ทันทีที่ซุนฉินได้สติ เธอก็ได้ขึ้นมาอยู่บนรถอีกคันแล้วเธอรู้ดี ว่าสามีของซูหรานจะต้องมาที่นี่เพื่อซูหราน เธอพยายามระงับความรู้สึกผิดเอาไว้ และซุนฉินก็สวนกลับทันที: “เธอจะทำอะไร? รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ”แจ้งความงั้นเหรอ?“ฉันช่วยแจ้งความให้แล้ว” ฟู่จิ้นหานจ้องมองโกศที่ซุนฉินกำลังถืออยู่ “ซูจี้ไห่เหรอ?”ซุนฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เริ่มใช้ทักษะการแสดงของเธอร้องไห้ออกมา“เขาก็แค่ไปคุยเรื่องธุรกิจเท่านั้น แต่ผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่กลับมา คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุ......จี้ไห่ คุณจากไปแบบนี้ ทิ้งฉันเอาไว้คนเดียว แล้วฉันจะอยู่ยังไง......”ซุนฉินร้องไห้โฮ พลางอธิบายความสัมพันธ์ของเธอให้กระจ่างชัดด้วยคำพูดดวงตาที่เย็นชาของฟู่จิ้นหานกำลังจ้องมองเธออยู่ รออยู่นานแต่ก็ไม่มีข่าวของซูหรานหลุดออกมา และตอนนี้ความอดทนของเขาก็ถึงขีดจำกัดแล้ว “ซูหรานอยู่ไหน?”“ซูหรานอะไร?” ซุนฉินแกล้งทำเป็นตกใจแววตาที่ดูว่าเปล่าของเธอเหมือนจริงมาก ราวกับว่าเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าฟู่จิ้นหานกำลังพูดถึงอะไรฟู่จิ้นหานหรี่ตาลงเล็กน้อย “เรื่องที่ซูจี้ไห่เป็นคนขับรถชนซูหรานด้วยตัวเอง
การแสดงออกของเซียวหยุนเจินค้างเติ่งอยู่ครู่หนึ่งไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้น สายตาของเหวินฉิงเองก็ฉายแววความประหลาดใจออกมาเช่นกัน แต่ไม่นาน พวกเขาก็จำคำวินิจฉัยของหมอได้:ตามร่างกายมีแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง แต่บริเวณส่วนหัวนั้น บางทีอาจถึงขั้นความจำเสื่อมได้......สถานการณ์ปัจจุบัน เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เกิดความผิดปกติของความจำ แต่เป็นการสูญเสียความทรงจำมากกว่าริมฝีปากของเซียวหยุนเจินยกขึ้นเล็กน้อย “คุณชื่อซูหราน”ซูหรานงั้นเหรอ?“แล้วคุณคือใคร?” ซูหรานถามออกไป ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวขึ้นมา เธอยกมือขึ้นมากุมศีรษะ แต่กลับพบว่าศีรษะของเธอถูกพันด้วยผ้ากอซก่อนที่เธอจะทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ชายตรงหน้าเธอก็จับมือเธอเอาไว้: “ผมเป็นสามีของคุณ เซียวหยุนเจิน”สามีของเธองั้นเหรอ?ซูหรานสบตากับเซียวหยุนเจินด้วยความตกใจแววตาของเขาทั้งอ่อนโยนและลึกซึ้ง แต่ซูหรานมักจะรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอ เธอจึงกระตุกมุมปากขึ้น และดึงมือของเธอออกจากเขาการเคลื่อนไหวในเชิงต่อต้านนี้ ทำให้เซียวหยุนเจินรู้สึกเสียใจในขณะเดียวกันนี้เอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นพ่อบ้านก็เปิดประ
ซูอินสวมชุดเดรสสีขาวที่เธอเป็นคนตัดสินใจเลือกเอง บนชุดนั้นประดับประดาไปด้วยเพชรระยิบระยับสะดุดตาท่ามกลางผู้คนมากหน้าหลายตา เธอเป็นดั่งดวงดาวเจิดจรัสส่องแสงประกายอย่างไม่มีข้อกังขา เย่ซือเหยียนมองดูท่าทีของซูอินด้วยสายตาเหยียดหยาม ทันใดนั้น เธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วไวน์ในมือแล้วพูดว่า“อินอิน ยินดีกับเธอด้วยนะ วันนี้เธอสวยมากจริง ๆ น่าเสียดายที่น้องสาวอินอินสวยขนาดนี้ แต่พี่ชายใหญ่กลับมองไม่เห็น”เย่ซือเหยียนตั้งใจพูดแทงใจดำซูอินกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นเย่ถิงเซินดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เย่ถิงเซินออกจากวิลล่าตระกูลเย่เมื่อคืน เขาก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลยอันที่จริงซูอินไม่ได้สนใจเย่ถิงเซินมากนัก แต่เธอรู้ว่าเย่ซือเหยียนต้องการจะสื่ออะไร เย่ซือเหยียนกำลังบอกเธอว่า ในใจของเย่ถิงเซิน ซูหรานนั้นสำคัญกว่าเธอแต่ทว่าซูหราน... “พี่ชาย...เขาไปไหนล่ะ?” ซูอินแสร้งทำเป็นสงสัยเย่ซือเหยียนเม้มริมฝีปาก“ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันโทรไปเขาก็ไม่รับสาย คงจะมีเรื่องสำคัญอะไรล่ะมั้ง อ้อ ใช่แล้ว เมื่อคืนหลังจากที่เขารับโทรศัพท์แล้วก็ออกไป ฉันได้ยินเขาพูดถึงซูหราน...”เย่ซือเหยียนพูดไปพลางถอนหายใ
ฟู่จิ้นหานกับเย่ถิงเซินพยายามวิ่งตามไป แต่ความเร็วของพวกเขาก็ไม่สามารถสู้ความเร็วของรถได้ เพียงพริบตา ก็มองไม่เห็นเงาของรถอีกต่อไป“มันสมควรตาย!” ฟู่จิ้นหานกัดฟันกรอดพร้อมกับสบถออกมาเซียวหยุนเจินจงใจให้เป็นแบบนี้แน่ ๆ ทันใดนั้น ก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น เซียวหยุนเจินขับรถวนกลับมาอีกครั้ง เร่งเครื่องอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ขับผ่านหน้าพวกเขาทั้งสองไปอย่างรวดเร็วฟู่จิ้นหานเห็นชัดเจนกับตาว่าเซียวหยุนเจินคลี่ยิ้มมุมปากออกมาอย่างภาคภูมิใจ แต่สิ่งที่เขาเห็นชัดไปยิ่งกว่านั้นก็คือใบหน้าของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนขับซูหราน คนคนนั้นคือซูหราน!ฟู่จิ้นหานและเย่ถิงเซินหันมองหน้ากัน ทั้งคู่เข้าใจกันในทันที พวกเขาแยกกันไปขับรถคนละคันเพื่อไล่ตามเซียวหยุนเจินในเวลานี้ เซียวหยุนเจินหลุดผิวปากออกมาด้วยความตื่นเต้นซูหรานมองเห็นรถทั้งสองคันที่กำลังขับไล่ตามมาผ่านกระจกมองหลัง พร้อมกับใจลอยถึงแม้ว่าเมื่อกี้นี้จะแค่ชั่วพริบตา แต่เธอก็สามารถเห็นใบหน้าของสองคนนั้นได้อย่างชัดเจน และรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกหลังจากนั้นสองชั่วโมง รถยนต์ก็หยุดวิ่งและจอดลงเซียวหยุนเจินพาซูหรานมาที่คลับส่วนต
“มานี่สิ...” เซียวหยุนเจินสายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เขาแทบจะรอไม่ไหวอยากจะจับมือของซูหราน แล้วไปแกว่งมือที่จับกันนั้นต่อหน้าฟู่จิ้นหานและเย่ถิงเซินตัวเขาทั้งหล่อและรวย ส่วนซูหรานก็สวยสง่าราวกับดอกไม้ พวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก ขณะที่เซียวหยุนเจินคิดว่ามือของเธอกำลังจะวางลงบนฝ่ามือของเขา ซูหรานก็ถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของเวินฉิงแทนทันใดนั้น บรรยากาศก็เย็นยะเยือกทั้งสองคนมองดูรอยยิ้มแห้ง ๆ และสีหน้าของเซียวหยุนเจินที่แตกจนหมอไม่รับเย็บ พร้อมกับมือที่ยื่นออกมานั้นก็แข็งทื่อค้างไว้อย่างเก้อเขิน“ฮ่ะ...” สุดท้ายเวินฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหลุดเสียงหัวเราะออกมา “คุณหัวเราะอะไร?” เซียวหยุนเจินมองเวินฉิงตาค้อน และมองซูหรานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังเวินฉิงจับมือของซูหรานอย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดติดตลก“ก็แค่คุณเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าเป็นคนอื่นมาปฏิบัติต่อท่านประธานของเราแบบนี้ล่ะก็ คน ๆ นั้นถ้าไม่ตายก็คงจะถูกถลกหนังออกอย่างแน่นอน ยังดีนะคะที่เป็นคุณ เพราะเขาไม่มีวันโกรธคุณหรอกค่ะ”เมื่อเป็นแบบนี้ เดิมทีเซียวหยุนเจินที่ไม่มีท่าทีที่จะโกรธจริง
พ่อบ้านสังเกตเห็นว่าเธอดูไม่ค่อยพอใจ จึงรีบอธิบาย“คุณหนูอินอิน คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ช่วงนี้อาการป่วยของคุณท่านกำเริบบ่อย สมองของท่านนับวันก็ยิ่งจำสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ คุณท่านชอบลืมเรื่องที่คุณหนูหรานหรานได้ออกจากบ้านนี้ไปแล้ว”ซูอินเพิ่งรู้ตัวว่าเธอได้เผลอแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาแล้ว ทันใดนั้นเธอก็กลับมาแสร้งยิ้มทำเป็นไร้เดียงสาและไม่มีพิษมีภัยตามเดิม “ฉันรู้ค่ะ คุณปู่จะคิดถึงพี่หรานหรานบ้าง นั่นมันก็เป็นเรื่องธรรมดา ฉันเองก็หวังให้พี่หรานหรานสามารถกลับมาหาคุณปู่ได้เหมือนกัน แต่ว่า...”ซูอินแสร้งถอนหายใจคนอื่นฟังแล้ว ก็คงรู้สึกว่าซูหรานนั้นช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลยพ่อบ้านเฒ่าก็ถอนหายใจออกมา และมองดูคุณปู่เย่อย่างเวทนาในเวลานี้คุณปู่เย่ยังคงคิดถึงแต่ซูหราน ทันใดนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้ถามพ่อบ้านออกไป “ถิงเซินล่ะ? ให้เขาโทรหาหรานหราน แล้วบอกเธอว่า ที่บ้านทำอาหารโปรดของเธอไว้เต็มเลย ให้หรานหรานกลับมากินข้าวที่บ้านด้วย ไม่สิ ให้ถิงเซินบอกหรานหรานไปตรง ๆ เลยว่า ฉันคิดถึงเธอแล้ว ให้เธอมาหาคนแก่คนนี้หน่อย”“คุณท่านครับ...”พ่อบ้านนึกถึงสิ่
ร่างกายไม่เคยลืม...ด้วยระยะห่างของทั้งคู่ที่อยู่ใกล้กันมากขนาดนี้ ซูหรานเลยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องที่เด็กไม่ควรคิด ความร้อนในตัวของเธอพุ่งสูงขึ้น ซูหรานคิดจะเอาตัวเองออกห่างจากผู้ชายคนนี้โดยอัตโนมัติแต่ทว่ามือของเขาดันล็อกท้ายทอยของเธอเอาไว้ เธอจึงทำได้แค่เงยหน้าขึ้น จากนั้นไม่นานหน้าผากของเธอก็ไปแตะโดนที่ริมฝีปากของเขาทันใดนั้น ไม่เพียงแต่ซูหรานเท่านั้น ฟู่จิ้นหานเองก็ตะลึงงันไปพักหนึ่ง ซูหรานรู้สึกว่าใบหน้าของเธอนั้นร้อนขึ้นเธอค่อย ๆ ขยับหน้าผากของเธอลง แล้วโน้มตัวลงไปซบบนหน้าอกของเขาอีกครั้ง ในตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ ซูหรานพยายามคิดหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจจากเขา เพื่อให้หลุดจากสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงตอนนี้ ทันใดนั้น เธอก็คิดอะไรบางอย่างออก และถามขึ้นมาทันทีว่า “พวกเรา...รู้จักกันได้ยังไงเหรอคะ?”บุคลิกลักษณะของผู้ชายคนนี้ดูไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียวหยุนเจินเลย ไม่แน่ว่าสถานะหรือตัวตนของเขาก็คงจะไม่ธรรมดาด้วยเช่นกันแต่จากความเข้าใจของเธอในตอนนี้ เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนน่าจะไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันมากอยู่แล้ว
คืนนั้น ซูหรานกลับไปที่เจินหลินย่วนความรู้สึกปลอดภัยที่เกิดจากความคุ้นเคยของห้อง ทำให้เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วแต่พอตกกลางดึก เธอกลับถูกความรู้สึกร้อนผ่าวปลุกให้ตื่นทันทีที่เธอได้สติ เธอก็สัมผัสได้ถึงแขนยาว ๆ ที่กำลังพันรอบเอวเธอเอาไว้อยู่ แทบจะในทันที ซูหรานลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อเปิดโคมไฟตรงหัวเตียง เธอก็เห็นว่ามีชายคนหนึ่งนอนอยู่ข้างเธอ อีกนิดเดียวซูหรานก็เกือบจะใช้เท้าถีบเขาออกจากเตียงแล้วแต่ทันทีที่เธอยกเท้าขึ้น ฟู่จิ้นหานก็ลืมตาขึ้นด้วยความสับสนพอเขาเห็นสีหน้าตกตะลึงของเธอ ฟู่จิ้นหานก็วางมือของเขาไว้บนเอวของเธอ แล้วตบท้องเธอเบา ๆ “ทำไมถึงตื่นแล้วล่ะ? ฝันร้ายเหรอ?”การคาดเดานี้ ทำให้ฟู่จิ้นหานมีสติขึ้นมาบ้างแล้วขณะที่เขากำลังจะปลอบโยนความสิ้นหวังและความกลัวของเธอหลังจากฝันร้าย เขาก็กลับได้ยินเธอพูดขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงมานอนอยู่ที่นี่?”ฟู่จิ้นหานตื่นขึ้นมามีสติอย่างสมบูรณ์ และตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นคนแอบเข้ามา แววตาของเขาก็เริ่มแสดงความรู้สึกผิดแต่ระหว่างพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?“เราสองคนเป็นสามีภรรยากัน คุณนอนที่ไหน ผมก็นอนที่
คิดจะใช้มุกนี้อีกแล้วเหรอ?ตีเธอหรือด่าเธองั้นเหรอ?ในเมื่อเธอขอมาแบบนี้ เช่นนั้นเธอก็จะสนองความต้องการให้เธอได้สมใจเอง!“เธอ......” มานี่ซูหรานยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จิ้นหานก็ได้ส่งสัญญาณให้ฉินฟั่งเสียก่อนเรื่องทำร้ายคนแบบนี้ ทำไมต้องให้ซูหรานเป็นคนลงมือด้วยตัวกันล่ะ?ฉินฟั่งก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาอันรวดเร็วนั้น เขาก็ได้ตบหน้าซูอินไปหนึ่งทีเสียงเพี๊ยะดังขึ้น ไม่มีความปรานีใด ๆ ซูอินเดินเซจนแทบล้ม ยากที่จะทรงตัวเอาไว้ได้ ในหัวขาวโพลนไปหมด เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ เท่านั้นใครกัน......ที่กล้าทำร้ายเธอได้ถึงขนาดนี้? !ทันทีที่ซูอินได้สติกลับมา เธอจึงมองไปที่ฉินฟั่งด้วยความโกรธฉินฟั่งได้รับการฝึกฝนมา เขาได้ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งที่บริษัทชิงอวิ๋น แถมยังได้รับอิทธิพลจากฟูจิ้นหานที่มีความเด็ดขาดในการต่อสู้อีกด้วย เพียงแค่สายตาเดียว ความกดดันของซูอินก็ถูกลดทอนลงไปทันทีแต่จะให้ซูอินยอมได้อย่างไร?เธอเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ ของตระกูลเย่ ฉินฟั่งคนนี้......ก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ข้างกายฟู่จิ้นหานเท่านั้นต่อให้การตบเธอจะเป็นความต้องการของฟู่จิ้นหาน แต่มีคนมากมายอยู่ด้วยขนาดนี้ ห
ไม่จำเป็นต้องแก้ไขพินัยกรรมงั้นเหรอ?ซูอินดีใจมาก รู้สึกเหมือนได้รับความมั่นใจมากขึ้นแน่นอนว่าขอแค่เธอยังเป็นลูกสาวของฉินเหยียนอยู่ คุณท่านเย่ก็จะเห็นแก่หน้าฉินเหยียน และยอมรับทุกอย่างที่เป็นเธอครั้งนี้ ไม่ว่าคุณท่านเย่จะรอดมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงพินัยกรรมของคุณท่าน เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนกันหมดแล้วคุณท่านเย่ได้มอบทุกอย่างของตระกูลเย่ให้กับเธอ แม้ว่าวันนี้เธอจะยังไม่ได้รับช่วงต่อจากตระกูลเย่ แต่เธอก็ยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวอยู่ส่วนคนพวกนี้......ซูอินรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกถึงวิดีโอเมื่อกี้แล้ว ซูอินจึงหันไปมองซูหรานที่อยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ทันทีในตอนนี้ เธอไม่มีเวลามามัวคิดว่าคลิปวิดีโอนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการใช้ประโยชน์จากอำนาจเสียงของคุณท่าน เพื่อช่วยลบข้อครหาและปฏิเสธว่าคนในคลิปไม่ใช่เธอน้ำสกปรกนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องสาดไปที่ซูหรานให้ได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูอินก็ขมวดคิ้วทันที “หนูไม่สนใจของนอกกายพวกนั้นหรอกค่ะ แต่ถ้าหากแม่ของหนูที่อยู่บนสวรรค์รู้ว่าหนูถูกใส่ร้ายด้วยคลิปวิดีโอนั้น จนทำ
น้ำเสียงนั้นดูทุ้มต่ำ แต่ก็มีความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ปนอยู่ซูอินเงียบและไม่มีการตอบสนองอยู่นาน ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้น ก็กลับมีสีหน้าที่ดูต่างกันออกไปพวกเขาเพิ่งจะได้ยินอะไรกันแน่?เย่ซินกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะกอดแขนตัวเองแน่น ราวกับพยายามขับไล่ความหนาวของเมื่อครู่นี้ที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายออกไปเธอหูฝาดไปรึเปล่านะ?เสียงนั้นน่ะ คือเสียงของคุณท่านจริง ๆ!แต่เห็น ๆ อยู่ว่าคุณท่านเสียชีวิตไปแล้ว แล้วร่างก็กำลังนอนอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย จะมีเสียงออกมาได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงคำว่า “วิญญาณ” ขึ้นมา เย่ซินก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นตัวและเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ก็กลับยิ่งทำให้เย่ซือเหยียนมั่นใจในข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ได้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการแสดงในวันนี้มีซูอินที่เป็นเป้าหมาย!เย่ซือเหยียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นว่าทั้งเย่ถิงเซินและหยางซู พวกเขาสองคนไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ มากนักต่อเสียงของคุณปู่ในตอนนั้นเธอก็รู้ได้ในทันที ว่าทั้งสองคนเองก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ด้วยเช่นกันส่วนซูอิน......ตอนนี้ ในหัวของซูอินมันขาวโพลนไปหมดเธอเ
หน้าตาที่ดูไร้เดียงสาและอ่อนแอของซูอินแข็งทื่อทันทีชั่วขณะหนึ่ง เหมือนว่าหน้ากากนั้นของเธอจะถูกเจาะจนทะลุ สีหน้าเธอดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ “พี่ซู พี่หมายความว่ายังไง?”“ฮึ หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ? น้องอินอิน เธอคงไม่คิดว่าทุกคนจะโง่กันหมดหรอกใช่ไหม? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็เดาได้แล้ว ว่าเธอเป็นคนยังไง ต่อหน้าก็แสร้งทำตัวไร้เดียงสาและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง ใจกลับดำมืดเต็มไปด้วยแผนการ คุณสนุกกับการใช้หน้ากากที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกลวงทุกคน ฉันก็เลยเล่นตามน้ำกับเธอไป แกล้งทำเป็นเชื่อในความดีและความไร้เดียงสาของเธอ”เสียงของหยางซูดังกึกก้องทั่วทั้งศาลาไว้ทุกข์ซูอินฟังแล้วก็รู้สึกบาดหูเป็นพิเศษในตอนนี้ ใบหน้าที่เคยแสดงความไร้เดียงสาของเธอก็เริ่มมีความโกรธปรากฏขึ้นมานิดหน่อยที่อยางซูจะบอกก็คือ ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอ มันเป็นเพียงแค่การแสดงอย่างนั้นน่ะเหรอ?แล้วที่เมื่อวานเขารับปากเธอว่าจะใช้เส้นสายเรียกทนายอู๋มาล่ะ มันเพื่ออะไรกัน?มีคนอื่นอยู่ด้วย ซูอินจึงไม่สะดวกที่จะถามออกมาแต่เมื่อเธอจ้องไปที่ตาของหยางซู กลับทำให้หยางซูเข้าใจในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร และคิดจะ
ฟู่จิ้นหานก้มหน้าสบตากับซูหรานแววตาของเธอดูมั่นคง มือที่กำเสื้อตรงหน้าอกของเขาก็ยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ฟู่จิ้นหานรู้สึกกังวลในใจไม่หาย แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่สามารถขัดขืนซูหรานได้ฟู่จิ้นหานวางเธอลง แต่แขนของเขายังคงโอบเอวเธอเอาไว้อยู่ ท่าทางที่เขาปกป้องเธอนี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความคิดที่แตกต่างกันออกไปคนที่ตกใจและประหลาดใจที่สุด ก็คือเย่ซินฟู่จิ้นหาน......ผู้นำคนใหม่ของฟู่ซือกรุ๊ปคนนี้ เย่ซินเคยเห็นมาก่อนเขาจัดการกับฟู่ซือกรุ๊ปด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันในจิงเฉิง แค่เธอได้ยินก็รู้สึกขนลุกทุกคนต่างก็พูดกันว่าฟู่จิ้นหานเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แววตาของเขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ บ้างก็เหลือบมองไปยังอีกด้าน แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเฉียบขาดในทันทีท่าทีที่ฟู่จิ้นหานปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้พิเศษมากจริง ๆเย่ซินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่จิ้นหาน และนึกถึงชื่อที่พวกเขาเพิ่งจะเรียกเธอขึ้นมาเมื่อกี้หรานหราน......ซูหราน......เธอคือหลานสาวที่คุณท่านรับอุปการะมา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียดถึงจะฟังไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร แต่ก็กลับฟังออกว่าบรรยากาศค่อนข้างจะเข้มข้นภายใต้เสียงร้องของหญิงสาว กระทั่งการพูดด้วยคำพูดที่ดูเปิดเผยต่าง ๆ ทำให้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นแค่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วซูอินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และแอบบ่นลินเยว่เยว่ที่ทำการแปลงเสียง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ต่อให้จะฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของซูหราน แต่ภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นซูหราน ยังไงก็มีผลลัพธ์เดียวกัน!ซูอินเหลือบมองไปที่เย่ถิงเซินเธออยากเห็นมากที่สุด ก็คือปฏิกิริยาของเย่ถิงเซินหลังจากที่เขาเห็นว่าคนในคลิปคือซูหราน แต่เย่ถิงเซินเพียงแค่ขมวดคิ้ว และมีสีหน้าที่ดูไม่พอใจเท่านั้น เขากลับไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาสักทีดูเหมือนว่าเย่ซินจะตกใจกับภาพที่เธอเห็นมาก เธอจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างงงงวยภายในห้องไว้ทุกข์ เสียงของหญิงสาวยังคงดังกึกก้องอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาด ก็มีคนที่สองที่หยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้อ่า......เสียงที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็ดัง
“พวกเขาจะทำอะไร?”ในหัวเย่ซือเหยียนยังคงคิดไม่ตก ไม่สามารถคาดเดาภาพรวมของเรื่องราวได้เลยแต่เธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง: หากคุณท่านยังไม่ตายจริง ๆ เช่นนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็คือกับดักและกับดักนี้ ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อใครอย่างนั้นเหรอ?เย่ซิน? ตัวเธอ? หรือว่า......ซูอิน?เย่ซือเหยียนรู้สึกโชคดีที่เธอค้นพบเรื่องนี้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น เธอก็อาจจะตกหลุมพรางไปด้วยส่วนซูอิน......ความเกลียดชังสะสมอยู่ในดวงตาของเย่ซือเหยียนไม่ว่ากับดักนี้จะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับใครก็ตาม วันนี้ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในตอนนั้นแทบจะในทันที เย่ซือเหยียนโทรหาสายสายหนึ่ง และสั่งการกับคนที่อยู่ปลายสายหนึ่งประโยค หลังจากวางสาย ในใจเย่ซือเหยียนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป......ในขณะเดียวกัน ณ ศาลาไว้ทุกข์ ซูอินยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอาการเป็นลมของเย่ซือเหยียนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากรอจนกระทั่งพ่อบ้านจัดแจงให้คนพาเย่ซือเหยียนออกไป ซูอินก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ทนายอู๋ แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกกลัวว่าจะมีคนเห็นความลนลานของเธอ เธอจึงไม่กล้าพู
ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่ในที่นั้นนอกจากท่านท่านเย่แล้ว ก็มีเพียงเย่ถิงเซินเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้การกระทำนี้ ทำให้ซูอินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เธอคือผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลเย่ และนอกจากนี้ ทนายความอู๋คนนี้เองก็เป็นพยานในการทำพินัยกรรมของคุณท่านเย่อีกด้วย เขาก็ควรจะรู้ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากพินัยกรรมของคุณท่านคือใครเขาควรถามเธอ และให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจสิถึงจะถูกเขากลับถือหางให้เย่ถิงเซินเป็นตัวหลักแต่ไม่นาน ซูอินก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่ทนายอู๋คนนี้เป็นคนที่มีตาแต่ไร้แวว รอให้ประกาศพินัยกรรมออกมาก่อน ว่าเธอคือผู้สืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเย่ จะทำให้คนเหล่านี้ต้องตื่นตระหนกอีกครั้งแน่นอน“เชิญทนายประกาศได้เลยครับ”คำพูดของเย่ถิงเซินแต่ละคำ ทั้งหนักแน่นและชัดเจนทนายความอู๋เปิดถุงเอกสารที่ปิดผนึกเอาไว้ท่ามกลางสายตาของทุกคน และนำพินัยกรรมที่อยู่ข้างในออกมา“ฉัน เย่ชิงเหอ ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน จะถูกสืบทอดโดย......”ทนายความอู๋กำลังอ่านเนื้อหาของพินัยกรรม ทุกคนในศาลาไว้ทุกข์ต่างก็ตั้งใจฟัง และเมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของทุกค
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”หยางซูจ้องมองไปที่ซูอิน เขาจะไม่บอกกับเธอ ว่าทนายคนนั้นได้อยู่ที่ไห่เฉิงเรียบร้อยแล้วทันทีที่คุณท่านกลับมาที่ไห่เฉิง ก็ได้ให้ทนายรีบมาที่นี่อย่างลับ ๆและการกระทำของซูอินในคืนนี้ ดูท่าแล้ว คุณท่านเองก็น่าจะมองสถานการณ์ออกตั้งแต่แรกแล้วเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนจากหยางซู ซูอินก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมเธอไม่กล้าที่จะลำพองตัวมากเกินไป เหมือนว่าเธอจะรู้สึกพอใจมาก จึงถอนหายใจออกมา “การที่สามารถทำตามความปรารถนาของคุณปู่ได้ ก็ถือเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำเพื่อคุณปู่ได้แล้วล่ะค่ะ”ซูอินลดสายตาลง ให้ดูเหมือนว่าเธอไม่มีความต้องการอะไรเลยจริง ๆแต่หยางซูกลับรู้จักธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้แล้วในที่สุดหยางซูก็ไม่สามารถอดทนต่อความเกลียดชังในใจได้ เขาจึงอ้างว่าตนรู้สึกเหนื่อย และต้องการพักผ่อน จึงขอให้ซูอินออกไปก่อนเมื่อกลับมาถึงห้อง ซูอินก็รีบวางแผนทุกอย่างที่เหลือทันทีเช้าวันถัดมา ทั้งวิลล่าก็เริ่มวุ่นวายตั้งแต่เช้าแล้วเมื่อวานได้มีการกำหนดให้เผาศพวันนี้ก่อนเริ่มการเผาศพ ก็ควรไปสักการะร่างของผู้เสียชีวิตเสียก่อนภายในโลงแก้วคุณท่านนอนอยู่ข้างใน ใบหน้าดูมีชีว