุกคนทำได้แค่ดูเป็นเพื่อนคุณปู่ตระกูลหลี่ต่อไปหลังจากนั้นก็เป็นการเปิดศึกของหลินเฟิงเพราะทิศทางไม่ถูกต้อง ดังนั้นเครื่องบันทึกการขับขี่ถ่ายไม่ติด เพียงแต่เห็นภาพที่หลี่อิงเฉิงใช้มีดข่มขู่หลี่เยว่หรูพอดี“ถ้าแกกล้าเข้ามา ฉันจะฆ่าเธอซะ!”ในวิดีโอ ท่าทางโหดร้ายทารุณของหลี่อิงเฉิงชัดเจนแจ่มแจ้ง ส่วนหลี่เยว่หรูที่ถูกเขาควบคุมไว้ กลับตกใจจนหน้าซีดเซียวจากนั้นขอความช่วยเหลือไปทางหลินเฟิงไม่หยุด“ช่วย…ช่วยช่วยช่วยฉัน ขอร้องคุณล่ะ หลิน…หลิน…”เห็นภาพนี้ คนตระกูลหลี่ส่งสายตาของตัวเองไปทางหลี่เยว่หรู ส่วนในตอนนี้หรี่เยว่หรูเหมือนเถ้าที
“เธอยังอยากขอความเมตตาอีกงั้นเหรอ?”คุณปู่ตระกูลหลี่เหลือบมองโจวอวี้เฟิ่งอย่างเย็นชา และพูดเรียบๆ: “โจวอวี้เฟิ่ง ลงโทษด้วยกฎตระกูลเช่นกัน ห้าสิบแส้ ตบหน้าหนึ่งร้อยครั้ง!”“อ๊ะ?!”โจวอวี้เฟิ่งได้ยินนายท่านหลี่ไห่เจียงลงโทษโดยไม่อ่อนข้อให้แม้แต่น้อย คนทั้งคนทรุดนั่งลงบนพื้น ในดวงตาเลื่อนลอยทันทีสุดท้าย เธอถูกผู้คุ้มกันของตระกูลหลี่หิ้วปีกไปสุดท้ายยังมีหลี่ก่วงเฉิงที่ยังมีชีวิตรอดมาได้นายท่านหลี่ไห่เจียงส่งสายตาไปทางลูกชายเดียรัจฉานของตัวเอง ความสงสารสุดท้ายในสายตาได้หายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นส่ายหน้าพูดว่า:“ตอนนั้นพี่ใหญ่ตำหนิฉัน บอกว่าฉันมีภรรยาหลายคนเกินไป และตอนนั้นฉันกลับคิดว่า ภรรยาเยอะ ก็จะได้เพิ่มลูกชายให้ตระกูล ทำให้ตระกูลหลี่เจริญรุ่งเรือง”“ตอนนี้ดูแล้ว….หึ…”นายท่านหลี่ไห่เจียงยิ้มอย่างขมขื่น มองไปทางหลี่กงเฉิงพูดว่า:“ลูกหลานเยอะแยะ แต่กลับไม่มีสักคนที่ใช้การได้ มีเพียงกงเฉิงยังถือว่าแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีได้ เข้าใจสถานการณ์โดยรวม”จากนั้น นายท่านหลี่ไห่เจียงก็มองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานอีก และพูดอย่างชื่นใจ:“เดิมทีฉันแต่งตั้งฮุ่ยหรานให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้นำตระก
เผชิญหน้ากับคำขู่ของคุณปู่ตระกูลหลี่ หลิ่วเยว่ฟางทำได้แค่ก้มหน้า ไม่กล้าพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียวมองดูคนตระกูลหลี่ที่อยู่รอบๆ เผยสีหน้าไม่ยอมแพ้ออกมา หลินเฟิงรู้ว่า ถ้าหากตอนนี้ให้หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้สืบทอดผู้นำตระกูล เกรงว่าไม่สามารถเอาชนะทุกคนได้เมื่อครู่คำพูดของหลิ่วเยว่ฟาง ก็คือสะท้อนให้เห็นภาพของทัศนคติของคนตระกูลหลี่ถึงแม้จะเห็นแก่หน้าของนายท่านหลี่ไห่เจียง ทุกคนไม่กล้าต่อต้านอย่างโจ่งแจ้ง แต่ลับหลังไม่ให้ความร่วมมือหลี่ฮุ่ยหราน งั้นต่อไปการทำงานของหลี่ฮุ่ยหรานก็จะดำเนินการไปได้ยากพวกเขาจำเป็นต้องเอาความสามารถที่แท้จริงๆ ออกมาเห็นแบบนี้ หลินเฟิงประสานมือคารวะนายท่านหลี่ไห่เจียง“คุณปู่หลี่ไห่เจียง”“ก่อนหน้านี้ผมกับฮุ่ยหรานเคยเดิมพันกับท่านเอาไว้ ถ้าหากฟาร์มของพวกเราสามารถทำกำไรได้ภายในสองเดือน ทำเงินได้ถึงห้าพันล้านบาท เช่นนั้นฮุ่ยหรานก็คือผู้สืบทอดผู้นำตระกูลคนต่อไป”“ผมคิดว่าคนเราถ้าหากผิดคำพูด ก็ไม่สามารถมีจุดยืนในสังคมได้ ดังนั้นการเดิมพันของพวกเรายังคงมีผลอยู่”“หือ?”ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของหลินเฟิง นายท่านหลี่ไห่เจียงงงงันเล็กน้อยเพราะว่าเขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองไ
ในเมื่อพวกเขาคิดไม่ออกว่าหลินเฟิงจะสามารถทำเงินห้าพันล้านผ่านการทำโฮมสเตย์ ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนได้อย่างไรอีกทั้งถ้าหากหลินเฟิงออกจากเมืองเจียงโจว เช่นนั้นตระกูลหลี่ก็จะควบคุมตระกูลหลี่มณฑลเจียงหนานได้อีกครั้งนายท่านหลี่ไห่เจียงก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นี่ตรงกับความต้องการของพวกเขาพอดี“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เรื่อในวันนี้ก็พอเท่านี้แหละ หลินเฟิง ฮุ่ยหราน หวังว่าพวกเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”พูดจบประโยคสุดท้าย นายท่านหลี่ไห่เจียงก็หันหลังเดินกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่“หลินเฟิง”หลี่ฮุ่ยหรานยังคงเหมือนกับเมื่อก่อนมองดูคนตระกูลหลี่พากันเดินจากไป เธอก็ได้เปิดเผยสีหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมาสักที จับชายเสื้อของหลินเฟิงไว้ พูดด้วยท่าทางน่าสงสาร:“ทำได้จริงๆ งั้นเหรอ? เรา...พวกเราทำไม่ได้หรอกมั้ง...นั่นเป็นเงินห้าพันล้านบาทเชียวนะ!”เห็นประธานสาวภูเขาน้ำแข็งในอดีตตอนนี้กลับเผยสีหน้าท่าทางเหมือนสาวน้อยที่ได้รับความไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่งออกมา ต่างกับภาพลักษณ์ภายนอกของผู้หญิงแกร่งที่เด็ดเดี่ยวมีความมั่นใจเมื่อครู่นี้หลินเฟิงอดยิ้มออกมาไม่ได้“คนบ้า คุณยิ้มอะไรน่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานห
รักษาโรคที่ไม่แสดงอาการ ยืดอายุขัยสิ่งที่คนมีเงินให้ความสนใจมากที่สุดก็คือสุขภาพและอายุขัยของตัวเองได้มีโอกาสแบบนี้ และก็ได้รับการยืนยันจากจางเต๋อหลินแห่งสำนักไป๋เกา เหล่าเศรษฐีต่างแก่งแย่งกันจนถึงตอนสุดท้ายถูกถามจนไม่สามารถทำอะไรได้ถังหว่านกับหลี่ฮุ่ยหรานจึงเจรจากันว่าเปิดทำการประมูล สิ่งของประมูลคือสิทธิการสัมผัสประสบการณ์ของเศรษฐีอีกทั้งขณะที่แช่น้ำพุร้อน ยังได้รับชมคอนเสิร์ตของอิ่นนั่วเจียในระยะใกล้ๆ อีกด้วยสำหรับพวกเขาแล้ว แทบไม่มีเรื่องที่สบายใจไปยิ่งกว่านี้แล้วเทียบกันแล้ว ควักเงินนิดหน่อยไม่นับประสาอะไรด้วยซ้ำ“ไอหยา ประธานหลี่ พี่ใหญ่ของผมคือเซียวคุนยังไงล่ะครับ!”