เห็นท่าทางแบบนี้ของพี่เลี่ยง เนี่ยหมิงกับเก่อหงเหมยต่างเงียบเสียง ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น“ทำไมไม่พูดล่ะ?!”พี่เลี่ยงสีหน้าหงุดหงิด “ตอนนี้กลายเป็นใบ้แล้วงั้นเหรอ?”“พี่เลี่ยง”เนี่ยหมิงไอแห้งๆ ยิ้มร่าพูดว่า: “เรื่องเมื่อครู่นี้ อันที่จริงผมล้อเล่นกับพี่น่ะครับ อันที่จริงไม่มีใครหาเรื่องพวกเรา”“ใช่ใช่ใช่ พี่เลี่ยง เมื่อครู่ลูกชายของฉันพูดเล่นกับคุณน่ะค่ะ!”เก่อหงเหมยก็ยิ้มและโค้งตัวแสดงความเคารพ“แม่งเอ๊ย!”พี่เลี่ยงโบกมือตบหน้าเนี่ยหมิงอย่างแรงเสียงดัง “เพียะ” และพูดด้วยความโมโห:“เมื่อครู่ฉันเพิ่งจะถูกคนเหยียดหยามมา เตรียมจะเรียกคนมาระบายอารมณ์ ตอนนี้แกบอกฉันว่าเมื่อครู่แกหลอกฉันงั้นเหรอ?”“แม้แต่นายก็มาหาความสุขจากฉันงั้นเหรอ?”พูดถึงตรงนี้ พี่เลี่ยงโบกมือพูดด้วยความเย็นชา:“พรุ่งนี้นายไม่ต้องมาแล้ว ผู้จัดการของเทียนจวิ้นเอ็นเตอร์เทนเมนท์จำกัดฉันจะหาคนอื่นมาแทน”“ไสหัวไปซะ!”ได้ยินว่าตำแหน่งที่ตัวเองได้มาอย่างยากลำบากถูกปลด เนี่ยหมิงร้อนใจทันที เขาไม่สนการดึงทึ้งของแม่ตัวเอง รีบพูดขึ้นว่า:“พี่เลี่ยง ไม่ใช่ว่าผมหลอกพี่ คนที่ผมมีเรื่องด้วย คุณ...”เสียงยิ่งอยู่ยิ่งเบ
แต่ทว่าหลินเฟิงกลับไม่ได้ประหลาดใจเพราะว่าหลินเฟิงรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเขาสองแม่ลูกเมื่อครู่แอบฟังอยู่ข้างนอก ได้ยินบทสนทนาของตระกูลซือหม่ากับเขาแล้วแต่ว่าเดิมทีหลินเฟิงคิดว่าพวกเขาจะหนีไปทันที แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลับมาอีก“เป็นเขา!”เห็นหลินเฟิงสีหน้างุนงงงวย เก่อหงเหมยจึงชี้ไปทางพี่เลี่ยงที่อยู่ตรงประตู และฟ้องร้องว่า:“คุณหลิน เดิมพวกเราไม่กล้ารบกวนคุณอีก แต่พี่เลี่ยงของตระกูลซือหม่ากลับคุมตัวลูกชายของฉัน จะให้เขามาคิดบัญชีกับคุณให้ได้”“เชี่ย!”พี่เลี่ยงที่อยู่นอกประตูได้ยินคำฟ้องร้องของเก่อหงเหมย สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสีตับหมูทันทีเขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าสองแม่ลูกนี้มีเรื่องกับหลินเฟิง?ถ้าหากเขารู้ว่าพวกเขามีเรื่องกับหลินเฟิง เช่นนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางย้อนกลับมา หาเรื่องหลินเฟิงจู่ๆ พี่เลี่ยงก็คิดถึงคำพูดติดๆ ขัดๆ ของเนี่ยหมิงคนที่พวกเขามีเรื่องด้วย ตัวเองสู้ไม่ไหวเดิมคิดว่าพึ่งพาเบื้องหลังตระกูลซือหม่าของตัวเอง เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนที่สู้ไม่ได้? แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหมายถึงหลินเฟิงตอนนี้พี่เลี่ยงมีความคิดที่จะฆ่าคนแล้วด้วยซ้ำ“คุณหลิน พวกเราถูกบังคับนะครับ!
