“ไสหัวไป!”นานมากกว่าเย่ซือเหยียนจะเรียกสติกลับมาได้เย่ถิงเซินไม่ว่าจะภายในหรือภานนอก ภาพลักษณ์เขามักจะเป็นคุณชายที่สง่างามและมีเกียรติ น้อยมากที่จะพูดจารุนแรงกับผู้อื่นเขาถึงขั้นตะโกนคำว่าไสหัวไปออกมาเลยเหรอ?เย่ซือเหยียนกัดฟันแน่น เดินออกจากห้องทำงานเย่ถิงเซินไปด้วยความไม่พอใจทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง เย่ถิงเซินก็ค่อย ๆ หลับตาเย่ซือเหยียนและทุกคนในออฟฟิศต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนที่ไปกดดันหุ้นส่วนเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่อันที่จริงเขาได้เตรียมพร้อมทุกอย่าเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดีและคนที่นำหน้าเขาไปหนึ่งก้าว นอกจากฟู่จิ้นหานแล้ว จะเป็นใครไปได้อีกฟู่จิ้นหาน......ความจริงใจที่ฟู่จิ้นหานมีต่อซูหราน มันเกินกว่าที่เขาคาดการเอาไว้จริง ๆ......เย่ซือเหยียนเดินออกมาจากบริษัทอัญมณีตระกูลเย่ ไม่ว่ายังไงในใจก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดีทำได้เพียงขับรถกลับวิลล่าตระกูลเย่เท่านั้นรถหยุดอยู่ด้านนอกของวิลล่า ภายในอาคารหลัก คุณท่านเย่เข็นรถเข็นออกมาจากในห้อง แววตาของเขามองไปที่ประตูอย่างคาดหวัง ราวกับว่าเขากำลังรอใครสักคนอยู่ณ ห้องนั่งเล่น ซูอินสังเกตเห็นสี
คำว่า “ภรรยา” ที่ออกจากปากฟู่จิ้นหานนั้น เป็นการเรียกที่ฟังดูลื่นหูและน่าพึงพอใจมากฉินฟั่งที่กำลังมองดูอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ:คำก็ภรรยา สองคำก็ภรรยา......คุณผู้หญิงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคือคุณชายสามฟู่ ถ้าหากรู้ความจริงขึ้นมา แล้วเกิดว่าเธอเตะคุณชายทิ้ง......ฉินฟั่งที่คิดแบบนั้น ก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะในใจแต่ใบหน้าของฟู่จิ้นหานที่เดิมทีเต็มไปด้วยความอบอุ่น จู่ ๆ สีหน้าก็กลับมืดมนลง ดวงตาของเขาจ้องมองไปทางฉินฟั่งอย่างเย็นชาฉินฟั่งตกใจนิดหน่อย ถึงขั้นตระหนกด้วยครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับพูดประจบไปว่า “คุณชายครับ คุณชายใสใจคุณผู้หญิงมากขนาดนี้ หากคุณผู้หญิงทราบว่าคุณชายเป็นคนทำให้ เธอจะต้องประทับใจแน่นอนครับ”ทันทีที่เขาพูดจบ ฟู่จิ้นหานก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณผู้หญิงอะไรกัน? เธอยังไม่รู้ไม่ใช่รึไงว่าฉันไม่ใช่คุณชายสามฟู่ หากว่าเธอรู้เข้า......”ฟู่จิ้นหานพูดยังไม่ทันจบ ดวงตาของกลับคมกริบราวกับใบมีด เขาจ้องมองฉินฟั่งอย่างดุเดือดทันใดนั้นฉินฟั่งก็ตระหนักได้ว่า สิ่งที่เขาเพิ่งจะบ่นในใจไปเมื่อกี้ ถูกคุณชายพูดออกมาแล้วจริง ๆ!เมื่อสัมผัสได้ถึง
ซูอินไม่เคยมีเจตนาดีต่อซูหรานเลยสักครั้งแต่ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นถึงหลานสาวของคุณปู่แท้ ๆเมื่อนึกถึงสถานการณ์ของซูหรานเมื่อไม่กี่วันก่อน เย่ถิงเซินก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขึ้นว่า “หรานหราน ผมขอโทษนะ......”คำขอโทษนี้ ทำให้ซูหรานรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย“พี่เย่คะ ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอบคุณพี่ พี่ช่วยฉันมาตั้งสองครั้งติดแล้ว แต่ว่านะคะพี่เย่ ฉันไม่อยากทำให้พี่ต้องลำบากใจ เรื่องหุ้นส่วน ฉันจะคิดหาวิธีเองค่ะ”สำหรับเย่ถิงเซิน เธอเข้าใจความลำบากใจของเขาเป็นอย่างดีคุณท่านเย่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโต ในใจของเขา คุณท่านเย่สำคัญที่สุด ในเมื่อคุณท่านเย่คือคนสำคัญ เช่นนั้นหลานสาวที่คุณท่านเย่ใส่ใจมากที่สุดก็สำคัญมากเช่นกันอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เย่ถิงเซินรู้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิด หัวใจของเขาก็กระตุกเล็กน้อย ร่องรอยของความรู้สึกผิดก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆในที่สุด เย่ถิงเซินก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ใช่ผมหรอก”ซูหราน “......”“ผมไม่ได้เป็นคนช่วยคุณ เรื่องหุ้นส่วนพวกนั้น เป็นฝีมือของคนอื่น” พอเย่ถิงเซินนึกถึงฟู่จิ้นหาน เขารู้สึกแปลกใจที่เขาช่วยซูหรานขนาดนี้ แต่
“จี้ไห่ ที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นแล้วค่ะ” ซุนฉินพูดทั้งน้ำตา ท่าทีดูตื่นตระหนกและกลัวของเธอ ทำให้ซูจี้ไห่เริ่มหัวใจเต้นแรง“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ค่อย ๆ พูด......”ซูจี้ไห่เหลือบมองไปยังทิศทางที่รถคันหรูกำลังจะจากไปอย่างไม่เต็มใจ และล้มเลิกความคิดที่จะตามไปลง และรีบกลับบ้านตระกูลซูณ วิลล่าตระกูลซูขณะที่ซูจี้ไห่มาถึง ตำรวจก็กำลังสอบสวนเกี่ยวกับสถานการณ์อยู่ทันทีที่เห็นซูจี้ไห่ ซุนฉินก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาทั้งน้ำตา และโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขาซูจี้ไห่สำรวจดูสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวิลล่า สภาพห้องถูกทำลายจนเละ ข้าวของทุกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีหลังจากที่ตำรวจจากไป ซุนฉินก็กัดฟันแน่น และร้องไห้ออกมา:“เป็นซูหราน จะต้องเป็นซูหรานแน่ ๆ ต่อให้พวกเขาจะทำลายกล้องวงจรปิด แต่ฉันก็รู้ว่าจะต้องเป็นเธอ จี้ไห่ หรือว่าเธอรู้เรื่องอะไรแล้วรึเปล่า ถึงได้มาแก้แค้นแทนแม่ของเธอ?”ซูจี้ไห่มองดูสิ่งเดียวที่ติดมากับกล้องวงจรปิด นั่นคือชายร่างสูงสองสามคนในชุดสูทสีดำในหัวเขานึกถึงภาพที่เขาเห็นตรงใต้ตึกไป๋ลี่ เขานึกถึงคนกลุ่มนั้น ไม่นานเขาก็เริ่มเชื่อแล้วว่าเป็นฝีมือของซูหรานจริง ๆแต่ว่า......
ซูหรานตกใจกับเสียงนั้น จู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน และหันหลังกลับตามเสียงทันทีแต่ด้านหลังของเธอกลับมีฉากกั้นขั้นเอาไว้อยู่ ซูหรานมองผ่านฉากกั้นนั้น แต่ก็เห็นแค่เงาราง ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมดขณะที่เธอกำลังจะเดินไปหา เสียงของคุณชายสามฟูก็ดังขึ้นอีกครั้ง:“คุณซู กรุณานั่งลงครับ”เสียงทุ้มต่ำที่มาพร้อมกับแรงกดดันซูหรานขมวดคิ้วกรุณานั่งงั้นเหรอ? นั่งตรงนี้ได้เลยใช่ไหม?ดูเหมือนซูหรานจะรู้สึกโล่งใจมาก หากไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคุณชายสามฟู่ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี“ขอบคุณค่ะ คุณชายสามฟู่”ซูหรานนั่งลง และขอบคุณที่เขาจัดที่นั่งเอาไว้แบบนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังมีระยะห่างเพื่อความปลอดภัยอยู่ ต่อให้เขาต้องการที่จะทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรขึ้นมา เธอก็ยังพอมีเวลาให้โต้ตอบอยู่บ้างฟู่จิ้นหานไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้เขาเหลือบมองการจัดการโดยรอบด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบดอกไม้ชมพู ๆ หวาน ๆ แบบนี้ก็เถอะ แต่ซูหรานจะต้องชอบเป็นแน่แล้วก็ยังมีนักไวโอลินนั่นอีก......ฟู่จิ้นหานดีดนิ้ว เสียงไวโอลินอันไพเราะก็ดังขึ
ถ้าคุณชายสามฟู่ไม่ได้บ้า เขาก็คงไม่พูดอะไรแบบนี้!พอสามีตัวพ่อพูดถึงงานแต่งงานขึ้นมา ในใจเธอก็เริ่มคาดหวัง แต่พอเป็นคุณชายสามฟู่เป็นคนพูดเรื่องงานแต่ง เธอกลับรู้สึกเหมือถูกปีศาจหมายหัวเอาไว้อยู่ซูหรานกลืนน้ำลาย แล้วมองดูโรงแรมที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่กล้าแม้แต่จะอยู่ต่ออีกสักวินาทีเดียว เธอหันหลังกลับแล้วเรียกรถทันที เตรียมกลับเจินหลินย่วนและในขณะเดียวกัน ภายในร้านอาหาร รอยยิ้มที่เดิมทีอยู่บนใบหน้าของฟู่จิ้นหานก็แข็งทื่อทันทีเมื่อกี้ซูหรานวิ่งเร็วมาก กระทั่งเขายังคิดเลยว่าตัวเองเป็นเหมือนปีศาจด้วยซ้ำเขาอยากจะจัดงานแต่งงานให้เธอในฐานะคุณผู้หญิงฟู่ สำหรับเธอแล้ว มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?ดอกไม้ที่อยู่รอบ ๆ ยังคงสร้างบรรยากาศโรแมนติก แต่ความเย็นชากลับค่อย ๆ ปกคลุมไปทั่วบรรยากาศ ทำให้ทั้งนักไวโอลินและพนักงานเสิร์ฟแทบสั่นสะท้านหลังจากที่ซูหรานจากไปแล้ว ฉินฟั่งก็ค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ฟู่จิ้นหานมากเกินไป“คุณชายครับ ให้ไปตามคุณผู้หญิงกลับมาไหมครับ?”ในความเป็นจริงฉินฟั่งอยากจะถามว่า คุณชายพูดอะไรออกไปกันแน่ ตอนที่เขามองเห็นคุณผู้หญิงวิ่งออกมาจากที่ไกล ๆ สีหน้าขอ
สัญชาตญาณบอกกับซูหรานว่า การที่ซูจี้ไห่ไปที่ตำบลหลิว จะต้องไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจแน่นอน......นับตั้งแต่ซูหรานหนีออกมาจากร้านอาหารในคืนนั้น ฟู่จิ้นหานก็คิดถึงแต่คำแนะนำของฉินฟั่งขณะที่หัวใจของเขากำลังสั่นคลอน เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง จนทำให้ต้องรีบกลับจิงเฉิงกว่าจะจัดการเรื่องในจิงเฉิงเสร็จ เวลาก็ผ่านไปแล้วห้าวันตอนที่ฟู่จิ้นหานกลับมาที่ไห่เฉิง เวลาก็ดึกมากแล้ว ทันทีที่ลงเครื่อง เขาก็ตรงกลับไปที่เจินหลินย่วนทันที เขาอยากที่จะเจอหน้าซูหรานหลายวันมานี้ เขาพยายามระงับความปรารถนาที่มีต่อเธอเอาไว้ตลอด เดิมทีงานสำหรับหนึ่งเดือน เขากลับอดหลับอดนอน ทำจนเสร็จภายในห้าวัน เพื่อที่จะได้กลับมาพบซูหรานที่ไห่เฉิงโดยเร็วที่สุดฟู่จิ้นหานกลับมาที่บ้าน พร้อมกับมื้อดึกในมือที่ซูหรานชอบทานมากที่สุด แต่ในห้องกลับมืดสนิทกระทั่งห้องของซูหรานเองก็ไม่เห็นวี่แววของคนเช่นกัน บรรยากาศรอบ ๆ มีเพียงความหนาวเย็น ราวกับว่าสองสามวันนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่ซูหรานไปไหนกันนะ?ฟู่จิ้นหานรีบกดเบอร์โทรหาซูหรานทันที แต่โทรศัพท์กลับแจ้งเตือนว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องอยู่พยายามโทรติดต่อกันหลายครั้ง จนตอนนี้ฟู่จิ้
เสียงปังดังก้องทั่วท้องฟ้าในยามค่ำคืนบนดาดฟ้าจากระยะไกล ซุนฉินมองผ่านกล้องส่องทางไกล และเห็นว่าซูหรานถูกรถพุ่งชนกระเด็นจากนั้นรถคันนั้นก็กลับยังไม่หยุด สภาพรถดูบ้าคลั่ง หักเลี้ยวไปมาสองสามครั้ง หลังจากที่กลับขึ้นมาบนถนนใหญ่ได้ รถก็พุ่งไปข้างหน้าต่อ ในที่สุดรถก็พุ่งทะลุราวสะพานที่อยู่ข้างหน้า จนทำให้รถร่วงลงไปในน้ำรอยยิ้มบนริมฝีปากของซุนฉินเริ่มดุร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆหลังจากที่รถตกลงไปในน้ำ ซุนฉินก็หันความสนใจไปที่ชั้นล่างของโรงแรมทันทีแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่รุนแรงแบบนี้ ก็สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาอย่างรวดเร็วซูหรานนอนอยู่บนพื้น แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด เธอได้ยินเสียงคนข้าง ๆ เรียก 120 อย่างคลุมเครือ ก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอก็สังเกตเห็นรองเท้าหนังคู่สวยปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอเสียงทุ้มต่ำของชายคนนั้นออกคำสั่ง “พาตัวไปเถอะ”เขาคือใคร......เขาพาเธอไปไหน?ร่างของสามีตัวพ่อก็ปรากฏขึ้นมาในใจของซูหราน แต่เธอก็รู้ดี ว่านั่นไม่ใช่เขาภายใต้ความเหนื่อยล้า ซูหรานก็หมดสติไปทันทีระหว่างทางจากไห่เฉิงไปยังตำบลหลิว หัวใจของฟู่จิ้นหา