“เซียวคุนกับคุนหลินสนิมสนมกันไม่เบา คือว่า...ก่อนหน้านี้พวกเรายังร่วมมือกันยึดโรงงานของตระกูลเซี่ยงไม่ใช่เหรอ?”“ประธานหลี่ ผมคือหลิวกั๋วฮุย หึหึหึ ผมอยากได้สิทธิสัมผัสประสบการณ์ ไอหยา ในเมื่อคุณหลินเป็นคนลงมือทำ ผมไม่เชื่อคนอื่นยังจะไม่เชื่อคุณหลินได้เหรอ?”“แฮ่มแฮ่มแฮ่ม คุณหลี่ ผมคือโอวหยางเยว่เจ้าสำนักของสำนักเสินฉือ ผมได้ยินว่าทางด้านคุณหลินเปิดโฮมสเตย์ใหม่...”หลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้นอนมาคืนหนึ่งแล
“เปล่า...เปล่านะ พวกเธอต้องฟังผิดแน่นอน”สำหรับถังหว่าน จางกุ้ยหลานยังไม่อยากล่วงเกิน เธอทำได้เพียงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ ดึงจางซินหนีไปอย่างรีบร้อนคิดไม่ถึงว่าหนีไปได้ครึ่งหนึ่ง ถังหว่านกลับยิ้มตาหยีโบกมือพูดว่า:“หรือว่าพวกคุณไม่อยากได้สิทธิการสัมผัสประสบการณ์ของเศรษฐีของโฮมสเตย์งั้นเหรอ?”“อ๊ะ?”จางกุ้ยหลานได้ยินคำพูดของถังหว่าน ก็หันหน้ามาด้วยความดีใจ และพยักหน้าโน้มตัวพูดว่า:“อยากได้อยากได้ คุณถังหว่านใจกว้างจริงๆ เลย คุณถังหว่านไม่จำความแค้นเก่าช่าง…”“เอ๊ะ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำ”ถังหว่านยิ้มตาหยีพูดว่า: “ความหมายของฉันก็คือ ถ้าหากพวกคุณอยากได้ คืนนี้ก็มาเข้าร่วมงานประมูลได้นะคะ”“อ๊ะ?”ได้ยินคำพูดของถังหว่าน จางกุ้ยหลานกับจางซินนิ่งอึ้ง“ไม่ใช่…ไม่ได้ให้พวกเราโดยตรงงั้นเหรอ?”จางกุ้ยหลานงุนงงเล็กน้อย“บนโลกนี้มีเรื่องดีๆ ขนาดนี้ที่ไหนกัน? ฉันเพียงแค่เตือนพวกคุณ”ถังหว่านยักไหล่“คุณ…”จางกุ้ยหลานกับจางซินรู้ได้ทันทีว่าพวกเธอถูกถังหว่านหลอกแล้วแต่ทั้งสองคนไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงฝืนอดกลั้นความโมโหเอาไว้ และจากไปด้วยความเศร้าหงอย“หึหึหึ…”มองดูทั้งสองคนจาก
เธอหันหลังหนีกลับไปที่ห้องลองชุด“เอ๊ะ เธอเขินอะไรล่ะ...”ถังหว่านเห็นหลี่ฮุ่ยหรานวิ่งหนี ก็เข้ามาในห้องลองชุด จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะที่ไพเราะเหมือนกระดิ่งเงินของถังหว่านดังขึ้น และเสียงตะโกนขัดขืนและไม่พอใจของหลี่ฮุ่ยหราน“ถังหว่าน เธอจะทำอะไร?!”“เอ๊ะ หลี่ฮุ่ยหราน ภายนอกดูไม่ออก คิดไม่ถึงว่าหุ่นเธอก็ไม่เลวเลยนะ...”“อย่าแตะต้องฉันซี้ซั้ว ถังหว่าน ฉันเตือนเธอนะ...อย่า! ว้าย!”ได้ยินเสียงหยอกล้อของหญิงทั้งสองภายในห้องลองชุด หลินเฟิงกระแอมด้วยความเก้กัง และเคลื่อนสายตาออกไปส่วนพนักงานขายที่อยู่ข้างๆ กลับแอบหัวเราะนี่จึงทำให้หลินเฟิงรู้สึกเขินอายเที่ยงวันต่อมา โฮมสเตย์ของหลี่ซื่อกรุ๊ปพิธีตัดริบบิ้นที่ยิ่งใหญ่จัดขึ้นด้วยความคึกคักเร่าร้อนอีกทั้งหลินเฟิงยังเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้ช่วงแรกทำการโฆษณามากขนาดนี้ โฮมสเตย์ขนาดเล็ๆ เรียกได้ว่าส่งผลกระทบไปทั่วทั้งเมืองเจียงโจวแล้วข้าราชการ ขุนนางชั้นสูงจำนวนมากกับเหล่าเศรษฐีต่างพากันเดินทางมารถหรูจำนวนร้อยกว่าคัน เบียดแน่นลานจอดรถของทั้งโฮมสเตย์ถึงขั้นที่แม้แต่ทางหลวงก็ถูกปิดกั้น นี่ก็เพื่อป้องกันคนที่เพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดอุ
“ไม่นำทางฉันก็ช่างเถอะ กลับยังกล้าแสดงสีหน้าใส่ฉันอีก? นายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?!”ถามหงตวาดถามด้วยสีหน้าเย็นชา“อะไรกันน่ะ?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”เสียงโวยวายของทางด้านถานหงดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก เห็นถานหง คนที่แย่งชิงสิทธิการสัมผัสประสบการณ์ของเศรษฐีได้ต่างเผยความดีใจออกมาถานหง เป็นถึงราชินีนักร้องของประเทศมังกรแฟนคลับของเธอจำนวนนับไม่ถ้วนผู้ที่อยู่ด้านหลังถานหง ก็คือลูกเศรษฐีที่เป็นแฟนคลับของเธอเห็นไอดอลของตัวเองโมโหลูกเศรษฐีที่สวมชุดสูทเดินเข้ามา ผลักหลินเฟิงออกโดยตรง และพูดเย็นชาว่า:“ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้ไม่รู้จักคุณถานหงหรอกนะ? เธอเป็นถึงราชินีนักร้องของประเทศมังกร ครองตำแหน่งรางวัลมิวสิกแพลทินัมประเทศมังกรหลายสมัยแล้ว นายนับประสาอะไรกัน คู่ควรที่จะแสดงสีหน้าใส่คุณถานหงด้วยงั้นเหรอ?!”“นายรนหาที่ตายเหรอ?!”ได้ยินความวุ่นวายของทางนี้ ถังหว่านที่ต้อนรับแขกอยู่อีกด้านหนึ่งก็ขมวดคิ้วเดินเข้ามาส่วนถานหงก็เห็นได้ชัดว่ารู้จักถังหว่านเธอกวาดตามองถังหว่านหัวจรดเท้า ท่าทางทะนงองอาจพูดว่า:“คุณหนูถังแห่งตระกูลถัง พนักงานต้อนรับที่คุณจ้างมาระดับความเชี่ยว
หลินเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ ตระกูลหลงจะสู้สุดตัวกับตระกูลถังจริงหรือ?ก่อนหน้านี้ ถังเจี้ยนหยวนยังบอกด้วยว่ากลยุทธ์ของตระกูลหลงนั้นถูกวางแผนโดยหลงหยวนเพียงคนเดียว หากผู้นำตระกูลหลงอยู่ที่นี่ เขาจะไม่เสี่ยงทําเรื่องแบบนี้แน่นอนแต่ไม่คาดคิดว่าเวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ท่าทางของตระกูลหลงก็เปลี่ยนไป พวกเขาต้องการทำสงครามกับตระกูลถังอย่างเต็มตัว?!แม้แต่วางแผนมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อโค่นล้มตระกูลหลี่ดูเหมือนว่าความพยายามส่วนใหญ่ของตระกูลหลงจะมุ่งเป้าไปที่เขา!หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินเฟิงก็หัวเราะเยาะออกมา“ฉันเข้าใจแล้ว... เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง….”หลินเฟิงหยิบยาเม็ดสีเข้มน่ากลัว ออกมาจากกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ ยัดเข้าไปในปากของจ้าวเว่ย แล้วพูดอย่างเย็นชา“ถ้านายรู้จักฉัน แกก็จะรู้ทักษะทางการแพทย์ของฉัน ยาเม็ดนี้เรียกว่าถังเจี้ยนหยวน และตั้งแต่วันที่แกกินยานี้ไป แกจะต้องได้รับยาแก้พิษทุกสัปดาห์”“ไม่งั้นสิ่งที่รอแกอยู่คือความเจ็บปวด โดยที่เส้นลมปราณของแกจะระเบิด และแกจะตายอย่างทุกข์ทรมานเป็นเวลาร้อยวัน”เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฟิง จ้าวเว่ยก็ตัวสั่นด้วยความกลัว“แน่นอนว่าฉัน
“ท่านครับ ท่าน….”“หลบไป”หลินเฟิงผลักพนักงานเสิร์ฟที่ขวางทางออกไป แล้วรีบวิ่งไปหาจ้าวเว่ย จากนั้นก็ยกคอเสื้อขึ้น ดึงเขาและผลักเขาเข้าไปในห้องน้ำชาย“ปัง!”หลินเฟิงหันมือไปปิดประตูห้องน้ำ แล้วล็อกกลอน“แกจะทำอะไร?!”จ้าวเว่ยกัดฟันและมองไปที่ฝ่ามือที่เลือดออกของเขา ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความโกรธที่มีต่อหลินเฟิง“ฉันจะทำอะไรเหรอ?”หลินเฟิงโยนเขาลงบนพื้นห้องน้ำแล้วเยาะเย้ย “ฉันคิดว่าคำถามที่ดีกว่าคือ แกกำลังพยายามทำอะไรอยู่?” “ก่อนอื่นเรามาคาดเดาตัวตนของแกกันก่อนดีกว่า”หลินเฟิงเหยียบฝ่ามือของจ้าวเว่ยที่ถูกส้อมแทง ทำให้เขาต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง“แกเข้าใกล้จางซิน เพื่อหลี่ซื่อกรุ๊ป เป้าหมายของแกคืออะไร? เพื่อถ่วงเวลา? แกกำลังถ่วงเวลาให้ใครอยู่?! พูดมาสิ!”หลินเฟิงหรี่ตาและจ้องมองจ้าวเว่ยอย่างเย็นชา“แก…แกกำลังพูดอะไร? ฉัน... ฉันไม่รู้อะไรเลย!”จ้าวเว่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นหลินเฟิงถามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เขาไม่รู้ว่าหลินเฟิงได้ยินมันได้อย่างไร“โอเค แกจะไม่พูดสินะ? ถ้าอย่างนั้นอย่าโทษฉัน…..”หลินเฟิงมีวิธีเค้นให้สารภาพมากมาย และจ้าวเว่ยไม่ใช่คนธรรม
หลี่ฮุ่ยหรานขู่น้ำเสียงต่ำ“โอ้? ฉันรับผลที่ตามมาไม่ไหวเหรอ? รู้ไหมว่าใครหนุนหลังฉันอยู่? ฮ่า ๆ... ฉันกลัวว่า ถ้าพูดออกไป จะทำให้เป็นลมล้มพับกันทีเดียว”“แต่เรากลับเข้าประเด็นหลักกันดีกว่า”จ้าวเว่ยเม้มปากแล้วก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว บีบหลี่ฮุ่ยหรานจนมุม และเลียริมฝีปากตัวเองพร้อมพูดว่า“ประธานหลี่ มานอนกับฉันสักคืนหนึ่ง แล้วฉันจะคืนข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดให้ ฉันรับรองด้วยเกียรติของฉัน" "ไม่งั้น..."จ้าวเว่ยยิ้มและพูดว่า“พรุ่งนี้ เอกสารเหล่านี้จะปรากฏบนโต๊ะของบริษัทศัตรูในทุกรายละเอียด”"เป็นไง? แล้วคุณจะเลือกอะไร?"เมื่อฟังคำขู่ของจ้าวเว่ย หลี่ฮุ่ยหรานก็หลับตาและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า“ผู้จัดการจ้าว ตอนนี้ฉันสามารถสรุปได้ว่าคุณกำลังข่มขู่ฉันอยู่ใช่ไหม?”“ถูกต้องแล้ว”จ้าวเว่ยเอนตัวเข้าไปใกล้หลี่ฮุ่ยหรานมากขึ้น หรี่ตาและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เขาดูภาคภูมิใจอย่างมาก รู้สึกชัดเจนว่าเขาควบคุมหลี่ฮุ่ยหรานได้แล้วในใจของเขา กำลังจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ใต้ชุดทำงานของเธอเมื่อคิดดูแล้ว เขาก็รู้สึกทันทีว่าเปลวไฟใต้ท้องน้อยได้ลุกโชนขึ้น และไม่สามารถควบคุมมันได้เลยเนื่องจากไม่สา
“อืม”จางซินพยักหน้าและจดจ่อกับของหวานบนโต๊ะอาหารในขณะเดียวกัน หลินเฟิงก็จับแขนของเขาและจ้องมองจ้าวเว่ยที่กำลังเดินไปที่ห้องน้ำ แววตาฉายความมืดหมนออกมา“เฮ้ นายมองอะไรอยู่ นายอิจฉาเหรอ?”เมื่อเห็นหลินเฟิงจ้องมองจ้าวเว่ยตลอดเวลา จางซินก็รู้สึกภูมิใจเล็กน้อยและพูดว่า“จ้าวเว่ยแตกต่างจากนาย เขาเป็นผู้จัดการแผนกที่รับผิดชอบตรวจสอบเอกสารการประมูลทั้งหมดของบริษัท รู้ไหมว่า มีคนกี่คนในเมืองเจิ้งเต๋อที่ต้องก้มหัวให้เขา?”“ไม่เหมือนนาย ที่ไม่รู้จักอะไรเลยนอกจากการใช้กำลัง และเพียงแค่ประจบประแจงพี่ฉันอย่างหน้าไม่อาย ขอให้เธอช่วยนายหางานให้”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จางซินก็ทุบโต๊ะและหัวเราะอย่างสนุกสนาน:“หลินเฟิง นายก็โชคร้ายเช่นกัน นายคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในบริษัทเลยใช่ไหม?”“พี่ฉันได้ยกแผนกรักษาความปลอดภัยให้กับนายแล้ว... แผนกรักษาความปลอดภัยเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้นเหรอ? มันตลกดีนะ เงินเดือนของนายเดือนละ 50,000 หรือเปล่า?”เมื่อได้ยินจางซินยังมีหน้ามาล้อเลียนตัวเอง หลินเฟิงก็ยิ้มเยาะและไม่สนใจที่จะคุยกับเธอด้วยซ้ำถ้าเธออยากพูด ก็ปล่อยให้เธอพูดไปตอนน
หลินเฟิงเงยหน้ามองคน ๆ นั้นอย่างเย็นชา และจู่ ๆ จ้าวเว่ยก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ถึงได้พกความมั่นใจออกมาจากบ้านมามากขนาดนี้ได้?“ฉันเชิญให้ประธานหลี่มานั่งที่นี่ เพราะฉันมีเรื่องใหญ่ที่ต้องคุยกับประธานหลี่ แกเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถ้าแกทำให้การตกลงทางธุรกิจมีปัญหา แกจะชดเชยได้ไหม?!”จ้าวเว่ยพูดอย่างเย็นชา“ฉันมีคุณสมบัติเพียงพอ”หลินเฟิงแสร้งทำเป็นโง่และพยักหน้าตรง ๆ“แก….”เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลินเฟิง จ้าวเว่ยก็โกรธขึ้นมาทันที“ได้ ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานเอื้อมมือไปจัดกระโปรงสั้นของเธอให้เรียบร้อย นั่งลงข้าง ๆ หลินเฟิง และทำตัวเป็นคนกลางอย่างช่วยไม่ได้ มองไปที่จ้าวเว่ยแล้วพูดว่า“น้องฉันเอาโน้ตบุ๊คของฉันไปก่อนหน้านี้ ถ้ามันอยู่กับคุณ โปรดส่งคืนให้เจ้าของเดิมด้วย”นี่คือเรื่องที่หลี่ฮุ่ยหรานกังวลมากที่สุดในขณะนี้เพราะมีเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อกรุ๊ปจำนวนมากในโน้ตบุ๊ค ซึ่งไม่ควรให้บุคคลภายนอกดูหากจ้าวเว่ยพบและขายเอกสารเหล่านี้ให้กับบริษัทคู่แข่ง หลี่ซื่อกรุ๊ปจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งบอร์ดบริหารคนก่อน ๆ
ใบหน้าของกัวโหย่วคังกลายเป็นซีดเผือด และสุภาษิตที่ว่า 'เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือความคิดโง่เขลา' เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการอธิบายสถานะปัจจุบันของเขาโทรศัพท์ในมือของเขาตกลงพื้นพร้อมกับเสียงดังดูเหมือนว่าการตายของกัวไฉจะสร้างความกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ให้กับเขาเขาไม่เคยคาดคิดว่าซือหม่าเซิงจะทำร้ายลูกชายของเขาจริง ๆ และไม่มีช่องทางในการเจรจา“หลินเฟิง...เป็นบอดี้การ์ดข้างตัวประธานหลี่ไม่ใช่เหรอ? หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย? ใคร... เขาเป็นใครกันแน่?”หลังจากพึมพำประโยคนี้อย่างเหม่อลอย กัวโหย่วคังก็เงียบไปในขณะเดียวกันที่สำนักงานใหญ่ของหลี่ซื่อกรุ๊ปหลี่ฮุ่ยหรานได้รีบกลับไปพร้อมกับหลินเฟิงเฟิงแล้วเดิมทีพวกเขาทั้งสองต้องการออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เธอกลับได้รับสายจากจางซินระหว่างทางในโทรศัพท์ได้แจ้งว่าแฟนใหม่ของจางซินได้ส่งโน้ตบุ๊คของหลี่ฮุ่ยหรานมาให้แล้วเมื่อหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานรีบกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป พวกเขาเห็นเลขาคนหนึ่งเดินเข้ามาจากออฟฟิศ และพูดอย่างอึดอัดใจว่า“ประธานหลี่ ลูกพี่ลูกน้องของคุณเพิ่งออกไปประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เธอฝากที่อยู่ไว้และบอกว่าคุณควรไปพบเ
“เหอะ ๆ….”ในขณะนั้น ซือหม่าเซิงซึ่งเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มก็เข้ามาหาหลินเฟิง ยื่นชาชั้นเลิศให้เขา และโผล่หัวออกมาเพื่อทดสอบ“คุณหลิน ฉันเพิ่งโทรหาผู้นำตระกูลของเรา และเขาฝากให้ฉันทักทายคุณ”“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หลินเฟิงตอบพร้อมพยักหน้า เขามั่นใจในความสามารถของตัวเอง จึงไม่กังวลกับกลอุบายใด ๆ ของซือหม่าเซิง เขาจิบชาและพยักหน้าเห็นด้วย“ชานี้ไม่เลว”“ฮ่า ๆ คุณหลิน ถ้าคุณชอบ ฉันจะส่งให้คุณ”“ไม่จำเป็น”หลินเฟิงปฏิเสธ เขายืดตัวอย่างขี้เกียจแล้วหันไปหาหลี่ฮุ่ยหรานและพูดว่า“กลับมาคุยกันเรื่องหนี้ที่บริษัทของนายเป็นหนี้หลี่ซื่อกรุ๊ปกันเถอะ ขอฉันดูหน่อย... ยอดรวมน่าจะ 1000 ล้าน รวมดอกเบี้ย...”“ไม่ต้องคำนวณ”ซือหม่าเซิงพูดแทรกขึ้นพร้อมโบกมือพร้อมส่งยิ้มกว้างเขาเอื้อมมือไปห้ามหลินเฟิงไม่ให้คิดคำนวณต่อ และยิ้มพร้อมพูดว่า“ถือว่าเป็นการแสดงความยินดีกับประธานหลี่ที่เข้าดูแลหลี่ซื่อกรุ๊ป 1500 ล้าน 5000 ล้านถือเป็นของขวัญ และ 1000 ล้านเป็นจำนวนเงินที่ฉันเป็นหนี้บริษัทของคุณก่อนหน้านี้ คุณคิดว่ายังไง?”“โอเค”หลินเฟิงพยักหน้าหลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกไม่สบายใจ และขมวดคิ้วพร้อมพูด“ม
การบุกเข้าไปในตระกูลซือหม่าและบังคับให้พวกเขาขอโทษ?เรื่องราวแบบนี้ถูกเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ“เราจะได้เห็นดีกัน!”กัวไฉยิ้มอย่างเย็นชาแต่หลินเฟิงกลับเยาะเย้ย คิดว่ากัวไฉต้องการรนหาที่ตาย ไม่สามารถหยุดเขาได้และไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องหยุดเขาด้วยหลังจากนั้นไม่นาน ซือหม่าเซิงก็กลับมาเขากลับมาที่เก้าอี้สำนักงานด้วยท่าทางที่เคารพมากขึ้น พร้อมกับถือกาน้ำชาไว้ในมือก่อนที่เขาจะรินชา กัวไฉคลานไปตรงโต๊ะของเขาและชี้ไปที่หลินเฟิงและฟ้องว่า“พี่เซิง เด็ก….เด็กคนนี้เพิ่งดูหมิ่นตระกูซือหม่า?”“คุณไม่สามารถปล่อยเขาไปง่าย ๆ!”“โอ้?”พี่เซิงกรอกตามองและพูดอย่างใจเย็น“เขาดูหมิ่นตระกูลซือหม่ายังไง?”“เขาบอกว่า”หลังจากกลืนน้ำลาย กัวไฉก็เยาะเย้ยและพูด“เขาแค่อ้างว่ามีความแค้นกับตระกูลซือหม่า เขาบอกว่าเขาบุกเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซือหม่าในเมืองหลวง ทำร้ายนายน้อยของพวกเขา และบังคับให้ทั้งตระกูลขอโทษเขา!”“ถุ้ย!”กัวไฉแสร้งทำเป็นโกรธและพูดเสริม“ดูเด็กคนนี้สิ แล้วดูว่าตัวเองมีคุณค่าแค่ไหน เขากล้าที่จะกระจายข่าวลือแบบนี้ ฉันว่าเด็กคนนี้ตั้งใจหาที่ตาย พี่เซิง ได้โปรดอย่าลังเล….
ที่นอกประตู ซือหม่าเซิงลดเสียงลงเพื่อยืนยันตัวตนของหลินเฟิง ในขณะที่กัวไฉซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมด้านในประตูจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ“พวก...พวกแกติดสินบนพี่เซิงมาก่อนหน้างั้นเหรอ?”“พี่เซิง?”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับประธานของบริษัทเต๋อเซิ่งแห่งนี้ เธอจะติดสินบนเขาได้ยังไงกัน?หลี่ฮุ่ยหรานจึงมองไปที่หลินเฟิง“หากบุคคลนั้นมาจากตระกูลซือหม่าจริง เขาก็ควรจะได้ยินชื่อฉัน หากเขาได้ยินชื่อฉัน….”หลินเฟิงแสดงสีหน้าเสียใจต่อกัวไฉ“ถ้าอย่างนั้นแกก็คงโชคร้ายแล้วล่ะ”“นี่มัน... เป็นไปได้ยังไง?!”กัวไฉส่งเสียงคำรามแหบพร่า ซึ่งส่งไปที่หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพูดว่า“แกไม่ใช่ผู้นำตระกูลหลี่เล็ก ๆ ในเจียงหนานหรอกเหรอ? และแก….”เขาชี้ไปที่หลินเฟิงอีกครั้ง“แกไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดโง่ ๆ เหรอ? เป็นไปได้ยังไงที่แกจะมีเส้นสายตระกูลซือหม่าในเมืองหลวงได้?!”“ฉันเคยมีปัญหากับตระกูลซือหม่าอยู่ช่วงหนึ่ง”เมื่อเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานก็มองเขาด้วยสายตาสงสัย หลินเฟิงก็อธิบายอย่างช่วยไม่ได้:“ก่อนหน้านี้ ฉันขอให้อาอวี๋ส่งยาเป็นเครื่องบรรณาการตระกูลซือหม่าแทนฉัน แต่อาอวี๋ได้รั