ในเวลาสองวันมานี้ ในที่สุดหลินเฟิงก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่เพียงหลินเฟิง ในที่สุดหลี่ฮุ่ยหรานก็มีเวลาพักผ่อนที่หาได้ยากเช่นกันทั้งสองคนดูหนังและเดินเล่นไปทั่ว เดินเที่ยวเล่นที่สวนสาธารณะของเมืองจิง และไปเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองจิงในที่สุดทั้งสองคนก็หาความรู้สึกในตอนที่แต่งงานในอดีตกลับมาได้แล้วแน่นอนว่า ช่วงเวลาที่เอื่อยเฉื่อยแบบนี้ไม่ได้อยู่นานเท่าไหร่นักสามวันหลังจากที่อาอวี๋พักอยู่ที่โรงพยาบาลหลินเฟิงก็ได้รับข้อมูลจากศิษย์น้องหญิงของตัวเองผ่านโทรศัพท์“คืนนี้ บาร์ลับทางทิศตะวันตกของเมือง”มองดูประโยคสั้นๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ สายตาของหลินเฟิงเปลี่ยนไปเฉียบคมขึ้นมาทันทีสามารถจับจุดอ่อนของตระกูลหลงได้หรือไม่ และเปลี่ยนแปลงความคิดของถังเจี้ยนหยวน ก็ต้องดูคืนนี้เขากำชับหลี่ฮุ่ยหรานให้อยู่ในบ้านอย่างว่าง่าย เขากลับจะออกไปข้างนอก ไม่ช่วยถังหว่านให้หลุดพ้นจากพันธนาการของตระกูลถังหลี่ฮุ่ยหรานเชื่อฟังอย่างมาก และกำชับหลินเฟิงว่าต้องรักษาความปลอดภัยหลินเฟิงออกไปข้างนอกในตอนบ่ายเขามาถึงบาร์ลับที่อยู่บนข้อความก่อนล่วงหน้าบาร์ลับที่ว่ากันนั้นดูไม่ไม่ธรร
เห็นได้ชัดว่าหลงเซียวมีความหงุดหงิดเล็กน้อย“มีอีกเรื่องหนึ่ง...เกรงว่าจะพาความแปลกใจมาให้คุณเล็กน้อย คุณหลิน ออกมาเถอะ”อีกาแห่งเมืองหนานไห่มองไปทางจุดมืดของเคาน์เตอร์“หือ? คุณหลิน?! หรือว่าจะเป็น หลินเฟง?!”ได้ยินคำพูดของอีกาแห่งเมืองหนานไห่ สีหน้าของหลงเซียวก็งุนงงอย่างมาก เธอเหลือบมองอีกา และก็มองไปทางผู้ชายคนนั้นที่เดินออกมาจากจุดมืดด้วยความงุนงงทันทีหลินเฟิงได้ยินเสียงเรียกของศิษย์น้องหญิง เข้าใจความหมายของเต่าได้ในทันที
สีหน้าหลงยวนไร้ความรู้สึก ก่อนจะพากลุ่มบอดี้การ์ดเดินเข้าไปในบาร์ “เกิดอะไรขึ้น? หลงเซียวล่ะ?”เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหลงยวน พนักงานเสิร์ฟก็ตกใจจนขาสั่น และพูดอย่างตะกุกตะกักว่า“ผม....ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณชายหลงยวน ผมจำได้แค่ว่าคุณหนูหลงเซียวบังเอิญพบเจอกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่เท่านั้น”“จากนั้นผมก็หมดสติไป”“พอผมฟื้นขึ้นมา คุณหนูหลงเซียวก็หายไปแล้ว“......”เมื่อได้ยินคำพูดที่หวาดกลัวของพนักงานเสิร์ฟ ดวงตาของหลงยวนก็กระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมากต้องรู้ว่า บาร์ลับเป็นทรัพย์สมบัติใต้ดินของตระกูลหลงเป็นสถานที่ที่หลงยวนบริหารด้วยตัวเอง สถานที่ที่ติดต่อกับลำดับมืดกับออกคำสั่งภารกิจปัจจัยด้านความปลอดภัยก็จะสูงที่สุดแน่นอนว่าคนนอกไม่รู้เรื่องนี้ และจะรู้สึกเพียงแค่ว่าที่แห่งนี่เป็นบาร์เล็ก ๆที่ไม่เด่นอะไรแต่ต่อให้เป็นอย่างนี้ ก็คาดไม่ถึงว่าจะยังสามารถเฝ้ามองคน ๆหนึ่งให้หายตัวไปได้ ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลย“กล้องวงจรล่ะ?”หลงยวนสงบลงเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่บริกร“กล้องวงจร...”บริกรเหลือบมองกล้องวงจรปิดที่ตรงมุมห้องด้วยความลำบากใจ กล้องวงจรปิดที่ควรจะอ
