อารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนนี้ตกอยู่ในสายตาของคุณปู่เย่ ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นสายตาของคุณปู่เย่วูบไหว"เอ่อ... มันเสียหายโดยไม่ตั้งใจน่ะ"คุณปู่เย่ไม่กล้ามองตาซูหรานความผิดหวังที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา ทำให้ซูหรานอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า "ฉันขอลองซ่อมแซมได้ไหมคะ?"คุณปู่เย่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบตอบทันที "ได้สิ แน่นอน"หลังจากสอบถามซูหรานเกี่ยวกับวัสดุที่ต้องใช้ในการซ่อมแซม คุณปู่เย่ก็เรียกพี่จางมาไม่นาน เข็มและด้ายก็ถูกเตรียมพร้อมและส่งมาที่หน้าซูหรานซูหรานถือเข็มและด้าย เธอรู้ว่าตัวเองสามารถออกแบบเสื้อผ้าได้ แต่สำหรับการเย็บปะและซ่อมแซม เธอไม่มั่นใจเลย แต่พอได้รับเข็มและด้ายในชั่วขณะนั้น ในสมองของเธอก็เหมือนมีแผนการซ่อมแซมสร้างขึ้นมาทันทีซูหรานนำชุดราตรีลงมาจากราวแขวน ใช้โต๊ะเขียนหนังสือในห้องเป็นโต๊ะทำงานเลือกด้าย จับคู่สี ร้อยเข็ม แล้วทุกฝีเข็มที่ลงบนชุดราตรี ซูหรานต่างมีสมาธิอย่างยิ่ง ราวกับว่าทุกสิ่งรอบข้างไม่มีอยู่ ในสายตาของเธอมีเพียงงานซ่อมแซมในมือเท่านั้นคุณปู่เย่นั่งอยู่ข้างๆ มองดูซูหรานซ่อมแซมทีละฝีเข็มอย่างเงียบๆในตอนนี้ ไม่ใช่แค่คุณปู่เย่เท่านั
เป็นอย่างนี้นี่เอง?ซูหรานและซูอินเคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง การที่เธอเห็นลวดลายนั้นบนตัวของซูอินจึงเป็นเรื่องปกติที่สุดแต่คุณปู่เย่มองซูหรานอีกครั้ง และยังคงต้องการยืนยันด้วยตัวเอง "เป็นอย่างที่เธอพูดจริงหรือ?"ในสมองของซูหรานก็เกิดความสงสัยเป็นอย่างที่ซูอินพูดจริงหรือ?สัญชาตญาณบอกว่าไม่ใช่ เพียงเพราะคำพูดของซูอินคนนี้ ในจิตใต้สำนึกของเธอไม่อยากเชื่อแม้แต่ประโยคเดียวซูหรานนิ่งเงียบ ยังคงขมวดคิ้วอยู่เธอก็กำลังคิดว่าตัวเองปักลวดลายนั้นออกมาได้อย่างไรเมื่อนึกย้อนอย่างละเอียด ตอนที่เธอปักนั้นเธอมีสมาธิเต็มที่ คิดแต่เพียงว่าจะซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้ดีได้อย่างไร ลวดลายนั้นแทบจะไม่ผ่านความคิดของเธอเลย แต่กลับปักออกมาได้อาจเป็นไปได้ว่าในความทรงจำที่ถูกลืมไป มีลวดลายนี้อยู่จะต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถึงได้ฝังลึกอยู่ในกระดูกและปฏิกิริยาของคุณปู่เย่ แสดงว่าลวดลายนี้อาจจะสำคัญมากสำหรับคุณปู่เย่เช่นกันความเงียบปกคลุมทั่วห้องการที่ซูหรานไม่ตอบ ทำให้ซูอินรู้สึกไม่พอใจในใจ แต่ตามหลักแล้วซูอินไม่ควรรู้ว่าคุณปู่เย่กำลังซักถามซูหรานเกี่ยวกับลวดลายนั้นดังนั้นเธอจึงต้องแสร
ในฐานะเป็นวันเกิดของคุณปู่เย่ แขกต่างก็รอคอยที่จะได้เห็นคุณปู่ออกมาปรากฏตัวComment by -: คุณปู่เย่นั่งบนลิฟต์แก้ว ค่อยๆ ลอยมาจากชั้นสองสายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ตัวเขาก่อนลงจากลิฟต์ คุณปู่เย่ให้พ่อบ้านช่วยพยุงเขายืนขึ้น เมื่อเขายืนขึ้นมา ทุกคนก็พบว่าเขาสวมใส่ชุดนั้นใบหน้าของเย่ถิงเซินก็ไม่อาจปกปิดความตะลึงชุดนั้นเพิ่งเสียหายไปเมื่อเมื่อคืนนี้ แล้วทำไมถึง...เมื่อเห็นคุณปู่เย่ก้าวออกจากลิฟต์ เย่ถิงเซินก็รีบก้าวเข้ามา ช่วยพยุงคุณปู่เย่"คุณปู่ ชุดนี้..." ขณะอยู่ข้างกายคุณปู่เย่ เย่ถิงเซิน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถาม"ซูหรานแก้ไขมาให้" เสียงของคุณปู่เย่ค่อนข้างอ่อนโยนเย่ถิงเซินก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองที่มุมของชุดที่เคยเสียหาย แม้จะดีใจที่คุณปู่ได้สวมใส่ แต่สีหน้าของเขาก็มิอาจซ่อนความเครียดตึงเครียดเอาไว้ได้ซูหรานมาแล้วหรือ?เขาทำไมถึงไม่เห็น?เย่ถิงเซินมองตามหาอย่างรวดเร็วในกลุ่มคน แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของซูหรานเลยเขาไม่รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองยุ่งอยู่กับการต้อนรับแขก จึงมักพลาดที่จะพบซูหรานในหลายครั้งเมื่อไม่พบซูหรานจริง เย่ถิงเซินก็รู้สึกกังวลเพิ่มขึ้นอีก แต่ในตอนนี้เขาก็
พ่อบ้านเปิดสมุดตระกูล และคุณปู่เย่ก็เขียนคำว่า "เย่อิน" ด้วยตัวเองซูอินรู้สึกตื่นเต้นมากหลังจากเปลี่ยนชื่อและเข้าสมุดตระกูลตระกูลเย่ เธอก็กลายเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลเย่อย่างเต็มตัวสายตาของซูอินอดที่จะมองต่อไปไม่ได้ และเมื่อเห็นชื่อ "ฉินเหยียน" เธอก็แสยะยิ้มในใจเธอได้ยินจากป้าเหลียนว่า ในช่วงวัยเด็กเย่ซิงหลานถูกทอดทิ้งที่อำเภอหลิ่วเจิ้น และถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลฉิน หลังจากนั้นก็ถูกตระกูลเย่พาตัวกลับ เมื่อกลับมาได้ไม่นานเธอก็กลับไปที่อำเภอหลิ่วเจิ้นอีกครั้งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เย่ซิงหลานถึงได้เปลี่ยนชื่อจากฉินเหยียนเป็นเย่ซิงหลานและไม่รู้ว่าเธอมีความสามารถจากไหน ถึงได้ลบร่องรอยการเปลี่ยนชื่อได้ไม่มีใครสามารถหาความเชื่อมโยงระหว่างเย่ซิงหลานกับฉินเหยียนได้ นั่นทำให้พวกเธอมีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์เมื่อคิดถึงการครอบครองทุกสิ่งที่ควรเป็นของซูหรานในตอนนี้ ซูอินรู้สึกตื่นเต้นท่ามกลางเสียงแสดงความยินดีจากแขกผู้มาเยือน ซูอินอดไม่ได้ที่จะมองหาตัวของซูหราน และในที่สุดก็เห็นเงาหนึ่งเดินเข้ามาในห้องโถงจากภายนอก...“พี่หรานหราน…”ดูเหมือนว่าจะกลัวว่าเธอจะเห็นชื่อ "ฉินเหยียน" ในสมุด
“ฉันอายุมากแล้ว มีโอกาสเข้าไปจัดการเรื่องของตระกูลเย่น้อยเต็มที อินอินเป็นสายเลือดเดียวของฉัน…”คำกล่าวนี้ทำให้ทุกคนในห้องใจเต้นระรัวการเริ่มต้นแบบนี้ คงจะเป็นการอ่านพินัยกรรมแน่ ๆแขกจากสื่อที่อยู่ในสถานที่ต่างก็หยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมา นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ ที่เมื่อแพร่ออกไปจะต้องสั่นสะเทือนวงการธุรกิจทั้งหมดคุณปู่เย่มองซูอินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู และพูดต่อว่า “อินอินชอบการออกแบบ และเธออยากที่จะฝึกฝนตัวเอง ต่อไปก็ให้เธอไปที่บริษัทอัญมณีตระกูลเย่ ทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ”“ถิงเซิน ซือเหยียน พวกเธอทั้งสองต้องช่วยเหลือน้องสาวให้ดี”ในห้องโถงเงียบสงัดดูเหมือนว่าทุกคนยังคงรอให้คุณปู่เย่ประกาศเรื่องที่สำคัญกว่าแต่เมื่อผ่านไปนาน เสียงของคุณปู่เย่ก็ไม่ได้ดังขึ้นอีกโดยพลัน ในความเงียบสงัดนั้น เริ่มปรากฏความเงียบที่เต็มไปด้วยความพิกลแปลกประหลาดซูอินเตรียมพร้อมที่จะรับสายตาชื่นชมจากแขก และตั้งใจจะอวดซูหรานกับสถานะที่สูงส่งและยากจะเอื้อมถึงของเธอ แต่คุณปู่เย่กลับพูดอะไรออกมานะ?อะไรที่ว่าชอบการออกแบบ อยากจะฝึกฝนตัวเอง?ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายออ
ภายใต้สายตาแบบนั้น เย่ซือเหยียนจะหาทางแก้ตัวได้ยังไงอีก?เธอเห็นเย่ถิงเซินเดินตรงมาทางนี้อยู่ไม่ไกลนัก เย่ซือเหยียนยิ่งไม่อยากอยู่ให้เสียหน้าไปมากกว่านี้เธอจึงพยายามฝืนยิ้ม แล้วเดินจากไปอย่างรู้จุด"ฮึ!"ซูหรานระบายความอึดอัดออกมาเสียงเบา ก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่ำของผู้ชายจากด้านหลังเธอหันกลับไปเห็นเย่ถิงเซินที่ใส่ชุดสูท สง่างามและดูดีมาก ดวงตาและรอยยิ้มของเขาเปลี่ยนไปในพริบตาอย่างจริงใจ "พี่ชายเย่ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกคุณว่าฉันจะมาที่นี่วันนี้"ซูหรานรู้สึกผิดอยู่บ้างเย่ถิงเซินไม่ได้ส่งบัตรเชิญให้เธอเพราะไม่อยากให้เธอมาที่นี่ใช่ไหม“ฉันเป็นห่วงว่าถ้าคุณมานี่อาจมีคนทำให้คุณลำบากได้ วันนี้ฉันมีหลายเรื่องต้องดูแล กลัวว่าจะดูแลคุณไม่ทั่วถึง จะทำให้คุณเสียเปรียบ”เย่ถิงเซินอธิบายอย่างเร่งรีบแต่เมื่อเห็นว่าเย่ซือเหยียนเลี่ยงไปก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่คุณปู่ประกาศไว้ ก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่ “หรานหราน ถ้าคุณไม่อยากมาที่บริษัท คุณไม่ต้องมาก็ได้ ทางอินอินนั้นฉันจะจัดการเอง”คำพูดแฝงไปด้วยความห่วงใยต่อซูหราน กลัวว่าเธอจะโดนซูอินรังแกซูหรา
ซูหรานเห็นว่าคุณปู่เย่อยู่คนเดียว รีบเดินไปช่วยเข็นรถเข็น"ท่านมาที่นี่ได้ยังไงคะ? ท่านออกมารับอากาศสดชื่นเหรอ?"ซูหรานพยายามหาเรื่องคุย แต่คุณปู่เย่ตอบตรงไปตรงมา “ฉันมาหาเธอน่ะ”มาหาเธอ?"ท่านมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?" ซูหรานลองถามถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเธอเองก็มีเรื่องจะคุยกับท่านช่างพอดีจริงๆ!ซูหรานคิดว่ารอให้คุณปู่เย่พูดธุระของท่านจบก่อน แล้วเธอจะขอคืนตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบแต่คุณปู่เย่พูดขึ้นว่า “ครั้งก่อนที่โรงพยาบาล เรื่องที่เธอพูด ฉันจะถือว่าเธอไม่ได้พูดมัน”“อินอินเป็นน้องสาวของเธอ พวกเธออาศัยอยู่ในบ้านซูมาด้วยกันหลายปี มันคือโชคชะตา จากนี้ฉันหวังว่าพวกเธอจะดูแลกันและกัน เธอลองหาโอกาสขอโทษอินอิน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”น้ำเสียงของคุณปู่เย่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรักแต่คำพูดเหล่านั้น ซูหรานฟังก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น“หรานหราน...”“คุณปู่คะ กรุณารอสักครู่ค่ะ”เมื่อคุณปู่เย่กำลังจะพูดต่อ ซูหรานก็ขัดจังหวะเขาเรื่องที่พูดที่โรงพยาบาลมันคืออะไร?ทำไมเธอต้องหาโอกาสไปขอโทษอินอิน?เกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เธอต้องขอโทษซูอินจริงๆ หรือ?แล้วความทรงจำที่หายไปนั้น.
ซูหรานมองตาสามีสุดหล่อของเธอพร้อมปลอบให้สบายใจ "ไม่เป็นไรค่ะ"แม้จะพูดเช่นนั้น แต่หลังจากความเจ็บปวดในใจชั่วขณะนั้น ความไม่สบายใจก็ยังไม่หายไป ความไม่สบายใจนั้นยังคงค้างอยู่ในใจ จนแม้แต่รอยยิ้มก็ยังดูฝืนๆฟู่จิ้นหานสังเกตเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของเธอ เขาวางมือใหญ่ๆ ลงบนมือนุ่มของเธอ "มีฉันอยู่ที่นี่"มีเขาอยู่ เธอจะไม่มีวันตกอยู่ในอันตรายทั้งสองสบตากันแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องโถงใหญ่ภาพด้านหลังของทั้งสองกระแทกตาเซียวหยุนเจินอย่างยิ่ง"พวกเขา... ช่างไม่เหมาะสมกันเลยจริงๆ!" เซียวหยุนเจินขมวดคิ้วและให้ความเห็นโดยนัย หมายถึงฟู่จิ้นหานไม่คู่ควรกับซูหรานเมื่อนึกถึงคำพูดของซูหรานเมื่อครู่ เซียวหยุนเจินก้มมองลงไปที่มือนุ่มขาวของเวินฉิงหนุ่มหล่อสาวสวยงั้นหรือ?เขากับเวินฉิง ไม่เคยเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเลยเขาสลัดความคิดในหัวออก ก้าวเข้าไปในประตู มุ่งหน้าไล่ตามเงาสองคนนั้นภายในห้องโถงใหญ่ ทุกคนต่างสังเกตเห็นแขกสองคนที่มาถึงอย่างกะทันหันไม่รู้จักตัวตนของทั้งสอง แต่แค่ดูจากบรรยากาศที่พวกเขามี ก็รู้ว่าไม่ธรรมดาผู้ที่รู้จักพวกเขา กลับเพราะแรงดึงดูดที่ทรงพลัง ไม่กล้าเข้าใกล้พูดคุ
คิดจะใช้มุกนี้อีกแล้วเหรอ?ตีเธอหรือด่าเธองั้นเหรอ?ในเมื่อเธอขอมาแบบนี้ เช่นนั้นเธอก็จะสนองความต้องการให้เธอได้สมใจเอง!“เธอ......” มานี่ซูหรานยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จิ้นหานก็ได้ส่งสัญญาณให้ฉินฟั่งเสียก่อนเรื่องทำร้ายคนแบบนี้ ทำไมต้องให้ซูหรานเป็นคนลงมือด้วยตัวกันล่ะ?ฉินฟั่งก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาอันรวดเร็วนั้น เขาก็ได้ตบหน้าซูอินไปหนึ่งทีเสียงเพี๊ยะดังขึ้น ไม่มีความปรานีใด ๆ ซูอินเดินเซจนแทบล้ม ยากที่จะทรงตัวเอาไว้ได้ ในหัวขาวโพลนไปหมด เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ เท่านั้นใครกัน......ที่กล้าทำร้ายเธอได้ถึงขนาดนี้? !ทันทีที่ซูอินได้สติกลับมา เธอจึงมองไปที่ฉินฟั่งด้วยความโกรธฉินฟั่งได้รับการฝึกฝนมา เขาได้ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งที่บริษัทชิงอวิ๋น แถมยังได้รับอิทธิพลจากฟูจิ้นหานที่มีความเด็ดขาดในการต่อสู้อีกด้วย เพียงแค่สายตาเดียว ความกดดันของซูอินก็ถูกลดทอนลงไปทันทีแต่จะให้ซูอินยอมได้อย่างไร?เธอเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ ของตระกูลเย่ ฉินฟั่งคนนี้......ก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ข้างกายฟู่จิ้นหานเท่านั้นต่อให้การตบเธอจะเป็นความต้องการของฟู่จิ้นหาน แต่มีคนมากมายอยู่ด้วยขนาดนี้ ห
ไม่จำเป็นต้องแก้ไขพินัยกรรมงั้นเหรอ?ซูอินดีใจมาก รู้สึกเหมือนได้รับความมั่นใจมากขึ้นแน่นอนว่าขอแค่เธอยังเป็นลูกสาวของฉินเหยียนอยู่ คุณท่านเย่ก็จะเห็นแก่หน้าฉินเหยียน และยอมรับทุกอย่างที่เป็นเธอครั้งนี้ ไม่ว่าคุณท่านเย่จะรอดมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงพินัยกรรมของคุณท่าน เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนกันหมดแล้วคุณท่านเย่ได้มอบทุกอย่างของตระกูลเย่ให้กับเธอ แม้ว่าวันนี้เธอจะยังไม่ได้รับช่วงต่อจากตระกูลเย่ แต่เธอก็ยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวอยู่ส่วนคนพวกนี้......ซูอินรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกถึงวิดีโอเมื่อกี้แล้ว ซูอินจึงหันไปมองซูหรานที่อยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ทันทีในตอนนี้ เธอไม่มีเวลามามัวคิดว่าคลิปวิดีโอนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการใช้ประโยชน์จากอำนาจเสียงของคุณท่าน เพื่อช่วยลบข้อครหาและปฏิเสธว่าคนในคลิปไม่ใช่เธอน้ำสกปรกนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องสาดไปที่ซูหรานให้ได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูอินก็ขมวดคิ้วทันที “หนูไม่สนใจของนอกกายพวกนั้นหรอกค่ะ แต่ถ้าหากแม่ของหนูที่อยู่บนสวรรค์รู้ว่าหนูถูกใส่ร้ายด้วยคลิปวิดีโอนั้น จนทำ
น้ำเสียงนั้นดูทุ้มต่ำ แต่ก็มีความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ปนอยู่ซูอินเงียบและไม่มีการตอบสนองอยู่นาน ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้น ก็กลับมีสีหน้าที่ดูต่างกันออกไปพวกเขาเพิ่งจะได้ยินอะไรกันแน่?เย่ซินกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะกอดแขนตัวเองแน่น ราวกับพยายามขับไล่ความหนาวของเมื่อครู่นี้ที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายออกไปเธอหูฝาดไปรึเปล่านะ?เสียงนั้นน่ะ คือเสียงของคุณท่านจริง ๆ!แต่เห็น ๆ อยู่ว่าคุณท่านเสียชีวิตไปแล้ว แล้วร่างก็กำลังนอนอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย จะมีเสียงออกมาได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงคำว่า “วิญญาณ” ขึ้นมา เย่ซินก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นตัวและเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ก็กลับยิ่งทำให้เย่ซือเหยียนมั่นใจในข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ได้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการแสดงในวันนี้มีซูอินที่เป็นเป้าหมาย!เย่ซือเหยียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นว่าทั้งเย่ถิงเซินและหยางซู พวกเขาสองคนไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ มากนักต่อเสียงของคุณปู่ในตอนนั้นเธอก็รู้ได้ในทันที ว่าทั้งสองคนเองก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ด้วยเช่นกันส่วนซูอิน......ตอนนี้ ในหัวของซูอินมันขาวโพลนไปหมดเธอเ
หน้าตาที่ดูไร้เดียงสาและอ่อนแอของซูอินแข็งทื่อทันทีชั่วขณะหนึ่ง เหมือนว่าหน้ากากนั้นของเธอจะถูกเจาะจนทะลุ สีหน้าเธอดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ “พี่ซู พี่หมายความว่ายังไง?”“ฮึ หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ? น้องอินอิน เธอคงไม่คิดว่าทุกคนจะโง่กันหมดหรอกใช่ไหม? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็เดาได้แล้ว ว่าเธอเป็นคนยังไง ต่อหน้าก็แสร้งทำตัวไร้เดียงสาและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง ใจกลับดำมืดเต็มไปด้วยแผนการ คุณสนุกกับการใช้หน้ากากที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกลวงทุกคน ฉันก็เลยเล่นตามน้ำกับเธอไป แกล้งทำเป็นเชื่อในความดีและความไร้เดียงสาของเธอ”เสียงของหยางซูดังกึกก้องทั่วทั้งศาลาไว้ทุกข์ซูอินฟังแล้วก็รู้สึกบาดหูเป็นพิเศษในตอนนี้ ใบหน้าที่เคยแสดงความไร้เดียงสาของเธอก็เริ่มมีความโกรธปรากฏขึ้นมานิดหน่อยที่อยางซูจะบอกก็คือ ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอ มันเป็นเพียงแค่การแสดงอย่างนั้นน่ะเหรอ?แล้วที่เมื่อวานเขารับปากเธอว่าจะใช้เส้นสายเรียกทนายอู๋มาล่ะ มันเพื่ออะไรกัน?มีคนอื่นอยู่ด้วย ซูอินจึงไม่สะดวกที่จะถามออกมาแต่เมื่อเธอจ้องไปที่ตาของหยางซู กลับทำให้หยางซูเข้าใจในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร และคิดจะ
ฟู่จิ้นหานก้มหน้าสบตากับซูหรานแววตาของเธอดูมั่นคง มือที่กำเสื้อตรงหน้าอกของเขาก็ยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ฟู่จิ้นหานรู้สึกกังวลในใจไม่หาย แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่สามารถขัดขืนซูหรานได้ฟู่จิ้นหานวางเธอลง แต่แขนของเขายังคงโอบเอวเธอเอาไว้อยู่ ท่าทางที่เขาปกป้องเธอนี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความคิดที่แตกต่างกันออกไปคนที่ตกใจและประหลาดใจที่สุด ก็คือเย่ซินฟู่จิ้นหาน......ผู้นำคนใหม่ของฟู่ซือกรุ๊ปคนนี้ เย่ซินเคยเห็นมาก่อนเขาจัดการกับฟู่ซือกรุ๊ปด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันในจิงเฉิง แค่เธอได้ยินก็รู้สึกขนลุกทุกคนต่างก็พูดกันว่าฟู่จิ้นหานเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แววตาของเขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ บ้างก็เหลือบมองไปยังอีกด้าน แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเฉียบขาดในทันทีท่าทีที่ฟู่จิ้นหานปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้พิเศษมากจริง ๆเย่ซินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่จิ้นหาน และนึกถึงชื่อที่พวกเขาเพิ่งจะเรียกเธอขึ้นมาเมื่อกี้หรานหราน......ซูหราน......เธอคือหลานสาวที่คุณท่านรับอุปการะมา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียดถึงจะฟังไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร แต่ก็กลับฟังออกว่าบรรยากาศค่อนข้างจะเข้มข้นภายใต้เสียงร้องของหญิงสาว กระทั่งการพูดด้วยคำพูดที่ดูเปิดเผยต่าง ๆ ทำให้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นแค่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วซูอินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และแอบบ่นลินเยว่เยว่ที่ทำการแปลงเสียง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ต่อให้จะฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของซูหราน แต่ภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นซูหราน ยังไงก็มีผลลัพธ์เดียวกัน!ซูอินเหลือบมองไปที่เย่ถิงเซินเธออยากเห็นมากที่สุด ก็คือปฏิกิริยาของเย่ถิงเซินหลังจากที่เขาเห็นว่าคนในคลิปคือซูหราน แต่เย่ถิงเซินเพียงแค่ขมวดคิ้ว และมีสีหน้าที่ดูไม่พอใจเท่านั้น เขากลับไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาสักทีดูเหมือนว่าเย่ซินจะตกใจกับภาพที่เธอเห็นมาก เธอจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างงงงวยภายในห้องไว้ทุกข์ เสียงของหญิงสาวยังคงดังกึกก้องอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาด ก็มีคนที่สองที่หยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้อ่า......เสียงที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็ดัง
“พวกเขาจะทำอะไร?”ในหัวเย่ซือเหยียนยังคงคิดไม่ตก ไม่สามารถคาดเดาภาพรวมของเรื่องราวได้เลยแต่เธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง: หากคุณท่านยังไม่ตายจริง ๆ เช่นนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็คือกับดักและกับดักนี้ ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อใครอย่างนั้นเหรอ?เย่ซิน? ตัวเธอ? หรือว่า......ซูอิน?เย่ซือเหยียนรู้สึกโชคดีที่เธอค้นพบเรื่องนี้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น เธอก็อาจจะตกหลุมพรางไปด้วยส่วนซูอิน......ความเกลียดชังสะสมอยู่ในดวงตาของเย่ซือเหยียนไม่ว่ากับดักนี้จะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับใครก็ตาม วันนี้ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในตอนนั้นแทบจะในทันที เย่ซือเหยียนโทรหาสายสายหนึ่ง และสั่งการกับคนที่อยู่ปลายสายหนึ่งประโยค หลังจากวางสาย ในใจเย่ซือเหยียนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป......ในขณะเดียวกัน ณ ศาลาไว้ทุกข์ ซูอินยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอาการเป็นลมของเย่ซือเหยียนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากรอจนกระทั่งพ่อบ้านจัดแจงให้คนพาเย่ซือเหยียนออกไป ซูอินก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ทนายอู๋ แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกกลัวว่าจะมีคนเห็นความลนลานของเธอ เธอจึงไม่กล้าพู
ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่ในที่นั้นนอกจากท่านท่านเย่แล้ว ก็มีเพียงเย่ถิงเซินเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้การกระทำนี้ ทำให้ซูอินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เธอคือผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลเย่ และนอกจากนี้ ทนายความอู๋คนนี้เองก็เป็นพยานในการทำพินัยกรรมของคุณท่านเย่อีกด้วย เขาก็ควรจะรู้ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากพินัยกรรมของคุณท่านคือใครเขาควรถามเธอ และให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจสิถึงจะถูกเขากลับถือหางให้เย่ถิงเซินเป็นตัวหลักแต่ไม่นาน ซูอินก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่ทนายอู๋คนนี้เป็นคนที่มีตาแต่ไร้แวว รอให้ประกาศพินัยกรรมออกมาก่อน ว่าเธอคือผู้สืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเย่ จะทำให้คนเหล่านี้ต้องตื่นตระหนกอีกครั้งแน่นอน“เชิญทนายประกาศได้เลยครับ”คำพูดของเย่ถิงเซินแต่ละคำ ทั้งหนักแน่นและชัดเจนทนายความอู๋เปิดถุงเอกสารที่ปิดผนึกเอาไว้ท่ามกลางสายตาของทุกคน และนำพินัยกรรมที่อยู่ข้างในออกมา“ฉัน เย่ชิงเหอ ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน จะถูกสืบทอดโดย......”ทนายความอู๋กำลังอ่านเนื้อหาของพินัยกรรม ทุกคนในศาลาไว้ทุกข์ต่างก็ตั้งใจฟัง และเมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของทุกค
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”หยางซูจ้องมองไปที่ซูอิน เขาจะไม่บอกกับเธอ ว่าทนายคนนั้นได้อยู่ที่ไห่เฉิงเรียบร้อยแล้วทันทีที่คุณท่านกลับมาที่ไห่เฉิง ก็ได้ให้ทนายรีบมาที่นี่อย่างลับ ๆและการกระทำของซูอินในคืนนี้ ดูท่าแล้ว คุณท่านเองก็น่าจะมองสถานการณ์ออกตั้งแต่แรกแล้วเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนจากหยางซู ซูอินก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมเธอไม่กล้าที่จะลำพองตัวมากเกินไป เหมือนว่าเธอจะรู้สึกพอใจมาก จึงถอนหายใจออกมา “การที่สามารถทำตามความปรารถนาของคุณปู่ได้ ก็ถือเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำเพื่อคุณปู่ได้แล้วล่ะค่ะ”ซูอินลดสายตาลง ให้ดูเหมือนว่าเธอไม่มีความต้องการอะไรเลยจริง ๆแต่หยางซูกลับรู้จักธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้แล้วในที่สุดหยางซูก็ไม่สามารถอดทนต่อความเกลียดชังในใจได้ เขาจึงอ้างว่าตนรู้สึกเหนื่อย และต้องการพักผ่อน จึงขอให้ซูอินออกไปก่อนเมื่อกลับมาถึงห้อง ซูอินก็รีบวางแผนทุกอย่างที่เหลือทันทีเช้าวันถัดมา ทั้งวิลล่าก็เริ่มวุ่นวายตั้งแต่เช้าแล้วเมื่อวานได้มีการกำหนดให้เผาศพวันนี้ก่อนเริ่มการเผาศพ ก็ควรไปสักการะร่างของผู้เสียชีวิตเสียก่อนภายในโลงแก้วคุณท่านนอนอยู่ข้างใน ใบหน้าดูมีชีว