ในห้องชั้นสามเซียวเย่หลันเพิ่งเดินตรงเข้ามาข้างใน เขาเงยหน้าขึ้นมองพบฉางหย่วนป๋อที่นั่งอยู่ข้างกายอันติ้งโหว เขาเผยอมุมปากยิ้มเล็กน้อยเป็นไปตามที่เขาคิดไว้จริงๆ "คารวะท่านอ๋อง" ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วโค้งกายคำนับเซียวเย่หลันเดินตรงไปยังตำแหน่งที่นั่งหลัก "เชิญนั่งเถิด"มีชายสี่คนนั่งอยู่ก่อนหน้า นอกจากอันติ้งโหวและฉางหย่วนป๋อแล้ว ก็มีบุตรชายของพวกเขาอีกคนละคนไม่ทันให้อันติ้งโหวที่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมเอ่ยปาก ฉางหย่วนป๋อก็ยิ้มขึ้นก่อนว่า "เดิมทีสุราในวันนี้ ข้าต้องการดื่มเพื่อเอ่ยขอโทษจ้านอ๋อง แต่เกรงว่า ท่านอ๋องจะไม่ยินยอมเดินทางมา ดังนั้นจึงได้ใช้ชื่อของสหายในการเชิญชวน ขอท่านอ๋องโปรดให้อภัยเถิด" เขารีบลุกขึ้นยืน แล้วรินสุราให้แก่เซียวเย่หลันสายตาอันเย็นชาของเซียวเย่หลันมองไปที่แก้วสุรานั้น "ข้ารู้ว่าอาหารมื้อนี้ไม่ได้เป็นความคิดริเริ่มมาจากท่านพ่อตา" "หืม?" ฉางหย่วนป๋อชะงักลงเซียวเย่หลันก้มหน้าลงเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา "ห้องที่ท่านเลือกนี้เคยเป็นห้องของอวี้เออร์มาก่อน ท่านพ่อตาคงไม่เชิญขามาดื่มสุราที่ห้องนี้แน่" แม้แต่สุรานี้ก็เคยเป็นสุราที่ซูอวี้เออร์กล
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ อย่าเพิ่งรีบร้อนใจไปไหน พวกเรายอมรับว่าละเลยไปเล็กน้อย ท่านอยู่ดื่มต่ออีกสักหน่อยเถิด”สองพ่อลูกฉางหย่วนป๋อเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลังเซียวเย่หลันไว้ แทบจะคุกเข่าร้องขอจู่ๆ เซียวเย่หลันก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องพวกเขาดีอกดีใจยิ่งนัก แล้วรีบต้อนรับเซียวเย่หลันเข้าห้อง“เหอะๆ ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะเสียดายสุราที่แม่นางซูกลั่นเองกับมือนี้สินะ” เซี่ยเหยียนจับถ้วยสุราสีขาวในมือของตนลูบเบาๆ แล้วยิ้มเยาะ“หุบปากเสีย”อันติ้งโหวจ้องบุตรชายตาเขม็ง”เซี่ยเหยียนผู้เอาแต่ใจ เขาไม่เคยเชื่อฟังคำพ่อแม่อยู่แล้ว จึงได้เชิดหน้ากล่าวว่า “น่าสงสารน้องสาวผู้อ่อนโยนของข้าเหลือเกิน ต้องอยู่ในจวนอ๋องโดดเดี่ยวเดียวดายเพียงลำพัง ไม่รู้ว่าได้กินอาหารเย็นหรือยัง บัดนี้นางจะหิวโหยหรือไม่”“น้องสาวของเจ้ากับคำว่าอ่อนโยน ไม่เชื่อมโยงกันแต่อย่างใด” เซียวเย่หลันตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเซี่ยเหยียนจึงหุบปากลงเขาพยายามที่สุดแล้วหากน้องเขยคนนี้ของเขาแกล้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อออกมา ในตอนท้ายหากตกหลุมพรางฉางหย่วนป๋อ ก็ถือว่ารนหาที่เอง......ในขณะเดียวกันเซี่ยเชียนฮวัน
“ข้าไม่สนิทกับนาง มีเพียงเจ้าของหอแห่งนี้ที่รู้ว่านางเป็นใคร”สตรีชุดเขียวดูเหมือนไม่อยากกล่าวถึงซูอวี้เออร์เท่าไรนักสตรีอีกนางหนึ่งกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้พี่ชิงเคยแย่งชิงตำแหน่งนางคณิกากับซูอวี้เออร์ แต่นางพ่ายแพ้”เซี่ยเชียนฮวันพยักหน้าจากนั้นนางก็รินสุราให้สตรีทั้งหลายไม่หยุด ในที่สุดพวกนางก็หลับคาโต๊ะด้วยความเมาเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากแม่นางทั้งหลายแล้ว เซี่ยเชียนฮวันจึงมั่นใจได้ว่าพวกเซียวเย่หลันอยู่ที่ห้องด้านล่างที่เคยเป็นห้องของซูอวี้เออร์อย่างแน่นอน!นางมุ่งหน้าไปที่ชั้นสามอีกครั้งนางเดินไปรอบๆ เพื่อหาเบาะแสและขณะที่เซี่ยเชียนฮวันกำลังจะเดินไปยังห้องท้ายสุดตรงระเบียงทางเดิน นางพบว่าทุกห้องไม่ได้จุดไฟ มีเพียงห้องตรงกลางเท่านั้นที่มีแสงเทียนส่องออกมาอย่างโดดเด่นเซี่ยเชียนฮวันอ้อมไปบริเวณหน้าต่างของห้องนั้นเงียบๆ แล้วย่อตัวลงเพื่อแอบฟัง"ทำไมท่านพ่อถึงได้ช้านัก..." "เอาเถิดนะ เจ้าอดใจรอสักหน่อย..." เป็นน้ำเสียงของน้าเซี่ยและหลิวหรูซวี่!เซี่ยเชียนฮวันจึงได้เงี่ยหูฟังในไม่ช้า นางก็ได้ยินแผนการคร่าวๆ ของจวนฉางหย่วนป๋อพวกเขาใส่ของบางอย่างลงไปในสุรากุ้ยฮัว ต่อใ
"เจ้า เจ้าอย่าได้เข้ามา เจ้าคือเซียวเย่หลันจริงหรือ?"เซี่ยเชียนฮวันถอยหลังออกไปนางเองก็ยังไม่แน่ใจนักชายหนุ่มที่ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นของสุราเดินโซซัดโซเซเข้ามา ดูไม่เหมือนกับเซียวเย่หลันตามปกติ ที่มักแฝงไปด้วยความดุดันอาฆาตน้ำเสียงของเขาดูแหบแห้งต่ำทุ้มเนื่องจากฤทธิ์ของสุรา"ทำไมหรือ จำสามีตัวเองไม่ได้?" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูผ่อนคลาย"เจ้ากำลังพูดเรื่องน่าขันอันใด ข้าเป็นชายจะมีสามีได้อย่างไร" เซี่ยเชียนฮวันหัวเราะออกมาด้านหลังของนางคือชั้นวางของ นางหนีไปไหนไม่ได้อีกชายหนุ่มยกมือข้างขวาขึ้นพิงไปที่ตู้ด้านหลังของนางแล้วก้มหน้าลงมอง "ไม่เป็นไร ในไม่ช้าเจ้าจะนึกขึ้นได้เอง"เมื่อเซี่ยเชียนฮวันสัมผัสได้ถึงแววตาอันน่ากลัวเหมือนสัตว์อันดุร้ายที่อยู่ด้านบนศีรษะนาง นางก็แน่ใจถึงตัวตนของชายผู้นี้ได้ทันทีเป็นเซียวเย่หลันจริงๆ !"เป็นไปไม่ได้ เจ้า เจ้าจะเข้ามาห้องนี้ได้อย่างไร ข้าสลับหมายเลขห้องไว้แล้ว เจ้าควรจะถูกบุตรชายฉางหย่วนป๋อหามเข้าไปในห้องเทียนจื้อหมายเลขหนึ่งจึงจะถูก" เซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจจริงๆ มือทั้งสองข้างของนางปฏิเสธวุ่นวาย ไม่รู้ว่าจะคัดค้านเช่นไรเซียวเย่หล
ประโยคนี้ทำให้เซี่ยเชียนฮวันหัวใจเต้นรัวเขาคงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นใช่หรือไม่?“ที่นี่ไม่มีวัสดุปรุงยา ข้าไม่อาจปรุงยาแก้ดับร้อนให้เจ้าได้" นางกล่าวด้วยความระมัดระวังเซี่ยเชียนฮวันหวังว่าตนจะคิดผิดไปจากนั้นน้ำเสียงของเซียวเย่หลันกลับดูเร่าร้อนจนน่าตกใจ ใครได้ยินก็ล้วนไม่อาจปฏิเสธได้ "ขึ้นเตียง""ข้าไม่!" เซียวเย่หลันไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบคว้าตัวนางขึ้นมาแล้วเดินตรงไปที่เตียง"หากเจ้าจะระบายความร้อนรุ่ม ก็ไปหาหลิวหรูซวี่ที่ห้องข้างเถอะ นางกำลังรอเจ้าอยู่!" เซี่ยเชียนฮวันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนจะร้องไห้"นางน่าเกลียดเกินไป" "ก่อนหน้านี้เจ้าก็บอกว่าข้าน่าเกลียดไม่ใช่หรือ?" "เจ้าดีกว่านางเล็กน้อย" ระหว่างที่สนทนากันอยู่นั้น เซียวเย่หลันได้วางร่างของเซี่ยเชียนฮวันลงเบาๆ เดิมทีเซี่ยเชียนฮวันคิดว่าเมื่อชายหนุ่มผู้นี้ดื่มสุราจนเมามาย ไม่ว่าทำสิ่งใดเขาก็จะไม่รู้จักหนักเบา คาดไม่ถึงว่าท่าทางของเขาจะละเอียดอ่อนอ่อนโยนไม่แข็งกระด้างเลยนางนั่งอยู่บนเตียงอันอ่อนนุ่ม อาศัยแสงไฟจากด้านนอกหน้าต่าง ในที่สุดก็มองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจนบัดนี้แววตาของเขา มองไปช่างอ่อนโยนเหลือเ
"กรี๊ด!!" เสียงกรีดร้องอันแหลมคมดังขึ้นจากด้านนอกประตู ทำลายความเงียบสงบนี้จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายดังขึ้น"ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้น" “......”เซี่ยเชียนฮวันรู้สึกทำตัวไม่ถูก นางเคลื่อนไหวไปมาแล้วหดตัวไปอยู่ตรงมุมของเตียงทางด้านของเซียวเย่หลันก็ยังไม่สร่างเมานัก เขายกมือขึ้นกุมหน้าผากกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “คงจะเป็นฉางหย่วนป๋อพาคนไปจับตัวข้า ไม่จำเป็นต้องสนใจ" "แต่ข้าฟังดูน้ำเสียงผิดปกติ" เซี่ยเชียนฮวันตั้งใจฟังเมื่อนางรวบรวมสติขึ้นมาได้แล้วก็รู้สึกว่าเรื่องราวดูเหมือนจะมีขั้นตอนใดผิดพลาดเกิดขึ้น"เมื่อครู่ เหตุใดเจ้าจึงมาที่ห้องของข้าแห่งนี้?" นางเอ่ยถามเซียวเย่หลันเต็มไปด้วยอารมณ์ความต้องการ แต่ถูกนางผลักไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงตอบอย่างไม่เต็มใจนักว่า "ข้าคิดว่าที่นี่ไม่มีใคร" "แต่เมื่อเจ้าผลักประตูเข้ามาก็รู้ว่าข้างในมีคน ซ้ำยังยืนกรานจะเข้ามาให้ได้" "ข้าได้กลิ่นหอมของยาจากตัวเจ้า" "จมูกเจ้าดียิ่งนัก" "......" เซียวเย่หลันหรี่ตาลง ท่าทีดูหงุดหงิดใจเขาไม่อยากตอบนางไม่อยากให้สตรีคนนี้รู้ว่าเขาจำกลิ่นจากร่างกายของนางได้เซี่ยเชียนฮวันครุ่นคิดเล็ก
เซี่ยเชียนฮวันรีบวิ่งไปที่ริมหน้าต่าง แต่ก็ไม่ทันที่จะจับอีกฝ่ายเอาไว้ได้นางได้ยินเสียงเพียง "ตุ๊บ" ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างหล่นลงมาจากร่างของคนผู้นั้น เซี่ยเชียนฮวันหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นปิ่นหยกขาวลายดอกเหมยเป็นของของซูอวี้เออร์เป็นนางจริงด้วย!ซูอวี้เออร์มีสหายคนสนิทมากมายอยู่ในหอเทียนเซียง นางคงจะรู้แผนการของฉางหย่วนป๋อล่วงหน้า จึงได้แอบเข้ามาที่หอเทียนเซียง ก่อนจะนำหลิวหรูซวี่ไปวางไว้บนเตียงของคนขับรถม้า ส่วนนางเองจะเข้ามาแทนที่ร่วมเสพสมอารมณ์กามกับเซียวเย่หลันหากตอนนี้สามารถวิ่งตามซูอวี้เออร์ไปได้ ก็จะมีหลักฐานมัดตัวแน่นหนาต่อให้เซียวเย่หลันโง่เขลาสักเพียงใดก็คงมองนิสัยอันชั่วร้ายของนางออกจนได้"เขาใกล้จะตายแล้ว!"ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนของฝูงชนดังมาจากด้านนอกเซี่ยเชียนฮวันอดไม่ได้ที่จะลังเลหากนางวิ่งตามซูอวี้เออร์ไป แล้วใครจะไปช่วยหลิวหรูซวี่กับคนขับรถม้าเล่าสองชีวิตเชียวเซี่ยเชียนฮวันกำมือเล็กน้อย นางละความพยายามจะวิ่งไล่ตามซูอวี้เออร์ หันหลังกลับไปที่ห้องของหลิวหรูซวี่"เจ้าคิดจะทำสิ่งใด อย่าเข้ามา!" บ่าวรับใช้ของฉางหย่วนป๋อเข้ามารั้งเซี่ยเชียนฮวันไว้ด้ว
"เจ้าเป็นสตรีกลับแต่งกายเป็นชายมาที่นี่ ข้าก็รู้สึกประหลาดมากพอแล้ว บัดนี้เจ้ายังจงใจดึงดูดให้ทุกคนมาดูความน่าอับอายของซวี่เออร์ เซี่ยเชียนฮวัน เจ้าคงจะกลัวว่าตนไม่ได้รับความโปรดปราน กลัวว่าหากซวี่เออร์แต่งเข้าไปในจวนอ๋องแล้วจะมีผลกระทบต่อตำแหน่งของเจ้าสินะ!" น้าเซี่ยกล่าวขึ้นอย่างมีเหตุมีผลราวกับว่านางและหลิวหรูซวี่คือเหยื่อที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นแผนการของเซี่ยเชียนฮวันผู้คนที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูอดไม่ได้ที่จะมองมาทางเซี่ยเชียนฮวันพวกเขารู้สึกว่าฉางหย่วนป๋อกล่าวได้สมเหตุสมผลสตรีคนหนึ่ง จู่ๆ จะปลอมตัวเป็นชายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้เพื่อเหตุใด?อีกอย่างจ้านอ๋องไม่ชื่นชอบพระชายาผู้นี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้ดีเมื่อน้าเซี่ยตะโกนออกมาแล้ว นางก็ร่ำไห้ปาดน้ำตา "เจ้าคงจะซื้อตัวคนขับรถม้าผู้นี้แน่ และสั่งให้เขาหลอกล่อซวี่เออร์มาที่นี่ ซวี่เออร์ผู้น่าสงสารของแม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เพราะความอิจฉาริษยาของคนอื่น..." สตรีในหอนางโลมและแขกที่มาที่นี่ล้วนพากันวิพากษ์วิจารณ์"เป็นแผนของพระชายาจ้านอ๋องจริงหรือ" “จู่ๆ นางก็ปรากฏตัวขึ้นที่หอเทียนเซียง
“มันมาจากไหน?”เซียวเย่หลันถามเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว “ตงไหล!”“ตงไหล...”พอได้ยินชื่อสถานที่นี้ สีหน้าของเซียวเย่หลันก็ขรึมลงเล็กน้อย เขานึกถึงคนๆ หนึ่งเซี่ยเชียนฮวันเอ่ยชื่อของคนที่อยู่ในความคิดของเขาทันที “รู้สึกว่าบังเอิญมากใช่หรือไม่? ยาที่พวกฆาตกรให้เหยื่อกินเป็นผลผลิตพิเศษจากตงไหล ประจวบเหมาะกับตอนที่พวกเขาจับคนร้ายแถบชานเมืองนั้น ฉินจีที่มีสมญานามว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งตงไหลถูกส่งตัวไปที่วังหลัง” “ช่างบังเอิญมากจริงๆ”เซียวเย่หลันจ้องไปที่หญ้าที่ส่งกลิ่นคาวปลาตายบนโต๊ะ นิ้ววางอยู่เหนือริมฝีปากแล้วบีบจมูกเบาๆเรื่องราวมากมายจริงๆเขาไม่รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องบังเอิญทั้งสองเรื่องนี้ อย่างไรเสียก็ต้องเกี่ยวข้องกันเซี่ยเชียนฮวันพูดว่า “แล้วก็ ข้าให้เพื่อนไปสืบดูแล้ว เป็นเพราะหญ้าโช่วผิงถูกคนเข้าใจว่าเป็นยายืดอายุขัย มีจอมยุทธ์มากมายที่จะใช้มันกลั่นเป็นยาเพื่อใช้บำรุงสำหรับการฝึกยุทธ์”“เพื่อนเจ้าคนไหน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”จุดสนใจของเซียวเย่หลันอยู่ตรงนี้เซี่ยเชียนฮวันกลอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ “เถ้าแก่เนี้ยที่หอฮัวเยว่!”“อืม”ผู้หญิง เช่นนั้นเซียวเย่ห
ซูอวี้เออร์สีหน้าแข็งค้างสมควรตายคิดไม่ถึงเลยว่าพวกโจรโฉดพวกนี้จะได้รับข่าวสารว่องไวเพียงนี้!นางยังนึกว่า พวกเขาควรจะเป็นพวกโจรกระจอกในยุทธภพ ไม่ค่อยมีความเข้าใจเกี่ยวกับราชวงศ์นัก และนางเพิ่งตั้งครรภ์ไม่นาน จากภายนอกแล้วก็ดูไม่ออกหากเป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ก็กลายเป็นแกะน้อยเข้าถ้ำเสือแล้วสิ??ในขณะที่ซูอวี้เออร์เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัวและกำลังคิดว่าจะรับมือต่ออย่างไรนั้น หัวหน้าชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเป็นกังวลไป!”“เป้าหมายของพวกเราคือหญิงตั้งครรภ์ท้องโต เจ้าที่เพิ่งท้องแบบนี้ ทารกในครรภ์ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราสักนิด” อีกคนหนึ่งพูดเสียงเย็น หัวหน้าชุดขาวตบไปที่บ่าของพรรคพวกตัวเอง “เอาล่ะ อย่าทำให้นางตกใจไปเลย พวกเรากำลังต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ต้าเซี่ยพอดี นางยังช่วยพวกเราได้อีกมาก”สีหน้าของพรรคพวกคนนั้นแสดงออกถึงความแปลกใจเล็กน้อยแต่ ที่แห่งนี้ คำพูดของหัวหน้าคนเดียวที่ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดเขาได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับซูอวี้เออร์แล้วซูอวี้เออร์เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา “ตอนนี้ท่านอ๋องจะออกลาดตระเวนทุกคืน
ก่อนหน้านี้ เซียวจ้านได้พูดคุยกับนางหลายครั้งได้แสดงออกให้เห็นถึงความในใจอยู่บ้างแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า เซียวจ้านนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นคนเอาแต่เล่นไม่เอาอ่าวอย่างที่เผยให้เห็นในรูปลักษณ์ภายนอก ตอนเด็กเขาก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่น้อยแต่พวกนั้นต่างก็เป็นการพูดคุยเปิดใจทั่วไปเซี่ยเชียนฮวันยืนยันได้ว่าระว่างนางกับเซียวจ้านนั้นไม่มีการข้ามเส้น มากที่สุดก็เรียกได้ว่าเป็นเพื่อน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เซียวเย่หลันคิดนางแค่นเสียงเหอะ “เซียวเย่หลัน ข้าว่านะ เพราะเจ้าเคยแอบขโมย พอมองใครก็รู้สึกว่าเป็นโจรเสียหมด”“ข้าไม่เคยขโมยของใคร” เซียวเย่หลันถูกทำให้โกรธจนขำแล้วเซี่ยเชียนฮวันยกมุมปาก “ตัวเจ้ามีหญิงสาวมากมาย ซูอวี้เออร์นั้นข้าไม่นับแล้ว ยังมีหลี่จิ้งหย่าที่ชอบพอกันมาตั้งแต่เด็ก ผู้อื่นแต่งงานกับองค์ชายสองแล้ว เจ้ายังไปติดพันนางยากจะอธิบายได้ชัดเจนอยู่เลย”“เป็นเพราะว่าจิตใจของท่านอ๋องเองไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น ถึงได้รู้สึกว่าระหว่างข้ากับองค์ชายห้านั้นพิเศษอย่างไรล่ะ”เซียวเย่หลันน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตัวข้าไม่เคยติดพันกับหลี่จิ้งหย่าจนอธิบายไม่ได้”“งั้นหรือ? เช่นนั้นวันนั้นที่ข้าเห็น
“ข้าเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ไม่กลัวหรอก”เซี่ยเชียนฮวันปากแข็ง ดึงฝ่ามือออกจากมือของเซียวเย่หลันแล้วเริ่มชันสูตรศพทีละร่างหญิงสาวพวกนี้ตายเพราะเสียเลือดมากเกินไปพวกนางถูกกรีดร่างทั้งเป็น วิธีการทารุณมากแต่ที่แปลกคือ ภายในร่างของพวกนางกลับมีร่องรอยของยาอยู่ แต่ไม่ได้ถูกพิษอย่างที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพพูดพอเจ้าเมืองเห็นเซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เขาจึงบีบจมูกแล้วเดินไปด้านหน้าถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านสังเกตพบสิ่งใดหรือไม่?”“จากที่ข้าสังเกต แทนที่จะพูดว่าพวกนางถูกพิษ ควรพูดว่าก่อนตาย พวกนางถูกคนกรอกยาชนิดหนึ่งให้กิน ไม่ถึงกับขั้นส่งผลร้ายต่อร่างกายมากนัก แต่ในเมื่อฆาตกรจะฆ่าพวกนางอยู่แล้ว เหตุใดต้องมากเรื่อง กรอกยาพวกนางด้วยเล่า”จุดที่เซี่ยเชียนฮวันคิดไม่ตกก็คือจุดนี้ในกระเพาะของทุกร่างล้วนมีเศษซากยาชนิดนี้เท่ากับว่า เรื่องนี้สำหรับฆาตกรแล้วเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้สำหรับฆาตกร ขั้นตอนนี้มีประโยชน์ต่อพวกเขาสูงสุดเซียวเย่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยาชนิดนี้ทำขึ้นมาจากอะไรหรือ?”“น่าจะมีประโยชน์เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอให้ข้านำตั
“ใครน่ะ?!”เซี่ยเชียนฮวันตกใจเดินไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงมาอยู่ด้านหลังของนาง!พอนึกถึงเรื่องที่สตรีมีครรภ์หายตัวไปในช่วงนี้ ใจของเซี่ยเชียนฮวันก็เต้นตึกๆๆ รัวเป็นกลอง นางหันตัวขวับกลับมา นางก็ราดน้ำที่อยู่ในมือออกไปจนหมดจากนั้น...นางได้ทำให้ผมดกดำและเสื้อผ้าของเซียวเย่หลับเปียกไปหมดเซียวเย่หลันถูกน้ำราดทั้งหน้า หมดคำจะพูด ใช้มือเช็ดถูกแล้วพูดเสียงเย็น “การระมัดระวังตัวตลอดเวลานั้นเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่ต้องกลัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”“ใครให้เจ้ามาไม่ให้เสียงสักนิดล่ะ มาอย่างกับผี ตกใจหมดเลย” เซี่ยเชียนฮวันเองก็อารมณ์ไม่ดี “แต่ก่อนเจ้าไม่มาโรงหมอไม่ใช่หรือ วันนี้วิ่งแจ้นมาที่นี่ทำไม?”“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองซุ่นเทียนมาขอแล้วขออีก ข้าเองก็คร้านจะมา”เซียวเย่หลันแสดงท่าทางรังเกียจเต็มที่ หยิบเอาผ้าออกมาเช็ดหน้าเซี่ยเชียนฮวันไม่เข้าใจ “เจ้าเมืองซุ่นเทียนขอร้องเจ้า? เขาเองก็อยากซื้อครีมบำรุงให้ฮูหยินของตนหรือ?”“พบศพเหยื่อสาวแถวชานเมืองหลวง ฝ่ายชันสูตรบอกว่าพวกนางถูกพิษ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้แน่ชัดว่าเป็นพิษจากอะไร เจ้าเมืองซุ่นเทียนก็เลยอยากขอให้เจ้าช่วย”เซียวเย่หลันพูดอธิบายส
“รู้สิ ทำไมหรือ?”เซี่ยเชียนฮวันตะลึงตอนที่อยู่โรงหมอ นางได้ยินพวกชาวบ้านถกเถียงกันราวกับว่ามีหญิงสาวมากมายที่ถูกจับตัวหรือว่า ที่ฮ่องเต้เรียกตัวเซียวเย่หลันไปห้องทรงพระอักษรก็เพราะจะให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้เซียวเย่หลันพูดเสียงทุ้มว่า “สตรีที่ถูกพวกเขาจับตัวไปล้วนเป็นสตรีมีครรภ์” “อะไรนะ???”เซี่ยเชียนฮวันอดตกใจไม่ได้!ตามหลักแล้ว สตรีที่ถูกจับตัวไปควรเป็นหญิงสาวอายุน้อย เหตุใดจึงเป็นสตรีมีครรภ์ล่ะ?“ตอนนี้ คนในเมืองหลวงในใจกระวนกระวาย เสด็จพ่อได้ออกประกาศห้ามออกจากเคหะสถานยามค่ำคืนแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องนำทหารออกไปลาดตระเวนทุกคืน จนกว่าจะจับตัวพวกผู้ร้ายพวกนั้นได้”เซียวเย่หลันมองไปทางเซี่ยเชียนฮวันปราดหนึ่ง ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้าดูแลเด็กน้อยในท้องของเจ้าให้ดี ช่วงนี้อย่าออกไปวิ่งพล่านที่ไหน ได้ยินไหม”“อื้อ”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างว่าง่ายไม่แปลกที่เซียวเย่หลันไม่ยอมให้นางช่วยที่แท้ก็เพราะแค่มีครรภ์ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว เพื่อปกป้องเด็กน้อยในท้อง นางต้องไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยงเซี่ยเชียนฮวันไม่ได้พูดเรื่องไปช่วยอีกนางติดตามเซียวเย่หลันกลับจวนอ๋อง แล้ว
หลังจากที่ได้เห็นฉากพยานแมวในเหตุการณ์กับตาตัวเองแล้ว สุดท้ายฉินจีก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว นางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ตัวสั่นเทิ้มสีพระพักตร์ของฮ่องเต้เคร่งขึมดูแล้ว เป็นเหมือนดั่งที่เจ้าห้าพูดจริงๆ ด้วย ฉินจีตั้งใจปล่อยแมวไปทำให้เซี่ยเชียนฮวันตกใจไม่ว่าตอนนี้เขาจะลำเอียงรักและเอ็นดูฉินจีมากเพียงใด เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับลูกหลานของราชวงศ์ ไม่สามารถทำตัวเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เหมือนเรื่องที่พวกนางสนมทั้งหลายแก่งแย่งความรักกัน เซียวเย่หลันเดินออกมา จ้องไปที่ฉินจีอย่างเย็นชา “ขอเสด็จพ่อลงโทษอย่างสาหัสด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ถ่ายทอดคำสั่ง ลำดับศักดิ์ของฉินจีลดขั้นลงเหลือเพียงไฉหนี่ว์ ถูกกักบริเวณในหอหลิวอินเป็นเวลาสามวัน ห้ามออกจากประตู”ฮ่องเต้กุมขมับ ไม่ได้มองไปทางฉินจีที่มีท่าทีน่าสงสารอีกทั้งลดลำดับศักดิ์ ทั้งถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นการให้เกียรติเซียวเย่หลันกับเซี่ยเชียนฮวันมากแล้ว เซี่ยเชียนฮวันยิ้มตาหยี “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงให้ความยุติธรรมเพคะ”จากนั้น นางก็หันไปทางเซียวจ้าน ในดวงตาเรียวเล็กมีประกายแสงแสดงถึงความจริงจัง “และต้องขอบคุณน้องห้าด้วยที่พูดผดุงความยุติธรรมแก่ข้า”“น้
“ฝ่าบาท พระชายาจ้านอ๋องคงไม่ได้มีปัญหาที่ตรงนี้หรอกนะเพคะ”ฉินจีชี้ไปที่หัวของตัวเองฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ “เอาล่ะ อย่าได้พูดเช่นนี้เลย”ฮ่องเต้ไม่ได้เอาความกับคำพูดส่งเดชของฉินจีอย่างไรเสีย การพูดตรงๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฉินจี ก็เหมือนหมิงเฟยอย่างนั้นหากไม่ใช่เพราะชอบนิสัยเช่นนี้ของนาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ลำเอียงชอบนางมากกว่าทว่า ฮ่องเต้เองก็รู้สึกว่าเซี่ยเชียนฮวันราวกับว่าสมองถูกกระทบกระเทือน กลับมาตั้งคำถามกับแมวอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนอีก“หากแมวตัวนั้นตอบคำถามของพระชายาจ้านอ๋องจริงๆ หม่อมฉันยอมรับโทษเพคะ” ฉินจีหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ“เจ้าเป็นคนพูดเองนะ” เซี่ยเชียนฮวันนั่งปัดมืออยู่ที่พื้น “เอาล่ะ เป็นแมวที่สัตย์ซื่อหน่อยซิ”“เหมียว เหมียว เหมียว?” เจ้าแมวขาวเอียงหัวเล็กน้อยเซียวเย่หลันเองก็ทนดูไม่ค่อยไหวแล้ว อยากจะลากตัวนางออกไปทันใดนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซี่ยเชียนฮวันกำลังก่อเรื่องนั้น เจ้าแมวขาวกลับยื่นอุ้งมือออกมา!มันทำเหมือนที่เซี่ยเชียนฮวันพูดจริงๆ ด้วย ข่วนไปที่หยกห้อยเอวที่อยู่ด้านขวาผู้คนต่างสีหน้าเปลี่ยนสี“เป็นไปไม่ได้!” ฉินจีโพล่งออก
“ฝ่าบาททรงรอบรู้ หม่อมฉันเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น”ฉินจีหลุบตาลงฮ่องเต้มองไปที่เซียวจ้านแล้วพูดว่า “เจ้าห้า เจ้าเป็นคนมีมารยาทดีมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ต้องมีปัญหากับฉินเออร์ด้วย”“ทูลเสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ตั้งใจจะมุ่งเป้าไปที่ผู้ใด เพียงแต่เห็นฉินเจี๋ยอวี๋กับพระชายาจ้านอ๋องโต้เถียงกัน จากนั้นพระชายาจ้านอ๋องเกือบจะล้ม ซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะรู้สึกสงสัย”เซียวจ้านประกบมือคำนับแล้วกล่าวขึ้นในเวลานี้ ในที่สุดเซียวเย่หลันก็เอ่ยปากถามเซี่ยเชียนฮวันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ล้มหรือเปล่า”“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก”เซี่ยเชียนฮวันตอบอย่างไม่สบอารมณ์เซียวเย่หลันพูดไม่ออกสตรีที่ดูอ่อนแอกันคนภายนอกแต่กับคนในบ้านกลับหยาบคายใส่คนนี้นี่เขากำลังแสดงความเป็นห่วงนางชัดๆ แต่กลับพูดจายอกย้อนกับเขา“ฉินเอ๋อเพิ่งเข้าวังไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ หากมีตรงไหนล่วงเกินสะใภ้เจ็ด พวกเจ้าก็แค่ให้อภัยก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตึงเครียดขนาดนี้”ฮ่องเต้พูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เรื่องนี้สงบลง ไม่ถือสาหาความผิดของฉินจีอย่างไรก็ตาม พอได้ยินเช่นนี้ฉินจีกลับตกใจเล็กน้อยเดิมทีนางคิดว่าฮ่องเต้จะไม่เพียงแต่ปกป้องนา