“อีกาแห่งเมืองหนานไห่ได้พึ่งพาตระกูลถังของฉันแล้ว บอกเรื่องราวระหว่างคุณกับอีกาแห่งเมืองหนานไห่ให้พวกเราได้รับรู้ทั้งหมดแล้ว”“......”หลงยวนกำหมัดแน่นดังกร่อบแกร่บ เขารู้ว่า แผนการร้ายที่เขาวางแผนมานานขนาดนี้พังทลายจนถึงที่สุดแล้ว“ผู้นำตระกูลถัง หลงเซียวล่ะ?”หลงยวนก็ไม่ได้เสแสร้งอีก ใช้น้ำเสียงเย็นชาถามขึ้นมา“หลงเซียวถูกพวกเราคุมตัวเองไว้ก่อน ถึงเวลา คนของตระกูลหลงถอนตัวออกจากธุรกิจทั้งหมดของตระกูลถังของฉัน พวกเราค่อยให้คุณหลงเซียวกลับไปที่ตระกูลหลง”คำข่มขู่ของถังเจี้ยนหยวนทำให้หลงยวนเกือบจะอดกลั้นไม่ไหว ต่อโต๊ะกระจกที่อยู่ตรงหน้าจนแตกเขาคิดไม่ถึงจริงๆตระกูลถังจะกล้าต่อต้านตระกูลหลงของพวกเขาอีกทั้งไม่เพียงต่อต้าน ยังกล้าลักพาตัวคนของตระกูลหลงของพวกเขา ย้อนกลับมาข่มขู่พวกเขา“ได้ได้ได้...ผู้นำตระกูลถัง ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”“ถ้าหากหลงเซียวอยู่ในมือของพวกคุณแล้วเกิดอะไรขึ้น ตระกูลหลงของผมไม่มีทางปล่อยพวกคุณไปแน่”“เก็บแรงไว้เถอะ คุณชายหลงชวน”น้ำเสียงของถังเจี้ยนหยวนเต็มไปด้วยความเหน็บแนม เขาพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พ่อของนายรู้เรื่องเหล่านี้ที่น
ได้ยินคำพูดเลห่านี้ของถังเจี้ยนหยวน หลินเฟิงถือว่าโล่งอกสักทีโชคดีที่ถังเจี้ยนหยวนรักษาคำพูดถ้าหากครั้งนี้เขายังคงเล่นเกมตัวอักษรกับหลินเฟิงดังเดิม เช่นนั้นหลินเฟิงไม่ใส่ใจที่จะหันมาจัดการตระกูลถังเมื่อออกมาจากตระกูลถังถังหว่านที่กลับมาเป็นอิสระ กลับไปเป็นคุณหนูแสนสวยของเมืองเจียงโจวทันที เธอกอดหลินเฟิงโดยไม่สนใจคนอื่น กัดแก้มของเขาแรงๆ หนึ่งครั้ง“ที่รัก”“คุณสุดยอดมากเลย...คุณหาหลักฐานมาได้ยังไงกันแน่?”“เอ่อ...”หลินเฟิงกำลังจะอธิบาย ก็เห็นหลี่ฮุ่ยหรานที่มารออยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วหลี่ฮุ่ยหรานลงจากรถ ยืนอยู่ระหว่างหลินเฟิงกับถังหว่านด้วยสีหน้านิ่งเฉย กอดอกพูดว่า:“ที่รัก ขับรถ พวกเรากลับบ้านกัน”“อ่อ”หลินเฟิงพยายามเช็ดรอยลิปสติกที่อยู่บนใบหน้าของตัวเอง และวิ่งไปสตาร์ทรถอย่างว่าง่ายสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างสองสาวสวย หลินเฟิงไม่อยากอยู่ตรงนี้ที่พวกเธออยู่แม้แต่วินาทีเดียวถังหว่านเห็นแบบนี้ จึงจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานแล้วหัวเราะคิกคักพูดว่า:“ทำไมเหรอ? หึงเหรอ? เอ้ยเอ้ยเอ้ย ครอบครองสามีเพียงลำพังนานขนาดนี้ หรือว่าพวกคุณสองคนไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว“งั้นลุงพูดแล้วนะ ฮุ่ยหราน ถ้าหนูได้ฟังแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนก่อนนะ ตกลงไหม?”“อืม”หลี่ฮุ่ยหรานตอบรับหลี่กงเฉิงพูดจริงจังที่ในโทรศัพท์:“อาทั้งสองคนของหนูช่วงนี้กลับมาแล้ว พวกเขารู้เรื่องฟาร์ม จึงเอะอะโวยวายกับลุง และยังมีปู่รอง”หลี่กงเฉิงหยุดชะงักและพูดต่อ:“เมื่อคืน นักเลงกลุ่มใหญ่จู่ๆ บุกเข้าไปในฟาร์ม ทำลายข้าวของ สร้างความเสียหายให้ฟาร์มเป็นอย่างมาก”“อะไรนะ?!”ได้ยินข่าวนี้ ไม่เพียงหลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่าน ต่อให้เป็นหลินเฟิงก็เผยสีหน้าโมโหออกมา“เรื่องนี้ลุงบอกกับปู่รองของหนูในทันที พวกเราคาดเดาว่าเป็นอาทั้งสองของหนูส่งคนไปทำ”“ปู่รองของหนูให้คนไปจับอาทั้งสองคนของหนุแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ยอมรับ พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”ได้ยินคำพูดจนปัญญาของหลี่กงเฉิง หลินเฟิงแย่งชิงโทรศัพท์ของหลี่ฮุ่ยหรานไปทันที และถามอย่างรีบร้อน:“ลุงหลี่ น้ำยาที่ผมใส่ไว้ในห้องเก็บของที่ฟาร์มล่ะครับ? ยังอยู่ไหม?”“อ๊ะ คุณหลินเฟิงเหรอครับ...”หลี่กงเฉิงที่อยู่ในโทรศัพท์พูดด้วยความรู้สึกผิด:“ถ้าหากยาสีเขียวที่อยู่ในถังใหญ่ที่คุณพูดถึง ทั้งหมด...ทั้งหมดถูกเททิ้งแล้ว ไม่เหลือเหล
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็
มันชัดเจนอยู่แล้วแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งมากแค่ไหน ชายชราหน้ากากเหล็กก็ไม่เปลี่ยนหนทางของตัวเองถ้าจะพูดตรง ๆหลินเฟิงก็รู้สึกสับสนอย่างมากชายชราคนนี้มีพลังมากมายมหาศาล และจากสิ่งที่ฟ่านหลิงเยว่อธิบายไปเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักทักษะการทำนายดวงชะตาบางประเภทด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากหลินเฟิงไม่อยากจะไปล่วงเกินคนประเภทนี้มากที่สุดแม้ว่าหลินเฟิงจะสามารถต่อสู้กับเขาได้ แต่หากเขาไปโจมตีคนรอบตัวของคุณ คุณจะทำอย่างไร?หรือว่าต้องฟังการจัดเตรียมของเขาแล้วอยู่กับฟ่านหลิงเยว่จริง ๆ....หลินเฟิงหันหน้าไปมองฟ่านหลิงเยว่ แล้วหางตาก็กระตุกถึงแม้ว่าฟ่านหลิงเยว่จะสาปแช่งอย่างรุนแรง แต่กลับมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่บนใบหน้าของเธอ“เอ่อ...อาจารย์หลิน คุณดูสิ เรื่องมันก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเราก็......”ฟ่านหลิงเยว่มองมาทางหลินเฟิง ราวกับกำลังหยั่งเชิงท่าทางของหลินเฟิงเธอถึงขั้นใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อย“หยุด!”หลินเฟิงยื่นมือไปห้ามพร้อมกับพูดว่า :“วางใจเถอะ ฉันจะหาวิธีที่ทำให้คุณปู่ของเธอเลิกความคิดนี้ให้ได้ภายในหนึ่งปี”“ชู่ว”เมื่อได้ยินความคิดเห็นที่ต
“ทำนายผิดงั้นเหรอ? เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”“ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าผมยกชีพจรมังกรไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนงั้นเหรอ? คุณลักพาตัวคนของผมแล้วยังหลอกล่อผมให้เข้ามาที่นี่อีก หรือว่ามันก็เพื่อเรื่องนี้งั้นเหรอ?”ความหงุดหงิดปรากฏบนใบหน้าของหลินเฟิง“คนของนายงั้นเหรอ?”ชายชราในหน้ากากเหล็กหัวเราะเยาะแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า :“ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำนักโม่ซวีของฉัน ไปเป็นคนของนายตั้งแต่เมื่อไร?“ผู้อาวุโสสูงสุด คุณอย่าพูดไร้สาระ!”ฟ่านหลิวเยว่ที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆก็ตะโกนขึ้นมาว่า :“ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าได้หักหลังสำนักโม่ซวีนะ? และตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนของสำนักโม่ซวีของพวกคุณแล้วด้วย!” “เหอะ สำนักโม่ซวีเป็นสถานที่เธออยากเข้าก็เข้า อยากจะออกก็ออกได้งั้นเหรอ?”“จะออก จะออก แบร่!”ฟ่านหลิงเยว่แลบลิ้นล้อเลียนใส่ชายชราหน้ากากเหล็ก“......”ชายชราหน้ากากเหล็กหายใจแรงเล็กน้อย แล้วหลินเฟิงก็ยังมองเห็นหางตาของเขากระตุกขึ้นอย่างชัดเจน“โอ๊ย ผู้อาวุโสสูงสุด คุณไม่ต้องไปโต้เถียงกับสาวน้อยคนนี้หรอก”ฟ่านอู๋จี๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงและพูดขึ้นว่า :“น้องชาย...คนนั้น ไ
“พี่ใหญ่ มีคนมาแล้ว!”อันธพาลที่สวมเสื้อกั๊กมองเห็นรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำขับที่เข้ามาหาก็รีบหันกลับมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในวัดบนเขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรายงานพี่ใหญ่ของตัวเอง“เชี่ยเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ต่อรอง คนนี้มันรวยจริง ๆเลย!”อันธพาลนั้น มีรวม ๆทั้งหมดสิบกว่าคนอีกทั้งในกลุ่มอันธพาลก็ถือว่าไม่ได้มีหน้ามีตามากที่สุดในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ อันธพาลคนนี้จึงมีสีผมหลากหลายมากกว่าลูกน้องของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่สี ดูเหมือนว่าอายุก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ และน่าจะมีอายุประมาณเพียงยี่สิบปีกันทั้งหมดหลินเฟิงลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ หัวหน้าแก๊งอันธพาลก็เลยยกไม้เบสบอลโลหะที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงด้วยความอวดดี ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“แกยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามา!”“ได้ ได้ ได้”หลินเฟิงยกมือยอมแพ้ พร้อมทั้งลอบมองไปโดยรอบ เพื่อหาชายชราที่สวมหน้ากากเหล็ก“เงินล่ะ?”หัวหน้าแก๊งอันธพาลมองไปทางหลินเฟิงแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้น“พี่ใหญ่ บนรถไม่มีอะไรเลย!”อันธพาลรีบพุ่งเข้าไปดูรถที่หลินเฟิงขับมา ก่อนจะพบว่าไม่มีกระเป๋าเอกสารหรือสิ่งที่คล้ายกันอยู่บนรถเลยแม้แต่น้อย“เชี่ย
จ้าวหลิงเยว่ท่าทางทะเล้นเหมือนอย่างเคย“หึ เธอไม่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจอเรื่องอะไรที่จัดการเองไม่ได้?”หลินเฟิงยังรู้สึกชอบเด็กสาวที่สดใสคนนี้อย่างมาก“อ๊ะ…ไม่เสียแรงที่เป็นอาจารย์หลิน”จ้าวหลิงเยว่หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดอย่างมีลับลมคมใน: “คือว่า อาจารย์หลิน ปู่ของฉันตาแก่หนังเหนียวคนนั้นถูกคนจับตัวไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”เรียกปู่ของตัวเองว่าตาแก่หนังเหนียว หลินเฟิงฟังแล้วหน้าบึ้งตึง“ฉันได้สืบจากหลายๆ ฝ่ายในที่สุดก็หาจุดที่ปู่ของฉันถูกจับไว้ได้แล้ว”“จากนั้น หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ฉันก็สร้างแผนอัจฉริยะขึ้นมา สุดท้าย ฉันก็สามารถบุกเข้าไปในค่ายฐานที่คุณปุ่ถูกคุมขังได้!”ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนี้ หลินเฟิงรีบถามขึ้นว่า:“เป็นยังไง? ช่วยปู่ของเธอออกมาได้ไหม?”“ไม่ได้”จ้าวหลิงเยว่กระแอมด้วยความเขินอาย และพูดอย่างมีเหตุมีผล:“ผลปรากฏว่าฉันก็ถูกพวกเขาจับได้”“เธอ…”หลินเฟิงถูกประโยคนี้ของจ้าวหลิงเยว่ทำให้โมโหจนหัวเราะในตอนนี้เอง โทรศัพท์ถูกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แย่งไป ผู้ชายคนนี้พูดจาโผงผาง เห็นได้ชัดว่าเป็นกิริยาของพวกอันธพาล“ฮัลโหล นายก็คืออาจารย์ของเด็ก
หลินเฟิงไม่ได้หยุดอยู่ที่ตระกูลเฝิงนานนักเขาบำรุงรักษาร่างกายให้หยินหลิง จากนั้นนำยาอมตะเลือดราชันย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวมอบให้เธอ และกำชับเธอให้รักษาความปลอดภัยจึงได้ออกจากตระกูลเฝิงก่อนจากไป หลินเฟิงไม่เพียงเห็นผู้คุ้มกันสองคนก่อนหน้านี้คุกเข่าเลียนแบบสุนัขเห่าอยู่ที่หน้าประตูแถมยังถูกเฝิงอวี้ที่ฟื้นคืนสติ ค้ำไม้เท้า เดินออกมาส่งด้วยสีหน้าหดหู่“ผมได้ทราบความเป็นไปเป็นมาของเรื่องราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือความสามารถของหมอเทวดาหลิน ไม่ใช่คนที่ผมเฝิงอวี้อู่จะเทียบได้”ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจหรือเปล่าหรือเป็นเพราะหมดสติเดือนกว่าๆ จึงทำให้เขาดูขาดชี่และเลือดตอนนี้เขาสีหน้าซีดเซียว ในดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด“คุณเป็นคนแรกที่ผมเฝิงอวี้อู่เลื่อมใสจากใจ จุดนี้ เกรงว่าจอมมารคนนั้นของสำนักหลงผานก็ยังทำไม่ได้”“รอให้บาดแผลหายดี ผมจะต้องไปเยี่ยมเยือนถึงที่ ขอคำชี้แนะจากคุณ”เฝิงอวี้อู่แพ้เป็น และก็ปล่อยวางได้เขาไม่เคยคิดว่าหลินเฟิง ศัตรูที่เขาเคยดูถูกและใส่ร้ายในอดีต จะมาช่วยเขาโดยไม่สนใจความแค้นในอดีตถึงแม้จะเป็นเพราะหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรแ
หลินเฟิงเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน“แต่ว่า....พวกเราหมั้นกันแล้วนะ....นี่ จะไม่ปฏิบัติ ก็ไม่ได้หรือเปล่า?”“อุ๊ปส์ พี่หลินเฟิง พี่จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วนะ สิ่งที่เด็ก ๆพูดจะถือว่าเป็นการหมั้นหมายก็ได้เหรอ?”“ทำได้แน่นอน ฉันหลินเฟิง พูดคำไหนคำนั้น!”......หลังจากนั้นไม่นาน หลินเฟิงก็ขับรถกลับมาตามเส้นทางเดิมเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเฝิงอีกครั้ง เขาก็เอาเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่มาให้กับเฝิงหลีที่ถูกแขวนไว้อย่างอนาถที่หน้าประตูศีรษะของชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำเมื่อศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดนั้น ถูกโยนไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง เฝิงหลีก็ลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวดเขาจ้องศีรษะที่หลินเฟิงโยนเข้ามาด้วยความหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่นว่า :“หลินเฟิง แกต้องตายแน่.....แกต้องตายอย่างแน่นอน!”“แกกล้าฆ่าผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ หลินเฟิง ใครก็ช่วยแกไม่ได้แล้ว!”“ฉันได้เริ่มใช้งานยาเลือดตะขาบแล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”“เหอะ...”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเฝิงหลีก็รู้ดีว่าตัวเองไม่มีเวลาเหลือมากนัก จึงได้สาปแช่งและเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่งส่วนเลือดที่เฝิงหลีบอกมานั้นหลินเฟิ
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยคนนี้จะจำเรื่องราวที่สำนักเสินฉือได้ด้วยขณะนี้หลินเฟิงที่กำลังขับรถหรูของเฝิงหลีด้วยความรู้สึกเขินอายหยินหลิงที่นั่งเงียบ ๆตรงเบาะผู้โดยสาร ก็เผยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจออกมา“พี่หลินเฟิง ฉันรู้ว่าพี่ชอบพี่ฮุ่ยหรานกับพี่ถังหว่าน ฉันก็พอมองเรื่องนั้นออก ดังนั้นก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกพี่”หยินหลิงที่กำลังเล่นผมของตัวเองอยู่ที่ตรงที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับพูดเบา ๆว่า :“ฉันก็อยากจะใช้เรื่องของกลุ่มพันธมิตรบู๊มาโดยตลอด เพื่อให้ฉันไม่ว่างคิดอะไรเพ้อเจ้อ แต่ทุกครั้งที่เจอพี่....”หยินหลิงชะงักไปชั่วครู่ และก้มหน้าลงพร้อมกับพึมพำว่า :“มันก็ทำให้สภาพจิตใจที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วมันยุ่งวุ่นวายขึ้นมาอีก”“พี่หลินเฟิง พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้ฉันจะพยายามไม่มาเจอพวกพี่อีกแล้ว พี่ก็ไม่ต้องเก็บฉันไปใส่ใจหรอก...”“แค่จากนี้ไปพี่จะต้องระวังให้มากขึ้นก็เท่านั้น”“กองกำลังภายในประเทศมังกรสลับซับซ้อนอย่างมาก หากก้าวพลาดก็จะตกลงไปในเหวลึก ถึงแม้ตอนนี้พี่จะแข็งแกร่งพอแล้ว แต่หมัดสองหมัดก็ไม่สามารถชนะสี่มือได้...”เมื่อได้ยินหยินหลิงพูดเบา ๆอยู่ด้านข้างในใจของหลินเฟิงก็เกิดความรู้ส
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได