ดอกพลัมสีขาวบานสะพรั่ง ตัดกับของตกแต่งสีแดงทุกที่ในบ้าน คงความรู้สึกสวยงามและสดใสซูอวี้เออร์สวมชุดแต่งงานนั่งอยู่ในห้อง นางไม่อาจควบคุมรอยยิ้มได้เลยในที่สุดนางก็สมปรารถนาสักทีแน่นอนว่าตำแหน่งพระชายารอง ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการในท้ายที่สุดไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องได้เป็นภรรยาของเซียวเย่หลันนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเมื่อถึงเวลาอันเป็นมงคล อวิ๋นซีจะพานางออกไป เพื่อร่วมพิธีพร้อมพระชายารองเซวี่ยสมควรตายนั่นเซียวเย่หลันไม่สนใจพระชายารองเซวี่ยนั่นอย่างแน่นอน คืนนี้ เขาจะต้องอยู่กับนางทั้งคืน...เสียงตีกลองเคาะระฆังดังอยู่นานซูอวี้เออร์รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีใครเดินเข้ามา นากงจึงยกผ้าปิดหน้าสีแดงขึ้นอย่างกังวล ก่อนจะเรียกหาสาวใช้“อวิ๋นซี!”“เจ้าค่ะ บ่าวมาแล้ว”อวิ๋นซีผลักประตูห้องเข้ามาซูอวี้เออร์ถาม “ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”“นายหญิง เกือบเที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนส่งเจ้าสาวก็ยังไม่มา บางทีมันอาจจะล่าช้า” อวิ๋นซีอธิบายซูอวี้เออร์ร้อนใจ “ผู้หญิงคนนั้นจะไม่เป็นที่โปรดปรานถ้านางเข้ามา แถมยังถ่วงเวลาข้าอีก สมควรตาย”“ใช่เจ้าค่ะ”แม้จะพูดแบบนั้น แต่ตำแหน่งพระชายารอง
เสียโฉมเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ที่สำคัญคือดวงตาคู่นี้ของเจ้าไร้ประโยชน์สิ้นดี ตอนมองไม่เห็นยังดีกว่านี้ เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์”เซี่ยเชียนฮวันส่งเสียงพึมพำออกมาอย่างเยือกเย็นเซียวเย่หลันตอบว่า “ในฐานะหมอ เจ้ากลับมีจิตใจโหดเหี้ยมคิดร้ายเช่นนี้ ข้ามาเคยมองเจ้าผิดไปจริง ๆ ”“ใช่ ๆ ๆ ข้ามันเป็นหมอหญิงที่จิตใจโหดเหี้ยมที่สุดในปฐพี บัดนี้เจ้ามีพระชายารองผู้แสนอ่อนโยนเช่นแม่นางซูแล้ว ยังไม่รีบไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดแต่งงานเพื่อคารวะฟ้าดินกับนางอีกหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันเห็นชายหนุ่มยังคงสวมชุดสีดำยาวที่เชามักใส่เป็นประจำ ช่างขัดต่อบรรยากาศสีแดงสดใสรอบกาย ใบหน้าจึงเผยความเยาะเย้ยออกมาแววตาของเซียวเย่หลันดูไม่เป็นธรรมชาติ เขาเมินหน้าหนี “ข้าไม่ชอบใส่เสื้อผ้าลวดลายเช่นนั้น”“ดูท่าทางเจ้าสิ ราวกับถูกบังคับให้แต่งงานอย่างไรอย่างนั้น...”“เป็นไปไม่ได้”ยังไม่รอให้เซี่ยเชียนฮวันพูดจบ เซียวเย่หลันก็รีบปฏิเสธทันทีสตรีที่เขารักมากที่สุดคืออวี้เออร์ บัดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าเสด็จพ่อจะอนุญาตให้เขามอบสถานะแก่นาง เหตุใดเขาจะไม่มีความสุขเล่า?ผู้ที่อยู่ร่วมหมอนนอนเตียงเคียงคู่เขา ควรจะเป็นซูอวี้เ
ท่านอ๋องเพคะ อวี้เออร์จะรินสุราให้นะเพคะ”ซูอวี้เออร์หยิบไหสุราขึ้นมาแล้วรินให้แก่เซียวเย่หลันจอกหนึ่งเดินทีนางต้องการจะคล้องแขนแล้วแก้วสุรากับเซียวเย่หลันคิดไม่ถึงว่าเขาจะยกแก้วสุราขึ้นดื่มจนหมดเพียงลำพังซูอวี้เออร์ชะงักลงเล็กน้อย แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไรได้นางจึงคิดจะเอ่ยเข้าเรื่องโดยตรง“ท่านอ๋องคงจะเหนื่อยมากแล้ว ให้อวี้เออร์ช่วยท่านถอดเสื้อคลุมออกก่อนเถิดเพคะ จะได้พักผ่อน”ซูอวี้เออร์ลุกขึ้นมาแล้วเดินไปด้านหลังชายหนุ่ม นวดบ่าให้เขาเบา ๆ เซียวเย่หลันหรี่ตาลงเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่เหนื่อย เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”“ได้อย่างไรเล่าเพคะ หม่อมฉันต้องอยู่เคียงข้างท่านอ๋องเพคะ”ซูอวี้เออร์จึงทำได้เพียงนั่งลงอีกครั้งบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงันเซียวเย่หลันเหลือบตามองไปยังชุดสีแดงของนาง จากนั้นกล่าวขึ้นเบา ๆ ว่า “ชุดเจ้าสาวนี้ใส่แล้วรู้สึกเช่นไรบ้าง? ด้วยเวลามีจำกัด ข้าจึงไม่ได้จัดหาชุดที่ดีกว่านี้ให้เจ้าได้”เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถามเช่นนี้ ดวงตาของซูอวี้เออร์เป็นประกาย นางมีความคิดใหม่ขึ้นมานางขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ค่อยสบายตัวเ
“ท่านอ๋องเพคะ อวี้เออร์รอคอยวันนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว ได้โปรดท่านอ๋องอย่าทิ้งอวี้เออร์ไว้เพียงลำพังได้หรือไม่"ซูอวี้เออร์เข้าไปดึงแขนเสื้อของเซียวเย่หลันเอาไว้ด้วยใบหน้าออดอ้อนร้องขอท่าทางที่ดูน่าสงสารเช่นนั้นของนาง ราวกับลูกสัตว์ตัวน้อยซึ่งถูกทอดทิ้ง ร้องขอความรักความเมตตาจากชายหนุ่มแผนนี้นางใช้ได้ผลตลอดมาชายหนุ่มล้วนรู้สึกทะนุถนอมหญิงสาวผู้บอบบาง และชื่นชอบให้หญิงสาวที่อ่อนแอเอ่ยร้องขออ้อนวอนตนแต่ทว่าเซียวเย่หลันกลับผลักมือของนางออกไปเบา ๆ กล่าวว่า “ข้าจะรีบกลับมา""ไม่ข้าไม่เชื่อ!”ซูอวี้เออร์ส่ายหน้านางรู้ดีว่าหากเสียโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว ในอนาคตต้องการร่วมค่ำคืนเช่นนี้กับเซียวเย่หลันอีกก็คงยากเซียวเย่หลันอธิบายด้วยความอดทนว่า “หากเย่ซิ่นไม่มีเรื่องเร่งด่วนใด เขาจะไม่มาหาข้าโดยพลการเช่นนี้ คาดว่าคงจะมีเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ ”“องครักษ์เย่เพียงแต่ไม่ชอบหม่อมฉันก็เท่านั้น มิเช่นนั้นเหตุใดทุกครั้งที่ท่านอ๋องมาหากระหม่อม เขาจะต้องหาเหตุผลทำให้ท่านอ๋องจากไปเสียทุกที"ซูอวี้เออร์พูดขึ้นด้วยท่าทางน้อยใจ“หาได้เป็นเช่นนั้น เจ้าอย่าคิดมากไป"เซียวเย่หลันทำได้เพียงปลอบโยน
มหาดเล็กเซวี่ยโมโหยิ่งนักแต่ต่อให้ตระกูลเซวี่ยต้องการปกปิดเรื่องนี้สักเพียงใด ทว่าบนท้องถนนมีผู้คนพบเห็นมากมายเหลือเกิน ไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้คงเผยแพร่ไปทั่วเมืองหลวง อีกอย่างจะให้พวกเขาส่งบุตรสาวเสียสติเข้าไปในจวนจ้านอ๋องเพื่อเป็นพระชายารองของเซียวเย่หลันได้อย่างไรเรื่องนี้ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไปด้วยความหวาดกลัวในอำนาจ ในที่สุดพวกเขาจึงทำได้เพียงเดินทางมาจวนจ้านอ๋องเพื่อให้คำชี้แจงต่อเซียวเย่หลันเซี่ยเชียนฮวันฟังที่เสี่ยวตงรายงานจบแล้ว นางก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดนางทั้งสงสารเห็นใจเซวี่ยจวิ้น และกังวลถึงเรื่องราวเบื้องหลัง เกรงว่าจะไม่ได้เป็นเพียงการลักพาตัวสตรีไปกระชำทำเราธรรมดา ๆ “เหนียงเหนียงเพคะ คุณหนูรองตระกูลเซวี่ยน่าสงสารมากก็จริงอยู่ แต่เมื่อนางเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องคงไม่รับนางเข้าจวนแน่ ในอนาคตเรื่องราวในจวนอ๋องจะน้อยลงเรื่องหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะมีแต่ผลเสียนะเพคะ” เสี่ยวตงกระซิบในฐานะบ่าวรับใช้ของเซี่ยเชียนฮวัน นางต้องอยู่ข้างเดียวและคิดแทนเซี่ยเชียนฮวันแน่นอนเซี่ยเชียนฮวันก้มหน้าลงแล้วส่ายหัวช้า ๆ “เจ้าคิดผิดไปเสียแล้วเสี่ยวตง การที่เซวี่ยจวิ้นถูกลักพาตัวไปนั้น หมายความว่าเ
“หัวใจของนางหยุดเต้นนานแล้ว สมองกำลังตายลง ตอนที่พบนางหากข้าอยู่ที่นั่นด้วยอาจมีโอกาสรอด แต่บัดนี้ข้าทำได้เพียงให้นางตื่นตัวก่อนจากไปอย่างสงบ”เซี่ยเชียนฮวันวางมือของชุนถงลงแล้วส่ายหน้าสิ่งที่นางพูด มหาดเล็กเซวี่ยและคนอื่น ๆ ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่พวกเขาฟังคำว่าจากไปอย่างสงบออกชัดเจน“เพียงสามารถทำให้ชุนถงบอกว่าคนร้ายเป็นใครก็พอ!” มหาดเล็กเซวี่ยกล่าว“ข้าจะลองดู”เซี่ยเชียนฮวันหยิบเข็มหยกดำออกมาจากกล่องเซียวเย่หลันเห็นเข็มสีดำในมือของนาง จึงขมวดคิ้วขึ้นกล่าวว่า “เข็มเงินของเจ้าอยู่ไหน เจ้าใช้เข็มขึ้นสนิมเช่นนี้จะช่วยคนได้หรือ”“ขออภัยด้วย เข็มเล่มนี้เคยช่วยชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าไว้”“เมื่อไร?”“ตอนที่เจ้าจำไม่ได้”เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเสียเวลาอธิบายให้เขาฟัง นางฝังเข็มลงไปยังหัวคิ้วของชุนถง อีกเล่มฝังลงไปยังยอดหัวกะโหลก เพียงแค่สองเข็มก็ทำให้คนที่ดูอยู่ด้านข้างหวาดกลัวไม่น้อยหากเป็นหมอคนอื่น อาจไม่กล้าฝังเข็มลงไปยังจุดเหล่านี้ หรืออาจเป็นลมทันทีที่ฝังเสร็จมีเพียงเซี่ยเชียนฮวันเท่านั้นที่มีความสามารถสูงส่งและกล้าหาญ แต่ละเข็มที่ฝังลงไป นางช่างสงบนิ่งไม่สั่นคลอน“แค่ก ๆ ...”
"หากไม่อยากให้จวิ้นเออร์แต่งเข้ามาในจวนอ๋อง เพียงบอกกับเราดี ๆ ก็ย่อมได้ เหตุใด... เหตุใดต้องใช้วิธีอันโหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำลายความบริสุทธิ์ของจวิ้นเออร์...!"แม่เซวี่ยเห็นเซี่ยเชียนฮวันเป็นสตรีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตไปเสียแล้ว น้ำเสียงของนางเอ่ยขึ้นพร้อมน้ำตานองหน้า แต่ละคำราวแสดงความเจ็บปวดราวกับมีดกรีดหัวใจบรรดาขุนนางที่ถูกเชิญมาเป็นพยานต่างก็พากันแอบส่ายหน้า"พระชายาจ้านอ๋องนับวันยิ่งจิตใจโหดเหี้ยมขึ้นทุกที เดิมทีข้างคิดว่านางจะปรับปรุงนิสัยอันชั่วร้ายกลายเป็นคนดีแล้ว ใช้ความสามารถรักษาผู้เจ็บป่วย คิดไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วจิตใจจะโหดเหี้ยม ยังคงเป็นคุณหนูแห่งจวนโหวผู้ชั่วร้ายดังเดิม”“ครั้งนี้นางทำเกินเหตุไปจริง ๆ "“นั่นสิ... บุตรสาวของมหาดเล็กเซวี่ยผู้บริสุทธิ์อ่อนช้อย กลับต้องมาถูกทรมานเสียจนเป็นบ้า”พวกเขาพากันกระซิบกระซาบมหาดเล็กเซวี่ยเป็นถึงมหาดเล็กผู้ที่ฮ่องเต้ให้ความโปรดปรานที่สุดแม้จะเทียบอัครมหาเสนาบดีหลี่ไม่ได้ แต่หนังสือที่เขากุมไว้ในมือมีความสำคัญยิ่งนัก จึงได้รับการเชื่อใจจากฮ่องเต้ บัดนี้เมื่อบุตรสาวของเขาถูกทำลายบริษัทความบริสุทธิ์ลง สร้างความอับอายขายหน้าให้แก่ต
"หากข้ากล่าวว่า ข้าไม่เคยให้ใครไปทำร้ายจวิ้นเออร์ เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่"เซี่ยเชียนฮวันหันกลับมามองไปทางเซียวเย่หลันเซียวเย่หลันนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใดออกมาเขาไม่ได้ให้คำตอบอันแน่ชัดอย่างทันควันแม้เมื่อคืนนี้เขาจะเห็นเซี่ยเชียนฮวันอยู่ในจวนอ๋องก็จริง แต่เซวี่ยจวิ้นก็หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้เช่นกันจู่ ๆ น้ำเสียงของซูอวี้เออร์ก็ดังขึ้นในห้องโถง "ข้าได้ยินว่า คุณหนูรองเซวี่ยเคยไปหาพระชายาอ๋องที่โรงหมอ พระชายาอ๋องได้ให้ใบสั่งยาแก่นาง ในยานั้นอาจมีสิ่งผิดปกติก็ได้ ด้วยเหตุนี้คุณหนูรองเซวี่ยจึงถูกคนอื่นหลอกล่อไปง่าย ๆ ..."เมื่อครู่นางแอบฟังอยู่ข้างหลังฉากกั้น จึงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเซี่ยเชียนฮวันหันไปมองดูซูอวี้เออร์ด้วยแววตาเยือกเย็น เสื้อผ้าของนางไม่เป็นระเบียบ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย ดูเหมือนคืนนี้นางกับเซียวเย่หลันได้เกิดความสัมพันธ์กันแล้ว"ใบสั่งยาที่ข้าให้เซวี่ยจวิ้นนั้นเป็นเพียงยานอนหลับทั่วไป หมอทุกคนในโรงหมอล้วนเป็นพยานได้ พระชายารองซูเพิ่งจะขึ้นนั่งตำแหน่ง ก็รอไม่ไหวอยากจะใส่ร้ายข้าพร้อมกับคนนอกงั้นหรือ""พระชายาอ๋องเข้าใจผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลย"ซ
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา