น่ารักและมีเสน่ห์มาก...ตอนที่หยางซูพูดประโยคนี้ สายตาของเขาร้อนแรงจนทำให้ใบหน้าของซูอินร้อนวูบขึ้นมาทันที ขนตาของเธอสั่นไหวเบาๆ เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านั้นได้แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของเธอ ก่อให้เกิดคลื่นไม่น้อยมุมปากของซูอินยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ หยางซูก็ยิ้มเช่นกันเขาไม่สนใจปฏิกิริยาตกตะลึงของเย่ซินที่ปลายสาย และวางสายทันทีในรถ บรรยากาศเงียบสงบมากราวกับอุณหภูมิได้เพิ่มสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัวหยางซูรู้ดีว่าจะจัดการกับผู้หญิงอย่างไร โดยเฉพาะคนอย่างซูอิน เขาแค่มองเธออย่างจดจ่อ ราวกับถูกเธอทำให้หลงใหล บางครั้งก็ชมว่า "น้องอินอิน เธอสวยจริงๆ"ซูอินฟังแล้วรู้สึกปลาบปลื้ม ความภาคภูมิใจแทบจะล้นออกมาแต่เธอยังคงทำหน้านิ่งสงบราวกับแกล้งไม่เข้าใจ "ความหลงใหล" ที่หยางซูแสดงออกมา เธอมีสถานะเป็นแค่น้องสาวของเขาลูกหลานคนรวยคนนี้...ไม่ว่าเขาจะมาเมืองไห่ด้วยจุดประสงค์อะไร และไม่ว่าเขาจะมีแผนอะไรกับเย่ซือเหยียน ซูอินตัดสินใจแล้วว่าจะต้องใช้ประโยชน์จากผู้ชายคนนี้ให้ได้ถ้าเธอรู้จักควบคุมเขาให้ดี บางเรื่อง เขาจะต้องทำได้ดีกว่าลู่ซิวหนิงแน่นอน!ส่วนวิธีควบคุมผู้ชายคนนี้...รถจอดที่หน้าวิลล
แขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนที่วิลล่าตระกูลเย่ทันทีที่พ่อบ้านได้รับข่าว ก็รีบตรงไปรอต้อนรับที่ประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูยิ้มแย้มของหยางซู เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีกแน่นอน“คุณปู่ของฉันอยู่ที่ไหนกันล่ะ?”ทันทีที่หยางซูเดินผ่านประตูเข้าไป เขาก็รีบถามหาคุณท่านเย่อย่างกระตือรือร้นแม้ว่าเขาจะสกุลหยาง เย่ซินเองก็เป็นฝ่ายที่แต่งออกไป แต่หยางซูก็กลับเรียกคุณท่านเย่ว่า “คุณปู่” มาตั้งแต่เด็ก ๆ ราวกับถูกตีตราว่าเป็น “คนนอก” สำหรับตระกูลเย่หลายปีมานี้ แม้ว่าคุณท่านเย่จะไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเย่ซิน สองแม่ลูกนี้มากนักแต่ขอบเขตธุรกิจของตระกูลเย่ก็ค่อนข้างที่จะใหญ่ ในสายตาของคนนอก ไม่ว่ายังไงเย่ซิน สองแม่ลูกนี้ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่อยู่ดีเกรงว่าพอทั้งสองได้รู้ถึงสถานการณ์ของคุณท่านเย่ เย่ซิน สองแม่ลูกเองก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้วด้วยเช่นกัน“คุณชายซู เชิญด้านนี้ครับ”พ่อบ้านยิ้มให้อย่างอ่อนโยนคำว่าคุณชายที่เรียกออกมานั้น กลับทำให้หยางซูรู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อยเย่ถิงเซินเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเย่ พอมาถึงเขา จึงเป็นได้แค่ “คุณชายซู” เท่านั้น.
เธอเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น ราวกับว่าเธอไม่แม้แต่จะอยากสนใจเขาเสียด้วยซ้ำ“คุณ......”พอหยางซูจะเปิดปากพูด เขาก็ไม่สามารถพูดประโยคที่จะเปลี่ยนความสนใจของเธอได้ เขาอยากที่จะประกาศตัวตนออกไป แล้วทำให้เธอเสียใจกับการกระทำที่หยาบคายของเธอที่ทำกับเขาเมื่อสักครู่นี้แต่ประโยคที่ว่า “คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร” กลับพูดออกมาได้แค่คำว่า “คุณ” เท่านั้นทันใดนั้นก็มีเสียงสองเสียงแทรกขึ้นมา และขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที“เหยียนเหยียน? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”“หรานหราน......”เสียงทั้งสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันทันทีที่สิ้นเสียงพูด ชายหนุ่มเจ้าของเสียงก็ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูหรานแล้ว เขาคว้าข้อมือของซูหรานขึ้นมา พร้อมกับถามออกไปด้วยความกังวล: “หรานหราน ไม่เป็นไรใช่ไหม?”คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเย่ถิงเซินแววตาที่เป็นกังวลของเย่ถิงเซินแสดงออกมาอย่าชัดเจน เขากวาดสายตามองดูซูหรานอย่างรวดเร็ว ราวกับต้องการเช็คเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด“ฉันไม่เป็นไรค่ะ!” ซูหรานกางมือออกพร้อมกับเหลือบมองคนที่อยู่บนพื้นอีกครั้งคนที่มีปัญหา เป็นคนอื่นต่างหากหยางซูที่นอนอยู่บนพื้น: “......”เขา
เธอทำการหักนิ้วมือ และขณะที่กำลังจะสะบัดข้อมืออีกครั้งหยางซูก็ได้ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วทำให้เขาสูญเสียการทรงตัวไปชั่วขณะพอเห็นสีหน้ามองเหยียดของซูหราน พร้อมกับทิศทางที่เธอกำลังตรงมาหาเขามันให้ความรู้สึกเหมือนจะมีคำสี่คำปรากฏขึ้นมา: ไม่ใช่คนดีโมเมนตัมที่น่ากลัวนั้น ทำให้หยางซูถึงขั้นต้องก้าวถอยหลังซูหรานก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวคนหนึ่งล่าถอย อีกคนก้าวไปข้างหน้า ไม่นานหยางซูก็ถูกบังคับให้ต้องมาหยุดอยู่ที่ทางลงบันได ความเย่อหยิ่งที่ต้องการคำขอโทษจากซูหรานเมื่อสักครู่นั้น ก็ได้หายไปจนหมดสิ้นในที่สุดก็มาถึงจุดที่เป็นทางเดิน ที่กว้างพอจะให้คนคนหนึ่งเดินผ่านได้ ซูหรานก้าวเท้ายาว ๆ เดินผ่านสิ่งกีดขวางนี้ และเดินตรงกลับไปยังทางเข้าห้องของเธอขณะที่กำลังเดินเข้าประตูไป ซูหรานก็หันกลับมามองหยางซู แล้วพูดเป็นนัยว่า: “คุณชายซูอย่างมัวมาเสียเวลากับฉันเลยค่ะ หากว่าคุณชายซูเบื่อ น้องอินอินอยู่เป็นเพื่อนคุณได้นะคะ”ทันทีที่ซูหรานพูดจบ สายตาของเธอก็มองไปยังชั้นล่างด้วยแววตาที่ดูคลุมเครือณ ประตูห้องโถงใหญ่ ไม่รู้ว่าซูอินยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้วหยางซูมองตามสายตาของซูหราน และเห็นเข้าก
ซูหราน......เธอออกมาทำอะไร?เธอกำลังมองมาทางนี้ เหมือนว่าสายตาของเธอจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อซูอินนึกถึงตอนที่ตัวเองเพิ่งจะออกมาจากห้องของหยางซู จู่ ๆ เธอก็รู้สึกอายขึ้นมา แต่ไม่นานก็รีบเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว“ฉันก็แค่จัดแจงห้องให้ลูกพี่ลูกน้องก็เท่านั้น”ซูอินพยายามอธิบายเพื่อปกปิดพิรุธตัวเองแววตาของซูหรานกลับเป็นการมองเหยียดเธอถอนสายตา ก่อนที่จะเดินกลับห้องไป ไม่คิดแม้แต่จะชายตามองเธอต่อด้วยซ้ำในเวลานี้ ซูอินรู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตบอย่างแรงเข้ามาที่ใบหน้าจนเกิดเสียงดังลั่นนี่เธอหมายความว่ายังไงกัน?ซูอินรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก อยากที่จะตรงไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง ว่าเธอมีสิทธิ์อะไรมองตนแบบนั้น และมีสิทธิ์อะไรมาเมินเธอแบบนี้แต่หลังจากก้าวไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว เธอก็กลับยังคงห้ามใจเอาไว้หยางซูอยู่ในห้องพักแขก เย่ถิงเซิน เย่ซือเหยียน หรือแม้แต่คุณท่านเย่เองต่างก็อยู่ในห้องของตัวเองเมื่อใดก็ตามที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นตรงบริเวณทางเดิน ทุกคนก็จะแตกตื่นทันทีสถานการณ์ปัจจุบัน ในสายตาของคุณท่านเย่มีเพียงซูหรานคนเดียวเท่านั้นยังไม่ถึงเวลาที่
เหตุผลที่เธอมาที่นี่ก็เพราะเขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย!เหมือนว่าฟู่จิ้นหานจะได้รับบาดเจ็บ เมื่อนึกถึงความเกลียดชังที่ซูหรานมีต่อ “ฟู่จิ้นหาน” ในใจก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันทีที่ได้พบหน้าเธอ เขาก็แทบไม่สามารถควบคุมความปรารถนาที่เขามีต่อเธอเอาไว้ได้ แต่เขาก็กลับลืมไปว่าเธอหลีกเลี่ยงคุณชายสามฟู่ราวกับว่าเขาเป็นงูพิษ ถึงขั้นหลบหน้าเขาทุกครั้งที่เจอเลยด้วยซ้ำ เหตุผลที่เธอยอมมาพบเขา ก็เป็นเพราะเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเย่ซิงหลาน!“ผมขอโทษ”ฟู่จิ้นหานพยายามต่อต้านความรู้สึกเจ็บแปลบในใจเอาไว้ แล้วปล่อยมือออกฝ่ามือสูญเสียความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ ราวกับว่าความว่างเปล่ากำลังกลืนกินจิตใจท่าทีของซูหรานกลับดูโล่งอก แต่ก็บังเอิญสบเข้ากับสายตาที่ดูซับซ้อนของเขา มันร้อนราวกับโดนไฟลวก หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองทำตัวแปลก ๆ จึงรีบเลี่ยงการจ้องมองซูหรานด้วยความรู้สึกผิด เขาถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนที่จะรีบเดินเข้าห้องรับแขกไปภายในห้องนั่งเล่นทั้งสะอาดและเป็นระเบียบ แสดงให้เห็นร่องรอยของการพักอาศัย เขา......อยู่ที่นี่มาตอลดเลยงั้นเหรอ?ซูหรานรู้สึกประหลาดใจอย่างบ
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ เสียงที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ก็ดูมืดมนลง แสดงความไม่อดทนออกมา “พูดพล่ามอะไรอยู่? ตระกูลไหนมีบ้าง?”เห็นได้ชัด ว่าฉินฟั่งเดาได้ถูกต้องคุณชายรีบร้อนเรื่องงานเลี้ยงเข้าสังคมขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกับคุณผู้หญิง!เกรงว่าคงอยากจะออกเดทในงานเลี้ยงแน่นอนเมื่อรู้ว่าสถานการณ์เป็นเรื่องเร่งด่วน ฉินฟั่งเองก็ไม่กล้ารอช้า “คุณชาย ผมขอเวลาหนึ่งนาทีครับ”หลังพูดจบ ก็วางสายไปนาทีต่อมา ฉินฟั่งก็โทรกลับมาที่โทรศัพท์มือถือของฟู่จิ้นหานพร้อมกับข่าวที่สืบได้ก่อนที่ฟู่จิ้นหานจะทันได้เปิดปากถาม ฉินฟั่งก็รีบรายงานขึ้นทันที “คุณชายครับ วันนี้มีที่ไหนจัดงานเลี้ยงเข้าสังคมเลยครับ แต่ว่า มีตระกูลหนึ่งจัดงานเลี้ยงร้อยวันให้กับทารกแรกเกิดครับ......”“ที่อยู่”ก่อนที่ฉินฟั่งจะทันได้พูดจบ ฟู่จิ้นหานก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามต่อราวกับว่าเขาต้องการแค่ความจริงที่สามารถหักล้างข้อแก้ตัวที่เขาพูดกับซูหรานได้ก็เท่านั้น ส่วนจะเป็นตระกูลไหนนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยฉินฟั่งส่งที่อยู่ไปยังโทรศัพท์มือถือของเขาอย่างรวดเร็วเมื่อฟู่จิ้นหานนึกถึงเรื่องที่วันนี้เขาได้พบกับซูห
เมื่อสังเกตเห็นว่าหยางซูเริ่มขมวดคิ้ว ซูอินก็ตระหนักถึงท่าทีของเธอได้ในทันทีเธอรีบระงับความรู้สึกผิดเอาไว้ แต่แสร้งทำเป็นอธิบายด้วยท่าทีสงบนิ่ง: “คุณตาก็แค่ลืมเท่านั้น ฉันไม่โทษท่านหรอกที่จำฉันไม่ได้ ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวท่านก็จะดีขึ้น จนสามารถจำฉันได้ จำหลานสายแท้ ๆ ของท่านได้”ไม่ใช่ซูหรานที่ถูกเข้าใจผิดว่าคือฉินเหยียนแต่ท่าทีที่รู้สึกผิดของเธอนั้น ไม่สามารถเล็ดลอดไปจากสายตาของหยางซูได้หยางซูยิ่งรู้สึกแปลกในใจมากขึ้นเรื่อย ๆโดยเฉพาะซูอินแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขารีบขจัดความสงสัยในใจทิ้ง และปลอบซูอินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่จะต้องกลับมาจำได้อย่างแน่นอน”จะกลับมาจำได้จริง ๆ งั้นเหรอ?ขนตาของซูอินเริ่มสั่นเทา แต่ความรู้สึกผิดที่ซ่อนอยู่ในใจของเธอยังคงอยู่สำหรับเธอแล้ว การที่เขากลับมาจำทุกอย่างได้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี และทางที่ดีที่สุดก็คือ......เหมือนว่าในหัวซูอินจะนึกอะไรออก จู่ ๆ เธอก็มองไปที่หยางซู และจงใจแสดงความผิดหวังออกมาผ่านสายตา“ก่อนหน้านี้คุณปู่ยังบอกอีกว่าจะฉลองวันเกิดให้ฉัน ท่านบอกว่า ในวันเกิดปีแรกที่ฉันได้กลับตระกูลเย่ ท่านจะพาฉันกลับไปเยี่ยม