“นี่ ถอดเสื้อของนายออกแล้วแสดงให้ทุกคนดูสิ”มีบางคนอดพูดไม่ได้ชายคนนั้นรีบโบกมือปฏิเสธ พูดจาตะกุกตะกักว่า “ข้า...ข้ามาที่นี่เพื่อให้ท่านหญิงช่วยรักษา พวกเจ้าอาศัยอะไรมาสั่งให้ข้าถอดเสื้อให้ดู...”เซี่ยเชียนฮวันเบะปาก “ชายร่างใหญ่ถอดเสื้อให้ดู มีอะไรต้องเขินอาย หรือว่าเจ้าไม่กล้า”เมื่อนางพูดอย่างนั้นทุกคนก็สงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ !เพราะเมื่อดูจากท่าทางของผู้ชายคนนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าร้อนตัวมาก เหมือนความลับถูกเปิดเผย“รีบถอดเสื้อให้พวกเราดู”“ใช่แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของท่านหญิง ถ้าไม่มีผีในใจ แล้วทำไมถึงไม่ให้ดูล่ะ””“ดูซี่โครงของเขาสิ เหมือนมีอะไรยื่นออกมา...”ฝูงชนต่างเจ้าพูดคำข้าพูดคำ และค่อยๆ เข้าใกล้ชายคนนั้นมีบางคนเอื้อมมือไปดึงเสื้อของเขาสถานการณ์แทบจะคุมไม่ไหวแล้วในขณะที่ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่ชายคนนั้น ไม่มีใครพบว่าใบหน้าของท่านหญิงหยวนหลี่แทบจะดูไม่ได้ สองมือของนางจิกกำโต๊ะแน่นเธอขยิบตาให้ชายคนนั้นชายคนนั้นเข้าใจ และตะโกนเสียงดังทันที “พอได้แล้ว ข้าไม่รักษาแล้ว!”จากนั้นเขาก็วิ่งหนีไปทันที!“เดี๋ยวก่อน! ทำไมถึงหนีไปล่ะ??”“โธ่เอ๊ย! ท่าทางดูแข
เซี่ยเชียนฮวันไม่สามารถเข้าใจชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ตอนที่อยู่ถงซ่านถังเมื่อครู่เขาดูเหมือนไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่ถูกท่านหญิงหยวนหลี่หลอก มิหนำซ้ำยังยืนดูเรื่องตลกอยู่ข้างๆแต่เซี่ยเชียนฮวันแค่รู้สึกว่าเขาแปลกนิดหน่อยเท่านั้น นางตอบกลับอย่างง่ายๆ แบบไม่เสียเวลาคิด “ตอนเด็กๆ มีปู่คนหนึ่งเคยสอนเรื่องแพทย์ให้แก่ข้า และตอนนี้ชายชราก็เดินทางไกลแล้ว”คนขี้เมาไม่ใช่คนแรกที่ถามคําถามนี้ เซี่ยเชียนฮวันอธิบายด้วยเหตุผลตามปกติแต่ไม่คาดว่า ชายขี้เมาจะไม่ยอมรับเหมือนคนอื่นๆ เขายังถามต่อว่า “แซ่ของชายชราที่เจ้าพูดถึงคืออะไร อาศัยอยู่ที่ไหน มีลักษณะอย่างไร?”ความคิดของเขาทำให้เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆนางไม่ตอบ แต่ย้อนถามว่า “ข้าไม่รู้จักท่าน แล้วเหตุใดข้าต้องบอกท่านด้วย?”“เพราะข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้พูดความจริง”ชายขี้เมาถือน้ำเต้า ยืนเอียงไหล่ข้างหนึ่งสูงข้างหนึ่งต่ำอย่างเกียจคร้าน พร้อมเปล่งเสียงหัวเราะแหบแห้งที่ฟังไม่เข้าหูเซี่ยเชียนฮวันสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อพูดอีกครั้งนางก็ไม่สุภาพอีกต่อไป “ไม่สู้ท่านพูดมาก่อนว่าท่านเป็นใคร แล้วข้าจะพิจารณาว่าควรจะบอกความจริงกับท่านหรือไม
เมื่อชายขี้เมาถอดหมวกออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่หล่อเหลามากคนหนึ่งดูอายุไม่เกินสามสิบปีถ้าไม่ใช่เพราะชุดดูโทรมจนเกินไป ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาดูดีของเขา อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นหนุ่มหน้าสวยเขาวางหมวกลงบนโต๊ะ ยกขาขึ้นเก้าอี้ และกล่าวยิ้มๆ ว่า “พรสวรรค์ของแม่หนูนั่นไม่เลวเลย”“ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าอย่าพยายามไปหลอกพระชายาจ้านอ๋องคนนั้น ”เจ้าของร้านสาวชี้นิ้วไปที่เขา ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความอิจฉาชายขี้เมาไม่สนใจ “พระชายาอ๋องก็ดี ฮองเฮาก็ดี การเรียนแพทย์จะต้องดูที่จิตใจและพรสวรรค์ ไม่ใช่ตำแหน่งไร้สาระ”“เจ้าไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อน”เจ้าของร้านสาวมักได้ยินว่าพระชายาจ้านอ๋องเป็นถุงฟางไร้ประโยชน์นางไม่เข้าใจว่าทำไม ชายขี้เมาถึงได้ชอบเซี่ยเชียนฮวัน“ข้าไม่ได้บอกว่าจะรับนางเป็นศิษย์ในตอนนี้” ชายขี้เมาเอนกายบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวคู่นั้นดูลึกล้ำ “เพียงแต่ ด้วยสภาพร่างกายของข้า มันถึงเวลาที่ต้องหาผู้สืบทอดแล้ว...อีกด้านหนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเดินอยู่บนถนนครึ่งค่อนวัน แต่ก็หาเซี่ยเหยียนไม่พบในขณะที่กำลังคิดว่านางควรจะกลับจวนด้วยตัวเองหรือไม่ ก็บังเ
“เอาล่ะ สิ่งเจ้าพูดก็มีเหตุผล”ซูอวี้เออร์แสดงสีหน้าเย็นชาเมื่อใดก็ตามที่นึกถึงใบหน้ายินดีของเซี่ยเชียนฮวันยามได้ของพระราชทาน นางก็รู้สึกขุ่นเคืองในใจ แทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเซี่ยเชียนฮวันหายไปจากโลกนี้นี่ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการแพร่ระบาดแต่ในเมื่อนางกับท่านหญิงหยวนหลี่อยากจะกำจัดเซี่ยเชียนฮวันไปเร็วๆ ก็ต้องใช้แผนที่เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนเวลา“อวิ๋นซี เจ้าไปหยิบของมา”ซูอวี้เออร์หันไปสั่งอวิ๋นซียกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินลงไปที่ชั้นล่าง เมื่อกลับมาก็ถือกรงติดมือมาด้วย ก่อนจะวางตรงหน้าท่านหญิงหยวนหลี่ภายในกรงเต็มไปด้วยหนูอ้วนท้วมแต่สิ่งที่แตกต่างไปจากหนูทั่วไปคือ หนูเหล่านี้มีสีขนแปลกๆ มันเป็นสีเทาเงินท่านหญิงหยวนหลี่มองหนูอ้วนท้วมสีเทาเงินที่วิ่งพล่านอยู่ในกรงเหล่านั้น แล้วขมวดคิ้ว นางรู้สึกคลื่นไส้ และไม่อยากมองไปมากกว่านี้“ทุกตัวทำเครื่องหมายไว้แล้วใช่หรือไม่?” ซูอวี้เออร์ถาม“เรียนนายหญิง ทำไว้แล้วเจ้าค่ะ”อวิ๋นซีปิดปากและจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้า หยิบไม้แท่งหนึ่งขึ้นมา แล้วจิ้มไปที่ตัวของหนูเหล่านั้น เพื่อแสดงเครื่องหมายออกมานางจงใจรักษาระยะห่างจากกรงหนูราวกั
เซียวเย่หลันพาซูอวี้เออร์มาทานอาหารเที่ยงกับพระสนมหมิงสนมหมิงเห็นเซี่ยเชียนฮวันมาปรากฏตัวขึ้นมา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เพียงบอกสาวใช้ว่า “เพิ่มตะเกียบอีกคู่”“แค่ก ไม่ต้องเจ้าค่ะ ความจริงข้าทานอาหารมาแล้ว...”อาหารมื้อนี้ เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากเข้าร่วมเลยจริงๆแต่พูดไม่ทันขาดคำ เสียงท้องของนางก็ร้องดัง “โครกคราก” ทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจอยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ “เจ้ากลัวข้าจะวางยาพิษในอาหารหรือ”หมิงเฟยเงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาที่มืดมนเซี่ยเชียนฮวันไม่มีทางเลือก นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่าง คิดจะทานสักคำสองคำพอเป็นพิธีแล้วจากไปเซียวเย่หลันมีสีหน้าตายด้าน ส่วนซูอวี้เออร์ทำสีหน้านางชาเขียว นอกจากนี้ยังมีสนมหมิงที่แผ่กลิ่นไอผีสาวเป็นระยะๆ...อาหารดีแค่ไหน ก็กลืนไม่ลง“ท่านอ๋องไม่เคยบอกหม่อมฉันเลย ว่าเสด็จแม่ชอบอาหารมังสวิรัติ เสด็จแม่นับถือพุทธหรือเพคะ?”ซูอวี้เออร์ทำตัวออดอ้อนกับเซียวเย่หลันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพยายามจะดึงพระสนมหมิงเข้ามาร่วมด้วย เพื่อกันเซี่ยเชียนฮวันเป็นคนนอกในครอบครัวนี้สนมหมิงหยิบตะเกียบขึ้นมา กล่าวเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าไม่ได้นับถือพุทธ เพียงแต่เห็น
“ฉึก!”เซี่ยเชียนฮวันมัวแต่คิดจะเข้าไปผลักเซียวเย่หลัน นางลืมดูเศษแก้วที่ใต้เท้าและเหยียบเข้าอย่างไม่ทันระวัง เจ็บเสียจนแทบทรงตัวไม่อยู่เสี้ยววินาทีนั้น เซียวเย่หลันยื่นมือออกไปรับเศษที่ลอยมาทางเซี่ยเชียนฮวันไว้ท่ามกลางอากาศ“ซี้ด...”เซี่ยเชียนฮวันล้มลงบนร่างของเซียวเย่หลัน ในใจหวาดกลัวเล็กน้อยนางเงยหน้าขึ้นมองเขา “มือเจ้าได้รับบาดเจ็บ”“ไม่เป็นไร”แม้ว่าเซียวเย่หลันจะคว้าเศษนั้นเอาไว้ได้ แต่นิ้วมือของเขาก็ถูกบาด เลือดไหลราวกับสายน้ำเมื่อเห็นดังนั้น การโจมตีของหมิงเฟยจึงหยุดลง นางยืนอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องมายังพวกเขาพลางเหนื่อยหอบทันใดนั้นเอง ก็มีเสียง “โอ๊ย” ดังขึ้นมาจากด้านข้างเป็นซูอวี้เออร์นั่นเองนางเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันเข้าไปช่วยบังเซียวเย่หลันเอาไว้ ส่วนตนไม่ได้ทำอะไรเลยจึงรู้สึกว่าไม่ดีนัก จากนั้นรีบก้มลงไปหยิบเศษแก้วแล้วกรีดไปที่เท้าของตนเซียวเย่หลันรีบลุกขึ้นไปพยุงซูอวี้เออร์ซูอวี้เออร์น้ำตาไหลนองหน้า "ท่านอ๋องเพคะ เดิมทีข้าน้อยตั้งใจจะเข้าไปช่วยบังไว้ แต่ไม่ทันระวังจึงทำให้...""เอาเถิด อย่าร้องไห้ไป"เซียวเย่หลันเห็นบาดแผลที่เท้าของซูอวี้เออร์ เขาก็ข
“หากไม่ยินยอม แล้วเหตุใดก่อนหน้านั้นเจ้าจึงให้ความร่วมมือกับข้านัก?"เซียวเย่หลันเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยเชียนฮวันซึ่งกำลังอยู่ในอารมณ์โมโห แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายังคงนิ่งดังเดิมเซี่ยเชียนฮวันนึกถึงความเจ็บปวดในครั้งนั้นขึ้นมาได้นางกัดริมฝีปากล่างของตน "ครั้งนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ... เจ้า เจ้าลืมเรื่องราวในคืนนั้นไปเสียเถิด”"เรื่องบังเอิญ? หึๆ เห็นได้ชัดว่าเจ้าวางแผนยั่วยวนข้าอย่างสุดกำลัง"แววตาเซียวเย่หลันเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยเซี่ยเชียนฮวันอัดอั้นใจแต่ไม่รู้จะคัดค้านเช่นไร นางจึงทำได้เพียงตะเบ็งเสียงแข็งว่า "เจ้า... เจ้าเป็นถึงจ้านอ๋อง กลับมาถือสาเรื่องบนเตียงเช่นนี้ ไม่รู้สึกน่าอายบ้างหรือ?"นางไม่อยากคุยกับเซียวเย่หลันถึงเรื่องนี้อีก และไม่อยากใกล้ชิดกับเขามากกว่านั้นดังนั้นนางจึงพยายามดิ้นรน กำหมัดแล้วต่อยไปทางพญามัจจุราชที่อยู่ตรงหน้าหมัดของเซี่ยเชียนฮวันที่บางเบาไร้เรี่ยวแรงต่อยไปยังร่างของเขา แววตาของเซียวเย่หลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเข้ามากำข้อมือนางเอาไว้ น้ำเสียงแหบแห้งกล่าวว่า "เจ้าเอาเรื่องมากกว่าชื่อเล่นซูอวี้เออร์จริงๆ ""หา? เช่นนั้นเจ้าก็ไปหาแม่นา
“แต่คนจากพระราชวังไปรายงานว่าท่านไม่สบาย ให้ข้าเดินทางเข้าวังมาถูกอาการแก่ท่านป้า"เซี่ยเชียนฮวันและไทเฮาจ้องตากันด้วยความสงสัยบัดนี้กงกงที่เข้าไปรายงานก็ไม่อยู่ที่นี่เมื่อครุ่นคิดแล้ว นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไปแต่ก็บอกไม่ถูกไทเฮาตบลงไปที่มือของนางเบาๆ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “คาดว่าอาจเป็นเพราะเมื่อวานข้าไอออกมาสองหน คนบางคนคงคิดต้องการใช้เจ้ามาเอาอกเอาใจข้า จึงได้กระทำเช่นนั้น”“ดังนั้นการที่ให้ข้าเดินทางเข้าวัง ไม่ใช่ความคิดของท่านป้าหรือเพคะ?" เซี่ยเชียนฮวันตกตะลึง“ในใจข้านั้นคิดถึงและอยากเจอเจ้า แต่ข้าพูดไม่ออก คนในพระราชวังอาจไม่มีความสามารถใด แต่การคาดเดาความคิดจิตใจข้าและการเยินยอช่างเก่งกาจ"ด้านนอกหน้าต่างมีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา บริเวณหางตาของไทเฮาเหมือนมีแสงทองแสนอบอุ่น นําความเงียบสงบหลังจากต่อต้านลมฝนมาเป็นเวลาหลายปีเซี่ยเชียนฮวันพยักหน้า แต่ในใจยังคงรู้สึกตะขิดตะขวงเพียงแต่นางไม่ได้กล่าวออกมาถือเสียว่าดารเดินทางเข้าวังครั้งนี้เป็นโอกาสได้เข้ามาเยี่ยมเยียนไทเฮาทั้งสองคนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาถึงเรื่องราวทั่วไป เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง เซี่ยเชียนฮวันจึงได้กล่า
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา